ภามที่นั่งอยู่บนรถม้ากำลังเดินทางกลับไปโรงแรมที่พักของตน ต้องกุมขมับด้วยความปวดหัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า หลายอย่างอยู่นอกเหนือจากแผนการเรียบง่ายที่เขาวางไว้ก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง จากต้องการทำธุรกิจขนส่งไปเงียบๆ กลายเป็นต้องพัวพันกับการเมืองท้องถิ่นของเมืองฟลอริสตี้ไปแล้ว
หลังจากการประชุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ภามก็ได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกลุ่มนี้ด้วยเพื่อช่วยกันเป็นพลังตอบโต้กลุ่มโอเมก้า ที่ยึดครองระบบเศรษฐกิจของเมืองฟลอริสตี้ไปเรียบร้อยแล้ว และภารกิจแรกของความร่วมมือครั้งนี้ ก็คือการติดอาวุธสำหรับการต่อสู้ให้กับสมาชิก
ซึ่งตามแผนการเดิมที่พันธมิตรโลเลี่ยนได้วางเอาไว้ ทำให้ภามได้ครอบครองโกดังใหญ่กลางย่านการค้าในฐานะของผู้เช่า โดยต้องขุดเอาผลึกเวทมนตร์ขนาดใหญ่ ที่ถูกฝังไว้ใต้โกดังใหม่ของภามตั้งแต่อดีตกาลขึ้นมาเพื่อสร้างอาวุธ และอุปกรณ์เวทมนตร์
ในส่วนของอาวุธที่ต้องการสร้างเป็นหลักนั้นก็คือ อุปกรณ์เวทมนตร์ที่เน้นป้องกันการลอบสังหารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นไอเทมประเภทตรวจจับความเคลื่อนไหว ไอเทมป้องกัน หรือแม้แต่อาวุธต่อสู้ก็มีบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีไว้ตอบโต้นักฆ่า ผู้เชี่ยวชาญการลอบสังหารของกลุ่มโอเมก้าโดยเฉพาะ
แม้ในใจของภามจะไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังปะทะซึ่งหน้า เพราะด้วยโอเมก้ามีตระกูลขุนนางมากมายสนับสนุนอยู่ อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ หรือโจรผู้ร้ายได้ แล้วจะกลายเป็นข้ออ้างให้ขุนนางเหล่านั้นยกกองทัพมาปราบ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการสั่งสมกองทัพของบริษัทแม็กซิมัสแม้แต่น้อย
ในเมื่อต้องร่วมมือกันแล้วก็ต้องฟังเสียงส่วนมากตามมติที่ประชุมของกลุ่มไว้ก่อน อีกทั้งในพันธมิตรโลเลี่ยนยังมีผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น แม้แต่เจ้าเมืองฟลอริสตี้ก็คือผู้ที่ก่อตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาเองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ภามกลับไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น
“ทีโอเรีย วันนี้ข้าไม่ออกไปไหนแล้วอยากจะนอนอย่างเดียวเลย เจ้าจะไปไหนก็ตามสบายเถอะ เรื่องของพันธมิตรโลเลี่ยนทำให้แผนงานที่ข้าวางไว้ต้องเปลี่ยนใหม่หมด ตอนนี้ขอพักผ่อนให้สมองปลอดโปร่งสักหน่อยดีกว่า” เจ้าของโกดังคนใหม่บอกกับสารถีหนุ่มผู้ที่กำลังขับรถม้าอยู่
“ฮ่ะๆ ไม่ว่าใครเจอเรื่องประหลาดใจแบบท่านภามเข้าไป ก็ต้องคิดมากทั้งนั้นแหละขอรับข้าน้อยเข้าใจดี ยิ่งเมื่อคืนท่านคงจะใช้แรงไปเยอะจนพักผ่อนไม่เต็มที่ ตอนนี้เลือกการพักผ่อนคงจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากกว่า” สารถีหนุ่มผมสีน้ำตาลหันมากล่าวกับภาม ด้วยท่าทางเหมือนต้องการแซวเขาเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้เจ้าของฟาร์มงงกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดขึ้นมา
“เอ๋? เจ้าหมายถึงเรื่องอะไรรึ? เมื่อคืนข้าไม่ได้เหนื่อยอะไรสักนิด แถมนอนหลับเต็มอิ่มด้วย หรือเจ้าจะเห็นว่าข้าทำอะไรเมื่อคืนอย่างนั้นรึ? นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยนะที่เจ้ามัวแต่แอบดูแล้วไม่แสดงตัวออกมาน่ะ” ภามที่ไม่เข้าใจความหมายที่สารถีหนุ่มสื่อออกมา ก็กล่าวตำหนิกลับไปเล็กน้อย ส่วนเรญ่าที่ได้ยินว่าทีโอเรียพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเธอก็ไม่พอใจเช่นกัน แต่ก็ยังคงเงียบ และหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย
เรื่องราวเหมือนจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ทีโอเรียจึงรีบจอดรถม้าเทียบข้างทาง และหันไปพูดกับภามอย่างจริงจังเพราะคิดว่าต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่นอน
“คือท่านภามหากข้าทำอะไรผิดไปก็ขออภัยด้วยขอรับ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอะไรนั้นข้าไม่รู้ไม่เห็นทั้งสิ้น แค่สังเกตจากท่าทางของท่านเรญ่าที่ดูอ่อนแรง จนท่านภามต้องประคองเดินออกมาจากโรงแรมเมื่อเช้าเท่านั้นเองขอรับ” ชายหนุ่มพูดออกมาตามตรงถึงแม้อาจจะถูกต่อว่าก็ตาม
“เรญ่าอ่อนแรง เพราะว่าเมื่อคืนนางบาดเจ็บ หรือนี่เจ้าคิดว่า…” ภามที่อธิบายแล้วนึกภาพตามก็ต้องชะงักไป เมื่อเข้าใจแล้วว่าคนหนุ่มอย่างทีโอเรียนั้นคิดลึกไกลไปถึงไหน
“พอเถอะเจ้าค่ะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น อย่าได้ถือสาคำพูดเขาเลย” เรญ่ารีบตัดบทสนทนาทันที เพราะหญิงสาวรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงเรื่องเมื่อคืน ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากเธอ และภามเท่านั้น รวมทั้งยังถูกเข้าใจผิดไปอีกซึ่งตอนนี้หน้าของเรญ่าแดงไปจนถึงใบหูแล้ว
“ขะ…ข้าอภัยด้วยขอรับท่านภาม ท่านเรญ่า” ทีโอเรียรีบก้มหัวขอโทษเป็นการใหญ่ที่ได้เสียมารยาทไป
“เอาล่ะๆ พอเถอะ นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ที่จริงเรื่องเมื่อคืนก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่เพราะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อเช้าเสียก่อนข้าถึงยังไม่ได้พูดออกมา เอาเป็นว่าตอนเย็นเจ้าก็มาที่บาร์แล้วกัน ข้าจะได้เล่าให้ฟังพร้อมกับทีเรียนด้วยเลย” ภามรีบสรุปเรื่องราว และต้องการนัดคุยธุระสำคัญด้วยเช่นกัน
เวลา 11.45 น. ณ ป่าลึกทางตอนเหนือของเมืองฮาเวสตี้
นักรบหนุ่มผมแดงวิ่งฝ่ากองใบไม้หนาไปด้วยความทุลักทุเล มือข้างขวากำดาบสีเงินแวววาวที่เปรอะเปื้อนคราบโลหิตสีแดงไว้แน่น ส่วนแขนข้างซ้ายกลับมีเลือดไหลอาบ ซึมออกมาจากแขนเสื้อสีขาวอย่างชัดเจน บาดแผลฉกรรจ์จนไม่อาจขยับแขนได้สะดวกต้องปล่อยให้มันตกห้อยอยู่อย่างนั้น
ใบหน้าที่อ่อนล้า และเคียดแค้นของเขาไม่อาจปกปิดความหล่อเหลาองอาจเอาไว้ได้ แต่รอยยิ้ม และแววตาขี้เล่นอันเป็นที่คุ้นเคยของผู้คนกลับไม่มีอยู่บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บรวมทั้งสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของตน เขาคนนี้ก็คือท่านชายเดอริก เฟลมเมีย นั่นเอง
“อึก! บัดซบ!” เดอริกล้มทรุดลงกับพื้นด้วยอาการหน้ามืด เพราะเสียเลือดเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่วายสบถออกมาด้วยความเคียดแค้น
ไม่นานสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ต้องบาดเจ็บ และหนีมาอย่างน่าอนาถก็เข้าใกล้เขามาเรื่อยๆ นั่นก็คือกองทัพอัศวินบนหลังม้าหลายสิบคน ทุกคนสวมเกราะเหล็กสีดำขอบทองเต็มยศ ซึ่งดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง ดาบยาวในมือของพวกเขาต่างก็ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด
ตรงกลางแถวอัศวินยังปรากฏชายหนุ่มผมขาวรูปงาม ควบม้าเข้ามาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งไร้อารมณ์ ชุดเกราะเหล็กสีดำขอบทองของเขามีลวดลายที่งดงาม และการตกแต่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ผู้บัญชาการเหนือเหล่าอัศวินรอบด้าน เขาก็คือท่านชายเดเมียน กลาเซีย แห่งแดนเหนือ
“เข้าไปล้อมมันเอาไว้! ท่านชายจะเป็นคนสังหารมันด้วยตัวเอง!” อัศวินคนหนึ่งสั่งการกับลูกน้อง จากนั้นพวกเขาก็ควบม้ากระจายกันออกไป ล้อมรอบชายหนุ่มผมแดงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความรวดเร็ว และพร้อมเพรียง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาผ่านการฝึกฝนมามากมายเพียงใด
แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเลวร้าย แต่เดอริกไม่แม้แต่จะยอมแพ้ ยิ่งศัตรูเข้ามาล้อมรอบเขายิ่งมีกำลังใจลุกขึ้นสู้ แม้จะมีเพียงมือเดียวที่ใช้การได้เขาก็สามารถใช้มันจับดาบเพื่อยันตัวลุกขึ้นจากพื้นมายืนตัวตรงได้อย่างองอาจ สมกับการเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลอันยิ่งใหญ่แห่งอดีตกาล
สายตาอันโกรธเกรี้ยวของชายผมแดง จดจ้องไปยังใบหน้าขาวเนียนของเดเมียนด้วยความเคียดแค้นในใจอย่างถึงขีดสุด ฟันกรามขบแน่นจนเลือดไหลออกมา ในยามนี้เดอริกไม่หลงเหลือความกลัวใดๆอีกต่อไปแล้ว เขาพร้อมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อแลกชีวิตกับศัตรูตรงหน้า
“อะไรกัน เจ้ายังมีแรงจะต่อสู้อยู่อีกอย่างนั้นเหรอ? ไม่นึกเลยว่าคนไม่เอาการเอางานอย่างเดอริก เฟลมเมียจะจริงจังขึ้นมาได้ในเวลาแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ ถ้าในสถานการณ์ปกติเจ้าเป็นเช่นนี้ละก็ คงอาจจะยังรักษากองทัพของตัวเองไว้ได้ เฮ้อ! น่าเสียดายๆ” เดเมียนมองลงมาจากหลังม้าจ้องมองไปยังเหยื่อที่ยืนอยู่ด้านล่างด้วยความดูแคลน
“ไม่ต้องพูดมาก! กบฏเช่นเจ้ายังไงก็ต้องไม่ตายดี!” เดอริกชี้ดาบไปยังศัตรูผมขาวบนหลังม้าอย่างท้าทาย
“วาจาของคนตายมันไร้ค่า! ไอซ์ โบลท์!” เดเมียนร่ายเวทย์ฉบับรวบรัด สร้างศรน้ำแข็งแหลมคม มันพุ่งออกจากมือไปยังลำคอของเป้าหมายทันที
“ตู้ม!” ศรเวทย์น้ำแข็งระเบิดขึ้นกลางอากาศ เพราะปะทะเข้ากับศรเวทย์อัคคีลึกลับ ที่จู่ๆก็พุ่งมาจากที่ใดไม่ทราบ
“นั่นใคร!” เดเมียนตะโกนก้องด้วยความโกรธ
MANGA DISCUSSION