เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 6 บทที่ 151 สถานะของครอบครัว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 6 บทที่ 151 สถานะของครอบครัว
เล่มที่ 6 บทที่ 151 สถานะของครอบครัว
“พี่จู มีข่าวแล้วหรือไม่?”
เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ยังคงไม่เห็นเงาของหลิงจือเซวียน หลิงมู่เอ๋อร์วางความหวังสุดท้ายไว้บนตัวของจูฉี
หลังจากฝ่ายหลังถอนหายใจครั้งหนึ่ง ก็ส่ายศีรษะเบาๆ แต่ไม่นานเขาก็รีบกล่าวปลอบประโลมว่า “น้องมู่เอ๋อร์อย่าได้กังวล พี่หลิงมิใช่คนที่หุนหันพลันแล่น บางทีเขาอาจเพียงหลบอยู่ในที่ที่พวกเราหาไม่พบเพื่อสงบใจเท่านั้น ดึกอีกหน่อยบางทีคนก็คงกลับมาแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ก็อยากปลอบใจตนเองเยี่ยงนี้เช่นกัน แต่ว่า นางทำไม่ได้นะสิ
นางหาทั่วทุกสถานที่ในเมืองหลวงที่หลิงจือเซวียนอาจเข้าออกได้แล้ว ไม่เพียงไม่มีเบาะแส ยังทำให้หัวใจของนางหวาดหวั่นขึ้นมา มักรู้สึกว่าจะมีเรื่องใหญ่ใดเกิดขึ้น
“มู่เอ๋อร์ หาพี่ชายของเจ้าพบหรือยัง? อาจารย์จูเร่งรัดมาหลายรอบแล้ว เขาไม่เคยเหลวไหลเช่นนี้มาก่อนเลยนี่นา”
หลิงต้าจื้อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์และจูฉีกลับมา รีบเดินเข้ามาไต่ถาม มิได้รู้สึกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
“ท่านพ่อ บางทีพี่ชายอาจมีเรื่องสำคัญอะไรจึงยังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นท่านกลับ…ไปก่อน”
ยังไม่ทันพูดจบ หลิงต้าจื้อพลันชี้ไปยังบริเวณที่ไกลออกไป “กลับมาแล้ว แต่ว่า ผู้หญิงข้างกายของเขาเป็นผู้ใดกัน?”
เห็นเพียงหลิงจือเซวียนลงมาจากรถม้าก่อน จากนั้นประคองสตรีนางหนึ่งอย่างระมัดระวัง สตรีนางนั้นสวมชุดแดงตลอดร่าง ถึงแม้จะหันหลังให้ ก็สามารถทำให้คนเดาฐานะออกได้จากการมองเพียงครั้งเดียว
หลิงมู่เอ๋อร์ถอนหายใจทีหนึ่ง แย่แล้ว เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นสุดท้ายก็เกิดขึ้นแล้ว
“เจ้าเด็กตัวเหม็น ทั้งวันวิ่งไปที่ใด อาจารย์จูหาตัวเจ้าตั้งกี่ครั้งจนบัดนี้โมโหแล้ว ฟ้ามืดแล้วถึงรู้จักกลับมาหรือ?”
เห็นบุตรชายเข้ามาใกล้ หลิงต้าจื้อเริ่มบ่น และจึงเพิ่งได้เห็นใบหน้าของสตรีข้างกายบุตรชายอย่างชัดเจน “เจาหยางจวิ้นจู่น้อย?”
“สวัสดีท่านลุงหลิงเจ้าค่ะ ข้าคือเจาหยาง” หญิงสาวทักทายผู้ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเบิกบาน น้ำเสียงไพเราะราวกับนกน้อยบนต้นไม้ ดูไปแล้วอารมณ์ดีไม่เลว
เพียงแต่ในยามที่นางยกมืออย่างยินดีนั้น เผยรอยแดงดุจผลเฉ่าเหมยเล็กๆ ที่ลำคอขาวผ่องออกมา ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ตื่นตระหนกอยู่ในใจ
นางรีบดึงหลิงจือเซวียนไปที่มุมลับตา “พี่ชาย ท่านไปที่ใดมา เหตุใดจึงได้เพิ่งกลับมา?”
“เข้าไปคุยในบ้าน ข้ามีเรื่องหนึ่งที่จะประกาศกับทุกคนพอดี” ใบหน้าของหลิงจือเซวียนไม่มีอารมณ์ใด ยามกล่าววาจายังคงอ่อนโยน สง่างามดังเดิม
อ้อมผ่านหลังของหลิงมู่เอ๋อร์ไป เขาเดินไปที่ข้างกายของเจาหยาง ไม่รู้ว่าพูดสิ่งใดกับนาง ก็เห็นฝ่ายหลังขวยเขินจนก้มศีรษะลง จากนั้นกอดแขนของหลิงจือเซวียน ตามไปด้านหลังอย่างเชื่อฟัง
“เกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้เจ้าคิดมากก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้เข้าไปดูว่าพวกเขาคิดจะพูดสิ่งใด” จูฉีมองออกถึงการทอดถอนใจของหลิงมู่เอ๋อร์ ปลอบใจนางเสียงเบา จากนั้นทำสัญญาณมือเป็นการเชิญ
ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วเข้าไปนั้น หลิงจือเซวียนและเจาหยางจวิ้นจู่น้อยกำลังจับมือกันอยู่เบื้องหน้าของหยางซื่อ หยางซื่อตกตะลึงไปทั้งใบหน้า จากนั้นมีท่าทีที่แน่วแน่ “ไม่ได้ ข้าไม่เห็นด้วย!”
ถังซื่อที่ได้ยินเสียงก็ตามออกมาโดยมีหยางต้าโหย่วเป็นผู้ประคอง เมื่อเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า คนทั้งสองก็พากันประหลาดใจจนอ้าปากกว้าง
ส่วนหลิงจือเซวียนก็ราวกับคนที่ไม่มีเรื่อง กล่าวถึงการตัดสินใจเมื่อครู่อีกครั้ง “ข้าจะแต่งงานกับเจาหยาง ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจริงจังขอรับ”
เจาหยางคล้ายจะคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ ใบหน้าที่แดงเปล่งปลั่งของนางมีความไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านป้าจึงไม่เห็นด้วย ข้ากับจือเซวียนรักใคร่กันทั้งสองฝ่าย เป็นความจริงใจ”
เดิมหยางซื่อคิดจะอ้าปากกล่าวบางสิ่งในทันที แต่เหมือนจะติดที่สิ่งใด จึงได้แต่ย้ายสายตาไปบนร่างของบุตรชาย “เจ้ามานี่ ข้ามีคำพูดจะพูดกับเจ้าเพียงลำพัง”
หลังจากหลิงจือเซวียนก้มหน้าพูดกับเจาหยางอย่างอ่อนโยนว่า ‘รอข้า’ แล้ว ก็ตามหยางซื่อไปที่ห้องโถงด้านหลัง
เดิมเจาหยางคิดจะไล่ตามไป แต่เมื่อคิดไปคิดมา ในเมื่อจือเซวียนให้นางรอ นางรออย่างว่าง่ายก็พอแล้ว แต่ว่าสายตาที่ทุกคนมองนางนั้นล้วนแปลกๆ ทำให้นางรู้สึกอึดอัด
“พี่มู่เอ๋อร์” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยกวักมือให้หลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ที่ประตูตลอดราวแขกที่ชมเรื่องราวนั้น ยกมุมปากอย่างเยาะหยันตนเอง ด้านหนึ่งเดินไปหานาง อีกด้านหนึ่งเย้าแหย่ว่า “กลัวว่าพี่สาวสองคำนี้คงจะไม่เหมาะกับข้าแล้วกระมัง เจาหยางจวิ้นจู่น้อยไม่ทราบว่าสะดวกจะเปิดเผยหน่อยได้หรือไม่ว่า วันนี้ทั้งวันท่านกับพี่ชายของข้าไปที่ใดกันบ้าง?”
นางหาทั่วทุกสถานที่ในเมืองหลวงที่พี่ชายมีโอกาสจะไปปรากฏตัว แม้แต่จวนจวิ้นอ๋องนางก็ส่งคนไปสืบข่าว ได้ยินเพียงว่าพี่ชายนัดหมายจวิ้นจู่จริงๆ แต่ไม่รู้สถานที่
ตลอดทั้งบ่าย เพียงพอให้ทำเรื่องมากมายเหลือเกิน
ถูกคนถามถึงจุดสำคัญ เจาหยางที่ปกติไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน กัดริมฝีปากล่างอย่างเขินอาย ไม่กล้าสบตาของนาง “แค่…แค่ไปที่ข้างทะเลสาบทางชานเมืองตะวันตกเท่านั้น แต่ว่า พวกเราไม่ได้ทำอะไรนะ!”
คำพูดครึ่งหลังนั้น นางอธิบายอย่างร้อนรน กลับกลายเป็นความหมายที่ไม่ตีก็สารภาพออกไป
หลิงมู่เอ๋อร์ยังคิดจะกล่าวสิ่งใดอีก ด้านในห้องโถงก็มีเสียงของหยางซื่อที่ตะโกนอย่างโมโหดังออกมา “ข้าไม่ตกลง สรุปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วย!”
บนใบหน้าของเจาหยางมีความผิดหวังวาบผ่าน ทั้งโกรธทั้งอาย ในยามที่ทุกคนยังไม่ทันตอบสนองนั้น ก็พุ่งเข้าไปที่โถงด้านในเป็นคนแรก “ท่านป้า เหตุใดท่านถึงไม่เห็นด้วย? เป็นเพราะข้าเป็นจวิ้นจู่หรือ?”
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชั่วชีวิตของบุตรชาย หยางซื่อไม่อ่อนแออีกต่อไป คว้าหลิงจือเซวียนไปปกป้องไว้ด้านหลัง ในยามที่มองเจาหยางอีกครั้ง นางสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง “เจาหยางจวิ้นจู่น้อย ท่านเป็นท่านหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังเกรียงไกรในเมืองหลวง แต่บุตรชายของข้าเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรกับท่าน ข้าเชื่อว่า ท่านก็คงไม่อยากให้ในอนาคต เขาตกเป็นที่ครหาว่าเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อห่านฟ้ากระมัง ถือว่าข้าขอร้องท่าน ได้โปรดเมตตา ปล่อยเขาไปเถิด”
คำพูดเป็นชุด ไม่ว่าจะอ่อนหรือแข็งล้วนกล่าวไปหมดแล้ว พูดจนดวงตาทั้งคู่ของเจาหยางปกคลุมด้วยหมอก ภายในดวงใจยิ่งน้อยใจอย่างยิ่งแล้ว
“ท่านป้า ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนเป็นข้าที่ทำไม่ถูก แต่ข้ารับรองกับท่านว่า หลังจากแต่งกับจือเซวียน ข้าจะต้องแก้นิสัยไม่ดีทั้งหมด ไม่ดุร้ายไร้มารยาท และจะไม่เกเรเอาแต่ใจแล้ว และจะต้องเป็นลูกสะใภ้ที่ดี เป็นภรรยาที่ดี เพียงเท่านี้ยังไม่ได้อีกหรือ?”
ตลอดชีวิตนี้ของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่วิงวอนอย่างน่าน้อยใจเช่นนี้ หากสตรีเบื้องหน้ายังไม่เห็นด้วยอีก นางก็ได้แต่ใช้ไม้แข็งแล้ว
มองท่าทางน่าสงสารของเจาหยางจวิ้นจู่น้อยที่อยู่เบื้องหน้า ในใจของหลิงจือเซวียนมีความสงสารวาบผ่าน เขาเดินจากด้านหลังของมารดามายังด้านหน้า เลียนแบบการกระทำเมื่อครู่ของท่านแม่ ปกป้องเจาหยางไว้เบื้องหลัง ท่าทีแน่วแน่ “ท่านแม่ ข้ากับเจาหยางมีความจริงใจต่อกัน หากท่านสงสารข้าจริงๆ ก็ควรจะอวยพรพวกเรา”
“ข้าอวยพรอะไร? เจ้ากับนางมีฐานะเช่นใดเจ้าไม่ชัดเจนหรือ? อะไรคือฐานะทางบ้านทัดเทียม ฐานะครอบครัวแตกต่าง เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลายวันก่อนเจ้าพูดกับข้า จือเซวียน เจ้าคงมิได้เป็นเพราะช่วงนี้…”
“ท่านแม่ ข้าได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วขอรับ นอกจากนี้ ข้ายังชอบเจาหยางอย่างจริงใจ”
ตัดบทคำพูดที่ยังพูดไม่จบของท่านแม่อย่างรีบร้อน ยามที่หลิงจือเซวียนจับมือของเจาหยางขึ้นมาประสานดวงตาทั้งสี่เข้าหากัน ในดวงเนตรสีนิลนั้นก็ล้วนแต่เป็นเงาร่างของนาง
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยที่เมื่อครู่ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความมืดมน เมื่อได้ยินคำหวานก็กลายเป็นฟ้าหลังฝนทันที หดคออย่างเขินอาย ใบหน้าดวงน้อยที่ขาวและอ่อนเยาว์แดงระเรื่อ มีรอยแดงสองรอยพาดผ่าน ให้ความรู้สึกคล้ายกับดอกกุหลาบที่เขินอายสองดอกกำลังเบ่งบาน
หยางซื่อโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง ชี้ไปที่หลิงจือเซวียนเป็นครึ่งวันกลับไม่พูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
นางมิใช่ไม่เคยคิดว่า ในอนาคตบุตรชายจะแต่งสตรีเช่นไรเป็นภรรยา แต่จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นประเภทนี้ จวิ้นจู่น้อยผู้นี้นิสัยดุร้าย พฤติกรรมเผด็จการ ได้ยินว่ายังเกเรเอาแต่ใจ นอกจากนี้ ฐานะยังแตกต่างกับบุตรชายราวฟ้ากับดิน สองคนนี้หากมาอยู่คู่กันจริงๆ ในอนาคตจะมีผลลัพธ์ที่ดีได้หรือ?
อีกทั้งหลายเดือนก่อน ในตอนที่จวิ้นจู่น้อยผู้นี้ไล่ตามก้นบุตรชายทั้งวันนั้น นางก็เคยถามบุตรชายมาก่อน เขาพูดกับปากตนเองว่า ไม่มีทางจะอยู่กับสตรีเช่นนี้อย่างเด็ดขาด ยังให้นางวางใจ แต่หัวใจนี้เพิ่งจะจมลงไป ก็ลอยขึ้นมาอีกแล้ว ในอนาคตจะผ่านไปได้อย่างไรเล่า
“พี่ชาย พวกเรามาคุยกันเถอะ”
ไม่รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์มาอยู่ด้านหลังของคนทั้งสามตั้งแต่เมื่อใด มือทั้งสองของนางกอดอก พิงอยู่ที่ประตู ในยามที่หลิงจือเซวียนหันศีรษะกลับมานั้น นางก็พยักหน้าให้เขาแล้วตรงไปยังสวนด้านหลัง
“หากเจ้าคิดจะโน้มน้าวข้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้ว ข้าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว” หลิงจือเซวียนตามมาหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
“พี่ชายสามารถหาความสุขของตัวเองพบ มู่เอ๋อร์ยินดีกับท่านอย่างจริงใจ ท่านกับเจาหยางต่างพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอำนาจไปพูดสิ่งใดอีก แต่ข้าต้องการให้ท่านตอบข้าอย่างจริงจัง ที่ท่านทำเช่นนี้เพื่อข้าใช่หรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์เชิดศีรษะ จ้องดวงตาของเขาอย่างจริงจัง คล้ายว่าหากวันนี้เขาไม่อธิบายให้ชัดเจน นางก็จะไม่มีทางยอมจบเรื่องอย่างแน่นอน
หลิงจือเซวียนมิได้กล่าววาจา แต่ในยามที่นางพูดจบก็ขมวดคิ้วแน่น
เช่นนั้นก็ใช่แล้ว?
“พี่ชาย ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงๆ ข้างกายของข้ามีเฉินอยู่ เขาไม่มีทางให้ข้าได้รับความน้อยใจ นอกจากนี้ ข้าก็มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง” หลิงมู่เอ๋อร์ร้อนใจแล้ว ในหัวใจรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง
“หากเจ้าสามารถปกป้องตัวเองได้ดีจริง ช่วงนี้ยังจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นติดต่อกันเช่นนี้หรือ? มู่เอ๋อร์ ข้าเพียงต้องการให้คนในครอบครัวของข้ามีชีวิตที่ดีกว่าผู้อื่นเท่านั้น”
ในยามที่หลิงจือเซวียนกล่าวคำนี้ มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่น ราวกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้กระทำอย่างยากลำบากเพียงใด แต่เมื่อคิดถึงหญิงสาวที่มักจะเดินตามอยู่ด้านหลังของเขา แยกเขี้ยวกางกรงเล็บสะบัดแส้นางนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
“นอกจากนี้ เจาหยางก็ยังน่ารักมากด้วย”
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้ประหลาดใจกับความรักครั้งแรกของเขา ในใจของพี่ชายมีเจาหยางจวิ้นจู่น้อยเข้าไปอาศัยอยู่นานแล้ว ในงานเลี้ยงครั้งก่อนนั้นนางก็มองออกแล้ว แต่การเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาออกมาในเวลานี้ กลับมิใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด
“ท่านสามารถยอมรับความในใจของตน ข้าก็ดีใจกับพี่ชายจริงๆ แต่ท่านยิ่งควรรู้ว่า เวลานี้หากท่านยอมรับความสัมพันธ์กับเจาหยาง ต่อท่านแล้วเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ท่านสามารถยอมรับผลลัพธ์ที่ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือ”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยากให้พี่ชายเสียสละตนเองเพื่อนาง อีกทั้ง ยังเป็นการนำอนาคตของตนเองมาพนัน
“ครึ่งปี พวกท่านรออีกครึ่งปีไม่ได้หรือ? ขอเพียงการสอบเคอจวี่สิ้นสุดลง ท่านกับเจาหยางคิดจะอยู่ด้วยกันอย่างไรก็ได้ แต่หากท่านอยู่ร่วมกับนางตอนนี้ ต่อให้ในอนาคตท่านสอบได้ตำแหน่งสูง ก็จะมีคนนินทาลับหลังว่าท่านยืมอำนาจจากจวนจวิ้นอ๋อง พี่ชาย ท่านเข้าใจถึงความร้ายแรงที่อยู่ภายในดี”
หลิงมู่เอ๋อร์มองเขาอย่างประหม่ากังวล น้ำเสียงยังแน่วแน่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก “และข้า ก็ไม่ต้องการการเสียสละตนเองเช่นนี้ของท่าน”
ส่วนหลิงจือเซวียนราวกับไม่ได้ยินคำเกลี้ยกล่อมของนาง แต่กลับยื่นมือออกมาลูบผมยาวของนางอย่างอ่อนโยน สายตาเอ็นดูอย่างยิ่ง “หากข้าบอกว่าไม่สนใจ มู่เอ๋อร์ของข้าใช่จะคลุ้มคลั่งจนจับข้ากินหรือไม่? สาวน้อย สายไปแล้ว ตอนนี้เสียใจก็สายเกินไปแล้ว นอกจากนี้ ข้าก็ไม่เสียใจด้วย”
ในยามที่หลิงจือเซวียนกลับมายังห้องโถงชั้นในอีกครั้ง เจาหยางจวิ้นจู่น้อยได้ถูกบิดาดึงตัวไปนั่งบนเก้าอี้ เคารพนางราวปรนนิบัติพระหมื่นปีก็ไม่ปาน
นี่เป็นไม้แข็งไม่สำเร็จวางแผนจะใช้ไม้อ่อน เขาหัวเราะแล้วส่ายหัว ประกาศต่อทุกคนอย่างหนักแน่นจริงจัง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากับเจาหยางปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว เจ็ดวันให้หลังจัดพิธีแต่งงาน ส่วนเรื่องการแต่งงานของน้องสาวและซั่งกวนเซ่าเฉินนั้น ในเมื่อเป็นน้องสาว เช่นนั้นก็รอทีหลังข้าเถิด รบกวนให้ท่านพ่อส่งคนไปบอกซั่งกวนเซ่าเฉินสักคำ หลังจากแต่งงานข้าจะไปขอโทษเขาที่บ้านด้วยตนเอง แน่นอนว่า ถึงเวลานั้นมู่เอ๋อร์ก็จะกลายเป็นน้องสาวบุตรเขยของจวิ้นอ๋อง กฎธรรมเนียมในพิธีแต่งงานก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว”