ราตรีอันเงียบสงัด และไร้แสงจากหมู่เมฆดำที่บดบังทั้งแสงจันทร์ และแสงดาว เมืองฮาเวสตี้ในช่วงต้นฤดูหนาวอันแสนทรมานนั้น หดหู่ยิ่งกว่าสถานที่ใดๆในดินแดนตะวันออก ยิ่งยามค่ำคืนของเมืองในปีนี้เป็นบรรยากาศที่ชวนให้ผู้คนเจ็บปวดไปทั้งกาย และใจ
ไม่เว้นแม้กระทั่งดยุคสูงศักดิ์ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองแห่งการเกษตรแห่งนี้ ภายในห้องนอนหรูหรากว้างขวางของมาเอล เรโคลเต้ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะเล็กๆตัวหนึ่ง ในมือของดยุคถือแก้วที่ภายในมีไวน์แดงเหลือเพียงเล็กน้อย ภายใต้แสงเทียนริบหรี่เผยให้เห็นแววตาที่เจ็บปวดระทมทุกข์ไร้สิ้นสุด
“พระเจ้า ข้าทำผิดสิ่งใด? ท่านถึงได้พรากทั้งภรรยา พรากทั้งบุตรสาวของข้าไป ข้าทำผิดสิ่งใดกันแน่!” เหยือกทองเหลืองสามใบบนโต๊ะที่ว่างเปล่า แสดงให้เห็นว่าเจ้าเมืองผู้นี้ดื่มเข้าไปมากเพียงไร ตอนนี้เขาจึงได้แต่พร่ำเพ้อออกมาเพียงคนเดียว ด้วยความมึนเมาจากฤทธิ์น้ำองุ่นหมักเหล่านั้น
หลายวันผ่านพ้นตั้งแต่การหายตัวไปของบีดีเลีย ผู้เป็นพ่ออย่างมาเอลนั้นเจ็บปวดใจแสนสาหัส แม้ว่าต่อหน้าผู้คนเจ้าเมืองผู้นี้จะทำท่าทางเคร่งขรึม แต่ในใจล้วนกระวนกระวายร้อนรนอยากตามหาบุตรสาวแทบทุกวินาที
“หึ! เจ้าพวกโอเมก้า! ไอ้สารเลวเดเมียน! พวกเจ้าเรียกร้องต้องการจากข้ามากมาย แต่กลับไม่สนใจชีวิตของลูกข้าเลยแม้แต่น้อย บัดซบ! ข้าไม่น่าเชื่อใจพวกเจ้าเลย ข้ามันโง่ โง่จริงๆ” ดยุคมาเอลกล่าวตัดพ้อต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากงานเลี้ยงในวันนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือได้อย่างเลวร้ายสุดๆในความคิดของเจ้าเมืองผู้นี้
ตั้งแต่วันนั้นในทุกค่ำคืน เจ้าเมืองฮาเวสตี้จะนั่งดื่มไวน์คนเดียว และย้อนนึกถึงการกระทำที่ผิดพลาดของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งมันก็ยาวนานแล้วก็มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับยิ่งนานวันท่านชายเดเมียน แห่งตระกูลกลาเซียก็ดำเนินการในเมืองฮาเวสตี้ตามใจตัวเองมากขึ้นเช่นกัน
ความผิดพลาดอย่างแรกของดยุคมาเอลก็คือ ให้อำนาจการควบคุมความสงบของเมืองแก่เดเมียนผู้เป็นบุตรของดยุคต่างเมือง และสำหรับภายในแวดวงชนชั้นสูงต่างก็รู้ดีว่า ตระกูลกลาเซียคือผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มโอเมก้า ซึ่งนั่นทำให้ตอนนี้การค้าในเมืองฮาเวสตี้ถูกควบคุมโดยโอเมก้าอย่างง่ายดาย
ทั้งหมดเกิดจากความคิดเพียงชั่วแล่นของเจ้าเมือง ที่ต้องการออกตามหาบุตรสาวเพียงอย่างเดียว โดยฝากภาระหน้าที่ไว้กับว่าที่คู่หมั้นของบุตรสาวอย่างเดเมียน กลาเซีย อย่างหนึ่งก็เพราะต้องการซื้อใจตระกูลกลาเซียนั่นเอง และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเสียหน้าว่าเป็นเจ้าเมืองแต่กลับปกป้องบุตรสาวไม่ได้
แต่สุดท้ายการตัดสินใจนั้นก็ทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งที่สองขึ้น เมื่อกองทัพตระกูลกลาเซียจากแดนเหนือเข้ามาสมทบที่เมืองฮาเวสตี้ พวกเขาตั้งใจโจมตีเดอริก ทายาทแห่งตระกูลเฟลมเมีย ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของภรรยาตน แต่มันก็สายเกินไปที่ดยุคมาเอลจะเข้าไปช่วยเหลือ
สุดท้ายด้วยเหตุการณ์นั้นที่ไม่มีใครรู้ว่าเดอริกเป็นตายร้ายดีอย่างไรในเทือกเขาแม็กซิมัส แต่เดเมียนกลับมาบอกว่าทายาทแห่งตระกูลเฟลมเมีย ถูกช่วยเหลือโดยกลุ่มซีเคร็ตการ์เด้นที่ตั้งตัวเป็นกบฏ และโทษว่าเจ้าเมืองดูแลความสงบเรียบร้อยของเมืองได้ไม่ดี จึงถือโอกาสยึดอำนาจทางหทารทั้งหมดทันที
และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างง่ายดายยิ่ง เพราะไม่มีอัศวินคนใดขัดขืนต่อคำสั่งนั้น พวกเขานำทหารแปรพักตร์เข้าสวามิภักดิ์ต่อเดเมียน กลาเซียโดยไม่มีข้อโต้แย้งแม้แต่น้อย ตอนนี้ดยุคมาเอล เรโคลเต้จึงกลายเป็นเพียงเจ้าเมืองแต่ในนามเท่านั้น อำนาจปกครองทั้งหมดกลับกลายเป็นของคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
“หึๆ แต่อย่างน้อยข้าก็ยังเหลือเพื่อนสนิทผู้ภักดีต่อข้าอยู่คนหนึ่งนี่นะ… ข้านอกมีใครอยู่บ้าง! ไปตามเวเบอร์มาพบข้าหน่อย” ดยุคผู้เมามายตะโกนเรียกคนรับใช้หน้าประตูเพื่อสั่งการ
แต่ทุกอย่างก็เงียบงัน เหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอกเลยสักคน หรือแม้แต่คนรับใช้ภายในคฤหาสน์ก็ไม่ภักดีต่อตนแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าเมืองผู้นี้ฉุกคิดขึ้นมาได้ในเสี้ยวอึดใจนั้น เขารีบลุกจากเก้าอี้ทันทีด้วยความโมโหสุดขีด แล้วก็เดินไปเปิดประตูออกเพื่อดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง
“ปัง!” มาเอลดึงเปิดประตูอย่างแรงจนมันกระแทกเข้ากับผนังเสียงดัง แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้เขาสะเทือนใจมากกว่าอีก เพราะมันก็เป็นไปดังคาดคิด ตลอดโถงทางเดินไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียว ทางเดินที่มืดมิดไร้แสงเทียนติดบนผนังเช่นแต่ก่อน
“ทำไม ทำไม ทำมายยย!!!” ดยุคเรโคลเต้ผู้สูญเสียอำนาจไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่บารมีก็ยังไม่เหลือ เขาตะโกนออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว และเศร้าสลดอย่างยิ่ง แม้แต่เข่าทั้งสองก็อ่อนแรงจนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ นับแต่นั้นจิตใจของผู้ยิ่งใหญ่ก็แตกสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
ในคืนเดียวกันนั้น ท่ามกลางหุบเขาลึกลับที่อากาศกำลังสบาย หญิงสาวผมดำผู้งดงาม และสูงศักดิ์ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนที่นอนก็สะดุ้งตื่นขึ้น พร้อมกับเหงื่อเม็ดโตเต็มใบหน้า ดวงตาของเธอเบิกโพลงพร้อมกับหายใจหอบถี่ไม่หยุด ดุจดั่งเพิ่งพานพบกับฝันร้าย
“ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ?” หญิงสาวได้แต่เพียงกล่าวออกมาถึงดยุคผู้เป็นบิดาด้วยความคิดถึงห่วงใย และอาจเป็นเพราะสายใยของสายเลือดจึงทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล เมื่อผู้เป็นพ่อกำลังใจสลายอยู่อีกที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามการตื่นขึ้นเพราะฝันร้ายนี้ทำให้เธอไม่อาจหลับตาได้ลง บีดีเลียจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียง เธอจุดตะเกียงแล้วถือมันเดินออกไปที่ระเบียงทางเดินหน้าห้อง แล้วก็ออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอก ซึ่งบังเอิญสายตาก็สะดุดกับกองไฟเล็กๆที่จุดขึ้นไม่ไกลจากห้องพักของเธอมากนัก
มันเป็นเรื่องแปลกที่จะมีคนก่อกองไฟในบริเวณนี้ เพราะปกติจะมีแต่ที่หมู่บ้านคนงานเท่านั้นที่ก่อกองไฟ ซึ่งมันตั้งอยู่ไกลออกไปอีกทางหนึ่ง นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าสงสัยสำหรับหญิงสาวผู้ที่อาศัยอยู่ในฟาร์มกลางหุบเขามาสักพักแล้วนั่นเอง และเพื่อคลายความกังวลนี้บีดีเลียจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูให้เห็นกับตา
ทำให้เธอได้พบกับชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟนั้น และเขาก็เป็นคนที่เธอรู้จักดีอีกด้วย
“เดอริก! ท่านออกมาจากห้องทำไม? ท่านยังไม่หายดีนะ” บีดีเลียกล่าวเรียกชายหนุ่มผมแดงทันทีที่เธอพบ เพราะตกใจที่คนบาดเจ็บหนักมานั่งเล่นตากน้ำค้างเช่นนี้
“ยามันดีน่ะ ข้าก็เลยหายเร็วเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้ารู้ตัวดีว่าร่างกายพอเดินไหวแล้ว และก็จะไม่ฝืนทำอะไรเกินตัวไปหรอกนะ” บุตรชายดยุคหันมากล่าวตอบลูกพี่ลูกน้องของตนด้วยรอยยิ้ม
“แต่จากบ้านพักคนงานมาถึงนี่ก็ไกลพอสมควรสำหรับคนเจ็บ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาถึงนี่เลยด้วยซ้ำ” หญิงสาวกล่าวแย้งด้วยความเป็นห่วงพี่ชายแสนดื้อรั้นคนนี้อย่างมาก
“ก็ข้าไม่อยากรบกวนพวกเขานี่ พรุ่งนี้เช้าก็ต้องทำงานหนักกันอีกแล้ว แม้ว่าเงินจะดีก็เถอะ แต่งานพวกเขาไม่ง่าย และสบายเหมือนตอนเป็นทหาร หรือทำฟาร์มของตัวเองเลย ท่านภามที่เห็นเงียบๆแบบนั้นนี่ใช้งานคนคุ้มจริงๆ” เดอริกอธิบายพร้อมเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพื่อไม่ให้หญิงสาวต้องมาบ่นตัวเองอีก
“หึ! งานสำคัญมันก็ต้องใช้งานคนที่ไว้ใจได้สิ และในเมื่อคนที่ไว้ใจได้มีไม่มากก็ต้องทำงานมากแทน ท่านภามจึงต้องเลือกสรรเฉพาะคนที่มีความสามารถพอที่จะทำงานได้ และคนที่มีความสามารถก็ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเช่นกัน ทั้งหมดจึงกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” บีดีเลียอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดการหาคนของภามให้กับชายหนุ่มตรงหน้าได้เข้าใจ
“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วล่ะน่า ท่านอองรีเล่าทุกอย่างให้ข้าฟังหมดแล้ว แต่เหมือนว่าเจ้าจะเข้าข้างท่านภามจนออกหน้าออกตาเกินไปแล้วนะ เฮ้อ! สงสัยข้าคงจะได้น้องเขยเป็นชาวไร่เสียแล้วสิ” ชายผมแดงกล่าวแซวกลับหญิงสาว
“หุบปากไปเลยนะ!” บีดีเลียตอบกลับเสียงดังพร้อมกับอาการเขินอายจนหน้าแดง
MANGA DISCUSSION