เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 2 บทที่ 38 ไก่บิน
เล่มที่ 2 บทที่ 38 ไก่บิน
ณ บ้านเก่าสกุลหลิง หญิงสาวนางหนึ่งกำลังนอนคว่ำหน้าร้องไห้โฮ
ข้างกายของหญิงสาวผู้โศกศัลย์คือชายชราที่กำลังก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ในปากของเขาสูบยาสูบแห้งด้วยท่าทีเหม่อลอย สตรีอีกนางหนึ่งทอดถอนหายใจพลางเคลื่อนสายตาหยุดลงที่หญิงสาวผู้นั้นด้วยท่าทางไม่สบายใจ
ภายในห้องยังมีคนอื่นๆ อยู่ ทั้งบุรุษและสตรี ทั้งคนชราและเด็กเล็ก นั่งกันอยู่เต็มเรือน
สตรีอีกคนกำลังแทะเมล็ดแตงอยู่ เอ่ยอย่างรำคาญว่า “ข้าว่านะเจ้าคะท่านป้าน้อย ท่านร้องไห้ตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด? จัดการเศษเนื้อในท้องของท่านให้เร็วจะดีกว่า อายุท่านยังน้อย คงไม่อยากจะให้กำเนิดเด็กคนนี้หรอกกระมัง? บิดาของลูกก็ไม่ต้องการเขา! ”
หญิงสาวที่กำลังร้องไห้หลังได้ยินคำพูดของสตรีผู้นั้น เสียงร้องไห้ถึงกับหยุดชะงักลง เพียงสามลมหายใจเสียงร้องไห้ระงมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ ก็เพื่อถามว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร ไฉ่เวยเป็นน้องสาว เป็นท่านป้าของพวกเจ้า พวกเจ้าจะละเลยนางไม่ได้” สตรีนางนั้นก็คือหวังซื่อที่เจ้าอารมณ์ร้าย
นับตั้งแต่หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้น ความหยิ่งยโสของหวังซื่อก็ลดลงไปมาก คราวนี้ทำให้พวกเขากลัวแล้วจริงๆ หนึ่งเดือนนั้นที่พวกเขาอยู่ในคุก มันเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เมื่อหวนกลับไปถึงคืนวันในช่วงเวลานั้น นางก็รู้สึกเสียใจในภายหลังที่ไปหาเรื่องหลิงมู่เอ๋อร์ดาวไม้กวาดผู้นั้น
คนอื่นๆ ในห้องคือครอบครัวของบุตรชายคนโตหลิงต้าเจียง ครอบครัวของบุตรชายคนรองหลิงต้าซาน ครอบครัวของบุตรชายคนที่อายุน้อยที่สุดหลิงหลิน ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วยทั้งคนใหญ่คนโตเด็กเล็กเด็กน้อยมากกว่าสิบคน
เรือนของบ้านเก่าสกุลหลิงไม่นับว่าเล็ก ผู้คนสิบกว่าคนแออัดอยู่ในห้องโถงกลาง ทุกคนก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกว่าแออัด ต่างจากบ้านทรุดโทรมหลังนั้นของหลิงมู่เอ๋อร์ ที่นี่ต้องการสิ่งใดย่อมมีสิ่งนั้น เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่บนร่างนั้นก็ไม่นับว่าทรุดโทรม และสีหน้าของพวกเขาก็ยังถือว่ามีเลือดฝาด
แน่นอนว่า นี่หมายถึงคนส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าหลิงต้าเจียง หลิงต้าซาน หลิงต้าจื้อ หลิงหลิน รวมถึงหลิงไฉ่เวยล้วนแต่ให้กำเนิดโดยหวังซื่อ แต่นิ้วมือห้านิ้วยังมีความยาวและสั้นไม่เท่ากัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความลำเอียงของการเป็นมารดา
ในจำนวนบรรดาบุตรชายและบุตรสาวเหล่านี้ นอกจากหลิงต้าจื้อที่ไม่ได้ความชอบจากหวังซื่อแล้ว หลิงต้าเจียงและลูกสะใภ้หม่าซื่อก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าท่าทีของหวังซื่อที่มีต่อพวกเขาดีกว่าเล็กน้อย
แม้ว่าเป็นเช่นนี้ หม่าซื่อในฐานะลูกสะใภ้ใหญ่ ต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับน้องสะใภ้คนอื่นๆ และนั่นจึงตกเป็นเป้าหมายจากการรังแกของหวังซื่อและน้องสะใภ้ฟางซื่อ ในจวนแห่งนี้ มีเพียงแต่น้องสะใภ้หลานซื่อเท่านั้นที่จิตใจดีงาม และหม่าซื่อผู้ซื่อตรงที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นบ้าง
หลิงหลินคือลูกชายคนเล็กของหวังซื่อเป็นคนไร้ศีลธรรมที่ไม่ทำการทำงานเอาแต่เกียจคร้านเท่านั้น เดิมทีฐานะทางบ้านของหลานซื่อล้วนไม่เลว และมีท่านพ่อท่านแม่ที่รักเขา แต่เสียดายที่ถูกหลิงหลินผู้นี้ทำให้ด่างพร้อย ทั้งยังตั้งครรภ์ลูกอีก ดังนั้นจึงทำได้แค่แต่งเข้ามา
ตั้งแต่หลานซื่อแต่งเข้ามา นางก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่ดี หลานซื่อเองก็ดื้อรั้น ถึงแม้ว่าจะยอมรับชะตากรรม แต่ก็จะไม่ยอมศิโรราบ นางไม่เคยสนใจหลินหลิง ตั้งอกตั้งใจเลี้ยงดูบุตรชายคนโตหลิงจื่อเฉิงเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนถูกหลิงซงและหวังซื่อเรียกเข้าไปในห้องโถงกลาง จุดประสงค์ก็คือเพื่อหารือถึงวิธีว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องของหลิงไฉ่เวย ท้องของหลิงไฉ่เวยเริ่มใหญ่ขึ้นทุกๆ วัน ถ้ายังไม่คิดวิธีจัดการ สกุลจวงก็ยืนกรานที่จะถอนหมั้น ทั้งชีวิตของหลิงไฉ่เวยก็จบสิ้นแล้ว
หวังซื่อรักเอ็นดูบุตรสาวผู้นี้มากที่สุด อย่างไรเสียก็คือลูกสาวคนเล็ก มีรูปโฉมก็นับว่าสวยงาม คนก็เฉลียวฉลาด แต่ใสซื่อเรียบง่ายเกินไป จึงถูกจวงต้าหลินเจ้าคนสารเลวผู้นั้นหลอกเอา สงสารชั่วชีวิตของบุตรสาวที่ถูกทำลายไปเช่นนี้
“ฮือฮือ…” หลิงไฉ่เวยที่ยามปกติมักจะปากคอเราะราย นางไม่เคยเคารพพี่สะใภ้มาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ฟางซื่อพี่สะใภ้คนรองจะรู้วิธีเอาใจนาง แต่หญิงสาวก็ไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา
ตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในความยากลำบากแล้ว พี่สะใภ้เหล่านี้ไม่มีผู้ใดสักคนที่รักและสงสารนางจริงๆ พวกเขาแต่ละคนแทบจะอยากบีบคั้นให้นางตาย เช่นนี้จึงจะไม่ขวางทางบุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนคนอื่นๆ ในสกุลหลิง
หลิงไฉ่เวยมองอย่างน้อยอกน้อยใจ ร้องไห้อย่างหนักจนสะอึก
“ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการจะบีบคั้นข้าให้ตาย อย่างมากข้าก็แค่แขวนคอตายในตอนนี้” หลิงไฉ่เวยร้องไห้พลางกล่าว
“พูดจาเหลวไหลอันใดกัน? ” หวังซื่อเอ่ยอย่างโมโห “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากล่าวด้วยอารมณ์โกรธ พวกเราต้องหารือถึงทางออก”
“ท่านปู่ ท่านย่า ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่ช่วยท่านป้า” บัณฑิตผู้เดียวในสกุลหลิง ก็คือบุตรชายคนเล็กของบุตรชายคนรองหลิงต้าซาน หลิงจื่อจวิ้นเอ่ยนิ่งๆ “ท่านป้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมา สหายร่วมชั้นเหล่านั้นของข้าล้วนทราบกันหมดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าอยู่ในสถานศึกษาแล้ว ทุกๆ วัน ถูกพวกเขาชี้นิ้วนินทา แม้แต่หนังสือยังอ่านไม่เข้าหัว ท่านป้าก็จริงๆ เลย ในเมื่อให้จวงต้าหลินเอาเปรียบแล้ว เหตุใดถึงไม่มีความสามารถทำให้เขารับผิดชอบได้เล่า? ตอนนี้ทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ไปแล้ว ท่านป้าไม่มีหน้าพบผู้คน พวกเราก็จะมีหน้าพบผู้คนหรือขอรับ? ”
“อันใดนะ? สหายร่วมชั้นของเจ้าหัวเราะเยาะเจ้า? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า พวกเขาถือสิทธิ์อันใดมาหัวเราะเยาะเจ้ากัน? ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยจริงๆ ” ครั้นฟางซื่อได้ยิน ก็ยอมรับไม่ได้ในทันใด แววตาที่ถลึงจ้องมองไปที่หลิงไฉ่เวยคล้ายกับใบมีด “ท่านป้าน้อย ข้าไม่ได้ว่าเจ้าในฐานะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะล่วงเกินหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว ก็คงไม่ทำให้พี่ชายบุญธรรมผู้นั้นของนางขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่ต้องจำคุกหนึ่งเดือนนี้ ท้องของเจ้าคงจะยังไม่ใหญ่ขนาดนี้ ถ้าตอนที่ท้องยังไม่โตจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ พวกเราก็คงไม่ต้องวุ่นวายถึงกับขนาดนี้”
“พอแล้ว” หลิงซงผู้ที่ไม่ได้กล่าวมาตลอดร้องตะโกนด้วยโทสะ “ให้พวกเจ้ามาคิดหาวิธี พวกเจ้าก็เอาแต่โทษกันไปโทษมากันหรือ? เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว หรือว่าพวกเจ้าอยากจะบีบคั้นให้ไฉ่เวยตายจริงๆ ”
“ท่านพ่อ หัวใจของท่านช่างลำเอียงเกินไปแล้ว” ฟางซื่อบ่นพึมพำ “ทั้งที่ไม่ใช่ครรภ์ของพวกข้า ตวาดพวกข้าทำสิ่งใดกัน? ”
“ถ้าหากเจ้าสามารถตั้งครรภ์ ข้าก็จะไม่ตะคอกใส่เจ้า” หลิงซงยิ้มเยาะ “จื่อจวิ้น เจ้าฉลาดมาตลอด เรื่องนี้ยังคงต้องให้เจ้าช่วยออกความคิดเห็น ข้ารู้ว่าไฉ่เวยผิด เรื่องที่ก่อทำให้ส่งผลกระทบถึงเจ้า แต่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มันยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวพวกนี้ได้ ในเวลานี้ หากพวกเราไม่ลุกขึ้นมา ยังคาดหวังให้ผู้อื่นช่วยอีกหรือ? ”
“ท้องของท่านป้าใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนล้วนล่วงรู้กันหมดแล้ว แต่ว่าสกุลจวงไม่ยอมรับผิดชอบเด็กคนนี้ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องกำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง จากนั้นก็ให้ท่านป้าน้อยแต่งออกไป” หลิงจื่อจวิ้นกล่าว “ยิ่งแต่งออกไปไกลเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านป้าน้อย ถ้ามีคนอื่นถามขึ้นมา ก็กล่าวว่าท่านป้าน้อยเพิ่งจะสูญเสียสามี สตรีที่ตั้งครรภ์ก่อนยังไม่ได้ตบแต่งกับแม่หม้ายที่สามีเพิ่งเสียชีวิต อย่างหลังถึงอย่างไรก็น่าฟังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่มีผู้ใดจะคิดว่าท่านป้าน้อยเป็นสตรีที่ไม่รู้จักระวังกริยา”
“ข้าไม่แต่งนะเจ้าคะ” เมื่อหลิงไฉ่เวยได้ยินสิ่งนี้ นางก็กระวนกระวายใจขึ้นมาในทันที “สตรีที่สามีตายไปแล้ว ต่อให้แต่งงานใหม่ จะยังสามารถตบแต่งกับคนดีๆ ได้อีกหรือเจ้าคะ? ”
“ไม่ผิด แต่งกับคนดีๆ ไม่ได้” หลิงต้าซานยิ้มบางๆ พลางกล่าว “แต่ว่า แต่งออกไปไกลแล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ถูกคนประณามวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้า เจ้าดูเอาเถิดช่วงนี้คนทั้งในหมู่บ้านล้วนกำลังพูดถึงเจ้าอยู่ เจ้าได้ยินแล้วก็ยังรู้สึกไม่สบายใจใช่หรือไม่? จวิ้นเอ๋อร์เป็นหลานชายของเจ้า ยังจะทำร้ายเจ้าได้เชียวหรือ”
“ข้า…” หลิงไฉ่เวยเงยใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นขึ้น บนใบหน้ายังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ในขณะนี้ นางรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
วันคืนในช่วงนี้ผ่านไปได้อย่างไม่ง่ายดายเลยสักนิด ต่อให้นางจะไม่ออกจากบ้าน แต่เรื่องไร้สาระเหล่านั้นในหมู่บ้านก็ยังแพร่กระจายเข้าหูนางอยู่ดี มีสตรีที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่นบางคนถึงกับเดินมาถึงหน้าประตูเรือนของพวกนางเพื่อพูดคุยโดยเฉพาะ เสียงดังราวกับฆ้องก็มิปาน จงใจกล่าวถ้อยคำไม่น่าฟังเหล่านั้นให้นางได้ยิน แม้ว่าหวังซื่อจะขับไล่พวกเขาไปแล้ว ครั้งต่อไปพวกเขายังจะมาอีก
เมื่อก่อนคนในหมู่บ้านจะไม่ล่วงเกินพวกเขาเช่นนี้ อย่างไรก็ตามหลิงจื่อจวิ้นเป็นบัณฑิต จวงต้าหลินคู่หมั้นหมายของหลิงไฉ่เวยก็เป็นบัณฑิตเช่นกัน ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าสกุลหลิงจะไม่สามารถมีซิ่วไฉ [1] หรือเข้ารับราชการได้ ทว่าตั้งแต่หลังจากได้ล่วงเกินหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว ท่าทีของชาวบ้านก็เปลี่ยนไป
หลิงมู่เอ๋อร์…
รอให้เรื่องนี้จบลง ข้าหลิงไฉ่เวยจะไม่ปล่อยเจ้าไป เจ้าอย่าลำพองใจไป! พวกเรามิอาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้
“บ้านเจ้าใหญ่ บ้านเจ้าสี่ พวกเจ้าจะไม่กล่าวอันใดเลยหรือ? ” หวังซื่อมักจะใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่เสมอ แต่ช่วงนี้นางได้อ่อนข้อลงไม่น้อย ดูเหมือนกับว่านางแก่ชราขึ้นมาก เมื่อวานนางเห็นฟางซื่อแอบขโมยกินไข่ไก่ ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น จะต้องรู้ว่ายามปกตินางทำเหมือนอาหารเหล่านั้นเป็นบุตรที่ให้กำเนิดด้วยตนเองก็มิปาน ถ้าหากมีคนขโมยกินของนาง ถึงแม้จะเป็นลูกสะใภ้รองฟางซื่อคนโปรดก็หนีไม่พ้นจากการถูกตี แต่เมื่อวานนางกลับปล่อยฟางซื่อไป นี่จึงทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านตัดสินใจก็พอแล้วเจ้าค่ะ” หม่าซื่อที่ซื่อตรงมาโดยตลอด เมื่อเกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น นางก็ลำบากใจที่จะตัดสินใจ ถึงอย่างไรท่านป้าน้อยก็คือแก้วตาดวงใจของสองเฒ่า นางพูดไม่เก่ง ก็อาจจะถูกดุด่าได้อย่างง่ายๆ
“ให้เจ้าคิดหาหนทาง เจ้ากลับให้พวกข้าตัดสินใจ ถ้าหากพวกข้ามีความคิด ยังจะต้องถามคนโง่เขลาอย่างเจ้าอยู่อีกหรือ?” ครั้นหวังซื่อเห็นว่าหม่าซื่อยังคงมีท่าทางราวกับจะตายไปครึ่งหนึ่ง ก็โกรธจัดขึ้นมาในทันใด “เจ้าก็เป็นสตรีเช่นกัน ท่านป้าน้อยเจ้าเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เจ้าก็จะไม่มีความคิดหรือ? ”
“ข้า… ข้า… ข้าคิดว่าสิ่งที่จื่อจวิ้นกล่าวนั้นสมเหตุสมผลเจ้าค่ะ” หม่าซื่อกล่าวประโยคที่เก็บกดเอาไว้เป็นเวลานานออกมา
หวังซื่อถลึงตามองไปที่หม่าซื่ออย่างดุร้าย ด้วยสีหน้าท่าทางรังเกียจ
นางมองไปที่บ้านเจ้ารองอีกครั้ง คิดถึงสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนพูดเมื่อครู่ก็พลันมองข้ามไม่สนใจพวกเขา ก่อนจะมองไปที่หลิงหลินและหลานซื่ออีกครั้ง
ในสกุลหลิง คนที่หวังซื่อโปรดปรานที่สุดคือหลิงหลิน แม้แต่หลิงไฉ่เวยก็ยังต้องครองตำแหน่งที่สอง
หลิงหลินและหลิงไฉ่เวยเป็นดั่งคนจำพวกเดียวกัน แต่ก็ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างดี
เพียงแต่ว่า หวังซื่อชอบหลิงหลิน แต่ไม่ชอบหลานซื่อ ต่อให้หลานซื่อจะขยันขันแข็ง และมอบหลานชายหนึ่งคนให้กับนาง นางก็ยังคงไม่ชอบหลานซื่อ ทุกครั้งที่เห็นหลานซื่อ ก็เหมือนกับว่าเห็นหยางซื่อสตรีสารเลวผู้นั้น
หลานซื่อเอ่ยอย่างเบาๆ “ท่านแม่ ท่านถามกับพวกข้าไปก็ไร้ประโยชน์เจ้าค่ะ ชีวิตความเป็นอยู่วันคืนเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ท่านป้าน้อยจะต้องก้าวผ่าน ท่านถามความคิดของนางเองเถิด ถ้าแม้แต่ตนเองยังไม่มีความคิด จะคาดหวังให้พวกข้ากล่าวอันใดได้อีกเจ้าคะ? พวกข้าเป็นลูกสะใภ้ ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรก็ล้วนผิดทั้งหมด”
“บ้านของจื่อชิ่ง เจ้าคิดเห็นอย่างไรล่ะ? ” หลิงจื่อชิ่งเป็นบุตรชายคนโตของหลิงต้าซาน คนที่หวังซื่อเรียกคือเสี่ยวฟางซื่อ นางคือหลานสาวบ้านฝ่ายมารดาของฟางซื่อ ลูกสะใภ้รองฟางซื่อแนะนำหลานสาวของบ้านฝ่ายมารดาให้กับบุตรชายคนโตของตนเอง
เสี่ยวฟางซื่อกับท่านป้าของนางเหมือนกันราวกับแกะ นางกำลังแทะเมล็ดแตงอยู่ แล้วจึงกล่าวว่า “เรื่องนี้จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้เชียวหรือ? ก็แค่กำจัดเด็กทิ้งแล้วจากนั้นก็หาบุรุษมาแต่งด้วย จวงต้าหลินเด็กผู้นั้นไม่ยอมรับ ท่านป้าน้อยสามารถพูดเป็นอย่างอื่นได้หรือ? ท่านติดอยู่ในคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือน ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนโง่เขลา ผู้ใดจะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นของจวงต้าหลินกัน? เพียงแต่เขาไม่ยอมรับ พวกเราไม่สามารถทำอันใดได้ พวกเราก็แค่กล่าวว่า เจ้าเด็กผู้นั้นบีบบังคับท่านป้าน้อย แค่ทำให้ข่าวลือนี้กระจายออกไป ไม่ว่าจวงต้าหลินจะยอมรับหรือไม่ ขอแค่มีคนเชื่อคำพูดของพวกเราก็พอ จวงต้าหลินไม่ใช่ต้องการสอบเคอจวี่ [2] อย่างนั้นหรือ? มีชื่อเสียงเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะสอบได้ก็ไร้ประโยชน์”
วิธีของเสี่ยวฟางซื่อค่อนข้างโหดเหี้ยม วิธีนี้ทำให้จวงต้าหลินไม่มีทางหนีทีไล่ได้อย่างแท้จริง
แน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้ไม่เสียเปรียบ นี่เป็นการทำลายศัตรูหนึ่งพัน ตนเองเสียหายแปดร้อย [3]
“เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างโดยเร็ว เยวี่ยเอ๋อร์สิบแปดปีแล้ว จะต้องพูดคุยเรื่องการหมั้นหมาย” หลิงต้าเจียงพูดอย่างกลัดกลุ้ม “ไฉ่เวยเป็นบุตรสาวของสกุลหลิง แล้วเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ? ”
หวังซื่อถลึงตาจ้องไปที่หลิงต้าเจียงอย่างโหดเหี้ยม
ในตอนนี้หลิงต้าเจียงไม่ได้คิดถึงน้องสาวของตนเอง เพียงรู้แค่ว่าจะปกป้องบุตรสาวขอตนเอง หม่าซื่อแต่งเข้ามาได้หลายปีแล้วกลับให้กำเนิดเพียงลูกสาวไร้ค่ามาหนึ่งคน มีอันใดให้น่าแปลกประหลาดกัน?
กล่าวไปกล่าวมา ทุกคนก็ยังไม่มีข้อคิดเห็น วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือแต่งหลิงไฉ่เวยออกไป
เพียงแต่ หลิงไฉ่เวยได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว แม้ว่าจะแต่งอีกครั้งก็ทำได้แต่แต่งกับพ่อหม้ายหรือครอบครัวตกอับหาลูกสะใภ้ไม่ได้ ครั้นคิดถึงภาพเช่นนั้น ในใจของหลิงไฉ่เวยก็เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
เชิงอรรถ
[1] ซิ่วไฉ (秀才) หมายถึง การสอบคัดเลือกระดับท้องถิ่นของจีน ผู้ที่สอบผ่านรอบนี้จะได้คุณวุฒิระดับเรียกว่า ซิ่วไฉ
[2] เคอจวี่ (科举) หมายถึง ระบบการสอบเข้ารับราชการของจีน ซึ่งประกอบด้วยการสอบทั้งหมดสามรอบแบ่งเป็น 1.การสอบซิ่วไฉ (秀才) 2.การสอบจวี่เหริน(举人) 3.การสอบจิ้นซื่อ(进士)
[3] ทำลายศัตรูหนึ่งพัน ตนเองเสียหายแปดร้อย (伤敌一千,自损八百) หมายถึง ทำให้ฝ่ายศัตรูเสียหายไปหนึ่งพันคน แต่ฝ่ายตนเองก็เสียหายไปแปดร้อนคน ทั้งสองฝ่ายล้วนได้รับความเสียหายไม่ต่างกัน