เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 159: บทแรกของการลืมตาตื่น (10)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 159: บทแรกของการลืมตาตื่น (10)
< < 114 Sec10 > >
เงื่อนไขการเรียกใช้ ‘ดาบแห่งโซโลม่อน’ คือต้องมีปีศาจมหาบาปตายไปแล้วกว่าสามตน และที่แห่งนั้นจะต้องมีมานารวมกันอยู่มหาศาล เพื่อใช้มานาที่กระจัดกระจายนั้นรวมกันเป็นดาบเล่มนี้
ด้วยเงื่อนไขที่ยุ่งยาก และต้องอาศัยความเป็นอยู่ของลูกน้อง สำหรับสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นไม่ได้เลยที่จะ—-เอ๊ะ
ไม่สิ ..ต้องบอกว่าทุกอย่างมันลงล็อคมากกว่า
บนฟ้ามีหมอกสีขาวที่มากเกินไป มันคือมานาที่ถูกขับจากตัวจอมมารตลอดการต่อสู้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำ บางทีนั่นอาจจะเป็นปฏิกิริยามานาที่ช่วยทำให้ตรงตามเงื่อนไข สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆก็เพราะว่า–รอบเกาะวาเรอร์เกิดการต่อสู้ที่ยัดมานาใส่กันมหาศาลอยู่
เทียนหลงกับหนิงสามารถบอกได้ว่าเป็นการต่อสู้เน้นพลังเข้าว่า ย่อมมีมานาอยู่รอบๆเกาะอยู่มากอยู่แล้ว หลังจบการต่อสู้มานาไม่ได้หายไปแต่มันจะระบายออกจากตัวผู้ใช้และอยู่แถวนั้นสักพักก่อนจะค่อยๆถยอยไปไหลจุดอื่น เพราะอย่างนั้นมานาจากทั้งสองจึงยังอยู่ดีบริเวณเกาะวาเรอร์
ตอนที่จอมมารสู้กับปีเตอร์และสโนว์ก็ด้วย ทั้งๆที่พลังที่เธอมีมันมากพอจะจัดการทั้งสองทิ้งได้ง่ายๆแต่เลือกจะไม่ทัน และสู้ยื้อเกมรอให้อีกฝ่ายใส่ทั้งหมดที่มี ทำไปทำไม? คำตอบก็คือจอมมารต้องการมานาของทั้งสองคนในการเรียกดาบแห่งโซโลม่อน
ระบายมานาออกมาโดยไม่จำเป็น อาศัยมานารอบๆการต่อสู้ของเทียนหลงกับหนิง และมานาจากสองมหามังกรเทียม นำทั้งหมดมารวมกันก็คงมากพอจะเข้าเงื่อนไข
“..แล้วปีศาจมหาบาปล่ะ”
ต้องตายสามคนหรือมากกว่านี่—ตรงหน้าผมคือร่างไร้วิญญาณของบิลเซบับ
ไม่ทราบว่าตายตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่จอมมารเข้าไปช่วยก็เป็นได้? ตายจากการที่ถูกจอมมารเขวี้ยงลงพื้น ร่างกายไม่ได้แข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว พอโดนเขวี้ยงด้วยความเร็วสูงเข้ากับหินเต็มๆก็ตายเลย ..ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี ..เอาเป็นว่ามันคือแผนของจอมมารไม่ผิดแน่
แอสโมเดียสถูกบิลเซบับกิน = ตายไปแล้ว
บิลเซบับถูกเขวี้ยงลงหิน = ตายไปแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ยังขาดอีกคน จะบอกว่าบังเอิญมีปีศาจมหาบาปตายโดยบังเอิญนั้นเหรอ? ไม่มีทาง
“..ยังไงก็ไม่มีทางใช้ได้อยู่ดี”
“ถ้าลูซิเฟอร์ เราติดตั้งคำสาปไว้ในร่างตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว”
ตั้งแต่ก่อนหน้า? ตอนที่ซัดลูซิเฟอร์ไปหนึ่งทีละมั้ง?
“เพียงแค่ต้องการร่างของลูซิเฟอร์ก็จะระเบิดจากข้างใน ตอนนี้คงอยู่ในสภาพไม่น่าดูบนเรือของเรนแล้วล่ะ”
“หมายความว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนจริงๆสินะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้าได้ถือดาบเล่มนี้ยังไงก็สะดวกต่อการฆ่าเทพมากกว่า ..แต่ก็น่าแปลกนะ ทำไมเรเซอร์ถึงรู้เงื่อนไขทั้งหมดได้ล่ะ? เราไม่เคยบอกใครเลยแท้ๆ”
“คิดว่ายูนาอยู่มานานแค่ไหนน่ะจอมมาร ความลับของพลังเธอต้องไปถึงหูคนอื่นบ้างแน่นอนแหละ”
ยิ่งกับยูนาที่อยู่ในป่ามหาภูตอันเปรียบได้ดั่งแหล่งนัก ‘เจือกเรื่องชาวบ้าน’ ชั้นดี
“ไม่เคยมีใครรอดจากดาบเล่มนี้หรอกนะ ..นอกจากผู้กล้า”
“ผู้กล้าไปทำลูกหลานตั้งเยอะจะตาย มีหรือที่เขาจะปิดไว้”
“ผู้กล้าไม่มีทางพูดออกมาหรอก อย่างไรก็ช่าง”
จอมมารไม่คิดจะเถียงกับผมที่จงใจยื้อเวลา
“ยังไงซะเรเซอร์ก็คงต้องตายตรงนี้นั่นแหละ–การทำลายโลก เริ่มจากเกาะวาเรอร์ก่อนอันดับแรก”
จอมมารพุ่งเข้าใส่ผม เร็วมาก—เพราะผลจากเวทย์ลมที่จอมมารใช้อัดร่างตัวเอง
ร่างกายควรจะแหลกแต่ก็ไม่ เพราะดาบแห่งโซโลม่อนทำให้จอมมารไม่มีทางได้รับความเสียหาย
..
‘มาสเตอร์ รีบใช้มิติกระจกหนีเร็วค่ะ!’
ยูนาแนะนำให้หนี —โดยที่ข้างหลังมีหนิงอยู่ เพราะไม่มีทางที่จะหันไปอุ้มหนิงและพาหนีไปด้วยได้ มันช่วยไม่ได้ ตอนนี้คือสถานการณ์วิกฤตแค่รอดไปได้สักคนก็เรียกได้ว่าปาฐิหารย์แล้ว
แต่ว่าผมทำไม่ได้หรอก
‘มาสเตอร์!!’
ผมเงื้อมือไปข้างหน้า และตั้งใจจะเลียนแบบจอมมาร
เพลิงสีขาว—ใช้ไม่ได้ ไม่สามารถเลียนแบบได้ เงื่อนไขไม่ครบ? ไม่เข้าใจหลักการณ์? ถ้าอย่างนั้นที่ใกล้เคียงล่ะ? ใกล้เคียงกับเพลิงสีขาวที่เป็นผลผลิตจากข้อผิดพลาดของโลก
อะไรที่คิดว่าแข็งแกร่งที่สุด—แน่นอน มันต้องเป็นตัดมิติของยูนาสิ!
‘อึก–’ ยูนาส่งเสียงประหลาดออกมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจ
ผมเพ้งสมาธิทั้งหมด–เพื่อสร้างตัดมิติแบบใหม่ขึ้นมา
ปกติไม่สามารถทำได้แน่ แต่เพราะเป็น ‘ข้อผิดพลาดของโลก’ ทำให้ตัวเองสามารถฝ่าฝืนกฏของโลกได้
ตัดมิติพุ่งออกไป ใช่ พุ่งออกไป ตัดมิติที่ควรมีระยะโจมตีชัดเจนกลับพุ่งออกไปราวกับกระสุน
ตัดมิติตรึงขาของจอมมารเอาไว้ทำให้ขยับไม่ได้–แน่นอนว่าจอมมารคิดจะทำลายมันทิ้งก็ไม่ได้ยาก แต่ว่าไม่มีทางยอมให้ได้ทำ
“[ไฟเยอร์บอล]”
บอลเพลิงขนาดยักษ์พุ่งออกไปสามลูกติดๆ เปลวเพลิงบดบังวิสัยทัศน์เบื้องหน้า ผมใช้ข้อได้เปรียบที่ตัวเองเร็วกว่าเรียก [ทวนสายฟ้า] ออกมา และเขวี้ยงออกข้างไป
ทันทีที่บอลเพลิงสามลูกถูกทำลาย จอมมารก็ไม่มีเวลาตั้งรับทวนสายฟ้าที่ออกไปพร้อมกันและ—ถูกชนเข้าตรงๆ
ทวนสายฟ้าพุ่งใส่สีข้างของจอมมาร และลากจอมมารไม่ตามพื้นหลายสิบเมตรก่อนจะระเบิด
ตู้— เสียงระเบิดไม่ทันจะออก ดาบสีขาวก็ตัดทั้งหมดทิ้งได้ทัน
การระเบิดถูกยกเลิก ตัดมิติก็ถูกทำลายไปพร้อมกันด้วย แต่ว่าความเสียหายแรกที่ได้รับการปะทะก็ยังอยู่ สีข้างของจอมมารมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก สามารถเจาะเข้าร่างจอมมารได้ไม่ยากเลยล่ะ เพราะจุดด้อยของจอมมารคือร่างกายที่ไม่ได้เข้าขั้นสัตว์ประหลาด
จะบอกว่าจุดอ่อนก็ไม่เชิง อย่างน้อยก็อยู่ในระดับขั้นดาบนักบรรลุทั่วๆไป แต่ถ้าเทียบกับผมรึคาลอสก็นับว่ายังธรรมดา
“หนิง”
“อะ โอ้!”
ยังไงก็ช่าง ตอนนี้เปิดโอกาสแล้ว–ผมวิ่งไปอุ้มหนิงไว้บนบ่า และวิ่งหนีไปทางวิทยาลัยเวทมนตร์ทันที
ตอนนี้ต้องรีบหายูจิให้เจอก่อน—ถ้าจอมมารไปเจอยูจิเข้า ได้จบเห๋แน่ และต้องทำทั้งหมดให้เร็วที่สุดด้วย ไม่นั้นจอมมารคงจะวิ่งไล่ตามทันและฆ่าทุกคนในวิทยาลัยเวทมนตร์หมดแน่นอน
****
“..ตัดมิติเมื่อกี้ ..ไม่ผิดแน่ อาศัยช่องโหว่ของกฏในการทำขึ้นมาสินะ”
‘ข้อผิดพลาดของโลก’ มันจะไม่ได้มอบพลังให้มาตรงๆ แต่จะให้สิทธิ์ในการอยู่นอกเหนือกฏ สามารถฆ่าพวกอมตะได้ในคราเดียวและไม่รับผลของโลกจำลองทุกชนิด และผู้ใช้สามารถพัฒนาตัวเองได้แปลกประหลาดกว่าคนอื่นหากรู้จักขีดจำกัดของสิ่งที่ตัวเองได้ดี แต่แน่นอนไม่มีอะไรที่ง่าย
การจะได้พลังมา จะต้องมีเงื่อนไข ..ดั่งเพลิงสีขาว และดาบแห่งโซโลม่อนที่จอมมารใช้ มันก็มาจากวิญญาณของเหล่าปีศาจแห่งโซโลม่อนที่ตายไปทั้งนั้น อีกทั้งข้อผิดพลาดในฐานะจอมมารก็เอามาใช้ไว้ในดาบแห่งโซโลม่อนหมดแล้วด้วย ไม่นั้นลูซิเฟอร์กับบิลเซบับคงจะตายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ที่ไม่เป็นแบบนั้นเพราะ ‘ข้อผิดพลาด’ ในตัวจอมารถูกย้ายมาไว้ที่ ‘ดาบแห่งโซโลม่อน’ แทน
ตัดมิติเมื่อครู่ของเรเซอร์ก็แค่การขยายขอบเขตุการทำงานจากเดิมก็เท่านั้น ไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่คนที่ทำได้ก็มีแต่ ‘ข้อผิดพลาดของโลก’
..เรเซอร์ยังเด็กอยู่ พูดแบบนี้ก็กระไร แต่จอมมารแก่กว่าเรเซอร์มาก และรู้ดีว่าเด็กจะสามารถเติบโตได้เร็ว–การจะเรียนรู้ความสามารถของตัวเองในฐานะข้อผิดพลาดของโลก และใช้มันให้เกิดประโยชน์ คงจะใช้เวลาไม่นาน ยิ่งเป็นคนที่มีหัวด้านนี้อย่างเรเซอร์ด้วยแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงหากเรเซอร์ได้อาวุธที่ทรงพลัง หากได้ปัจจัยภายนอกอย่างอื่นอีก อาทิเช่น ‘ผนึกของผู้ถือครองธาตุที่แท้จริง’ ผนึกวิเศษที่แบ่งออกเป็นธาตุหลักๆทั้งสี่บนโลก ถ้าหากเรเซอร์ใช้ได้สักอย่างใดอย่างหนึ่งจากทั้งหมด เมื่อเอามารวมกับ ‘ข้อผิดพลาด’ ที่ตัวเองมี อาจจะพัฒนาได้อย่างแปลกประหลาดและอันตรายไม่ผิดแน่
การจะสร้างของอันตรายไม่แพ้ ‘ดาบแห่งโซโลม่อน’ ได้ไม่ใช่อะไรที่เกินจริงเลย
ถ้าเกิดไปถึงจุดนั้นได้ ..เรเซอร์จะอันตรายต่อตัวจอมมารได้พอๆกับ ‘ผู้กล้าคนแรก’ ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกเลยล่ะ ..แต่นอกเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งตัวผู้กล้าคนแรกและตัวเรเซอร์ก็มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่ ..จอมมารหรี่ตามองมือของตัวเองด้วยสีหน้าที่ดูเศร้า
“ตอนนี้คงจะเดินเล่นรอเราอยู่สินะ ..หวังว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกันในเร็วๆนี้นะ”
จอมมารพูดตัดพ้อจบ เธอก็รีเช็ตความคิดตัวเอง ปรับให้ในหัวตอนนี้มีแต่–เรื่องที่ต้องกำจัดเทพและฆ่าเรเซอร์
จอมมารเดินไปทางบิลเซบับและใช้ดาบแห่งโซโลม่อนคืนชีพบิลเซบับ
บิลเซบับสะดุ้งตื่นราวกับเจอฝันร้ายมา เธอหันซ้ายหัวขวาไปมาแบบเงอะๆงะๆจนหยุดส่ายหัวเมื่อเห็นหน้าจอมมารที่เคราพรักของตัวเอง
“เอ๊ะ อ๊ะ เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย”
“เมื่อกี้เธอโดนลูกหลงจากเรเซอร์น่ะ ขอโทษนะที่เราช่วยไม่ทันนะ”
โกหก–หล่อนเป็นคนโยนบิลเซบับแบบเล็งให้โดนหัวจนตายเองแท้ๆ
ทว่าบิลเซบับไม่รู้อะไรเลย เธอทุบอกและหายใจฟุดฟิด
“ยินดีค่ะ! การเป็นโล่ให้ท่านจอมมารได้นับว่าเป็นเกียรติสูงสุด ถ้าเพื่อท่านจอมมารฉันพร้อมตายตลอด!”
“ขอบใจนะ สมกับเป็นบิลเซบับของเรา”
“ฮิฮิ” บิลเซบับขัดจมูกด้วยรอยยิ้ม–
บิลเซบับช่างไม่รู้อะไรเลย เธอยอดอกอย่างภาคภูมิใจโดยไม่รู้เลยว่าจอมมารเป็นคนฆ่าตัวเธอเอง และจอมมารก็คิดว่าไม่บอกบิลเซบับจะดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่าเลยปิดเงียบไว้ ให้บิลเซบับภูมิใจกับการเป็นโล่มนุษย์ในจินตนาการ
ไม่สิ จะบอกว่าสำเร็จในฐานะโล่มนุษย์ก็ได้ ถ้าบิลเซบับไม่ตายจอมมารก็คงเรียกดาบโกงบัดซบออกมาไม่ได้
แน่นอน จอมมารไม่ได้เกลียดบิลเซบับ หรือเห็นว่าบิลเซบับเป็นแค่เครื่องมือ จอมมารรักบิลเซบับดั่งสหายคนสำคัญ
จอมมารยิ้มให้บิลเซบับ
“รีบไปกันเถอะ บิลเซบับ”
****
ผมแยกร่างหนิงและโกยสุดตีน ระหว่างโกยผมก็อธิบายความเป็นมาของจอมมารให้หนิงฟังโดยย่อ เมื่อได้ฟังแล้วหนิงก็ทำหน้าเซ็งๆ
“เบลลามีตอนนี้น่ากลัวสุดๆเลยล่ะ เมื่อกี้นึกว่าจะตายแล้วซะอีก ดาบอะไรละนั่น โกงเกินไปล่ะ–ดูสิ แขนฉันยังฟื้นฟูไม่ได้เลยน่ะ ดูสิดู”
“พอได้แล้วน่า มันชวนสยองนะเห้ย”
“อา..เจ็บๆ”
หนิงจับแขนที่หายไปของตัวเองพลางส่งเสียงร้องไปด้วย—หนิงจะรักษาร่างกายไม่ได้จนกว่าดาบแห่งโซโลม่อนจะถูกเก็บเข้าที่เดิม สำหรับตอนนี้มีแต่ต้องทนเจ็บไปก่อน
“เห้!!! เรเซอร์!!!!”
วินวิ่งมาทางผม โดยที่ข้างหลังมีโซล่าที่วิ่งตามมาด้วยสภาพหอบแรง
“ยังไม่ตายอีกเหรอเนี่ย!?”
“ขอบใจจ้าที่เป็นห่วง!”
วินตอบทั้งรอยยิ้มแข็งๆ ส่วนโซล่านั้น–ทำหน้าตาตกใจพิลึก
“คุณเรเซอร์ข้างหลัง!!”
—ข้างหลัง
ผมหันกลับไปและพบกับจอมมารที่พุ่งมาพร้อมกับออกดาบหมายจะสะบั้นคอหนิง–ผมโยนหนิงให้โซล่าและเอียงตัวหลบอย่างวุดวิด
สัมผัสไม่ได้เลยว่าจอมมารกำลังมา–คงจะใช้ดาบแห่งโซโลม่อนทำลายจิตของตัวเองละมั้ง
ผมถีบตัวออกจากระยะดาบของจอมมาร และฝืนยิ้มแข็งๆสู้
“เร็วจริงนะ”
“เราจะปล่อยให้เป็นปัญหาระยะยาวไม่ได้” จอมมารชายตามองรอบๆและหยุดที่โซล่า “มหามังกร ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ ..แล้วก็มีข้ารับใช้ของเทพอยู่ด้วยอีก”
จอมมารถอนหายใจ
“ขยันดึงตัวปัญหามาเป็นพวกเยอะจังนะ เราเข้าใจนะว่าเรเซอร์เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่ช่วยเลือกเพื่อนหน่อยจะดีกว่า ..แบบนี้ทำเราลำบากใจนะ”
“ฮึย ..อย่าส่งสายตาแบบนั้นในร่างของเบลลามีนะ”
เบลลามี–หมายถึงจอมมารส่งสายตาอ้อนใส่ ทำให้ผมหวั่นไหวเล็กน้อย
“ไม่ได้เหรอ?”
พอเห็นว่าได้ผลก็เอาใหญ่—-
“ไม่ได้สิฟร้ะ! ถ้าจะขอทางนั้นก็เลิกคิดทำลายโลกก่อนเถอะ!”
“ไม่ไหวหรอก”
“ทางนี้ก็ไม่ยอมเหมือนกันละเว้ย นั้นอ่ะ!”
ตอบกลับมาตรงๆไม่อ้อมค้อมก็ดี ..ผมเช็ดน้ำลายที่ไหลจากการโต้วาถีกับจอมมาร
สำหรับตอนนี้มีแต่ต้องซัดกันให้ตายไปข้าง—จังหวะที่คิดจะพุ่งไปบวก คทาเวทย์ก็ลอยมาจากข้างหลัง ผมคว้าไว้และต้องแปลกใจ
นี่มัน–คทาจืดๆธรรมดา แต่จะไม่ธรรมดาก็ตรงผลึกสีเขียวบนหัวนี่ ..ผมจำรูปลักษณ์นี้ได้ดี เพราะมันคือหนึ่งในคทาในตำนาน
“นี่คือ ‘การาวิเทีย’ ค่ะ!! เชิญใช้ให้เต็มที่เลย ..นะ แน่นอน! ใช้เสร็จแล้วต้องคืนด้วยนะคะ”
“..โอ้ ช่วยได้มากเลย”
ตอนนี้ผมสูญเสียอุปกรเวทมนตร์ทั้งหมดในตัวไปแล้ว การจะใช้เวทย์แต่ละทีมันลำบากร่างกายผมมาก การมีคทามาช่วยย่อมแบ่งเบาภาระได้มาก อีกทั้งยังเป็นการาวิเทียที่ควบคุมแรงโน้มถ่วงได้อีก คทานี่คงช่วยผมได้ระดับหนึ่งเลย
“หนิงคอยสนับสนุนฉัน วินด้วย ช่วยเตรียมวิชาไสยศาสตร์ [สัมผัสวิญญาณ] ที”
พอพูดถึง [สัมผัสวิญญาณ] จอมมารก็เบิกตาโพงกว้างชั่วขณะเหมือนตกใจ
[สัมผัสวิญญาณ] คือวิชาไสยศาสตร์ที่ใช้สัมผัสร่างกายศัตรูโดยตรง ไม่มีผลกับการต่อสู้สักเท่าไหร่ จะมีประโยชน์ก็แค่พวกการแพทย์แล้วก็–สถานการณ์ที่วิญญาณผิดปกอย่างที่เบลลามีเป็นตอนนี้ก็นับว่าเป็นอาการป่วยเหมือนกัน
ถ้าจะช่วยเบลลามีก็ต้องเรียกสติเธอด้วยวิชานี้ ถ้าเกิดได้สติกลับมาจอมมารก็จะหลุดออกจากร่าง วิชาดาบหรือเวทมนตร์ไม่สามารถทำได้ ตัดมิติเองก็ไม่พร้อมใช้งานเพราะต้องสู้กับจอมมารตลอด ไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย–แต่ถ้าใช้วิชาไสยศาสตร์ของวิน ถ้ามีเวลาเตรียมตัวต้องช่วยเบลลามีได้แน่ๆ ขอแค่ผมสู้ยื้อจอมมารได้นานพอก็แค่นั้น
ผมใช้ ‘การาวิเทีย’ ยกพื้นดินที่ผมกับจอมมารเหยียบขึ้นอย่างรวดเร็วจนจอมมารหนีไม่ทัน หนิงบินตามมาข้างหลังเพื่อเตรียมสนับสนุนผม
“..การาวิเทียไม่ได้เจอเสียตั้งนาน”
สมกับเป็นจอมมารที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ รู้จักการาวิเทียที่การมีอยู่ไม่ต่างกับนิทานด้วยแฮะ
“ถึงการาวิเทียจะมีพลังที่น่าสนใจ แต่คุณภาพของตัวคทาก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร เรเซอร์ใช้มือเปล่าสู้จะดีกว่านะ”
ไม่ต้องห่วงไปจอมมาร–เป้าหมายคราวนี้คือถ่วงเวลาต่างหาก ผมไม่คิดจะพูดออกไปและทำการโบกการาวิเทียอีกครั้ง พื้นดินพากันยกขึ้นมาอย่างมหาศาลและลากจอมมารให้ไปสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทุกคนไม่ได้สังเกตุเลยว่า—เวลานั้นบิลเซบับก็กระโดดเกาะดินตามมาด้วย ด้วยความที่วิ่งช้าเลยไม่รู้เรื่องอะไรที่เขาคุยกันเลย เห็นอีกทีก็ตอนที่จอมมารโดนลากไปบนฟ้า สัญชาตญาณความเป็นลูกน้องก็พุ่งพร่านเลยกระโดดเกาะดินตามไปโดยที่ไม่ระวังตัวเลยว่า..เป็นโรคกลัวความสูง
“ท่านจอมมารรรรรรรรรรรร!!!!!”
บิลเซบับร้องลั่น แต่เสียงของเธอก็ส่งไปไม่ถึงใคร
อีกด้านหนึ่ง เทียนหลงก็ยังนอนสลบอยู่