ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านกลางทุ่งโล่งในปลายฤดูใบไม้ร่วง ชายเสื้อคลุมสีดำของชายหนุ่มปลิวไสวไปกับสายลม แต่ตัวของเขานั้นยังเดินก้าวเข้าไปเบื้องหน้าอย่างองอาจไม่หวั่นเกรง จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ริมรั้วไม้เตี้ยซึ่งห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร
ภามสอดส่องสายตามองเข้าไปภายในตัวบ้าน แม้เขาจะมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆที่เคลื่อนไหวอยู่ แต่จิตสัมผัสของเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าภายในบ้านหลังน้อยนี้มีคนอยู่ 3 คน ผู้ชายสูงวัยหนึ่ง ชายหนุ่มหนึ่ง และหญิงสูงวัยอีกหนึ่ง เพียงแต่คนที่ถือหน้าไม้แล้วยืนหลบหลังกำแพงนั้นมีเพียงคนเดียว
ด้วยต้องการแสดงเจตนาว่าตนนั้นมาดีไม่ได้มาร้าย ภามจึงเป็นฝ่ายตะโกนบอกก่อน ซึ่งในระยะ 10 เมตรนี้ใกล้พอที่จะไม่ทำให้ชาวบ้านคนอื่นๆในละแวกนี้ที่อยู่ห่างไปกลางทุ่งอันแห้งแล้งได้ยินอย่างแน่นอน
“สวัสดี! ข้ากับท่านหญิงบีดีเลีย มาที่นี่เพื่อพบกับท่านแอดเลอร์” ภามตะโกนออกไปด้วยเสียงดังฟังชัด
ไม่มีเสียงตอบกลับแม้เพียงน้อยนิด แต่ภามก็สามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของผู้คนในบ้าน นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขารับรู้ในสิ่งที่เกษตรกรหนุ่มกล่าวออกไปอย่างแน่นอน ภามที่ไม่อยากมีเรื่องจึงได้แต่ลองตะโกนเรียกไปอีกครั้งเท่านั้น
“ข้ากับท่านหญิงบีดีเลียมาที่นี่เพื่อพบกับท่านแอดเลอร์! ได้โปรดให้พวกเราได้คุยกับท่านด้วยเถอะ!”
และก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่ภามก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของคนในบ้านที่มีมากขึ้น อดีตทหารอดชื่นชมในใจไม่ได้ที่ทั้งสามสามารถควบคุมสติเอาไว้ได้อยู่ ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย นั่นแสดงให้เห็นถึงการจัดการที่มีคุณภาพของอดีตทหารที่ชื่อแอดเลอร์ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามภามไม่มีเวลาจะให้เสียเที่ยวแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าการโต้กลับครั้งใหญ่ของกลุ่มโอเมก้าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แม้เชื่อมั่นว่าตัวเขาจะสามารถต่อสู้จนเอาชนะได้ แต่ในระยะยาว หากเขาไม่อยู่ที่เมืองนี้ แล้วเหล่าสหายของเขาเล่าจะทำเช่นไร ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำจึงตัดสินใจทำบางอย่าง
“ข้ารู้ว่าในบ้านมีคนอยู่สามคน แต่ข้าก็จะเข้าไปคุยกับพวกท่านให้ได้ เพราะฉะนั้นข้าจะนับถึงยี่สิบเท่านั้น แล้วข้าจะเข้าไปทางประตูหน้า แม้ว่าท่านแอดเลอร์จะไม่อนุญาตก็ตาม! หนึ่ง…สอง…สาม…สี่…” ภามเริ่มนับทันทีหลังจากกล่าวจบ
บีดีเลียที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนั้นได้ยินทุกคำที่ภามกล่าว แม้เธอจะอยากพบกับแอดเลอร์ใจจะขาด แต่เธอไม่คิดว่าภามจะใช้กำลังบุกเข้าไป อีกอย่างหญิงสาวก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงต้องนับถึง 20 ซึ่งมันค่อนข้างนานมาก
ทางด้านคนในบ้านทั้งสามต่างก็มองหน้ากัน แล้วชายหนุ่ม และสตรีอีกคนที่ดูก็รู้ว่าเป็นมารดาของเขาต่างจ้องมองไปที่ชายผมสีน้ำตาลเข้มวัย 50 ปีที่ถือหน้าไม้ไว้ในมือ หรือก็คือแอดเลอร์เพื่อต้องการให้เขาออกไปคุยดีๆกับคนด้านนอก ซึ่งเขาจะต้องตัดสินใจ และตอนนี้รู้สึกกดดันอย่างมากทุกๆวินาทีที่ผ่านไปนั้นช่างยาวนานนัก แต่…
“สิบแปด…สิบเก้า” เมื่อเวลาใกล้มาถึงจุดสิ้นสุด ภามก็หยุดนับต่อไปดื้อๆ นั่นทำให้ผู้คนที่ตั้งใจฟังอยู่ทั้งหมดถึงกับเกร็งจนเหงื่อออก หัวใจเต้นระรัวด้วยเลือดที่สูบฉีดไม่หยุด ในใจเริ่มสับสนกระวนกระวาย แต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ไม่ใช่สิ เขาเริ่มขยับแล้ว!
ภามเดินจ้ำไปยังหน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ประตูไม้บานใหญ่ที่ชายหนุ่มรู้แล้วว่ามันต้องถูกล็อกไว้อย่างแน่นอน แต่เขาพุ่งตัวไปที่มันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่มีเสียงการเคลื่อนไหวของคนในบ้านอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็อยู่ในการรับรู้สัมผัสของภามอย่างชัดเจน
“ยี่สิบ!” ภามเอ่ยตัวเลขสุดท้ายออกมา ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเริ่มต้นการปะทะแล้ว
“ปัง!!! เฟี้ยว!” ประตูไม้บานหนา และหนัก ที่มีกลอนไม้หนาถึงสี่ชิ้น ถูกถีบเพียงครั้งเดียวกระเด็นไปด้านหลังอย่างแรง แต่ในขณะที่บานประตูยังไม่ทันจะตกถึงพื้นดี ลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าบ้าน
“โครม!!!” ด้วยน้ำหนักของประตูก็ทำให้มันตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แต่ความสนใจของผู้คนกลับอยู่ที่ผู้มาเยือนมากกว่า เพราะเขาจับลูกศรที่ถูกยิงมาเมื่อครู่นั้นไว้ ด้วยมือเปล่าเพียงข้างเดียว
“ข้ามาเพื่อคุย เพียงเท่านั้น เราไปนั่งที่โซฟา แล้วจิบชาร้อนๆกันดีกว่า” ชายภายใต้ฮู้ดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆพร้อมรอยยิ้มกว้าง
แต่ท่าทางเป็นกันเองนี้ไม่ได้ทำให้เจ้าของบ้านทั้งสามรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย เพียงเมื่อภามพูดจบแอดเลอร์ก็ชูแขนซ้ายไปตรงหน้าของเขาแล้วขยับข้อมือเบาๆ ลูกดอกจิ๋วพุ่งออกมาจากข้อมืออย่างรวดเร็วจนไม่อาจมองได้ทัน มันพุ่งเข้าสู่กลางหน้าอกของภามด้วยความแม่นยำ แต่…ลูกดอกนั้นกลับกระเด็นออกมาทันทีที่กระทบกับร่างของเกษตรกรหนุ่ม
“แก็ง!” ลูกดอกที่ตกกระทบพื้น ส่งเสียงดังเรียกสติทุกคน
ก่อนที่ใครจะได้เคลื่อนไหวใดๆต่อไปอีก บีดีเลียก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของภามแล้ว พร้อมกับรีบแสดงตนทันทีเพื่อยุติความขัดแย้งนี้
“ข้าบีดีเลีย เรโคลเต้ ท่านยังคงจำข้าได้หรือไม่? ท่านแอดเลอร์” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับเปิดฮู้ดของเธอออก เผยให้เห็นใบหน้างดงาม และเรือนผมสีดำยาวสลวย ซึ่งทำให้ชายหนุ่มที่ด้านหลังของแอดเลอร์ถึงกับตกตะลึงในความงามนี้
“ทะ…ท่านหญิง! เป็นท่านจริงๆงั้นรึ?” แอดเลอร์ที่ก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่นั่นเป็นเพราะเขาจำหญิงสาวสูงศักดิ์ตรงหน้าได้มากกว่า
“เป็นข้าเอง ข้าต้องขออภัยด้วยที่สหายของข้าทำประตูบ้านของท่านพัง แต่พวกเราต้องการพบท่านจริงๆ และเวลามีไม่มากจึงได้รีบร้อนไปหน่อยเท่านั้น” หญิงสาวก้มศีรษะขอโทษเจ้าของบ้าน
“เอ่อ…เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เชิญท่านทั้งสองที่ห้องรับแขกดีกว่า ไซเลอร์เจ้าไปยกประตูขึ้นไปปิดซะ ส่วนเมียข้าเจ้าไปยกน้ำชามาให้แขกหน่อยละกัน” แอดเลอร์รีบพาแขกทั้งสองไปนั่งพักทันที พร้อมให้ลูกเมียจัดการสิ่งต่างๆให้เรียบร้อย
หลังจากมานั่งประจำที่แล้วภามก็ถอดฮู้ดออกให้เห็นใบหน้าคมเข้มชัดเจนของเขา ซึ่งแอดเลอร์ก็จับจ้องไปที่เขาไม่วางตา แม้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะยิ้มแย้มไม่มีท่าทางคุกคามใดๆก็ตาม และในที่สุดไม่ต้องกล่าวพิธีรีตองใดๆ บีดีเลียเป็นผู้เริ่มเปิดประเด็นในทันที
“ท่านแอดเลอร์ ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว ตอนนี้กลุ่มโอเมก้าขยายอิทธิพลครอบงำไปทั่วทั้งเมือง อีกไม่นานกลุ่มอำนาจอื่นๆก็คงจะต้องเข้าร่วมกับมันเป็นแน่ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง ซึ่งข้าต้องการผู้มีฝีมือเช่นท่านมาช่วยงาน และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสำนักเจ้าเมืองใดๆทั้งสิ้น มันคือความต้องการของข้าเอง” บีดีเลียกล่าวอธิบายอย่างรวบรัด
“แต่ข้าก็แก่มากแล้ว และแทบไม่ได้จับอาวุธเลยตั้งแต่ออกจากทหารมา นี่ก็ 5 ปีเข้าไปแล้ว ถ้าจะให้ไปทำงานลับให้ท่านก็ไม่ได้อีกเพราะคนมากมายรู้จักข้า ไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมเลยที่ข้าสามารถช่วยท่านได้” เริ่มมาแอดเลอร์ก็ปฏิเสธทันทีด้วยเหตุผลคลาสสิกคือแก่แล้ว และร้างสนามไปนาน
“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน หากช้าเมืองฮาเวสตี้จะไม่อาจหวนกลับสู่ความรุ่งเรืองได้อีก ชาวบ้านมากมายจะต้องถูกกดขี่ซึ่ง…” บุตรสาวเจ้าเมืองต้องหยุดเพียงเท่านี้ เมื่อชายสูงวัยตรงหน้ายกมือขึ้นห้าม
“เจ้าเมืองไร้ความสามารถ เขาควรถูกปลดตั้งนานแล้ว ที่ยังอยู่ทุกวันนี้ได้ก็เพราะพวกโอเมก้าต้องการผลประโยชน์จากเขา แต่ต่อไปเมื่อโอเมก้ามีอิทธิพลเหนือเขาเมื่อไร ถึงวันนั้นเขาก็ต้องลงจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้า และชาวเมืองฮาเวสตี้ต้องการ” อดีตยอดนักธนูกล่าวเสียงแข็ง
“นี่…นี่ท่านจะปล่อยให้โอเมก้ามีอำนาจที่นี่ไม่ได้ ทุกคนในเมืองจะต้องเดือดร้อนกว่านี้อย่างแน่นอน” บีดีเลียถึงกับจิตใจสั่นสะท้าน เธอไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะชิงชังบิดาของเธอถึงเพียงนี้
MANGA DISCUSSION