เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 174
< < 124 Sec3 > >
เรือไอน้ำได้เทียบท่าเรือแล้ว นักเรียนรวมถึงผู้อพยพบางส่วนรีบขนของลงจากเรือกันอย่างเร่งรีบ ทางผมและแองเจลิน่าผู้เป็นเจ้าของเรือก็มีหน้าที่ให้พวกเขาลงไปก่อนให้หมดและค่อยลงทีหลัง
เพราะอย่างนั้นเลยกินเวลาไปมากทีเดียวกว่าจะได้เดินลงจากตัวเรือ
ทันทีที่ถึงคราวพวกผมก็มีคนคุ้นหน้าราวสามคนมายืนต้อนรับ
“ไม่เจอกันนานนะคะ”
ไอริสในชุดไปรเวทจัดเต็มความสวยมายืนต้อนรับ พร้อมกับโซเฟียและกอรี่ที่แต่งตัวในชุดนักเรียนเหมือนทุกที
“โย่ว เป็นไงบ้างพวกแก”
กอรี่โพล่งเสียงดังทั้งรอยยิ้ม
“จริงๆก็ไม่ได้อยากจะมาต้อนรับหรอกนะ แต่เห็นว่าถ้าจู่ๆมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่มาหา พวกแกจะเศร้ากันก็เลยมา แต่ตอนแรกไม่คิดจะมาจริงๆนะรู้ไว้ด้วย”
โซเฟียเลียนแบบวิธีพูดของนักเรียนและส่งกลิ่นอายซึนเดเระออกมาอย่างเต็มที่
พอเห็นโซเฟียโชว์ซึนแล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ..รอบตัวผมพวกซึนๆเยอะไปปะ?
ผมจ้องหน้าเคียวยะแบบไม่กระพริบตา
“มองอะไร”
พอเริ่มจะโดนดุก็หันไปจ้องหนิงต่อ
ยัยนี่ก็เหมือนกัน ถึงจะไม่หนักมากก็เถอะ
“อะไรย่ะ จ้องกันแบบนั้น ล่วงละเมิดทางเพศ? หยี๋”
เมื่อมองครบแล้วจึงหันกลับไปมองโซเฟีย
“เป็นอะไรไปเรเซอร์ สีหน้าดูไม่ค่อยดีนะ ..ช่วยไม่ได้ เอ้านี่ ผ้าเช็ดหน้าแล้วก็น้ำแข็งเอาไปประกบหัวซะนะเฟ้ย!”
นี่แหละ ซึนเดเระที่ดีที่สุด
“ขอบใจนะ เธอคืออันดับหนึ่งเลย”
ในหมู่ซึนเดเระรอบตัวผม—หมายความว่าอย่างนั้นแท้ๆแต่โซเฟียดันแก้มแดงขึ้นมา และมองลอกแลกไปทางเบลลามี
“มะ ไม่ใช่นะ เบลลามี”
..อ๋อ แบบนี้นี่เอง
“เผื่อเข้าใจผิด ทางนี้หมายถึงซึนเดเระที่ดีที่สุด—อ๊ะ จู่ๆเข้ามาต่อยทำไมเนี่ย ..แล้วก็ต่อยเบาไปแล้ว”
จากที่ดูโซเฟียยั้งแรงไว้มากเลย
“หนวกหู ถ้าต่อยแรงไปนายก็เจ็บสิ”
“ขะ ขอบใจ ทำเอารู้สึกผิดเลยแฮะที่เผลอพูดอะไรในเชิงนั้นไปโดยไม่รู้ตัวเนี่ย โทษที”
โซเฟียทำเสียง ‘หึ’ ใส่ แต่เก้ๆกังๆมาก ดูก็รู้ว่าฝืน
“ช่างเถอะ เห็นว่าปลอดภัยกับมาก็ดีแล้ว—แต่ทางนี้ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากหรอกนะ”
นั่นสินะ
“เพราะรู้อยู่แล้วว่าระดับพวกนายคงไม่เป็นไรหรอก”
อืม นางฟ้าชัดๆ
ผมทำพนมมือ ไม่ใช่แค่ผม เรย์ก็ทำด้วย
“บ้าเปล่าเนี่ย”
“ไม่ไหวจริงๆ”
หนิงกับเคียวยะบ่นพึมพำตามพะสา เบลลามีที่ยืนอยู่หลังผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น
“จะว่าไป ..คุณโซล่าไม่ได้มาด้วยหรือคะ”
ไอริสเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่คิดอะไร แต้่..
….
…
ทุกคนพากันเงียบหมด ราวกับว่าบรรยากาศการเจอกันอีกครั้งก่อนหน้านี้เป็นภาพมายาที่ไม่เคยเกิดขึ้น รอยยิ้มหายไปจากหน้าของทุกคน
“ขอตัวก่อนนะครับ”
ยูจิโพล่งขึ้นมาและเดินผ่านทุกคนไปโดยที่ไม่สนทนาหรือจ้องหน้ากับใครเลย เทียนหลงเองก็ตามยูจิไปติดๆ
ไอริสหันมามองหน้าทุกคน สักพักก็ถอนหายใจออกมา
“เรื่องคุณโซล่าไว้ทีหลัง ..จะว่าไปคุณเคียวยะ เป็นยังไงบ้างคะที่เกาะวาเรอร์”
ไอริสเดินไปประชิดเคียวยะด้วยรอยยิ้มที่แข็งทื่อ
“หืม? ก็ตามที่รู้กัน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
เรื่องเกาะวาเรอร์โดนบุกเนี่ยนะคือไม่มีอะไรเป็นพิเศษ–ถึงจะสงสัยคำพูดที่ดูย้อนแย้งของเคียวยะ แต่ไอริสหาได้สนใจจุดนี้ไม่
“หวังว่าจะไม่ได้ไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนอื่นเข้านะคะ”
“….”
“กลิ่นโชยมาเลยนะคะนี่ ไว้เล่าให้ฟังทีหลังด้วยนะ”
“จำไม่เห็นได้เลยว่าทางนี้จะต้องทำตัวอย่างกับหมารับใช้หล่อนอย่างนี้”
“แหม่ ลืมสัญญาของพวกเราไปแล้วหรือคะ? อย่างน้อยก็อีกไม่นาน คุณจะต้องกลายมาเป็นของฉันนี่คะ?”
“เหอะ แค่ไม่กี่ปีทำเป็นพูดไป”
จากนั้นทั้งสองก็คุยเถียงกันโดยมีออร่าพิลึกกึกกือออกมา ..เคียวยะคงไม่ได้คิดอะไรก็จริงแต่ทางไอริสนี่ก็นะ
ผมถอนหายใจเฮือกโต ในจังหวะเดียวกันเรย์ก็เริ่มโวยวาย
“โว้ยยยยยยย ไอ้พวกชีวิตมีความสุข โว้ยยยยย ไปลงนรกซ้าาาาา!!!!”
แหกปากจบเรย์ก็วิ่งตามหลังยูจิไป ..ปล่อยให้เคียวยะยืนงง
หมอนี่ค่อนข้างบื้อ
“ถ้าเทียบกับชีวิตฉัน ชีวิตแกมันบัดซบขนาดนั้นเลยรึ เรย์”
เคียวยะ
“อาจจะใช่ก็ได้ ในมุมๆหนึ่งน่ะนะ”
“เข้าใจยากจริงๆ”
“เคียวยะบื้อ”
เบลลามีบ่นเคียวยะจากข้างหลัง
“หา?”
“นั่นสินะ ดูเป็นคนฉลาดแท้ๆ”
กอรี่เสริม
เคียวยะพอโดนรุมเยอะเข้าก็รู้สึกจนมุม จนต้องทำเป็นหัวเราะขึ้นจมูกและเดินหนีไปพร้อมกับแบกของไปด้วยอีกคน
พอเห็นไปหลายคนแล้วทางนี้ก็คงต้องรีบไปแล้ว เพื่อไม่ให้หลายคนที่รอกลับบ้านต้องเสียเวลา
ระหว่างที่นั่งผมก็จะอธิบายความเป็นไปทั้งหมดให้ทุกคนฟังด้วย ..โดยเฉพาะเรื่องของโซล่าและยูจิ
ทว่าระหว่างนั้นแองเจลิน่าก็เดินมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เรเซอร์แล้วก็หนิง ช่วยมานั่งกับพี่หน่อยนะ”
“ห้อง VIP น่ะเหรอครับ มีอะไรรึเปล่า”
อนึ่งตั้งแต่ท่าเรือไปมีรถไฟรางอยู่ บนโลกนี้นอกจากเรือหรือรถม้าก็ยังมีรถไฟอยู่ด้วยแต่เป็นแบบรางซึ่งเดินทางได้ช้ามาก แต่เพราะขนคนและของได้เยอะ จึงถูกใช้เป็นการเดินทางหลักบนโลกใบนี้ และหากนั่งรถไฟไปราวๆหนึ่งวันก็จะถึงเมืองใกล้อาณาจักรฟัฟนิร์ จากนั้นก็นั่งรถม้าต่ออีกหน่อยก็จะถึงอาณาจักรฟัฟนิร์เลย ส่วนห้อง VIP ที่พูดถึงก็ตามชื่อ คือที่นั่งบนรถไฟสำหรับบุคคลสำคัญ
แองเจลิน่าพยักหน้ารับ
“มีคนที่อยากพบกับน้องแล้วก็หนิงหน่อยน่ะจ๊ะ”
คนที่อยากพบ?
“..ก็ตามนั้น ฉันสองคนขอแยกไปก่อนนะ”
ที่เหลือผงกหัวรับ และพากันเดินขึ้นรถไฟกัน เหลือแต่ผมและหนิง
“ตามพี่มาทางนี้”
…ทำไมถึงทำหน้าเครียดขนาดนั้นนะ?
ผมอดนึกสงสัยไม่ได้
****
ก็ว่ามีอะไรให้จริงจัง คนที่ขอพบผมกับหนิงคือหมอนี่เองเหรอ
ชายหนุ่มรูปหล่อ มีส่วนที่คล้ายกับหนิงอยู่หลายส่วน จุดเด่นที่สุดเลยก็หนีไม่พ้นเส้นผมและดวงตา ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายกับหนิง ทำให้คนๆนี้อาจจะเป็นหนึ่งในชายที่หล่อเหลาสุดบนโลกเลยก็ได้ เพียงแค่มีท่าทางดูขี้กลัวไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
‘อัลเบิร์ด’ ลูกชายคนโตของราชาอัลเบโด้กำลังนั่งรอพวกผมอยู่ในห้อง VIP ขนาดใหญ่ที่ประดับไปด้วยของราคาแพงตั้งแต่ประตูไปยังที่โต๊ะนั่ง
อัลเบิร์ดเมื่อเห็นว่าพวกผมมาแล้วก็ลุกขึ้นและโค้งศรีษะทักทาย แองเจลิน่าเห็นตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามแต่อย่างไร
หากเป็นตามสามัญสำนึก การที่สายเลือดราชวงศ์มาโค้งศรีษะให้คนอื่นเนี่ย ยังไงก็น่าจะโดนคัดค้านอย่างแน่นอน แต่เพราะรอบๆนี้ไม่มีองค์รักษ์หรือทหารลิ่วล้อทั้งหลายอยู่ จึงไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ
“ไม่ได้พบกันนานนะครับ ท่านเรเซอร์ ..ท่านพี่”
อยากจะบอกว่าน่าคิดถึงอยู่หรอก แต่ไม่เลย เพราะทางผมนี่แหละคือคนที่เคยเผาอัลเบิร์ดจนเกือบจะตาย–แปลกใจด้วยซ้ำที่ทางอัลเบิร์ดไม่ได้คิดแค้นอะไรผม แต่ดันทำท่าเคราพใส่อย่างนี้
“อืม แล้วมีอะไรกับฉัน”
หนิงตอบกลับสั้นๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้อัลเบิร์ดถึงกับตัวสั่น ..
“ใจเย็นก่อนสิ ถ้าอีกฝ่ายมาร้ายคงไม่มาต้อนรับอย่างดีหรอก”
“รู้น่า นี่ก็คุยด้วยดีๆอยู่ไง”
ดูยังไงให้เป็นแบบนั้นฟร้ะ?
“เงยหน้าขึ้นเถอะ อัลเบิร์ด ว่าที่ราชาไม่ควรก้มหัวให้คนอื่นนะ”
“..ขอโทษนะครับ..เรื่องเมื่อวันนั้นคือ..”
เรื่องเมื่อวันนั้น
ใช่
เรื่องที่อัลเบิร์ดเกือบจะร่วมมีอะไรกับหนิง ทั้งๆที่ตามศักดิ์แล้วคือพี่น้องต่างแม่
เรื่องพี่น้อยน่ะไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญที่สุดคือการที่หนิงโดนขืนใจมากกว่า แต่อัลเบิร์ดก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไร ..มันคือเรื่องช่วยไม่ได้ก็อยากคิดอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ไม่ได้หรอก
“พอเลยๆ ก็บอกแล้วไงว่าราชาไม่ควรก้มหัวให้คนอื่น”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องมาแต่ เมื่อกี้เห็นเรียกว่าท่านพี่ด้วยนี่ ถ้าเป็นน้องก็ฟังพี่สาวแล้วเงยหน้าซะ”
เหวอ นี่มันใช้อำนาจในทางมิชอบ
แต่พอโดนแบบนั้นอัลเบิร์ดก็ยอมกลับมายืนคุยตามปกติโดยง่าย ซึ่งก็ดี
“แล้วมีเรื่องอะไร?”
“ท่านพ่อ–หมายถึงราชาอัลเบโด้ เขาฝากจดหมายมาให้ทั้งสองครับ”
อัลเบิร์ดยื่นจดหมายสองฉบับมาให้ผมและหนิง พวกเรารับมันมาและเปิดอ่านพร้อมกันในทันที
“…”
ผมกระพริบตาปริบๆ ทำเช่นนั้นซ้ำไปราวสามรอบก่อนจะเบิกตาโพงกว้าง และควบคุมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเป็นปกติในไม่กี่วิ
“..มองตามหลักแล้วก็ควรอย่างนั้นละนะ”
ผมหันไปมองหนิงที่มองจดหมายด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เธอขย้ำจนหมายและเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
“งานประชุมโลกสินะ ..ยังไงก็ช่วยเล่ารายละเอียดให้มากกว่านี้ทีสิ”
“นั่นสิ ทางฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”
ผมเสริมให้หนิง ทำให้อัลเบิร์ดไม่มีทางเลือกอะไร
เพราะยังไงซะ ทางเขาก็คือคนมาขอร้องพวกผมมา ‘ร่วมงานประชุมโลก’
“เข้าใจแล้วครับ ในโอกาสเดียว ท่านแองเจลิน่าช่วยฟังด้วยจะได้รึเปล่าครับ”
“รับทราบค่ะ เรื่องประชุมโลกฉันก็ได้ยินผ่านๆหูมา อยากจะทราบรายละเอียดอย่างชัดเจนเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ขอเชิญทุกคนนั่งก่อนครับ”
จากนั้นภายในห้อง VIP ก็เต็มไปด้วยความจริงจัง