เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 322 ครรภ์สะเทือน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 322 ครรภ์สะเทือน
เล่มที่ 11 ตอนที่ 322 ครรภ์สะเทือน
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว แน่นอนว่าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการ
หลิงมู่เอ๋อร์ปฏิเสธซั่งกวนเซ่าเฉินเรื่องที่เขาจะส่งนางกลับจวน ทว่าระหว่างทางนางได้พบกับหยางซื่อที่กำลังเดินโซซัดโซเซ
“ท่านแม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”
หลังจากได้รับรายงานจากคนขับรถม้า หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบกระโดดลงมาจากรถ ก่อนจะเห็นสีหน้าร้อนรนของหยางซื่อ ราวกับว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
“จือเซวียน เกิดเรื่องกับจือเซวียนแล้ว เจาหยางเองก็ปวดท้องครรภ์ด้วย เราจะทำอย่างไรดี มู่เอ๋อร์”
หยางซื่อคว้าแขนของนางมาจับแน่น ท่าทางใกล้จะร่ำไห้อยู่รอมร่อ “ข้ากำลังจะส่งคนไปตามเจ้าพอดี ไปเร็วเข้า เจ้าไปที่เรือนเจาหยางจวีกับข้าก่อน”
ตอนนั้นเองที่หลิงมู่เอ๋อร์ตระหนักได้ว่าหยางซื่อรีบร้อนจนทำรองเท้าหายไปหนึ่งข้าง นางน่าจะรีบวิ่งออกมาโดยไม่สนใจอันใดทันทีที่ได้ยินข่าว
“ท่านแม่ อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลยเจ้าค่ะ พวกเราจะไปที่เรือนเจาหยางจวีกัน พี่สะใภ้จะไม่เป็นกระไรแน่เจ้าค่ะ”
รถม้าย่อมเร็วกว่า หลิงมู่เอ๋อร์พยุงหยางซื่อให้เข้าไปในรถม้าก่อน ทว่านางก็ยังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลิงจือเซวียน ดังนั้นนางจึงขอให้คนขับรถม้าสละรถวิ่งไปที่จวนขององค์ชายรอง ในขณะที่นางเปลี่ยนมาเป็นคนขับเอง ตลอดทางเร่งร้อนราวกับไฟ
ยามที่มาถึงเรือนเจาหยางจวี ด้านในก็วุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง เห็นหมอหลายคนเดินเข้าๆ ออกๆ แม้แต่สาวใช้เองก็ล้วนตื่นตระหนกแทบทิ้งสิ้น
เหตุการณ์นี้ยังทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและองค์หญิงใหญ่ตื่นตระหนกตามไปด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เจาหยางโกรธเพียงใด
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น จวิ้นจู่น้อยเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิงมู่เอ๋อร์หยุดสาวใช้คนหนึ่งเอาไว้ ทว่าสาวใช้คนนี้ไม่รู้จักหลิงมู่เอ๋อร์จึงคิดว่านางเป็นเพียงแขกที่มาเยี่ยมเยือน นางถลึงตามองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยความโกรธ “ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังยุ่งอยู่หรือ มีธุระอันใดค่อยมาวันอื่นเถิด”
หลังจากเอ่ยจบ สาวใช้ก็สะบัดมือออก ตั้งใจที่จะเดินจากไป ผลปรากฏว่าทันทีที่หมุนกายก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าซูตำหนิทันที
“บังอาจ นี่คือน้องสะใภ้ของเจาหยาง คนข้างๆ นางคือแม่ย่าของเจาหยาง เจ้านี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าซูเอ่ยพลางพุ่งเข้ามาหา นางรีบไปหันเอาใจหยางซื่อทันที “สาวใช้มาใหม่ไม่รู้ความ ยังจำเจ้านายไม่ได้ทั้งหมด ขอให้ครอบครัวเกี่ยวดองอย่าได้ถือสา”
ยามที่มองไปยังหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง นางรีบลากหญิงสาวเข้าไปในเรือนชั้นในทันที “ข้าไม่รู้ว่าพวกเขายังไม่ได้ส่งคนไปเชิญเจ้า ทว่ายามนี้เจ้ามาถึงแล้วข้าก็โล่งใจ เจ้ารีบเข้าไปดูเถิด ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงได้เกิดเรื่องที่สะเทือนไปถึงครรภ์ขนาดนั้น”
ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์ตั้งใจจะเดินเข้าไปนั้น องค์หญิงใหญ่ก็รีบเดินออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนาง หลิงมู่เอ๋อร์ก็คิดว่านางจะหยุดตนไม่ให้ตนเข้าไปตรวจเหมือนตอนที่ห้ามนางไม่ให้พบซูเช่อ ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับทำเพียงมอง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที นางก็หลบสายตาเหลือบไปมองด้านข้างเพื่อหลีกทางให้นาง
หลิงมู่เอ๋อร์โล่งใจเป็นอย่างยิ่ง นางถกกระโปรงเข้าไปข้างในได้ครึ่งตัว ทันใดนั้นหยางซื่อก็คว้าแขนนางไว้
“มู่เอ๋อร์!” หยางซื่อหอบด้วยความตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เจาหยางสำคัญที่สุด”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เลือดลมไหลย้อนกลับทันที นางคิดว่าแม่ของนางก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นห่วงลูกหลานของตัวเองมากที่สุด ทว่าที่แท้แล้ว แม่ของนางเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก
“ไม่เพียงแต่เจาหยางจะไม่เป็นไร แต่ลูกในท้องของนางก็จะต้องปลอดภัยเช่นกัน!” นางให้ความมั่นใจกับทั้งสามคนด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องทันที
วินาทีที่นางเห็นเจาหยางก็ทำให้ตกตะลึงอึ้งค้าง เจาหยางนอนอยู่บนเตียง ผิวหน้าขาวซีด ใบหน้าของนางขมวดแน่นจนยับย่น ท่าทางดูเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากร่างกายส่วนล่างของนาง
เจาหยางตั้งครรภ์มานานกว่าหกเดือนแล้ว ทว่าในเวลานี้นางคลอดก่อนกำหนดไม่ได้เด็ดขาด
“ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”
หลังจากขับไล่หมอและสาวใช้ออกไปจนหมดแล้ว ท่าทีของนางก็เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีหมอบางคนจะไม่พอใจ ทว่ายามที่เห็นท่าทีที่เคร่งขรึมจริงจังของนางก็ไม่กล้าพูดอันใดอีก
“เจาหยาง เจาหยาง!” หลิงมู่เอ๋อร์ลองเรียกสตินาง ทว่าเจาหยางซึ่งจมอยู่ในความเจ็บปวด ดูเหมือนจะเข้าไปในอีกมิติหนึ่งก็ไม่ปาน นางไม่ได้ยินเสียงเรียกของตนเลย ทว่าบางครั้งกลับขมวดคิ้วเพราะปวดท้อง หรือไม่ก็กรีดร้องออกมา
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า!”
เหมือนว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะเอ่ยกับเจาหยาง ทว่าก็เหมือนว่านางจะย้ำกับตนเองเช่นกัน นางหยิบน้ำพุจิตวิญญาณออกจากมิติเทพทันทีเพื่อล้างคราบเลือดบนร่างกายของเจาหยาง แม้ว่าการใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้มันจะน่าเสียดายไปบ้าง แต่น้ำพุจิตวิญญาณมีสรรพคุณในการบำรุงรักษา สามารถช่วยเจาหยางบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
นางมาจากตระกูลแพทย์ และแม้ว่านางจะเก่งเรื่องโรคทั่วไปและการผ่าตัด ทว่านางก็เคยได้รับมอบหมายเรื่องหญิงตั้งครรภ์ที่คลอดบุตรมาหลายกรณี ดังนั้นยามที่ได้เห็นสภาพของเจาหยาง นางจึงมิได้ตื่นตระหนกอันใดมากนัก
สตรีมีครรภ์ไม่ได้รับอนุญาตให้รับประทานยาได้อย่างส่งๆ หลังจากใช้น้ำพุจิตวิญญาณชำระล้างเสร็จเรียบร้อย นางก็หยิบเข็มเงินออกมาเพื่อฝังเข็มให้ทันที รอจนกระทั่งเจาหยางรู้สึกทรมานน้อยลงแล้ว นางจึงค่อยหยิบขวดสีม่วงออกมาจากมิติเทพ
นี่คือโอสถไป่หลิงเซียนที่นางพัฒนาขึ้นจากกลีบดอกไป่หลิงเซียน แม้ว่าฤทธิ์ยาจะไม่แรงเท่าโอสถที่สกัดออกมาจากไป่หลิงเซียนตรงๆ ทว่าอย่างน้อยก็ให้ผลลัพธ์ครึ่งหนึ่ง
หลังจากที่ดวงตาของซูเช่อดีขึ้นและพี่หญิงเซิงเอ๋อร์ตั้งครรภ์ได้สำเร็จ นางก็ใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนในการพัฒนายาตัวนี้ แม้ว่านี่จะเป็นการทดลองครั้งแรก ทว่านางก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา เฉจหยางค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความฝัน และอัตราการเต้นของหัวใจก็กลับมาเป็นปกติ หลิงมู่เอ๋อร์พยายามจับชีพจรอีกครั้ง และพบว่าร่างกายของนางค่อยๆ คงที่ขึ้นเรื่อยๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอสถไป่หลิงเซียนที่นางค้นคว้าประสบความสำเร็จ!
ข้างนอกประตู เนื่องจากหลิงมู่เอ๋อร์เข้าไปเป็นเวลานานและไม่ได้ออกมาเสียที คนทั้งสามที่รออยู่ข้างนอกจึงรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง
องค์หญิงใหญ่มองไปที่เป็นหมอหลวงประจำกายนางอย่างไม่แน่ใจ “หมอหลวงจาง ตกลงแล้วเจาหยางของพวกเราเป็นอันใดไป ท่านเป็นถึงหมอหลวงอาวุโสในวัง รีบบอกข้ามาเร็วเข้าว่านางมีหนทางเยียวยาหรือไม่?”
ชายชราผู้ถูกขานเรียกว่าหมอหลวงจางลูบเคราของเขาก่อนถอนหายใจหนักหน่วง “ขอเอ่ยตามจริงไม่ปิดบัง องค์หญิงใหญ่ควรเตรียมใจสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง พวกนางทั้งสามพลันตัวสั่น คนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบรับเร็วที่สุดคือฮูหยินผู้เฒ่าซู “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใด เจาหยางของเราเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง จะมีเรื่องเกิดขึ้นกับนางได้อย่างไร ระวังคนแก่เช่นข้าจะสั่งคนมาถอดลิ้นเจ้า!”
ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างยิ่งในเมืองหลวง ยามที่นางโมโหขึ้นมา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องเกรงใจนางสามส่วน
หมอหลวงจางรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าซูโปรดระงับโทสะด้วย ข้าแค่พูดตามเนื้อผ้า! เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้วว่าจวิ้นจู่หกล้มและเสียเลือดมาก สภาพของนางมิอาจมองในแง่ดีได้เลย แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจมั่นใจว่าจะจัดการได้ เกรงแต่ว่าแม่นางน้อยที่เข้าไปเมื่อครู่นี้จะหมดหนทางไปด้วย ข้า…”
“ไม่มีทาง! เจาหยางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของมู่เอ๋อร์ของข้าจะรักษาเจาหยางได้อย่างแน่นอน หุบปากของเจ้าไปเสีย!” หยางซื่อถลึงตาจ้องมองหมอหลวงอย่างดุร้าย
หยางซื่อเกิดในตระกูลหญิงสาวชาวนา นางไม่ได้ให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาตนเองให้งดงาม เสื้อผ้าก็ไม่ได้แต่งหรูหรา แม้ว่าหมอหลวงจางจะคาดเดาตัวตนของนางได้ แต่ก็มิอาจยอมรับการตำหนิเช่นนี้จากนาง
หมอหลวงจางลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “สตรีเช่นเจ้าจะรู้เรื่องอันใด? อย่างไรเสียข้าก็เป็นถึงผู้อาวุโสในสำนักหมอหลวง แม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงไว้วางพระทัยในตัวข้า ทว่าเจ้าถึงกับกล้าตำหนิข้าได้? บุตรสาวของเจ้าที่เพิ่งเข้าไปก็คงเป็นเพียงแม่นางน้อยในห้องหอกระมัง แม่หนูน้อยเช่นนางจะเก่งกาจถึงขนาดสามารถจัดการในเรื่องที่แม้แต่ข้ายังไม่อาจจัดการได้อย่างไร? เอ่ยอย่างนี้แล้วกัน แม้ว่าชีวิตของจวิ้นจู่น้อยเจาหยางจะได้รับการช่วยเหลือ ทว่าลูกในท้องของนางต้องไม่รอดแน่!”
เมื่อถูกคำพูดเหล่านี้ยั่วยุจนโทสะพุ่งทะลุ หยางซื่อไม่ได้สนใจว่าที่นี่คือที่ใด นางยกมือขึ้นได้ก็จัดการสะบัดตบลงบนหน้าหมอหลวงทันที
นางไม่เคยโกรธใครมาก่อนในชีวิตนี้ นับประสาอันใดกับการตบตีใครก็ตาม และเห็นได้ชัดว่าหมอหลวงชราเองก็คาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะทุบตีเขา
“ยายแก่ เจ้า…”
“ข้าทำไมหรือ! ข้าจะบอกเจ้าให้ เจาหยางของข้าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ รวมถึงเด็กในครรภ์ของนางก็จะต้องปลอดภัยเช่นกัน หากเจ้ายังคงพูดเรื่องไร้สาระและสาปแช่งเจาหยางของข้า ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”
หยางซื่อเอ่ยจบก็คิดจะพุ่งเข้าไป เดือดร้อนให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูรั้งไว้อย่างรวดเร็วทันที
“แม่สามีตระกูลหลิงได้โปรดระงับโทสะด้วย อย่าให้สะเทือนไปถึงร่างกายเลย”
จะให้หยางซื่อไม่โกรธได้หรือ นางจ้องหมอหลวงจางด้วยโทสะ “เจ้าจะดูถูกข้าแค่ไหนไม่สำคัญ แต่ว่าข้าจะไม่ยอมให้เจ้าด่าลูกสะใภ้ของข้า นางไม่ได้เป็นแค่ลูกสะใภ้ แต่นางก็ยังเป็นถึงลูกสาวของข้าด้วย หากเจ้ากล้าสาปแช่งนาง ข้าจะ… ข้าจะ…”
“เจ้าจะทำไม! สตรีธรรมดาคนหนึ่งเช่นเจ้าจะสามารถทำอันใดข้าได้?” หมอหลวงจางเองก็โมโหเช่นกัน เขาหันหน้าไปฟ้องร้ององค์หญิงใหญ่ทันที “ขอให้องค์หญิงใหญ่ทรงเป็นพยาน! ความเจ็บปวดทั้งหลายตลอดหลายปีในจวนองค์หญิงไม่ว่าเล็กหรือใหญ่มีคราใดบ้างที่ไม่มีกระหม่อมเป็นผู้รักษา กระหม่อมเพียงแค่เอ่ยไปตามเนื้อผ้า ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับกล้าลงมือทำร้ายคนอื่นก่อน กระหม่อมขอให้องค์หญิงใหญ่ลงโทษนางตามกฎหมายด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
หากเป็นในยามปกติ องค์หญิงใหญ่จะต้องออกหน้าให้เขาแน่ อย่างไรเสีย หมอหลวงจางก็เป็นแพทย์ที่นางไว้วางใจมากที่สุด นางลากเขามาจากจวนขององค์หญิงใหญ่ตรงมาที่นี่ทันทีที่ทราบข่าวของเจาหยาง ทว่ายามที่เห็นท่าทางก้าวร้าวของหยางซื่อ นางเองก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
เดิมที นางคิดว่าหากเจาหยางแต่งเข้าจวนสกุลหลิง นางอาจจะได้รับการปฏิบัติที่หยาบคายจากแม่สามีของนาง เพราะอย่างไรเสียแม่สามีคนนั้นก็เป็นสตรีที่เกิดในตระกูลชาวนา ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าตนจะกังวลมากเกินไป
หยางซื่อปฏิบัติต่อเจาหยางเหมือนลูกสาว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่ยายแก่ที่ก่อความวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้า
นี่คือเรือนเจาหยางจวี ทั้งซ้ายและขวาล้วนถูกฮูหยินผู้เฒ่าซูและองค์หญิงใหญ่ประกบ ทว่านางกลับไม่กลัว ทั้งยังลุกขึ้นแย่งออกหน้าปกป้องเจาหยางเป็นคนแรก นั่นแสดงให้เห็นว่าในยามปกติเจาหยางเป็นคนสำคัญในครอบครัวของนาง
“ทหาร จับเขาออกไป”
ทันทีที่องค์หญิงใหญ่ออกคำสั่ง ทหารองครักษ์ก็รีบพุ่งเข้ามาทันควัน
หมอหลวงจางรอให้หยางซื่อถูกจับอย่างได้ใจ ตั้งใจที่จะสั่งให้นางคุกเข่าลงและขอโทษเขาเพื่อชดเชยความเจ็บปวดจากการถูกตบ ทว่าคิดไม่ถึงว่า ทหารองครักษ์จะตรงเข้าจับเขาทั้งซ้ายและขวา
“องค์หญิงใหญ่ นี่หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“แม่สามีของเจาหยางพูดถูก เจ้าถึงกับกล้าสาปแช่งบุตรสาวของข้า! เช่นนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รับใช้จวนองค์หญิงใหญ่ของข้าต่อไป”
องค์หญิงใหญ่มองลงไป ก่อนที่เหล่าทหารจะพาเขาออกไปทันที นางยังคงได้ยินเสียงด่าสาปแช่งของหมอหลวงจางดังแว่วเข้ามาตลอดทาง
หยางซื่อมองท่าทีขององค์หญิงใหญ่ด้วยความไม่เชื่อ เมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่นางใช้กำลังกับผู้อื่น ยามนี้นางสงบลงและตระหนักได้ว่าตนอยู่ในเรือนเจาหยางจวี นี่ไม่ใช่ที่ของนางในการออกหน้าตัดสินใจ นางคิดจะเปิดปากอธิบาย “องค์หญิงใหญ่ หม่อมฉัน…”
“ท่านไม่จำเป็นต้องอธิบาย สิ่งที่ท่านทำเมื่อครู่นั้นถูกต้องแล้ว เดิมทีข้ากังวลว่าเจาหยางจะเดือดร้อนหากนางแต่งเข้าสกุลท่าน ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลมากเกินไป ท่านพูดถูก ลูกสาวของเราจะไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินสิ่งที่องค์หญิงใหญ่ตรัส หยางซื่อก็ยิ้มบาง นางเก็บความกังวลกลับเข้าไปในท้องของตน
เพราะสตรีตรงหน้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่และนางเป็นเพียงหญิงชาวนาเท่านั้น ยามที่นางได้ยินหมอหลวงจางขอให้พระองค์ทรงออกหน้า นางหวาดกลัวจริงๆ ว่าองค์หญิงใหญ่จะทำให้ตนต้องลำบากเพื่อเขา
“ถูกต้องเพคะ เจาหยางจะต้องไม่เป็นไร และเด็กในท้องของนางก็จะต้องปลอดภัย หม่อมฉันเชื่อในเจาหยาง และก็เชื่อในมู่เอ๋อร์ด้วย”
ภายในห้อง หลิงมู่เอ๋อร์สังเกตชีพจรของเจาหยางอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจว่าชีพจรของนางปกติและคงที่อย่างสมบูรณ์แล้ว นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนลองเรียกชื่อของนางอีกครั้ง
“เจาหยาง เจาหยาง…”
เจาหยางซึ่งไม่ได้ตกอยู่ในอาการไม่ได้สติได้ยินเสียงเรียกของนางทันที หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงุนงง ทันทีที่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ นางดูเหมือนจะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “มู่เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ข้า เกิดอันใดขึ้นกับข้า?”
ทว่าไม่นานนางก็ได้กลิ่นคาวโลหิตในห้อง ก่อนจะจำอันใดบางอย่างได้ในทันที นางรีบคว้าข้อมือของหลิงมู่เอ๋อร์ทันควัน “มีอันตราย จือเซวียนกำลังตกอยู่ในอันตราย มู่เอ๋อร์ ปล่อยข้าไว้ที่นี่ แล้วรีบไปช่วยเขาเร็วเข้า”