เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 410 ใบหน้าถูกทำลาย
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 410 ใบหน้าถูกทำลาย
เล่มที่ 14 ตอนที่ 410 ใบหน้าถูกทำลาย
“ช่วยด้วย ช่วยชีวิตด้วย!” ในห้องขังที่คับแคบห้องหนึ่งมีเสียงกรีดร้องดังออกมา ที่ตามมาคือสายตาตื่นตระหนกและเสียงร้องวิงวอนขอความเมตตาไม่หยุด
“อย่าทำเช่นนี้กับข้า พี่สาว อย่าได้ทำเช่นนี้! ข้าได้ทำตามข้อเรียกร้องของท่าน อยู่ห่างจากเหยียแล้ว เพราะเหตุใดกัน ท่านเพราะเหตุใด…อ๊า!”
สุดท้ายก็ไม่อาจหลบพ้นการลงทัณฑ์ของอีกฝ่าย หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองออกมาอีกครั้ง
“เหอะ เซิงเอ๋อร์ เจ้ายังมีหน้าขอร้องให้ข้าไว้ชีวิต?”
มองดูเหงื่อเม็ดใหญ่ที่หลั่งไหลลงมาจากหน้าผากของนาง มองนางเจ็บปวดจนสิ้นสติแล้วฟื้นกลับมา กับท่าทางเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตนั้น หลินเล่อเซิงก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง แต่เพื่อเป้าหมายของตน นางเลิกคิ้วขึ้น “นางสารเลวเจ้าช่างบังอาจนัก เมื่อครู่เจ้ากล้าถือโอกาสในความวุ่นวายคิดจะทำร้ายเด็กในท้องของข้า ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้ยังถือว่าเบา”
“ข้ามิได้ทำ ข้ามิได้ทำ!”
อดทนต่อความเจ็บปวดที่ปลายนิ้วทั้งสิบส่งมา เซิงเอ๋อร์เจ็บจนแม้เพียงกล่าววาจาก็สั่นตะกุกตะกัก แต่นางก็ไม่ลืมที่จะแก้ต่างให้ตน “เซิงเอ๋อร์ไม่เคยคิดจะทำร้ายชีวิตเด็กในครรภ์ของพี่หญิง พี่หญิง เซิงเอ๋อร์ก็เป็นผู้ที่ใกล้จะเป็นมารดาคนเช่นกัน แล้วข้าจะทำเรื่องเลวร้ายที่ผิดต่อมโนธรรมฟ้าได้อย่างไร พี่หญิงเข้าใจเซิงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ขอร้องพี่หญิงโปรดปล่อยเซิงเอ๋อร์ไปเถิดเจ้าค่ะ”
เซิงเอ๋อร์กล่าวจบ ก็หอบหายใจเข้าออกคำใหญ่หลายครั้ง เพราะมีเพียงเช่นนี้จึงจะทำให้นางบรรเทาความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ปลายนิ้วได้
แต่ในยามที่นางใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายช้อนสายตาขึ้นมองหลินเล่อเซิงนั้น ก็พบกับใบหน้าที่ไร้ไมตรีและเต็มไปด้วยแผนการร้ายของนางเข้าพอดี
หัวใจทั้งดวงของนางดำดิ่งลง “พี่สาว ท่าน…ท่านจะทำสิ่งใด?”
นางคิดอยากจะหนี คิดอยากจะถอยหลัง แต่ยามนี้ตัวนางถูกคนมัดไว้บนแท่นไม้กางเขน ไม่มีหนทางให้หลบหนีแม้แต่น้อย
“ข้าทำสิ่งใด? เหอะ เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ให้น้อยลงหน่อย ที่นี่คือจวนองค์ชายเจ็ด ในเมื่อเจ้ามีฐานะเป็นถึงพระชายารองขององค์ชายเจ็ด แต่กลับพยายามจะทำร้ายพระชายาเอกและพระราชนัดดาในอนาคต ข้าเพียงแต่ลงโทษเจ้าสถานเบาเป็นบทเรียนเท่านั้น เจ้าควรจะขอบคุณข้าจึงจะถูก”
กล่าวจบ หลินเล่อเซิงก็ส่งสายตาให้สาวใช้ สาวใช้ทั้งสองเมื่อเข้าใจความหมายแล้วเชือกในมือก็ออกแรงมากยิ่งขึ้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาของเซิงเอ๋อร์ดังออกมาจากในคุก
“อ๊า…อ๊า!”
หลังเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เซิงเอ๋อร์ก็เจ็บปวดจนสิ้นสติไป
เห็นไม้หนีบบีบนิ้วมือขาวละเอียดของนางจนบวมแดงจนแทบจะหักแล้ว หลินเล่อเซิงจึงได้รู้สึกว่าความอัดอั้นที่ได้รับมาทั้งวันบรรเทาลงมากแล้ว
“ใครเข้ามา ปลดไม้หนีบลง หาน้ำอ่างหนึ่งมาสาดให้นางตื่น”
หลินเล่อเซิงสั่งการอย่างเย่อหยิ่ง สายตามองไปที่สาวใช้ประจำตัวอีกครั้ง “เซี่ยเถา ข้าว่าเจ้ายิ่งไม่มีรู้ความแล้ว ยังไม่ยกเก้าอี้มาให้ข้าตัวหนึ่งอีก?”
ในตอนที่เซิงเอ๋อร์ถูกน้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดตั้งแต่หัวจรดเท้าจนตื่นนั้น ก็เห็นหลินเล่อเซิงนั่งอยู่เบื้องหน้าของตนอย่างสบายอารมณ์พอดี ด้านหนึ่งดื่มน้ำชา อีกด้านกินขนม ภาพเช่นนี้ทำให้ในใจของนางเคียดแค้นจนแทบกระอักเลือด
แต่ในเวลาเดียวกันนางก็ตระหนักว่าไม้หนีบที่มือทั้งสองข้างได้ถูกปลดออกไปแล้ว นางรู้ว่า วันนี้มีแต่ต้องร้องขอความเมตตาจากสตรีนางนี้เท่านั้น จึงจะมีโอกาสรอดชีวิตได้แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ทว่า เพื่อเด็กในท้อง เพื่อชีวิตของนาง ทนสักหน่อยจะเป็นไรไป?
“ขอบพระทัยพี่หญิงมากที่ทรงไว้ชีวิต พี่หญิง”
“หืม ผู้ใดกล่าวว่าข้าไม่คิดจะฆ่าเจ้ากัน?” ไม่รอให้เซิงเอ๋อร์พูดจบ คำพูดชั่วร้ายของหลินเล่อเซิงก็ดังมาข้างหู
สายตาเยียบเย็นที่ไร้จิตใจของนางราวกับผู้ล่าวิญญาณที่ปีนออกมาจากขุมนรก ทำให้เซิงเอ๋อร์สั่นสะท้าน
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของนางอีกครั้ง สาวใช้ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ถือแท่งเหล็กร้อนอยู่ในมือ เซิงเอ๋อร์หวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“นี่เจ้าจะทำสิ่งใดกัน? หลินเล่อเซิง ที่แท้เจ้าจะทำสิ่งใดกับข้ากันแน่? ที่นี่เป็นจวนองค์ชายเจ็ด เจ้าวางแผนจะเอาชีวิตข้าลับหลังเหยียจริงๆ หรือ?”
ไม่มีเวลามาสนใจฐานะของกันและกันอีก เซิงเอ๋อร์ก็ราวกับเพิ่งจะเข้าใจในนาทีนี้ว่า ยิ่งอ่อนแอก็จะยิ่งถูกคนรังแก
“เจ้าไม่มีอำนาจฆ่าข้า ข้าเป็นผู้หญิงของเหยีย จะฆ่าหรือตัดหัวล้วนต้องให้เหยียเป็นผู้ออกคำสั่งด้วยตนเอง ให้ข้าพบเหยีย!”
“เหอะ ช่างมีความกล้าเหลือเกิน ถึงกับกล้าเรียกชื่อของเปิ่นเฟยตรงๆ แล้ว เซิงเอ๋อร์ เจ้ากล่าวมาตามตรง เจ้าคิดจะขี่อยู่บนหัวของข้ามานานแล้วใช่หรือไม่!”
เพล้ง หลินเล่อเซิงเขวี้ยงจอกชาที่อยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง มือหนึ่งของนางเท้าอยู่ที่เอว อีกมือหนึ่งมีคนประคองเดินมาที่เบื้องหน้าของเซิงเอ๋อร์ บีบคางของเซิงเอ๋อร์อย่างรุนแรง “เจ้ามันนางจิ้งจอก หญิงแพศยาชั้นต่ำที่มีชาติกำเนิดจากหอนางโลมคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดว่าได้รับความโปรดปรานจากเหยียไม่กี่วันก็จะบินขึ้นที่สูงได้แล้ว? เพ้ย ข้าขอบอกเจ้า อาศัยเพียงที่เจ้าจะทำร้ายข้าเมื่อครู่เพียงจุดเดียว ก็เพียงพอที่ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าแล้ว เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“ข้าเชื่อ แต่ข้าไม่เคยคิดจะวางแผนทำร้ายเจ้ามาก่อน แต่ไรมาก็ไม่เคย!” เซิงเอ๋อร์ต่อต้าน ไม่มีเวลามาสนใจความเจ็บปวด นางสะบัดมือที่จับคางของนางอยู่ออกอย่างแข็งกร้าว
เมื่อมองหลินเล่อเซิงอีกครั้ง ในดวงตาของนางไม่มีความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว มีเพียงความเคียดแค้นที่ลึกซึ้งเท่านั้น
“เมื่อครู่ในลานจู่ๆ ก็มีระเบิดควันปรากฏขึ้นมา เจ้ากับข้าล้วนตกใจจนสะดุ้งกันทั้งคู่ ข้าถอยหลังหลบห่างจากเจ้าไปไกลโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากควันหายไปแล้วเจ้ากลับนอนอยู่บนพื้น กระทั่งใส่ความข้าว่าวางแผนทำร้ายเด็กในท้องของเจ้า” เซิงเอ๋อร์นึกย้อนความทรงจำจากนั้นบรรยายออกมา “หลินเล่อเซิง ความจริงที่แท้เป็นเช่นใดเจ้ารู้อยู่แก่ใจดี ข้ามิได้ผลักเจ้า และมิได้คิดวางแผนทำร้ายเจ้า ข้าต้องการพบเหยีย ข้าต้องการพบเหยีย”
‘เพี๊ยะ!’
หลินเล่อเซิงยกมือขึ้นตบนางอย่างแรงทีหนึ่ง
เห็นมุมปากของเซิงเอ๋อร์มีเลือดไหลออกมา นางแสร้งยกมือปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อ แต่สามวินาทีให้หลัง นางก็ยิ้มอย่างเบิกบาน “ข้าบอกว่าเจ้าวางแผนทำร้ายข้า ก็คือเจ้าวางแผนทำร้ายข้าแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้มีเพียงเจ้าและข้าอยู่ในที่แห่งนั้น ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด? เจ้าอยากพบเหยีย? เหอะ เจ้าใช่ลืมไปแล้วหรือไม่ว่าข้าเตือนเจ้าไว้อย่างไร?”
เพี๊ยะ!
ยังคงเป็นอีกหนึ่งฝ่ามือตบลงบนใบหน้าที่บวมอยู่เล็กน้อยของเซิงเอ๋อร์ ครั้งนี้นางใช้พละกำลังทั้งหมดในร่าง หากเป็นไปได้แล้วละก็ แทบอยากจะตบนางให้ตายไปเสียเลย!
ไม่ผิด เมื่อครู่ในลานมีระเบิดควันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน นางตกใจจนสะดุ้งไปครั้งหนึ่งจริงๆ แต่นางรู้ว่า มีแต่คว้าโอกาสนี้ไว้ จึงจะสามารถจับเซิงเอ๋อร์มาขังไว้อย่างสมเหตุสมผลได้
ถึงอย่างไรตอนนั้นก็โกลาหลวุ่นวายไปหมด ไม่ว่าผู้ใดก็พูดได้ไม่ชัดเจนว่าที่แท้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นางจึงล้มลงบนพื้นเสียเลย ในตอนที่องครักษ์ที่อยู่นอกลานได้ยินเสียงบุกเข้ามานั้น นางก็รีบระบุว่าเป็นเซิงเอ๋อร์จะสังหารคน เหล่าข้ารับใช้จึงได้จับตัวนางมาขังไว้ในคุกแห่งนี้
ต่อให้เหยียกลับมาแล้วไต่ถาม ความผิดที่เซิงเอ๋อร์วางแผนทำร้ายพระชายาเอกและพระราชนัดดาในอนาคตล้วนหนีไม่พ้นแล้ว!
ชีวิตของนาง สุดท้ายแล้วก็ยังคงอยู่ในกำมือตน!
“หลินเล่อเซิง เจ้าใส่ความ เจ้า…” มองแผนการร้ายในก้นบึ้งดวงตาของหลินเล่อเซิง ในเสี้ยววินาทีถัดมา เซิงเอ๋อร์ก็เข้าใจทุกสิ่ง “เจ้าจงใจหาข้ออ้างจับข้าไว้ เจ้าต้องการจะกำจัดข้าอยู่ตลอด แต่เจ้ายิ่งควรจะรู้ว่า เจ้าไม่มีอำนาจจะสังหารข้า! ข้าเป็นพระชายารองที่องค์ชายเจ็ดแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ต่อให้ต้องการจะปลดตำแหน่งของข้าหรือต้องการชีวิตของข้า ล้วนต้องมีเหยียเป็นผู้ออกคำสั่งด้วยตัวเอง เจ้า เจ้าไม่มีอำนาจนี้!”
“ว้าว แค่นางแพศยาที่มาจากหอนางโลมเท่านั้น รู้มากเสียเหลือเกินนะ?”
หลินเล่อเซิงไม่พอใจต่อเสียงร้องตะโกนอย่างมีโทสะของเซิงเอ๋อร์มาก นางหมุนกายหยิบแท่งเหล็กร้อนในมือของสาวใช้ด้วยตนเอง เดินเข้าหาเซิงเอ๋อร์ทีละก้าว ทีละก้าว
ค้อมเอว ก้มศีรษะลง เหลือเพียงระยะห่างหนึ่งไม้บรรทัดระหว่างนางเท่านั้น
นางด้านหนึ่งนำแท่งเหล็กร้อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของเซิงเอ๋อร์ อีกด้านหนึ่งก็พูดเสียงเบาว่า “ลืมบอกเจ้าไป วันนี้ก่อนที่จะมาหาเจ้า เหยียได้มอบความเป็นตายของเจ้าไว้กับข้าอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ ข้าอยากให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องตาย เซิงเอ๋อร์ อย่าได้เคียดแค้นข้า ทุกสิ่งล้วนเป็นการตัดสินใจของเหยีย”
กล่าวจบ ไม่ทันให้เซิงเอ๋อร์ได้ย่อยความนัยที่อยู่ในคำพูดนี้ แท่งเหล็กร้อนในมือของหลินเล่อเซิงก็นาบลงบนใบหน้าของเซิงเอ๋อร์อย่างไร้ความปรานี
“อ๊า!!!!!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังทะลุไปถึงแผ่นฟ้า ยังคงไม่อาจปกปิดเสียงฉ่าในยามที่แท่งเหล็กร้อนนาบลงบนผิวหน้าได้
ใบหน้าของนาง ถูกทำลายแล้ว!
เซิงเอ๋อร์รู้สึกเพียงว่าชีวิตของนางได้เดินมาสุดทางแล้ว ในยามที่นางสะลึมสะลือนั้น ราวกับเห็นตำหนักของพญามัจจุราชกำลังกวักมือให้นาง
“หยุดมือ!”
เสียงร้องตะโกนที่คุ้นเคย ดึงนางกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย ในตอนที่เซิงเอ๋อร์ช้อนสายตาขึ้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากมองนางซ้ายขวาขึ้นลงไปรอบหนึ่ง สาวใช้ก็ส่ายหัวไม่หยุด “ขออภัยด้วยเพคะนายหญิง เป็นเสี่ยวหลันมาช้าไปแล้ว”
เสี่ยวหลันทางหนึ่งร้องไห้ อีกทางกางแขนออกปกป้องเซิงเอ๋อร์ไว้เบื้องหลัง เมื่อมองหลินเล่อเซิงอีกครั้ง นางก็โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พระชายาเอก นี่ท่านจะทำสิ่งใดกัน? สังหารคนหรือ? ต่อให้ท่านจะฆ่านายหญิงของข้า แต่ไม่ว่าอย่างไรในท้องของนายหญิงก็ยังมีบุตรขององค์ชายเจ็ดอยู่ ท่านไม่อาจปฏิบัติต่อนางเช่นนี้!”
มองสาวใช้ชั้นต่ำชี้นิ้วใส่จมูกยืนด่าอยู่เบื้องหน้าของนาง หลินเล่อเซิงขมวดคิ้วแน่น หันศีรษะไปตะคอกใส่ซิ่วเถา “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อครู่ในยามที่นางพาตัวเซิงเอ๋อร์มา ได้สั่งการให้คนขังสาวใช้ชั้นต่ำนางนี้ไว้ด้วยแล้วชัดๆ สาวใช้ชั้นต่ำเพียงผู้หนึ่งเท่านั้น นางมิได้เห็นอยู่ในสายตา ถือเสียว่าไว้ชีวิตนางสักครั้ง แต่เหตุใดนางจึงได้วิ่งมาที่นี่แล้ว?
ไม่ทันให้ซิ่วเถาได้ตอบ ก็มีสาวใช้สองนางวิ่งหอบหายใจเข้ามา “เหนียงเหนียงโปรดทรงระงับโทสะด้วยเพคะ บนร่างของนางสาวใช้สารเลวผู้นี้ถึงกับซ่อนมีดสั้นไว้ เดิมพวกข้าได้มัดนางไว้แล้ว แต่ผู้ใดจะรู้ว่านางจะใช้มีดสั้นตัดเชือก เหนียงเหนียงทรงวางพระทัย พวกเราจะพานางกลับไปสั่งสอนให้ดีเดี๋ยวนี้เพคะ”
กล่าวจบ สาวใช้สองนางก็จะพุ่งเข้าหาเสี่ยวหลัน
เสี่ยวหลันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เหยียดแขนออกไป มีดสั้นในมือแทงทะลุฝ่ามือทันที นางกวัดแกว่งไปทั่ว “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า ข้าจะดูว่าผู้กล้า!”
ทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน แต่เสี่ยวหลันในยามนี้ก็ราวกับนักรบผู้กล้าหาญกระนั้น ในดวงตาของนางมีเพียงนายหญิง มีเพียงการแก้แค้น
“พวกเจ้าใครกล้าเข้าใกล้ข้า ข้าก็จะฆ่าคนผู้นั้น ไม่อนุญาตให้เข้ามา ไม่ว่าใครก็ไม่อนุญาตให้เข้ามา!”
เสี่ยวหลันแผดร้องตะโกนสุดเสียง พยายามต่อต้าน มีดสั้นในมือเดิมก็แหลมคม อย่างไม่ทันระวังก็เกือบจะทำร้ายโดนหลินเล่อเซิงเข้า
หลินเล่อเซิงตกใจจนกรีดร้อง “ใครก็ได้เข้ามา ใครเข้ามาจับตัวนางไว้ซะ!”
“อย่าทำร้ายเสี่ยวหลัน!” เซิงเอ๋อร์ที่ในที่สุดพอจะเรียกสติกลับมาได้บ้างรีบวิงวอนขอความเมตตาจากหลินเล่อเซิง
“หลินเล่อเซิง เป้าหมายของเจ้าคือข้า ที่เจ้าต้องการชีวิตข้า เป็นเพียงเพราะขัดตาที่เหยียรักใคร่ข้าเท่านั้น ปล่อยเสี่ยวหลันไป นางเป็นผู้บริสุทธิ์”
“เหยียรักใคร่เจ้า?”
เป็นอย่างที่คิด หลินเล่อเซิงถูกนางเบี่ยงเบนความสนใจมาอย่างง่ายดาย
นางเดินไปยังเบื้องหน้าของเซิงเอ๋อร์ ตบลงบนใบหน้าที่ถูกเหล็กร้อนนาบของอย่างไม่เกรงใจ ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาของเซิงเอ๋อร์อีกครั้ง หลินเล่อเซิงเชิดศีรษะ “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ? หากมีความกล้า เจ้าพูดมาอีกครั้ง!”
เซิงเอ๋อร์รู้ว่า หากนางพูดอีกครั้งแล้วละก็ หลินเล่อเซิงเกรงว่าคงจะฆ่านางแล้ว
แต่สิ่งเดียวที่นางทำได้ในตอนนี้ ก็คือการช่วยให้เสี่ยวหลันหนีออกไป
เซิงเอ๋อร์ช้อนสายตาขึ้นมองหลินเล่อเซิง ดวงตาทั้งคู่ของนางหรี่ลงเป็นเส้นเดียว พร้อมกับใบหน้าครึ่งซีกที่เต็มไปด้วยโลหิต นางหัวเราะอย่างสยดสยอง แต่ก็หัวเราะอย่างเฉิดฉายด้วย “เดิมเหยียก็รักใคร่เอ็นดูข้า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเห็นข้าเป็นดั่งตะปูในดวงตาเพราะความหึงหวงได้อย่างไร? หลินเล่อเซิง เจ้าฟังให้ชัดเสีย หลายปีมานี้ ผู้เดียวที่เหยียทรงรักก็คือข้า”
กล่าวจบ นางก็มองไปที่เสี่ยวหลันทันที ใช้ริมฝีปากเอ่ยอักษรออกมาสองตัวส่งสัญญาณให้นาง ‘มู่เอ๋อร์’