ภามที่หลังจากได้ยินคำกล่าวต้อนรับจากทีเรียน ต่อหน้าผู้คนมากมายในห้องแผนกที่ดินนี้ของที่ว่าการเมืองฟลอริสตี้ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาหันไปมองสบตากับทุกคนในห้องทีละคนทีละคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นั่นทำให้จู่ๆบรรยากาศก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที ทีเรียนที่เหมือนจะเป็นผู้นำในที่ประชุมแห่งนี้ ก็รีบตรงเข้ามาอธิบายเรื่องราวกับภามทันที เพื่อไม่ให้ต้องเสียงานโดยใช่เหตุ
“เอิ่ม…ท่านภามขอรับ ที่ข้าเชิญท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะได้พบกับผู้มีอุดมการณ์ร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะกดดันท่านแต่อย่างใด” ชายวัยกลางคนผู้มีหนวดโค้งขึ้นกล่าวด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ
“อ้อ…อย่างนั้นรึ? ที่จริงบอกมาตามตรงตั้งแต่แรกก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องทำลับๆล่อๆเลย แล้วเจ้าหน้าที่ที่ดินอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยรึเปล่า?” ภามถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เขาไม่ค่อยพอใจกับการต้อนรับที่เหมือนกับพามาสอบสวนนี้เท่าไร ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเอง และทีเรียนเคยคุยกันมาก่อนจนรู้สึกถูกชะตาเขาคงจะเดินออกจากห้องนี้ไปแล้ว
สักครู่ชายหนุ่มที่เจ้าของฟาร์มถามหาก็เดินออกมาจากกลุ่มผู้คน แล้วก็เข้ามาโค้งคำนับต่อหน้าภามด้วยความสุภาพ และเป็นกันเองเฉกเช่นเมื่อวาน
“ข้ามีนามว่าลูแชงค์ขอรับ ที่ข้าแนะนำโกดังในย่านการค้าต่อท่านนั้น มีเหตุผลบางอย่างที่สำคัญกับแผนการของพันธมิตรโลเลี่ยนด้วย แม้ว่าจะทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจบ้าง แต่รับรองได้ว่าหากเปิดกิจการขนส่งที่นั่นท่านจะมีแต่ได้กับได้ ที่สำคัญพวกเราจะคุ้มครอง และให้ความสะดวกเอง” ชายหนุ่มผมทองกล่าวออกมาตามตรงทั้งหมด เพราะรู้ดีว่าการปกปิดข้อมูลไม่เป็นผลดีกับการเจรจา
“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ข้าขอเริ่มด้วยคำถามสักเล็กน้อยก่อนดีกว่า เพราะข้าไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าเป็นใคร มีใครพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยนมีเป้าหมายอะไรถึงได้ก่อตั้งขึ้นมา?” แทนที่ภามจะมองหน้าลูแชงค์แล้วถาม แต่เขากลับมองไปทางกลุ่มคนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ด้านหนึ่งของห้อง เพราะคนเหล่านั้นมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
นั่นก็เป็นเรื่องที่ทีเรียนกับลูแชงค์เหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้วจึงชิงอธิบายกับภามขึ้นก่อนหน้านี้ หลายคนรู้สึกเหมือนถูกท้าทายก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที แต่ก็สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ออกมาปะทะคารมกับผู้มาเยือนได้ เพราะได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะให้สองคนก่อนหน้าเป็นตัวแทนเจรจา แต่….
“ข้าจะบอกเจ้าเอง!” ชายวัยกลางคนร่างใหญ่หนวดเครารุงรังสีแดงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าภาม แววตาที่ดุดันของเขาจดจ้องเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม เหมือนกับเคืองแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
“เชิญ” อดีตทหารตอบกลับเพียงคำเดียว ตาของเขาก็จ้องกลับไปที่คนร่างใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว
“หึ! กลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยนเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มต่างๆ เพื่อจุดมุ่งหมายปกป้องความสงบสุขของอาณาจักรฟาร์เมีย ไม่ว่าใครที่มุ่งร้ายต่อฟาร์เมียหรือสร้างความวุ่นวายขึ้นในอาณาจักรนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เราจะเป็นผู้เข้าไปจัดการแทนส่วนที่พวกขุนนางไม่กล้าทำ” ชายร่างใหญ่ตอบกลับด้วยเสียงดัง เพื่อตั้งใจข่มขวัญคนตรงหน้า
“เช่นเรื่องอะไรล่ะ?” ภามกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง และยังคงสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“ก็เรื่องที่พวกโอเมก้าสร้างกลุ่มขึ้นมาเพื่อยึดครองอำนาจของสมาคมการค้าทั้งหมดของอาณาจักรนี้ยังไงล่ะ! มันทำให้ทุกคนทุกอาชีพต้องเดือดร้อน โดยเฉพาะพวกชาวบ้านยากจนต้องขายของราคาถูกให้กับพวกมัน ถ้าสมาคมการค้าไม่ได้ตกอยู่ในมือมัน ชาวบ้านยังมีโอกาสต่อรองได้ไม่ใช่ถูกผูกขาดเยี่ยงนี้” หนวดเคราสีแดงของชายร่างใหญ่ กระตุกไปตามสีหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของเขา ภามที่เห็นอย่างนั้นต้องรีบกลั้นขำเอาไว้อย่างถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นการเจรจาครั้งนี้อาจล่มได้
เจ้าของกิจการขนส่งรีบหายใจเข้าลึกเพื่อปรับอารมณ์ และแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดเหมือนกับว่าต้องระงับความโกรธเอาไว้ แม้ว่าจริงๆแล้วมันคือการกลั้นหัวเราะก็ตาม ซึ่งจากท่าทางนี้ก็ทำให้ผู้ที่มองอยู่อย่างชายร่างใหญ่ได้ใจ เหมือนกับว่าเขาต้องการยั่วโมโหท้าทายภามอยู่แล้ว
“เป็นอะไรไป? ไม่พอใจข้าหรือไง? ถ้าอยากมีเรื่องก็เข้ามาได้เลย!” ชายร่างใหญ่หนวดแดงกล่าวท้าทายอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับยิงฟันขู่ด้วย นั่นยิ่งทำให้ภามต้องรีบเบือนหน้าหนีแล้วกลั้นขำจนตัวสั่น แต่ก่อนที่คนอื่นๆจะเข้าใจผิดไปด้วย ภามจึงต้องรีบพูดบางอย่างออกมาแก้สถานการณ์
“ข้าไม่อยากมีเรื่อง ที่มาที่นี่ตั้งแต่แรกก็เพื่อเรื่องเช่าโกดังเท่านั้น เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าเข้าใจถึงความเป็นมาของพันธมิตรโลเลี่ยนแล้ว เชิญท่านตามสบาย ข้าขอคุยกับลูแชงค์ต่อ” ภามพยายามตอบกลับให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อไม่เป็นการหาเรื่องชกต่อยกับยักษ์บ้าพลังคนนี้
ซึ่งชายร่างใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เขาเดินกลับไปหาเพื่อนโดยไม่มองกลับมาที่ภามอีก ส่วนลูแชงค์ และทีเรียนก็เดินเข้ามาคุยกับเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีคนอื่นเข้ามาหาเรื่อง หรือภามไปหาเรื่องใครอีก ส่วนเรญ่า และทีโอเรียที่ยืนอยู่ด้านหลังภามก็ค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงมาเช่นกัน
แม้ว่าภามจะสามารถชนะการต่อสู้กับทุกคนในห้องนี้ได้ง่ายดาย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าเป้าหมายของทั้งตัวเอง และพันธมิตรโลเลี่ยนนั้นเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ในทางธุรกิจแล้วการมีเพื่อนย่อมดีกว่าไม่มี ถ้ามีคนคอยอำนวยความสะดวกที่ต่างเมืองแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก
แต่ตอนนี้สีหน้าของทีเรียนนั้นดูจะลำบากใจมากที่สุด เพราะตัวเองเป็นคนที่ได้รับจดหมายแนะนำตัวจากครูใหญ่เรื่องภาม แต่ด้วยตัวเขาเป็นสมาชิกของพันธมิตรโลเลี่ยนจึงได้พาภามมาที่นี่ เพื่ออธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญของโกดังในย่านการค้าแห่งนั้น
“ทีเรียนเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป เราค่อยๆคุยกันได้ในเรื่องที่เจ้าจะมาทำงานกับข้า ส่วนเรื่องการเป็นสมาชิกในกลุ่มโลเลี่ยนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้กิจการของข้าจะมีความลับทางการค้า แต่ถ้าหากจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เราก็ต้องแสดงให้พวกเขาดูอยู่ดี” ภามพยายามปลอบใจบาร์เทนเดอร์หนวดโค้ง
“เอ่อ…ขอรับท่านภาม” แม้จะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการสื่อ แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นในความหวังดีนั้น
“คือท่านภาม เอาเป็นว่าข้าจะขอเล่าเรื่องราวทั้งหมดทีเดียวเลยก็แล้วกัน ว่าโกดังนั่นมันสำคัญยังไง แล้วก็เกี่ยวกับแผนการของเรายังไงนะขอรับ” ลูแชงค์ที่รู้เรื่องมากที่สุดเข้ามาเป็นผู้อธิบายไขข้อสงสัย
ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อนที่เมืองฟลอริสตี้แห่งนี้ กลุ่มโอเมก้าเพิ่งเข้ามาทำการค้าขายได้ไม่นาน พวกมันทั้งหาพันธมิตร และเริ่มกำจัดกิจการที่เป็นพันธมิตรกับศัตรูของตัวเองที่อยู่ในเมืองอื่น ซึ่งกิจการแรกที่ถูกกำจัดไปก็คือกิจการค้าส่งสมุนไพรแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยเช่าโกดังใหญ่แห่งนั้นมาก่อน
แต่วิธีการนั้นก็เป็นไปอย่างแยบยล ทำให้กิจการนั้นขาดทุน และต้องปิดตัวไป ต่อมาไม่นานก่อนที่อดีตเจ้าของกิจการจะตรอมใจตาย เขาได้บอกความลับเกี่ยวของมีค่าที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินกับทายาทของตน ลึกลงไปภายใต้ชั้นดิน 20 เมตร สิ่งนั้นมันมีพลังมากพอที่จะใช้ต่อสู้กับพวกโอเมก้าได้
“แต่ก็ยากที่จะเอามันออกมาโดยที่ไม่มีใครรับรู้ถึงมัน การที่จะทำได้อย่างแนบเนียนมีเพียงแต่ต้องเป็นเจ้าของที่โกดังแห่งนั้นให้ได้เสียก่อน และเพื่อไม่ให้ใครสงสัยจึงจำเป็นต้องมีคนที่มีเงินมากพอ รวมทั้งไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลของโอเมก้ามาเป็นเจ้าของโกดังคนใหม่”
MANGA DISCUSSION