เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 11: คำท้าทายจากตำนาน (1)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 11: คำท้าทายจากตำนาน (1)
< < 10 > >
จิ๊บๆ จิ๊บๆ—–เสียงนกดังขึ้นประหนึ่งเสียงขันไก่ที่บ้านเกิดเมืองนอน
ตัวผมลืมตาตื่นท่ามกลางเสียงนก ‘กรี๊ด’ ร้อง โดยที่ข้างๆตัวมีเมดสาวน่ารักสองคนนอนกอดกัน
“น่ารักชะมัด” ผมลูบหัวอันนาที่ใกล้ตัวสุดตามอำเภอใจ
“อรุณสวัดดิ์ครับท่านเรเซอร์”
ชินเดินมาทักผมในชุดพ่อบ้านสุดเท่
ถ้าผมเป็นผู้หญิง การที่ตื่นมาแล้วเจอนายพ่อบ้านหน้าสวยสวัสดีเข้า คงจะตื่นในทันที ไม่มีขออีกห้านาทีแหงๆ ไม่สิ หรือว่าจะเล่นมุกอ้อนนายพ่อบ้านดีนะ? เอาเถอะ แล้วแต่นิสัยตัวบุคคลไป
ผมเขยิบตัวออกจากโซฟาที่ใช้นอน และหันไปทางอันนา
“……ฮึบ!”
ว่าแล้วผมก็อุ้มตัวขึ้นมา
“??”
ชินเอียงคอสงน
“ให้นอนบนเตียงน่าจะดีกว่านะ นายเองก็ช่วยอุ้มได้นะ”
“-ข ขอรับ …คงไม่ว่าหรอกนะครับ?”
“เด็ก 12 แค่อุ้มไม่ว่าอะไรหรอกน่า”
ผมปล่อยอันนาลงบนเตียงนอนอย่างทะนุถนอม
“กลับกันการที่ผู้ชายหล่อๆ อย่างนายช่วยอุ้มมันเหมือนรางวัลเสียมากกว่า”
“ผู้ชายสินะ ….ไม่มีอะไรขอรับ”
ชินอุ้มเรเซลด้วยท่าทางสง่าและวางลงเตียงเบาๆ
ผมถอนหายใจเล็กน้อยเนื่องจากอันนาค่อนข้างหนัก
“..ขอตัวอาบน้ำก่อนละกัน อา ชินช่วยเก็บกวาดข้าวของทีสิ”
“ยินดีขอรับ”
ผมตรงดิ่งไปห้องอาบน้ำที่ใหญ่อย่างกับคอนโดขนาดย่อม
“ต้องรีบๆ”
ไม่นานนักผมก็อาบน้ำเสร็จ ทว่า—-ผมลืมเครื่องแต่งกายนี่สิ
ช่วยไม่ได้
ทันทีนั้นผมก็เดินออกจากห้องน้ำ
“น้ำร้อนเป็นยังไงบ้างหรือขอรั–กรี๊ด!”
กรี๊ด??
ชินผู้เห็นร่างเปลือยของเด็ก 12 ดันส่งเสียงกรีดร้องอย่างกับสาวน้อยออกมาซะนี่
ใบหน้าของชินแดงแจ๋ไปถึงใบหู แถมตายังค้างอีกที่ท่อนล่าง
“โทษทีนะ แต่จ้องมากไปมันเขินเน้อ ถึงจะชายทั้งแท่งเหมือนกันก็ตาม”
“-ท ท่านเรเซอร์ ทั้งสองคนยังอยู่ในห้องนะขอรับ!”
“อ่า ฉันลืมของน่ะ โทษที แค่แป๊บเดียวไม่วันกันนะ”
“ค….เข้าใจแล้วขอรับ”
ชินข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้ และก้มหน้ามองเข่าตัวเอง ท่านั่งขอขมาในตำนานนั่นเอง
ลูกผู้ชายเขาไม่แคร์เรื่องพวกนี้กันนี่? ปกติแทบจะตีไข่กันอยู่แล้วด้วย ฮะๆ
ผมไม่ใส่ใจอะไีรนัก เดินไปหยิบเสื้อแต่งกายสบายๆ ก่อนจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยผมก็ออกมา
ชินยังคงเขินอายและนั่งท่าเดิมอยู่
“เป็นอัศวินแท้ๆ ของแบบนี้น่าจะเห็นบ่อยนี่”
“-ป ปกติ ..ปกติไม่ได้เข้าห้องน้ำรวมกันน่ะครับ”
“แยกกันอาบคนละห้องเนี่ยนะ มีห้องน้ำกี่แห่งกันเนี่ย—-ไม่ใช่เอางบประชาชนไปสนองนีทตัวเองกันนะพวกอัศวิน?”
“-ป เปล่านะขอรับ ด้วยเกียรติของอัศวินกระผมขอยืนยัน!”
“ขำๆ น่า อัศวินเป็นพวกมากด้วยเกียรติ น้อยคนนักจะกล้าทำเรื่องหยามหน้าประชาชน” +ที่สำคัญมีห้องอาบน้ำหลายแห่งก็ไม่แปลกหรอก เป็นถึงอัศวินนี่นะ
“ใช่แล้วขอรับ!”
ชินโพ่งอย่างภาคภูมิใจ
“โทษทีละกัน”
ผมยิ้มให้ชิน
“…ขออภัยขอรับ”
อืม อย่าใส่ใจเลย
“ชินขอถามอะไรแปลกๆ หน่อยสิ”
“ขอรับ?”
“นายไว้ใจได้ใช่มั้ย?”
ชินเงียบลง ก่อนจะพยักหน้าให้ผมด้วยแววตาที่หนักแน่น
“ขอสาบานครับ”
“ฉันจะไปป่ามหาภูตติและต้องการให้นายเป็นผู้คุ้มกัน”
ชินดูงงเล็กน้อย
“ป่ามหาภูตติ? เข้าใจแล้วขอรับ แต่ป่าแห่งนั้นไม่ได้อันตรายหรอกนะครับ แน่นอนว่าตามหน้าที่ผมต้องตามท่านไปตลอดอยู่แล้ว”
“แค่ถามไว้เฉยๆ น่ะ …เรื่องป่ามหาภูตติมันมีเรื่องพิเศษที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันที่ให้แค่คนที่่ไว้ใจได้เห็นเท่านั้น”
ผมหยิบหนังสือที่พกพามาตั้งแต่ที่คฤหาสน์ให้ชินดู
“ฉันจะไปตามหาวิญญาณระดับเทพ ‘ยูนา’ !”
……
……
“…กระผมดีใจจริงๆ ขอรับที่ท่านต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ถึงเพียงนี้ สมัยนี้ผู้คนมักละเลยประวัติศาสตร์ไป ทั้งๆ ที่มันเองก็สำคัญเช่นกัน …ไปดูล่องลอยวิญญาณของท่านยูนากันเถอะครับ”
ไม่เชื่อกันเลยแฮะ..เอาเถอะ
–
“ฝากนำทางไปด้วยละ”
“ขอรับ!”
ส่วนพวกเรเซลก็ปล่อยให้นอนเต็มอิ่มไปนั่นแหละนะ
*******
หน้าเมืองชันไม ผมกับชินเดินคู่กันไปตามทางถนน ซึ่งเป็นทางนำพาไปสู่ป่ามหาภูตติ
อย่างกับพวกเรามาปิกนิกกันมากกว่าออกหา ‘วิญญาณระดับเทพ’ ที่มีพลังไม่ต่างกับพวกลาสบอสในโลก
ชินเองก็ดูอารมณ์ดีด้วย ทั้งๆ ที่ตอนอยู่เมืองชันไมดูหดหู่ชอบกล …
“ทำไมท่านเรเซอร์ถึงสนใจท่านวีรสตรียูนาหรือครับ?”
“เธอแข็งแกร่งละนะ แล้วก็เท่ดีด้วย”
ในเนื้อเรื่องเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งเท่และหล่อไปในตัว บ่อยครั้งเลยที่เธอปรากฏตัวออกมาก็ทำให้ทุกๆ คนต่างใจบางเป็นแถบๆ
ด้านบทเอง หลังจากที่กลายเป็นวิญญาณของยูจิ แล้วก็เด่นไม่น้อยหน้าวิญญาณหลักของยูจิเลย เก่ง เท่ ไม่กระจอก ต่างกับตอนอยู่ข้างเรเซอร์สุดๆ
ที่สำคัญยังมีอุดมการณ์หนักแน่น และคำสอนที่น่าสนใจมากมาย
ไม่งอแง ย้ายข้างไปมาด้วย——แม้ว่าจะมีปมในใจเล็กน้อยก็ตาม …และปมนั่นก็เป็นข้อเสนอเดียวที่ทำให้ตัวตนระดับนั้นยอมทำสัญญากับเรเซอร์ชั้นต่ำ
จุดเริ่มต้นของพวกเรามันไม่ดีนักละนะ ผมก็แค่คนที่ยื่นข้อเสนอซึ่งไม่มีทางเลือกให้เธอเท่านั้น ต่างกับของยูจิ ที่ทั้งคู่พร้อมทำความปรารถนาให้กันและกันอย่างเต็มใจ
“…! ท่านเรเซอร์ขออภัยขอรับ แต่กรุณาหยุดก่อนนะขอรับ!”
จู่ๆ ชินก็ยกแขนขึ้นมาขวางตัวผมไว้ ไม่นานจากนั้น——โครมๆๆๆ!! เสียงวิ่งตัวอะไรสักอย่างได้สะเทือนแผ่นดิน
———–อะไรวะนั่น!!
“ช่วยด้วยค่า!!!!!!!”
เสียงร้องลั่นของคุณภรรยา(ต้นฉบับ)ดังขึ้น พร้อมกับหมูป่านับสิบข้างหลัง
———–ไปทำอีท่าไหนมาฟร้ะนั่น!!?
“เด็กคนนั้น!?”
“-ร รีบเข้าไปช่วยเถอะชิน!”
“รับทราบขอรับ”
ผมและชินรีบพุ่งไปหาคุณภรรยา ซึ่งตอนนี้ร้องไห้และวิ่งคล้ายจะล้มไม่ล้มแล่ เนื่องจากชุดแม่ชีที่ยาวเกินไป
“ในนามของเรเซอร์ ขอบัญชา! ——”
บอลเพลิงสองลูกพุ่งเข้าใส่หมูป่าพร้อมกัน—–ช่วยหยุดการเคลื่อนไหวของหมูป่าได้เล็กน้อย ทำให้ชินวิ่งไปถึงได้ทันก่อนที่คุณภรรยาโลลิจะถูกควิกกระเด็น
เธอสังเกตเห็นผมที่วิ่งมา
“-พ พี่เรเซอร์!!”
“วิ่งเร็ว วิ่งๆ!”
“อึก——ค่า!!”
ลีน่ากระโดดหย็องผ่านชินมา—–ลำบากผมต้องพุ่งกระแทกดินไปรับอีก
-ท ทันการณ์!
ลีน่าเอาหน้ามาซุกอกผมและร้องไห้
“ฮืออออออออ! พี่เรเซอร์ ขอบคุณค่ะ ขอบพระคุณจริงๆคะ!!”
“โอเอ๋นะ โอเอ๋” ผมลูบหลังลีน่าเบาหวิว
“อึก ฮือ…..”
ลีน่าเช็ดน้ำตาตัวเอง และหันไปข้างหลัง———-แผละ! ลำไส้ของหมูป่ากระเด็นผ่านหน้าลีน่าไป
“—-งะ งะ งะ”
…..
ชินเข้าไปฟาดดาบใช้ในทีเดียว หมูทั้งหมดก็ไส้แตก ตัวกระเด็นไปทั่วพื้นที่ ด้วยแรงฟาดของชินที่รุนแรงทำให้มีเศษเล็กเศษน้อย กระเด็นมาโดนหน้าลีน่าบ้าง
“….น นะ——เฮียะ….”
ลีน่าสลบในทันที โดยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดหมู—–โว้ยย!!!!
“-ท ทำยังไงดีขอรับท่านเรเซอร์!?”
“-ก ก่อนอื่นก็ต้องกลบหลักฐานปลอมๆ แล้วก็โยนความผิดให้คนแถวนี้——ไม่ใช่สิ! ข้างหน้านั้นมีโบสถ์อยู่ เอาเป็นว่ารีบอุ้มหล่อนแล้วไปให้คุณบาทหลวงดูก่อนเถอะ! บ้าเอ้ยๆ จู่ๆ ก็มาช็อกสลบแบบนี้ขำไม่ออกนะเว้ย!”
คุณภรรยาของผมเป็นตัวปัญหาเล็กน้อยละครับ! บ่องตง!
——ชินอุ้มลีน่าที่สลบ ส่วนผมวิ่งนำหน้าไปด้วยอารมณ์ร้อน
ผมตรงดิ่งไปที่โบสถ์เบื้องหน้า น่าจะเป็นโบสถ์ของลีน่า
ยังไงก็ช่าง แค่ตอนนี้จุดแตกหักสำคัญของเนื้อเรื่องได้มาถึงแล้ว—ด้วยการช็อกตายของคุณภรรยาน่ะนะ!!
ก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!
“คุณบาทหลวง คุณบาทหลวง!!”
“ได้โปรดเปิดทีขอรับ!”
“….ตาย”
ลีน่าละเมอ
….-บ แบบนี้ต้อง ‘ซีพีอาร์’ สินะ!! ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่ามันใช้ยังไง กับรูปเหตุอย่างไร แต่! ไม่มีทางเลือกแล้ว!
ชินวางลีน่าลงกับพื้น เมื่อเตรียมใจได้แล้วผมก็คุกเข่าลง และก้มหน้าในระดับที่ปากสามารถถึงร่างเล็กๆ นั่นได้————ถึงจะบาป และชวนรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้กับเด็ก แต่การซีพีอาร์เป็นการช่วยชีวิตคน เพราะฉะนั้นไม่ผิด!!
“ขอโทษนะลีน่า!”
“ท่านเรเซอร์จะทำอะไรน่ะขอรับ!!?”
——-บ้าเอ้ยยย!! เอาไงเอากัน!
….ประตูไม้หน้าโบสถ์เปิดออก
ชายแก่สวมแว่นร่างเล็กในชุดบาทหลวง เขามองต่ำลงมาที่พวกผม
…เอาไงดี? ——
“…ลีน่า ….พวกแกทำอะไรลีน่าน่ะ?”
สายตาเหยียดหยามกันสุดๆ บอกว่าเป็นสายตาที่ใช้มองแมลงยังน้อยไปด้วยซ้ำ ——-
“….คือ ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย…”
ก็ไม่เชิง——-แต่ไม่ใช่ว่าหวังร้ายอะไรนา
“มีอะไรเหรอคะ ท่านบาทหลว–”
หญิงแม่ชีวัยกลางคนเดินออกมาพบกับภาพที่ชวนเข้าใจผิดยิ่ง
‘ผมไม่ได้ทำอนาจาร แค่จะช่วยชีวิตคน’ อยากบอกไปแบบนั้นอะ! แต่ไม่ทันแล้วอะ!
“—–กรี๊ด!!!!!!”
“ไอพวกเดนมนุษย์!!”
“ฟังก่อนสิเห้ย!!”
“พวกแกต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำกับลีน่า!”
“-ย อย่าเอาไม้กวาดมาตีกันเลยนะขอรับ โอ๊ยๆ!”
เหตุการณ์แสนจะวุ่นวาย จึงได้เริ่มขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยง
หลังผ่านความวุ่นวายไปสักพักหนึ่ง ผมก็สามารถบอกถึงความจริงให้ถึงหูคู่กรณีได้ ทำให้จบเรื่องอย่างดีเยี่ยม ไม่มีใครพิการหรือสติแตกอะไร
ลีน่าเองก็ไม่ได้อาการหนักอะไรมาก แค่ยังนอนสลบอยู่บนเตียงอยู่เท่านั้น
“พ่อต้องกราบขออภัยด้วยจริงๆ ดันไปทำกับผู้มีพระคุณของลีน่าอย่างนั้นซะได้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีพระคุณแก่พวกเราด้วย …ลีนั่าเล่าเรื่องของท่านเรเซอร์ก่อนหน้านี้ให้ฟังด้วยน่ะครับ”
คุณบาทหลวงก้มหัวขอโทษขอโพยพร้อมกับแม่ชี ..เรื่องเมื่อวันก่อนนั่นเอง ที่ให้ขนมปังลีน่าไป
“ไม่เป็นไรครับ การปกป้องและช่วยเหลือลีน่าเป็นเรื่องที่สมควรครับ”
มันคือสามัญสำนึกสำหรับคนเป็นสามี? ถึงจะแค่ในเนื้อเรื่องต้นฉบับก็ตาม ถึงลีน่าจะเป็นตัวป่วนแสนไร้เดียงสาแค่ไหน แต่ตัวผมในโลกฉบับนิยายคงชอบในจุดนี้ของเธอกระมัง–คิดว่า คาแรคเตอร์อย่างผมต้องแพ้ทางคนแนวๆนั้นแน่นอน
–
“นั้นหรือ …ขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือมากเลยนะครับ โลกเรายังมีขุนนางดีๆอยู่เพียบจริงด้วย”
“พูดอะไรกันละครับ ผมมันก็แค่คนรากหญ้าทั่วไปเท่านั้นเอง อย่ายกยอกันมากเลย”
“ฮะๆ วัยรุ่นสมัยนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีสินะครับ”
อายุทางใจ 25 แล้วอะนะ
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็อยากตอบแทนคุณน่ะคับ แม้จะเล็กน้อยตามที”
“แค่ลีน่าปลอดภัยก็ดีแล้วจริงๆ ครับ”
ผมยิ้มให้เล็กน้อย
“…ทำไมท่านถึงห่วงใยลีน่าได้ถึงเพียงนี้หรือครับ? หรือว่าจะเป็นแบบนี้โดยปกติ”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น”
ที่ช่วยก็แค่คนสำคัญ หรือเหล่าตัวละครที่มีความสำคัญในเนื้อเรื่องกับผมเท่านั้น …ผมไม่เหมือนกับยูจิที่หากเห็นคนลำบากโผล่มาก็จะช่วยทันที
“แค่คิดว่าผมกับลีน่า…มีวาสนา?”
พูดจบคุณบาทหลวงถึงกับเงียบกริบไป เขาค่อยๆดันแว่นขึ้นและรู้สีกหนาวๆตัวชอบกล
“ขออภัยนะครับท่านเรเซอร์ ลีน่ายังเด็กอยู่ เธอเป็นเพียงเด็กตัวน้อยไร้เดียงสาที่อยากรู้โลกมากกว่านี้ และอยากรับรู้ความสุขยิ่งกว่านี้ เพราะฉะนั้น…ไว้อีกสิบปีค่อยมาใหม่ได้หรือเปล่าครับ?”
“-ม ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ! ไม่สิ ที่จะสื่อมันก็ออกแนวๆนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ครับ!”
“ขออภัยครับ! ดันไปสงสัยผู้มีพระคุณซะได้!”
“หยุดก้มหัวให้ผมได้แล้วน่า! เงยหน้าขึ้นเถอะนะ นะ”
คุณบาทหลวงเงยหน้าขึ้นช้าๆ โดยที่ยังเข้มขรึมอยู่ …
สถานะความไว้วางใจเปลี่ยนจากอีกขั้วมาอีกขั้วเสียแล้ว เฮ้อ
ผมกุมขมับตัวเอง
“แค่รู้สึกพวกเราน่าจะเข้ากันได้น่ะครับ”
“…แบบนี้นี่เอง”
ท่าทางโล่งอกนั่นมันชวนรู้สึกผิดนะเห้ย!
“โทษทีนะครับที่ทำให้เตลิดไปไกล”
“มาเล่นกับเธอได้ตลอดเลยนะครับ ปกติลีน่าเป็นเด็กร่าเริงที่พร้อมเล่นกับทุกคนอยู่แล้วด้วย”
“ไว้จะมาหาใหม่นะครับ สัญญาเลย”
คุณบาทหลวงยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา พลางมองไปที่ลีน่าซึ่งนอนหลับ เธอกำลังนอนด้วยท่ากอดหมอนข้างสุดน่ารักน่าเอ็นดู
“ได้เพื่อนเพิ่มอีกคนเลยสินะ ลีน่า”
คุณบาทหลวงยื่นมือไปลูบหัวลีน่าเบาๆ
ดูอบอุ่น
“ลีน่าเธอเป็นเด็กที่เกิดมากับความซวยน่ะครับ เรียกได้ว่าตัวเฮงซวยเลย”
….พูดแบบนั้นจะดีเหรอ? เขินลีน่าได้ยินเข้าไม่เสียใจแย่เลยหรือไง?
“…เธอไม่มีเพื่อนที่ไหนนอกจากเด็กๆ ที่โบสถ์เลยครับ กับเด็กที่ตัวเมืองพอไปถึงก็มีแต่จะถูกกีดกันและถูกรังแกตลอดโดยเด็กหัวโจก นอกจากนี้กับเด็กน่ารักทั่วๆ ไปเธอก็ยังถูกเมินด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะความซวย—–โชคชะตาของเด็กคนนี้”
เขากล่าวอย่างเศร้าใจ
“ขนาดพ่อแม่ของเด็กคนนี้ยังไม่อยากเลี้ยงไว้เลยครับ”
“…พูดแบบนั้นมันโหดร้ายไปหน่อยนะครับ”
“ทั้งหมดเป็นความจริงที่สะท้อนให้เห็นจากตัวลีน่าตลอดเวลา ตั้งแต่แรกเกิดของเธอ …เธอเป็นตัวซวยครับ——-แค่ในชื่อเท่านั้น”
บาทหลวงหยุดลูบหัวลีน่า และนำมือมาวางประสานบนหน้าตัก พร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง
“สำหรับพวกเรา ไม่มีใครในที่นี้รังเกียจลีน่าครับ เธอคือเด็กที่อ่อนโยนและน่าเอ็นดู ทุกๆ วันมักจะทำงานหนักช่วยแม่ชีเสมอ ลีน่าไม่เคยบ่นเมื่อถูกใช้ให้ทำอะไร กลับกันเธอรักในการช่วยเหลือผู้อื่น …แค่โชคชะตาของเธอมันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเองเลยครับ พวกเรารักลีน่าครับ”
เขาเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยแก้เขินหลังพูดจบ
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นเพื่อนกับเธอ โดยไม่ใส่ใจเรื่องความซวยของเธอมากน่ะครับ”
“…ผมเข้าใจแล้วละครับ …ขอโทษครับ”
ผมยิ้มออกมา และก้มหัวในทันที———อย่างกับชาวร็อก ‘เย้ว!’ .. ไม่ใช่ บรรยากาศแบบนี้ไม่ควรคิดอะไรอย่างนี้
“ผมเคยสร้างเรื่องหลอกปั่นหัวเธอจนเจ้าหล่อนเชื่อครับ แล้วเป็นเรื่องที่แย่มากๆ กับสามัญสำนึก ตรรกะความเป็นคน! ขอโทษจริงๆ ครับ!! แล้วแอบคิดด้วยว่าเรเซอร์ไปชอบหล่อนได้ไง ผู้หญิงแปลกๆ แบบนี้เนี่ยนะน่ะครับ!”
“เรเซอร์? นั่นชื่อท่านนี่ครับ -ด เดี่ยวก่อนนะครับ”
“ขอโทษจริงๆ ครับ! ผมทำให้เธอเชื่อว่าคนที่หน้าตาดีจะนิสัยดีตามไปด้วยครับ!”
“เอ่อ”
“สมมุติว่ามีคนหน้าตาดีแต่เลวๆ แบบผมมาขอเป็นแฟน เธอก็อาจจะตอบตกลงทันทีเลยละครับ เพราะในมุมของเธอเป็นคนดีมากๆ! ขอโทษจริงๆ ครับ!”
“เอ๊ะ อ๊ะ ผมชักจะตามไม่ทันแล้วสิ”
“——เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเลยละครับ”
“…อา รบกวนด้วยนะครับ”
ผมจับเข่าคุยกับคุณบาทหลวงยาวหลายชั่วโมง——
“…ฮะๆ แล้วตอนนั้นลีน่าก็ดันตกเนินจนไม่กล้าไปไหนพักใหญ่เลยละครับ ถึงขั้นที่พูดว่า ‘ทุกคน …เป็นสะพานให้หนูหน่อยได้มั้ย?’ เลยละครับ ฮาๆ จู่ๆ ก็กลายเป็นนางตัวร้ายที่ขอให้คนอื่นเป็นสะพานให้เหยียบข้ามเนินไปซะอย่างนั้น”
“น่ารักดีนะครับ”
“ใช่มั้ยละครับ!? แต่พวกคนในเมืองไม่ค่อยเข้าใจเสน่ห์ของลีน่าจนน่าหงุดหงิดเลยครับ มีหน้ามาบอกให้ผมทิ้งเด็กคนนี้ไปด้วยนะครับ น่าโมโหจริงๆ”
“ใครพูดหรือครับ? หลังไมค์บอกผมได้นะ” ผมกระดิกมือเรียนชิน “เดี่ยวส่งคนไปตามเก็บให้เองครับ” +ทั้งหมดเป็นการล้อเล่นเท่านั้น
“ฮะๆ คุยกับท่านเรเซอร์มันสนุกจริงๆ ครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
…คุยได้ไม่นานหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนกลายเป็นช่วงคุณพ่ออวดลูกแล้วแฮะ
ถึงผมจะได้รู้เกี่ยวกับลีน่ามากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อก็ตาม แต่ตะวันจะตกดินแล้วนะน่ะ
“…ขอโทษนะครับ คงได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว”
เมื่อได้ยินผมพูดตัดจบบทสนทนา คุณบาทหลวงจึงหันไปนอกหน้าต่างทำให้รู้ได้ว่าผ่านมานานตั้งขนาดไหน
“-ข ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผมดันรั้งไม่ให้ไปไหนซะนี่”
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็สนุกด้วย ถ้าจะขอโทษไปขอโทษชินข้างนอกห้องท่าจะดีกว่า ฮะๆ แต่รายนั้นเขาไม่คิดมากหรอกนะครับ”
“เดี่ยวผมจะรีบไปขอโทษเลยละครับ ขออภัยด้วยจริงๆ”
“ถ้านั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ เร็ววันนี้ผมจะกลับมาแน่นอน”
“มาได้ทุกเมื่อเลยครับ”
คุณบาทหลวงทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ ผมเห็นเลยยกนิ้วโป้งให้
“….ท่านเรเซอร์คุยเสร็จแล้วหรือครับ”
“อ่า โทษทีนะ คุยเพลินไปหน่อย”
“ไม่หรอกขอรับ กระผมรอได้เสมอ”
ผมเดินผ่านทางที่นั่งไม้เรียงยาวตรงหน้ารูปปั้น ‘เทพแห่งธรรมชาติ’ ซึ่งชาวเมืองแถวนี้นับถือกันเป็นหลัก
อย่างไรซะมันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนักหรอก …สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ ผมรู้ดีกว่าใคร ในตอนนี้
‘ลีน่า’ ผู้หญิงที่ดวงซวยที่สุดในไลทโนเวลชื่อดังแห่งยุค
เธอเจอแต่เรื่องซวยๆ ไม่เว้นวัน มีชีวิตต่อไปและซวยในวันต่อมา จนเกิดความคิดที่ถ้าวันนี้โดนอะไรหล่นใส่หัวแค่ 5 ครั้ง จัดว่าเป็นวันดวงเฮง แต่บ่อยครั้งมักไม่ใช่อย่างนั้น บางวันเธอต้องหนีตายจากไวเวิร์นด้วยซ้ำ
ทั้งชีวิตและตัวตนของเธอไม่มีใครอยากได้เป็นเยี่ยงอย่าง
สิ่งที่พอจะเรียกว่าโชคดีของเธอได้มีเพียงการพบกันกับเรเซอร์ ด้วยความประจวบเหมาะเรเซอร์ซึ่งไม่ได้สนใจเวลาชีวิตของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะตีค่าชีวิตตัวเองไว้แบบไม่ใส่ใจอะไร เนื่องจากอายุขัยสั้น ทั้งหมดทำให้เรเซอร์ไม่ใส่ใจเรื่องที่ลีน่าพาเขาไปซวยในหลายต่อหลายเรื่องไม่เว้นวัน
การเจอกันของสองคนนี้ก็แค่ความบังเอิญ แต่ทั้งสองกลับเข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
…ลีน่าต้องการแค่คนที่จะอยู่กับเธอได้ตลอด โดยไม่ใส่ใจเรื่องที่เธอซวยเท่านั้น และเรเซอร์ต้องการแค่คนที่ใส่ใจในตัวเอง และสอนคุณค่าของชีวิตให้เขา
มันมีเพียงแค่นั้น การเจอกันของทั้งสองคือโชคชะตาที่แสนอ่อนโยน อย่างน้อยๆ ก็ในเนื้อเรื่องของต้นฉบับ
เธอสอนให้เรเซอร์รู้ถึงคุณค่าของชีวิต ทำให้เรเซอร์ประเมินคุณค่าของตัวเองมากขึ้น และเรเซอร์ก็สอนลีน่าให้รู้ถึงโลก พร้อมไปกับแนะนำเธอในทางที่ถูกต้อง
พวกเรามีความสุขในทุกๆ วัน นั่นแหละคุณค่าของชีวิตที่ลีน่าสอนให้เรเซอร์
แม้ว่าในตอนจบของเรื่องราวมันจะน่าผิดหวังและเศร้า …แต่การเจอกันครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาด และเรื่องราวต่อจากนั้นด้วย
ลีน่าเดินหน้าต่อไป มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ยึดติดกับเรเซอร์ และได้พบกับคนรักใหม่อย่างยูจิ ถึงมันจะน่าโมโหและปวดใจ แต่ลมันเป็นเครื่องบ่งบอกถึงสิ่งที่เรเซอร์มอบให้เธอมาตลอดว่าไม่สูญเปล่า มันคือสิ่งที่ย้ำเตือนให้รู้ว่าเธอสามารถมีความสุขต่อไปได้ ทั้งๆ ที่โชคชะตาเล่นตลก เครื่องพิสูจน์ก็คือความรักของเรเซอร์และลีน่า ..อย่างน้อยๆ ก็ผมคนหนึ่งละ ที่ไม่คิดว่าฉากจบแบบนั้นมันห่วย ถึงเรื่องที่เอาลูกเขามาเข้าบ้านด้วยเนี่ยจะชวนยัวะนิดๆ
…จะอะไรอย่างไรก็หัวมันไป
บังเอิญจริงๆ ————-ที่ความซวยของลีน่ามันไม่ได้เป็นความบังเอิญของจริง
ผมปลดเม็ดกระดุมบนคอเสื้อตัวเอง ตอนนี้ผมรู้ตัวได้ว่าตัวเองไม่ได้มีสีหน้าที่ดีนัก
ผมหงุดหงิด และร้อนใจ—-
“—-โชคชะตาจอมปลอมนั่นฉันจะทำลายมันซะ”
ด้วยพลังของ ‘ยูนา’ จะชิงมันมาเพื่อสะบั้นลางร้ายของลีน่าทิ้ง