เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 13 ตอนที่ 383 รังแก
เล่มที่ 13 ตอนที่ 383 รังแก
หลังจากนั้นราวหนึ่งเค่อ เซิงเอ๋อร์ก็ลากร่างกายที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าออกมายืนที่นอกประตูตำหนัก แต่สายแล้วหลินเล่อเซิงกลับยังไม่ปรากฏตัวออกมา
นางง่วงมากจนทั้งร่างรู้สึกหน้ามืดตามัว รอต่อไปประมาณหนึ่งก้านธูปจนคิดจะเลิกรอ แต่คาดไม่ถึงว่าหลินเล่อเซิงจะพาสาวใช้ข้างกายออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“อ้าว คิดไม่ถึงว่าน้องสาวจะออกมาก่อนแล้ว ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้น้องสาวต้องรอ แต่ในเมื่อน้องสาวรีบร้อนถึงเพียงนี้เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
แม้หลินเล่อเซิงจะพูดเช่นนี้แต่นางกลับเข้ารถม้าไปเองแล้ว เดิมทีเซิงเอ๋อร์ยังคิดจะขึ้นไปด้วยแต่กลับถูกสาวใช้ข้างกายนางขวางไว้ “นี่เป็นรถม้าของเจิ้งเฟยเหนียงเหนียง เจ้าอยู่ในสถานะใดจึงจะมานั่งได้หรือ? ไสหัวไป!”
สาวใช้ผลักนางออกอย่างไรปรานี เซิงเอ๋อร์ที่ไม่ทันได้ระวังตัวจึงเกือบจะล้มลง
“พระสนม!” เสี่ยวหลันรีบพยุงเซิงเอ๋อร์จากข้างหลังก่อนจะมองสาวใช้ผู้นั้น นางจ้องมองอย่างเดือดดาล “เจ้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ จะอย่างไรนายของข้าก็เป็นเช่อเฟย หากเจ้าทำนางบาดเจ็บเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ?”
“เช่อเฟยแล้วอย่างไร ข้า…” สาวใช้คิดจะโต้เถียง
“ซิ่วเถา!” ในรถม้าหลังจากหลินเล่อเซิงกล่าวอย่างไม่พอใจสาวใช้หนึ่งประโยค ก็ยื่นศีรษะออกมาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อา ที่แท้น้องสาวก็ไม่มีรถม้า ไม่เช่นนั้นน้องสาวขึ้นมานั่งกับข้าดีหรือไม่?”
แม้หลินเล่อเซิงจะพูดเช่นนี้แต่ก็หาได้มีความคิดจะให้ขึ้นไป เซิงเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็ทำเพียงยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ในเมื่อเป็นรถม้าของเจิ้งเฟยเหนียงเหนียง เซิงเอ๋อร์จะเข้าไปนั่งย่อมไม่เหมาะ ถึงอย่างไรตลาดก็อยู่ไม่ไกลนักจะเดินไปก็ย่อมไม่เป็นปัญหา”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นน้องสาวก็เดินตามมาเถอะ” เซิงเอ๋อร์เพิ่งกล่าวจบ หลินเล่อเซิงก็รีบสั่งให้คนขับรถม้าออกเดินทาง
ความเร็วของรถม้าเร็วเกินไปจนเซิงเอ๋อร์ต้องวิ่งเหยาะๆ จึงจะตามทัน มีหลายคราที่นางคิดจะยอมแพ้ แต่หลินเล่อเซิงราวกับคาดเดาความในใจของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงยังเปิดม่านรถม้าออกมาเรียกนาง “น้องสาวตามมาเร็ว”
“พระสนม พระสนมท่านไหวหรือไม่เพคะ?” เห็นเซิงเอ๋อร์เกือบจะล้มลงไปอยู่รอมร่อ เสี่ยวหลันจึงจับนางให้หยุดเดินต่อ
“ข้าไม่เป็นไร เร็ว เจ้าตามไปก่อนเถอะ” เซิงเอ๋อร์รีบผลักเสี่ยวหลันให้ตามไป นางต้องการพักเสียหน่อย
“พระสนมพวกนางจะรังแกท่านมากเกินไปแล้ว ท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องถูกรังแกเช่นนี้เลยเพคะ!” เสี่ยวหลันรู้สึกไม่พอใจ
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเป็นเจิ้งเฟยส่วนข้าเป็นเพียงเช่อเฟยอีกทั้งยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหยีย หากข้าไม่ฟังคำพูดของนางแล้วจะให้ทำเช่นไรเล่า? ยามนี้นางกำลังอารมณ์ดีจึงทำเพียงแค่คุกคามลูกของข้า หากอารมณ์ไม่ดีจนเอาข้าไปขายผลลัพธ์หลังจากนี้จะยิ่งแย่ลง”
หลังจากเซิงเอ๋อร์สูดหายใจอยู่หลายคราก็จำต้องยิ่งเหยาะๆ ตามไป
ไม่รู้ว่าวิ่งมานานเพียงใดรู้สึกเพียงแค่หน้ามืดตาลายไปหมด ไม่ง่ายกว่าจะวิ่งตามทันซึ่งรถม้าก็หยุดวิ่งอยู่ก่อนแล้ว
“ข้าสงสัยว่าเหตุใดพวกเจ้าสองคนจึงเดินช้าถึงเพียงนี้ พระสนมรอพวกเจ้าอยู่ตั้งนานแล้ว” ซิ่วเถากลอกตามองเซิงเอ๋อร์ “ยังมัวงงทำอันใดอยู่ ยังไม่ช่วยพยุงพระสนมลงมาอีก เจ้าเรียกพระสนมว่าพี่สาว ไม่ใช่ว่าควรทำหน้าที่ในฐานะน้องสาวหรือ?”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้เซิงเอ๋อร์ก็รู้สึกเพียงว่าน่าขัน แต่นางไม่มีแม้แต่โอกาสจะคัดค้าน หลินเล่อเซิงก็ยื่นมือออกมาแล้ว
ไม่มีทางเลือกนางจึงทำได้เพียงทำราวกับตัวเองเป็นบ่าวรับใช้ ช่วยพยุงหลินเล่อเซิงลงมาด้วยตัวเอง
แต่หลินเล่อเซิงไม่รู้ว่าตั้งใจหรือมิได้เจตนา ยามที่ลงจากรถม้าไม่ทันระวังจึงสะดุดเท้าจนทั้งร่างโถมลงมา
“พระสนมระวังเพคะ!”
เสี่ยวหลันเห็นเช่นนั้นก็รีบดันเซิงเอ๋อร์ไว้จากข้างหลังเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนล้มลงมา
แต่ซิ่วเถากลับระเบิดโทสะออกมาโดยพลัน
“เจ้าพยุงคนอย่างไร นี่หากพระสนมบาดเจ็บเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ?” ยามที่ซิ่วเถาเดินมาก็ใช้มือข้างหนึ่งผลักเซิงเอ๋อร์ออก ก่อนจะพยุงหลินเล่อเซิงไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง “พระสนมท่านเป็นอันใดหรือไม่เพคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ที่ท้องไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่เพคะ?”
มือทั้งสองข้างของหลินเล่อเซิงกุมท้องไว้อย่างระมัดระวัง สูดหายใจเข้าลึกหลายคราและส่ายศีรษะ ก่อนจะมองเซิงเอ๋อร์อีกคราด้วยสีหน้าที่มืดครึ้มลงโดยพลัน “เซิงเอ๋อร์ หรือเจ้าโทษว่าข้าไม่ให้เจ้านั่งรถม้าจึงจงใจทำเช่นนี้?”
“ไม่ใช่เพคะ!” เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นางเป็นคนกดทับตนลงมาจนตนเกือบล้มลงไปเช่นกัน ทั้งยังถูกใส่ความอีกเซิงเอ๋อร์จึงเต็มไปด้วยไฟโทสะสุมอยู่เต็มท้อง
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ เหตุใดเจ้าต้องรุนแรงด้วย!” หลินเล่อเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไม ยามนี้เจ้ารู้สึกไม่พอใจข้าหรือ?”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้เซิงเอ๋อร์ก็คุกเข่าลงบนพื้น “พี่สาวเข้าใจเซิงเอ๋อร์ผิดแล้วเพคะ เซิงเอ๋อร์มิกล้า”
“เหอะ ข้าเชื่อว่าเจ้ามิกล้า ช่างเถอะ เมื่อครู่อย่างไรก็เป็นเจ้าไม่ทันระวัง” หลินเล่อเซิงแค่นเสียงเย็นคราหนึ่งโดยไม่มองนางแม้แต่คราเดียว ก่อนจะมองไปทางร้านค้าตรงหน้า “นี่เป็นร้านขายของใช้สำหรับเด็กที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง เด็กทุกคนในอนาคตล้วนต้องมีของใช้ในร้านนี้ ไปเถอะเข้าไปดูของกับข้า หากมีของที่ต้องการก็ซื้อกลับไปด้วยกันให้หมด ถ้ามาซื้อในวันที่อากาศหนาวเย็นย่อมไม่สะดวก”
กล่าวจบหลินเล่อเซิงก็เดินนำหน้าเซิงเอ๋อร์ไปแล้ว
เซิงเอ๋อร์เงยหน้ามองร้านค้าตรงหน้า เห็นเพียงเสื้อผ้าทารกที่น่ารักมากสองตัวแขวนอยู่หน้าประตู หัวใจที่เดิมทีห่อเหี่ยวของนางกลับอ่อนยวบลงโดยพลัน
ว่ากันตามเหตุผลแล้วเสื้อผ้าเด็กล้วนต้องเป็นมารดาตัดเย็บเองถึงจะดี แต่ก็มีของบางอย่างที่จำเป็นต้องซื้อกลับไป
นางก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างวันนี้จึงตามหลินเล่อเซิงออกมาด้วย
จากระยะไหลบนโรงน้ำชา ร่างสองร่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงนี้
“นั่นไม่ใช่เช่อเฟยขององค์ชายเจ็ดหรือขอรับ?” จื่อถงมองตามอย่างมิได้ตั้งใจ คาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่จะเห็นฉากที่นางถูกรังแกเข้าพอดี “ได้ข่าวว่าเช่อเฟยขององค์ชายเจ็ดได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดจึงถูกเจิ้งเฟยรังแกจนกลายเป็นเช่นนี้เล่าขอรับ?”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้ซูเช่อก็วางถ้วยน้ำชาและมองมาเช่นกัน มือทั้งสองข้างของเขาไพล่อยู่ข้างหลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างโรงน้ำชา จ้องมองภาพนั้นอย่างพิจารณาก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน
ยังจำได้ว่าวันนั้นที่เขาเกือบประสบเคราะห์ร้ายอยู่ที่ตำหนักองค์ชายเจ็ด เป็นเช่อเฟยผู้นี้ที่ช่วยเขาไว้ กล่าวได้ว่าถึงอย่างไรเขาก็ยังติดค้างน้ำใจนางอยู่คราหนึ่ง
“หลินเล่อเซิงมิใช่ว่าเพราะใต้เท้าหลินจึงออกจากตำหนักองค์ชายเจ็ดไปนานแล้วหรือ?” ซูเช่อถาม
“คุณชายอาจยังไม่ทราบ หลินเล่อเซิงผู้นี้เป็นความจริงที่ก่อนหน้านี้ออกจากตำหนักองค์ชายเจ็ดไปหลายเดือนแล้วขอรับ ทุกคนต่างคาดเดาว่านางจะถูกองค์ชายเจ็ดขอหย่า แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนจู่ๆ นางก็กลับมา ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยยังเปลี่ยนไปจากปกติอีกด้วยขอรับ ได้ยินว่ายังได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายเจ็ดอีกด้วยขอรับ แต่ทุกคนต่างรู้ว่าองค์ชายเจ็ดโปรดปรานเช่อเฟยมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้เจิ้งเฟยกลับมาเป็นธรรมดาที่จะต้องกดข่มไว้ให้ดี มิน่าเล่าเมื่อครู่หลินเล่อเซิงผู้นั้นจึงกลั่นแกล้งคนเช่นนั้น” จื่อถงกล่าว
ไม่ทันที่ซูเช่อจะพูดอันใด เงาร่างหนึ่งก็วิ่งมาเบื้องหลังของทั้งสองคนอย่างกะทันหัน
“ซูเช่อเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?” เห็นซูเช่อกำลังเหม่อมองอันใด มั่วจวินเหยาที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันแทรกตัวมาอยู่ข้างเขา “เจ้ากำลังมองอันใดอยู่หรือ?”
คาดไม่ถึงว่าออกมาดื่มน้ำชาครานี้จะได้มาพบกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด ซูเช่อออกห่างจากหน้าต่างก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สะกดรอยตามเปิ่นหวางมาหรือ?”
“เปล่า ข้ามิได้ทำเช่นนั้นจริงๆ!” กลัวว่าจะถูกเขาเข้าใจผิดมั่วจวินเหยาจึงรีบอธิบาย “ข้า ข้าอยู่ที่จวนเสียนหวางแล้วเบื่อมากจริงๆ จึงออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ คาดไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ แต่เมื่อครู่คนที่เจ้ามองใช่เช่อเฟยขององค์ชายเจ็ดหรือไม่?”
เห็นซูเช่อมิได้พูดอันใดก็ถือเป็นการยอมรับกลายๆ โทสะของมั่วจวินเหยาก็ปะทุขึ้นมาโดยพลัน
“ซูเช่อเจ้าจะเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเช่อเฟยขององค์ชายเจ็ด เจ้าจ้องมองคนเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร?”
เพราะเสียงตะโกนอย่างเดือดดาลของนางทำให้ทุกคนในโรงน้ำชามองมาโดยพลัน
เดิมทีที่ซูเช่อมีท่าทีไม่ยินดีต้อนรับนางก็เพราะนางดื้อรั้นไร้มารยาทและน่าปวดหัวเป็นที่สุด เห็นสายตายิ้มเยาะที่ทุกคนมองมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเย็นออกจากจมูกคราหนึ่ง “บุรุษมองสตรี เจ้าคิดว่าหมายความว่าอย่างไรเล่า?”
“เจ้า!”
มั่วจวินเหยาโกรธเกรี้ยวโดยที่ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าเขาพูดเช่นนี้ด้วยความโกรธ “ดีซูเช่อ เจ้าไม่เห็นเสียนหวางเฟยอย่างข้าอยู่ในสายตาเอาแต่สนใจภรรยาของผู้อื่น ก่อนหน้านี้ก็หลิงมู่เอ๋อร์มายามนี้ก็เช่อเฟยขององค์ชายเจ็ด เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“ถ้าใช่แล้วอย่างไร?” ซูเช่อยอมรับอย่างใจกว้าง ถึงขั้นหรี่ตาทั้งสองข้างลงเป็นความหมายว่า ‘แล้วเจ้าจะทำอันใดข้าได้’
มั่วจวินเหยารู้สึกเพียงว่าแทบจะอกแตกตายแล้วจริงๆ “เจ้า หากเจ้ามีความสามารถก็ไปพานางกลับมาจวนเสียนหวางเลยเถอะ เห็นสิ่งใดแปลกใหม่ก็พากลับมาให้ความเอ็นดูเช่นนั้นจึงจะรู้สึกตื่นเต้นใช่หรือไม่?”
นางพูดเช่นนี้เพราะความโกรธ จงใจกระทบกระเทือนจิตใจซูเช่อ ไม่อยากให้เขาจ้องมองสตรีอื่นอีก
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเช่อเฟยขององค์ชายเจ็ด ไม่ต้องพูดถึงว่าซูเช่อไม่อาจแย่งชิงนางมาได้ แม้จะมีความคิดเช่นนี้แต่เขาก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้
แต่ใครจะรู้ว่าซูเช่อกลับยืนขึ้นมาจริงๆ “สนมรัก นี่เป็นคำแนะนำที่ไม่เลวเลย เช่นนั้นเปิ่นหวางต้องไปแล้ว”
กล่าวจบซูเช่อก็เดินอ้อมนางลงมาชั้นล่าง ภายใต้สายตาที่เดือดดาลของมั่วจวินเหยา เขาพาจื่อถงเดินเข้าไปในร้านของใช้สำหรับเด็กจริงๆ
“ซูเช่อเจ้าจะเกินไปแล้ว เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
ยามที่ซูเช่อขึ้นมาชั้นบนก็เห็นหลินเล่อเซิงกำลังรังแกเซิงเอ๋อร์พอดี
“ของพวกนี้เจ้าถือไว้ให้ดี เอากลับไปส่งที่ห้องข้าด้วย อย่าทำสิ่งใดเสียหายเข้าใจหรือไม่” หลินเล่อเซิงเอาของชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ตรงหน้าทั้งหมดยัดเข้าไปในอ้อมแขนของเซิงเอ๋อร์ ปฏิบัติกับนางราวกับเรียกใช้บ่าว
“เจิ้งเฟยขององค์ชายเจ็ด ท่านจะรังแกคนมากเกินไปแล้วเพคะ พระสนมของหม่อมฉันถึงอย่างไรก็เป็นเช่อเฟย เรื่องต่ำต้อยอย่างการขนของเช่นนี้มิควรเป็นบ่าวรับใช้ที่ต้องทำหรือเพคะ?” เสี่ยวหลันโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ไม่สนใจว่าจะต้องพบเจอกับการลงโทษเช่นไร นางยืนกรานเอาของในอ้อมแขนของเซิงเอ๋อร์ทั้งหมดไปวางไว้บนพื้น
“บ่าวชั้นต่ำผู้นี้ นี่เจ้ากำลังตำหนิว่าข้าควรปฏิบัติตัวเช่นไรหรือ?”
หลินเล่อเซิงคาดไม่ถึงว่าบ่าวผู้หนึ่งจะกล้ามาตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางอยู่หลายครั้งหลายครา “ตัวข้าผู้เป็นเจิ้งเฟยของที่ต้องการซื้อก็ยังซื้อไม่เสร็จ บ่าวข้างกายข้าเป็นธรรมดาที่ต้องถือของที่สำคัญกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไม่เห็นหรือว่าวันนี้ข้ามิได้พาบ่าวออกมาด้วย หากพวกเจ้าสองคนไม่ช่วยถือหรือจะให้ข้าขนกลับไปเองเล่า?”
“ท่าน ท่านจงใจไม่พาบ่าวออกมาด้วย!” เสี่ยวหลันกล่าวแผนการของนางออกมาตรงๆ นางจ้องมองตาเขม็ง “พระสนมของหม่อมฉันเป็นเช่อเฟยแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีขององค์ชายเจ็ดเพคะ! ท่านยังบอกว่าวันนี้จะพาพระสนมออกมาซื้อของด้วย แต่แท้จริงคือต้องการรังแกนางสร้างความอับอายให้นาง หม่อมฉันจะไปทูลให้องค์ชายเจ็ดทราบ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”
พูดจบเสี่ยวหลันก็วิ่งออกไป
หลินเล่อเซิงเห็นเช่นนั้นก็รีบส่งสายตาให้บ่าวรับใช้ หลังจากซิ่วเถาพยักหน้าก็ไล่ตามออกไปโดยพลัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากทำให้เซิงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนองออกมา เสี่ยวหลันก็ถูกซิ่วเถาลากกลับมาอย่างรุนแรงแล้ว
เห็นหลินเล่อเซิงพ่นลมออกจากจมูกจ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยว ก็พอจะเดาออกว่าเสี่ยวหลันจะต้องพบเจอกับสิ่งใด เซิงเอ๋อร์รีบหยิบของทุกอย่างบนพื้นยืนขึ้นมาอีกครา “พี่สาวโปรดระงับโทสะ พี่สาวโปรดระงับโทสะก่อนเพคะ เซิงเอ๋อร์จะทำตามเพคะ พี่สาวโปรดวางใจเซิงเอ๋อร์จะเอาของทั้งหมดไปส่งที่ห้องของท่านอย่างปลอดภัย ท่านอย่าทำให้เสี่ยวหลันลำบากเลยเพคะ”
“ข้าทำให้นางลำบากหรือ?” หลินเล่อเซิงยิ้มเยาะ “บ่าวชั้นต่ำผู้นี้ทำตัวกระด้างกระเดื่องกับข้าอยู่หลายครั้งหลายครา ข้าว่าวันนี้หากข้าไม่สั่งสอนนาง นางก็คงไม่รู้กฎเกณฑ์ของตำหนักองค์ชายเจ็ด!”
หลินเล่อเซิงกล่าวจบก็ใช้โอกาสนั้นหยิบแส้ยาวที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา กำลังจะฟาดลงไปที่เสี่ยวหลัน แต่ในขณะที่ฟาดแส้ลงไปก็หมุนข้อมือไม่ให้คนอื่นรู้เพื่อเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งแท้จริงแล้วกลับเล็งฟาดไปที่เซิงเอ๋อร์
หากแส้นี้ฟาดไปที่ท้องของนางทุกอย่างก็จะเรียบร้อย!