เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 6 บทที่ 156 คุกเข่า
เล่มที่ 6 บทที่ 156 คุกเข่า
คำนี้เมื่อกล่าวออกมา สายตาของทุกคนก็มองไปยังซั่งกวนเซ่าเฉินทันที
ผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวงที่เพิ่งมาเมืองหลวงได้สั้นๆเพียงสองปี ก็ได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ผู้นี้ แต่ไรไม่เคยสนใจเข้าออกงานเลี้ยงใดเลย วันนี้ถึงกลับมาแล้ว และยังค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่นางเซียนแพทย์อีกด้วย ในอดีต ก่อนที่หลิงมู่เอ๋อร์จะปรากฏตัวนั้น มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นผู้ที่องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์พึงใจ?
ทุกคนต่างเป็นคนจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง สองปีมานี้ เหลียนเอ๋อร์มักพัวพันซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นระยะ ทั้งในและนอกวังหลวงได้มีข่าวลือออกมานานแล้ว ทุกคนต่างก็กำหนดให้ซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นราชบุตรเขยในอนาคตอยู่ในใจมานานแล้ว
คนทั้งมวลที่ไม่รู้ความจริงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ย่อมคิดไปเองว่า เป็นซั่งกวนเซ่าเฉินที่ล่อลวงแล้วตีจาก ทอดทิ้งองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์เพื่อหลิงมู่เอ๋อร์
เรื่องของราชวงศ์ ผู้ที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้มีใครบ้างที่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน แต่ผู้ที่เป็นถึงองค์หญิงผู้หนึ่ง มีความจำเป็นที่จะต้องโป้ปดเพื่อทำลายชื่อเสียงของตนหรือ?
“ที่แท้ท่านยังเคยมีการหมั้นหมายกับสตรีนางอื่นด้วย?” หลิงมู่เอ๋อร์ยิงสายตามา เชิดศีรษะ เบิกตาโต มองเขาอย่างใสซื่อ
ทั้งที่ไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลพวกนี้ที่เหลียนเอ๋อร์พูดออกมา แต่ยังคงจงใจเอ่ยวาจาเยาะหยัน
หัวคิ้วของซั่งกวนเซ่าเฉินขมวดแน่น สะบัดแขนอีกข้างที่ถูกกอดอยู่ด้วยความรังเกียจเป็นอย่างไร้ที่เปรียบ มือชี้มั่วไปทางทิศหนึ่ง “นาง แม้แต่นิ้วเท้าของเจ้าก็ยังไม่อาจเทียบ ข้าจะตาบอดถึงเพียงนั้นหรือ?”
ซูเช่อที่ดูงิ้วอยู่ตลอดที่ด้านข้าง ถูกฉากเบื้องหน้าทำให้ขำจนหัวเราะออกมา
เดิมเขาทำตัวเป็นผู้ชมอย่างมีความสุข ทว่า เหลียนเอ๋อร์ผู้นี้ช่างโง่เขลาจนน่าเวทนาจริงๆ เฮ้อ ใครให้เขามีจิตเมตตามาตั้งแต่เกิด ไม่อาจทนเห็นนางโง่งมต่อไปได้
“องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ทรงโป้ปดได้โดยไม่กะพริบตาโดยแท้ ข้าขอโน้มน้าวให้ท่านอย่าได้เปลืองความพยายามต่อไปเลย ท่านกับซั่งกวนเซ่าเฉินอีกแปดชาติก็เป็นไปไม่ได้”
“เพราะเหตุใด”
ต้องการรู้มาตลอดว่า เหตุใดซั่งกวนเซ่าเฉินจึงปฏิเสธตน เหลียนเอ๋อร์ก็ไม่มีเวลามาสนใจว่า การซักถามอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ทางอ้อมว่า คำกล่าวเมื่อครู่ของนางเป็นการโกหก
“เพราะว่า…” ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ที่ชั่วร้ายของซูเช่อมองไปที่ซั่งกวนเซ่าเฉิน จากนั้นก็มองเหลียนเอ๋อร์ เห็นฝ่ายแรกส่งสายตาข่มขู่มา เขายิ่งหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม “เพราะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงนะสิ หงส์ฟ้าขาวผู้สูงส่ง จะก้มหัวลงไปกินเจ้าคางคกตัวนี้ได้อย่างไร ไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนตนเองบ้างหรือ”
คำพูดนี้แม้จะเป็นการเยาะหยันซั่งกวนเซ่าเฉิน แต่ก็เป็นการหมิ่นองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ไปในเวลาเดียวกัน
มองดูนางถลึงตาหายใจฟึดฟัด หมัดเล็กๆ กำลังจะพุ่งเข้ามา ซูเช่อแกล้งทำเป็นลึกลับหรี่ดวงตาทั้งคู่ “แน่นอนว่า หากท่านยังต้องการตามพัวพันบุรุษที่มีคู่หมั้นแล้วต่อไป และไม่กลัวว่าลูกที่พวกท่านทั้งสองคนคลอดออกมาในอนาคตจะกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนแล้วละก็ ก็ตามพัวพันต่อไปเถิด”
คำนี้เมื่อกล่าวออกมา ผู้อื่นก็พากันตะลึง เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างไม่เข้าใจนักว่า คำพูดของจวิ้นอ๋องน้อยตระกูลซูหมายความเยี่ยงไร แต่หลิงมู่เอ๋อร์กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายของซั่งกวนเซ่าเฉินแข็งเกร็งขึ้นมา
เขาเบิกลูกตากว้าง ราวกับจะมองซูเช่อให้ทะลุ ส่วนฝ่ายหลังกลับนั่งลงบนที่นั่งของตนอีกครั้ง ยกจอกสุราขึ้นมาดื่มอย่างรื่นรมย์ ราวกับทุกเรื่องเมื่อครู่มิได้เกิดขึ้นมาก่อน
ในยามที่เจาหยางซึ่งเปลี่ยนชุดคารวะสุราเรียบร้อยออกมาพร้อมกับหลิงจือเซวียน ก็ได้เห็นฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าพอดี เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ยังคิดว่านางได้รับความไม่เป็นธรรม
เจาหยางผลักทุกคนออกไปอย่างหุนหัน ปกป้องนางไว้เบื้องหลัง ถลึงตาใส่เหลียนเอ๋อร์อย่างดุร้าย “องค์หญิงยังจะทรงพัวพันอย่างไร้เหตุผลไปถึงเมื่อใดเพคะ คู่หมั้นของใต้เท้าซั่งกวนคือหลิงมู่เอ๋อร์ เป็นที่รู้กันไปทั่ว ท่านยังตามพัวพันเข้ามาไม่รู้จบ พูดถึงความไร้ยางอาย ท่านช่างไร้ผู้ต่อกรในแผ่นดินแล้วจริงๆ”
“เจ้า…”
เหลียนเอ๋อร์โมโหจนเงื้อมือขึ้นมาจะฟาดลงไป หลิงจือเซวียนกลับคว้าข้อมือของนางไว้ก่อนก้าวหนึ่ง จากนั้นเพียงหมุนเบาๆ เหลียนเอ๋อร์ก็ได้รับความเจ็บปวด จนเกือบจะล้มลงอย่างน่าอับอาย
บัณฑิตหนุ่มที่อ่อนแอผู้หนึ่งพลันมีความองอาจของจอมยุทธ์อย่างกะทันหัน ไม่เพียงเจาหยาง แม้แต่หลิงมู่เอ๋อร์ก็ตะลึงงันแล้ว
“เจ้า เจ้านับเป็นตัวอะไร เป็นเพียงชาวนาที่ขึ้นมามีตำแหน่งเป็นสวามีของจวิ้นจู่เท่านั้น ยังกล้ารังแกข้า?” เหลียนเอ๋อร์จะโมโหจนเสียสติแล้ว
ซั่งกวนเซ่าเฉินกับเจาหยางรังแกนางก็ช่างแล้ว แม้แต่หลิงจือเซวียนที่ไร้สิ่งใดให้อวดอ้างผู้นี้ ก็ยังกล้าลงมือกับนางด้วย นางจะต้องเด็ดศีรษะของพวกมันทีละคน!
“เมื่อก่อนข้าเป็นชาวนาจริงๆ แต่บัดนี้ ข้าเป็นบุตรชายบุญธรรมของหนิงกั๋วโหว จวิ้นหม่าของจวนจวิ้นอ๋อง หลิงมู่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า เป็นศัตรูกับนาง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับข้า และเท่ากับเป็นศัตรูกับจวนจวิ้นอ๋องและจวนหนิงกั๋วโหวเช่นกัน องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์มั่นใจว่าจะทรงทำเช่นนี้?” ในที่สุด ในที่สุดเขาก็ได้ใช้วิธีของตนปกป้องน้องสาวแล้ว
หลิงจือเซวียนหยัดกายตรงอยู่หน้าเหลียนเอ๋อร์ ชายชาตรีที่สูงเจ็ดเชี๊ยะผู้หนึ่ง ไอสังหารรอบกายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงเนตรสีโลหิตที่ไม่ควรปรากฏอยู่บนร่างของเขาทำให้เหลียนเอ๋อร์ตกใจจนถอยไปหลายก้าว
“พวกเจ้าล้วนรังแกข้า รอดูไปเถอะ เปิ่นกงจู่จะต้องให้เสด็จพ่อประหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร ล้วนรอดูเปิ่นกงจู่เถอะ!” สะบัดแขนเสื้อ หมุนตัววิ่งหนีไป จากไกลๆ ยังสามารถได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง
เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่เมื่อครู่อาศัยที่มีองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์อยู่ทำตัวเป็นผู้ช่วยโจร เมื่อเห็นเช่นนี้ก็พากันจากไปอย่างรู้ตัว หลันเชี่ยนหยิ่งที่คอยชมละครอยู่ในกลุ่มผู้ชนโดยตลอดพลันเดินเข้ามา
“แม่นางหลิงอย่าได้โมโห องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ก็เป็นเพราะรักที่ไม่อาจได้มาทำให้ทรงกริ้วจนเลอะเลือน กระทำเรื่องในวันนี้ออกมา คิดว่าท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ย่อมมีจิตใจที่กว้างขวาง คงไม่ถือสา”
น้ำเสียงของหลันเชี่ยนหยิ่งอ่อนโยน อิริยาบถสง่างาม แม้ในใจจะมีความคิดที่ชั่วร้าย แต่ภายนอกสูงส่งดีงาม ทำให้คนไม่มีเหตุผลที่จะเป็นปรปักษ์กับนาง
หากนางไม่เดินเข้ามาด้วยตนเอง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ลืมนางไปแล้ว
แม้จะมิมีหลักฐาน แต่ผู้ที่ลักพาตัวนางครั้งก่อนมาจากจวนอัครเสนาบดี นางไม่ไปหาเรื่องนาง กลับส่งตนเองมาถึงประตูด้วยตัวเองเช่นนี้ ในน้ำเต้าของคุณหนูใหญ่ท่านนี้ คิดจะขายยาใดอีก?
“ท่านผิดแล้ว ข้าโมโห ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยล่วงเกินข้า ข้าล้วนต้องหาวิธีแก้แค้น องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์เมื่อครู่ใส่ร้ายว่าข้าผลักนางล้ม และยังดูถูกข้าว่าแย่งบุรุษของนาง เรื่องนี้สำหรับข้าแล้ว เป็นการดูหมิ่นที่รุนแรงยิ่ง”
เพียงไม่กี่คำก็ถือเป็นการหยามเกียรติที่ใหญ่ที่สุดแล้ว เช่นนั้น นางลักพาตัวนาง มิต้องใช้ชีวิตมาทดแทนหรือ
หัวใจของหลันเชี่ยนหยิ่งสั่นสะท้าน หลิงมู่เอ๋อร์ผู้นี้กำลังเปลี่ยนวิธีบอกนาง ช้าเร็วสักวันจะมาหานางเพื่อแก้แค้นหรือ?
แม้ว่าในใจจะหวาดหวั่นลนลานไม่หยุด แต่ภายนอกยังคงสงบนิ่งไร้คลื่นลมดังเช่นที่เคยเป็นมา “แม่นางหลิงช่างเป็นผู้ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เพียงกล้ารักกล้าแค้น ยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ข้าได้ยินว่าการออกแบบงานในวันนี้ ล้วนเป็นของขวัญแสดงความยินดีสำหรับในการแต่งงานที่แม่นางหลิงมอบให้จวิ้นจู่น้อย งดงามมากจริงๆ ดูไปแล้ว ข้าคงต้องสละตำแหน่งคุณหนูผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงให้แม่นางหลิงแล้ว”
นางถึงขนาดใช้ชีวิตมาข่มขู่แล้ว หลันเชี่ยนหยิ่งผู้นี้ยังสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้ หลิงมู่เอ๋อร์มองซูเช่อที่อยู่ด้านหลังนาง พลันเข้าใจแล้วว่านางดีดลูกคิดใด
“อย่าได้เกรงใจ ขยะที่ผู้อื่นทิ้ง ข้าไม่มีความสนใจจะไปเก็บ ตำแหน่งคุณหนูผู้มากความสามารถ ท่านยังคงเก็บไว้เองเถิด เพราะเช่นนี้ จึงจะคู่ควรกับคุณชายอันดับหนึ่งอย่างไรเล่า”
หลิงมู่เอ๋อร์ยักคิ้ว มองซูเช่อที่อยู่เบื้องหลังอย่างขี้เล่น เห็นฝ่ายหลังเก็บพัดอย่างกะทันหันคิดจะเดินมา ก็รีบกอดแขนของซั่งกวนเซ่าเฉินจากไปอย่างลนลาน
“พี่เช่อ”
หลันเชี่ยนหยิ่งมองซูเช่อที่โมโหจนทุบอกกระทืบเท้าอย่างน่าสงสาร ก้มศีรษะลงไม่กล้ามองเขา แต่ก็คาดหวังคำตอบของเขา
“หากข้าเป็นเจ้า ยินดีจะเป็นคนร้ายที่โดดเด่นเป็นที่สนใจ ไม่มีทางออกมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีเพื่อให้คนชมชอบ มีแต่จะทำให้คนสะอิดสะเอียน”
แม้แต่การเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็มิได้มอบให้นาง ซูเช่อราวกับนกยูงที่เย่อหยิ่งตัวหนึ่ง จากไปอย่างผยอง
ใบหน้างดงามของหลันเชี่ยนหยิ่งเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเขียว โกรธจนเล็บที่เรียวยาวของนางจิกเข้าไปในเนื้อ
หลิงมู่เอ๋อร์ที่สมควรตาย นางสนิทสนมกับซั่งกวนเซ่าเฉินถึงเพียงนั้นแล้ว ยังมายั่วยวนพี่เช่ออีก
ในยามที่ยกสายตาขึ้นมาก็เห็นเจาหยางและหลิงจือเซวียนกำลังเตรียมตัวจะไปคารวะสุรา นางรีบจับมือของเจาหยางไว้อย่างสนิทสนม “วันนี้เจาหยางงดงามจริงๆ การเปิดตัวที่ราวกับเทพธิดาลงมาจุติเมื่อครู่ ราวกับกดพวกเราทั้งหมดลงไปแล้ว”
ที่ซูเช่อรักเอ็นดูที่สุดก็คือน้องสาวผู้นี้ ต่อให้ภาพลักษณ์ขององค์หญิงเจาหยางในเมืองหลวงจะเหลือแค่ ‘เกเร เอาแต่ใจ’ แต่ไม่ว่านางจะทำเรื่องที่ไม่งามอย่างไร ซูเช่อก็จะออกหน้าจัดการให้นางจนเรียบร้อย
หลันเชี่ยนหยิ่งส่งสายตาให้สาวใช้ที่อยู่เบื้องหลัง สาวใช้นำกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาอย่างเชื่อฟัง
“นี่เป็นของขวัญแสดงความยินดีกับการแต่งงานที่มอบให้น้องเจาหยาง น้ำใจเล็กน้อยหวังว่าน้องสาวจะไม่รังเกียจ พี่สาวขอแสดงความยินดีกับน้องหญิงที่ได้แต่งงานกับสามีในอุดมคติแล้ว ณ ที่นี้แล้ว”
ผู้อื่นล้วนว่าร้ายหลิงจือเซวียน นางกลับจะยกยอเขา ขอเพียงเจาหยางมีความสุขแล้ว พี่เช่อยังจะปฏิบัติต่อนางด้วยความเย็นชาหรือ?
“ขอบคุณพี่หลัน ท่านก็รู้สึกว่าจือเซวียนคู่ควรกับข้าใช่หรือไม่?” เจาหยางรับของขวัญไว้อย่างมีความสุข ดวงตาคู่หนึ่งโค้งเป็นพระจันทร์ที่สุกสกาว
“ต่อให้เป็นคำที่ว่า กุมารทองกุมารีหยก ก็ไม่อาจบรรยายความเหมาะสมของพวกเจ้าออกมาได้ สายตาที่จวิ้นหม่าเหยียมองเจ้า ล้วนเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ ยังมีการสารภาพรักที่ลึกซึ้งเมื่อครู่ เจ้ามิได้เห็น พวกเราเหล่าหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างล้วนอิจฉา จวิ้นหม่าเหยียรูปงามและมากความสามารถเช่นนี้ ภายภาคหน้า จะต้องเป็นอนาคตของแผ่นดินอย่างแน่นอน เจาหยาง พี่สาวขออวยพรเจ้าอย่างจริงใจ”
หลันเชี่ยนหยิ่งจับมือทั้งสองของนาง มองดวงตาของนางอย่างตั้งใจ น้ำเสียงอ่อนโยนไร้ใดเปรียบ ทั้งที่มิได้คุ้นเคยกันถึงเพียงนั้น ครั้งนี้กลับสนิทสนมราวกับพี่น้องฝาแฝดก็ไม่ปาน
“ขอบคุณพี่หลัน”
เจาหยางปิติ แต่นาทีถัดมา นางก็พลันปล่อยมือของหลันเชี่ยนหยิ่งออก “แต่ว่า ข้ากับท่านเหมือนจะไม่ได้คุ้นเคยกันขนาดนั้นกระมัง?”
“เจาหยาง?” หลันเชี่ยนหยิ่งไม่อยากเชื่อ
“เรียกท่านคำหนึ่งว่าพี่หลัน เพราะเห็นแก่ที่ท่านอายุมากกว่าข้าตามมารยาท ข้าขอบคุณการอวยพรของท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่หากท่านคิดอาศัยข้าเพื่อใกล้ชิดพี่ชาย ยังคงละไว้เถิด”
เสียงของเจาหยางไม่ดัง แต่ละคำกลับแสดงการปฏิเสธที่หนาวเหน็บ “พี่ชายไม่ชอบท่าน ท่านรู้อยู่แก่ใจ เหตุใดจึงต้องพัวพันพี่ชายไม่ยอมปล่อย ทำตัวเป็นสตรีที่ทำให้คนรังเกียจด้วยเล่า?”
เจาหยางเปิดกล่องของขวัญที่หลันเชี่ยนหยิ่งมอบให้นางออก ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่ประณีตงดงามเป็นอย่างยิ่ง “ของขวัญข้ารับไว้แล้ว สวยมากและข้าก็ชอบมากเช่นกัน แต่มิได้หมายความว่าข้าสามารถช่วยท่านให้ได้ตัวพี่ชาย ไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับท่าน ผู้ชายสกุลซูของพวกเรา ชั่วชีวิตจะรักสตรีเพียงนางเดียวเท่านั้น ทันทีที่เลือกแล้ว ก็คือชั่วชีวิต ต่อให้มิอาจได้มา ก็ไม่มีทางยอมแพ้ พี่หลัน แทนที่จะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา มิสู้หยุดเสียตอนนี้ บางที อาจยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้”
ไม่พูดกับนางอีก เจาหยางจับมือของหลิงจือเซวียนออกจากสวนดอกไม้ไป
วันมงคลของนางย่อมมิอาจให้คนที่ไม่มีความสำคัญพวกนี้มาทำลายได้ อีกทั้ง หลันเชี่ยนหยิ่งเคยทำสิ่งใดต่อหลิงมู่เอ๋อร์ นางมิใช่ไม่รู้
“ท่านพี่ ที่ข้าทำเมื่อครู่เก่งมากหรือไม่ เหตุใดท่านไม่ชมข้าเลยเล่า?”
เงยใบหน้าที่งดงามมองหลิงจือเซวียนด้วยความคาดหวังไปทั้งดวงใจ ท่าทางที่ขอคำชมนั้น ทำเอาหัวใจของหลิงจือเซวียนละลายไปในเสี้ยววินาทีแล้ว
“เจาหยางของข้าเก่งจริงๆ” บีบแก้มที่ขาวอมชมพูนุ่มนิ่มนั่น
“ไม่ เป็นท่านเก่งที่สุด” เจาหยางดึงเขาไปยังมุมที่ไร้ผู้คน สบดวงตาของเขาอย่างตั้งใจว่า “จือเซวียน ทุกสิ่งเมื่อครู่จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่อยากเชื่อ คำพูดพวกนั้น การกระทำพวกนั้น เป็นมู่เอ๋อร์สอนเจ้าใช่หรือไม่ เจ้า…เหตุใดเจ้าจึงได้เห็นด้วยเล่า?”