ฟาร์มท่ามกลางหุบเขาลึกลับนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก รวมทั้งพื้นที่เพาะปลูกที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันก็กินพื้นที่ไปครึ่งแล้ว พวกเขาจึงได้สร้างศาลาที่พักกระจายกันไปทั่วทั้งฟาร์ม และที่แปลงปลูกวิติสนี้ก็มีศาลาหลังใหญ่ที่เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงตั้งอยู่
ภาม และสี่สาวเข้านั่งพักผ่อนกันด้านในนี้ แม้ว่างานจะยังไม่เสร็จดีแต่เจ้าของฟาร์มก็มีธุระเร่งด่วนที่ต้องปรึกษากับพวกเธอ
“ตอนนี้ข้าได้รับคำแนะนำมาว่ามีอยู่สามฝ่ายที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกับโอเมก้า นั่นก็คือสมาคมการค้า สมาคมนักผจญภัย และอดีตทหารของเจ้าเมือง ข้าต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเขา แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเลย ข้าจึงอยากจะมาลองถามพวกเจ้าดูว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร” ชายหนุ่มกล่าวเข้าเรื่องอย่างเป็นการเป็นงาน
“สำหรับสมาคมนักผจญภัยนั้นวางตัวเป็นกลางต่อทุกอาณาจักรอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่เข้าร่วมสงครามแน่นอน แต่อดีตทหารของท่านพ่อ ท่านภามคงหมายถึงพวกที่โดนไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม ข้าสามารถช่วยคุยกับพวกเขาบางคนได้ ยังมีหลายคนที่ภักดีต่อข้า และท่านแม่อยู่” บีดีเลียเป็นคนแรกที่ให้ความคิดเห็น นั่นเพราะว่าเธออยู่ที่โลกภายนอกมานานกว่า และรู้ตื้นลึกหนาบางขององค์กรต่างๆ
“แล้วคนของเจ้า ที่เพิ่งถูกยุบหน่วยเทพอัคคีไปล่ะ?” ชายหนุ่มคาดหวังกับคนเหล่านั้นมากกว่า
“ข้าให้พวกเขาตามไปสมทบกับอัลเฟรดเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าเขาจะไม่ปลอดภัยที่ต้องไปทำงานที่เมืองหลวงตามคำสั่งของท่านพ่อ ซึ่งเป็นแผนการของเวเบอร์” บุตรสาวเจ้าเมืองมีสีหน้ากังวลขึ้นมาเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“อืม…ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นหลังจากเสร็จจากที่คุยกันนี้ เราสองคนจะไปหาพวกเขากันเลย แล้วมีอา วานีล พวกเจ้ามีอะไรแนะนำรึเปล่า?” ภามหันไปกล่าวถามทั้งสองที่ทำงานในฟาร์มได้ดีมาตลอด แม้จะไม่ได้ออกไปจากฟาร์มเลยก็ตาม
แม่ค้าไวน์ และคุณครูจอมเวทย์มองหน้ากันก่อนเล็กน้อย แล้วก็เป็นมีอาที่เป็นคนกล่าวขึ้น
“สมาคมการค้า ยังมีคนที่เป็นสหายกับฮาคิมอยู่ ท่านภามลองไปถามเขาดูอีกครั้งดีกว่าเจ้าค่ะ ส่วนสมาคมนักผจญภัยนั้นจะขอความช่วยเหลือในฐานะสมาคมคงไม่ได้ แต่ข้าก็มีเพื่อนที่เป็นนักผจญภัย ข้าสามารถบอกชื่อให้กับท่าน แล้วท่านไปถามหาเขาเองที่สมาคมเองก็ได้เจ้าค่ะ” มีอากล่าวมาตามตรง
“ในส่วนของเพื่อนข้าที่ลูน่าซองค์ก็มีหลายคนที่ไว้ใจได้ แม้ว่าท่านจะเป็นเพื่อนกับครูใหญ่แต่ความช่วยเหลือของเขาก็จำกัดอยู่ในวงแคบเฉพาะเรื่องใหญ่ๆเท่านั้น แต่หากเป็นเรื่องอื่นที่ท่านต้องการคนทำงาน ควรเป็นคนอื่นจะดีกว่า อย่างเช่น อืม…คิดว่าท่านน่าจะรู้จักสเตล่าเลขาของครูใหญ่อยู่แล้ว” คำแนะนำของวานีลก็ทำให้ภามเห็นมุมมองที่ต่างออกไป
“สเตล่าเป็นคนที่แข็งนอกอ่อนใน นางมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และตรงไปตรงมา งานลับนั้นไม่เหมาะเลย แต่ถ้าต้องยกกองทัพไปถล่มข้าศึกข้าคงให้นางเป็นแม่ทัพแนวหน้าอย่างแน่นอน” จากที่ได้เห็นเมื่อวันก่อน ฉากที่สเตล่าร้องห่มร้องไห้หลังการจากไปของบุตรชายดยุค มันก็ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นอีกด้านในตัวหญิงสาวมากขึ้น
“เอ้ะ? ดูเหมือนท่านจะรู้จักสเตล่ามากกว่าที่คิดนะ ไม่ใช่ว่าท่านไปล่อลวงนางอีกคนล่ะ?” เป็นมีอาที่จับจ้องสายตาไปที่ชายหนุ่มอย่างมีเลศนัยบางอย่าง
“ไม่ๆๆ เจ้าก็คิดมากไปแล้วมีอา แค่นี้ข้าก็ไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว” ภามรีบหันหน้าหลบสายตาไปทางอื่น
“เอ๋? นี่พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกันน่ะ?” บีดีเลียรู้สึกเหมือนบทสนทนาแปลกๆไปก็กล่าวถามอย่างสงสัยใคร่รู้
เนื่องจากบุตรีแห่งดยุคเพิ่งมาถึงที่ฟาร์มแห่งนี้ เธอจึงไม่รู้เรื่องที่ภามถูกพวกผู้ใหญ่ยุยงให้เปิดใจศึกษานิสัยใจคอกับสองสาวมีอา และวานีล ซึ่งภามเองก็รู้สึกแปลกๆที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรจึงปล่อยเลยตามเลย
มีเพียงสองสาวที่ยังไม่ได้บอกเพื่อนผู้มาใหม่ให้รู้เรื่องนี้ นั่นก็เพราะยังอายอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเด็กสาวผู้ใสซื่ออย่างเมโลเอ้ที่นั่งเงียบได้แต่ฟังมาตั้งนาน เธอผู้โกหกไม่เก่ง และยังอัธยาศัยดีย่อมจะช่วยชี้แจงแถลงไขเรื่องราวทั้งหมดแทนพี่สาวของตน
“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะพี่บีดีเลีย พี่มีอากับพี่วานี…” พูดไปได้เพียงนิดเดียว ทั้งมีอา และวานีลก็รีบเข้ามาปิดปากล็อคคอสาวน้อยอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเป็นกระทำที่น่าสงสัยมากเลยทีเดียวในสายตาของบีดีเลีย ไม่ใช่สิของทุกคนที่เห็นแบบนี้ต่างหาก
“เอ๋! เรื่องอะไรกันนะ? มันมีลับลมคมในอะไรถึงเพียงนั้นเชียวรึ” ท่านหญิงสูงศักดิ์ถามย้ำอีกครั้ง
“บีดีเลีย เรารีบไปกันเถอะ จะได้ไปพบหลายๆคนไม่เสียเที่ยว” ภามรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเรียกความสนใจหญิงสาวผมดำมาที่ตน
“จะ…เจ้าค่ะ” เมื่อถูกเจ้าของฟาร์มเร่งเร้า บีดีเลียจึงได้แต่เลิกสนใจเพื่อนๆของเธอแล้วเดินตามชายหนุ่มไปแบบงงๆ
ณ ห้องพักผู้อำนวยการ โรงเรียนลูน่าซองค์
ครูใหญ่ผู้ห่มคลุมหนังเสือนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรดหลังโต๊ะประจำตำแหน่งของเขา ที่ด้านหลังของเขาเลขาสาวสเตล่ายังคงยืนรอคอยคำสั่ง ส่วนที่นั่งฝั่งตรงข้ามครูใหญ่คือดยุคมาเอล เรโคลเต้ เจ้าเมืองฮาเวสตี้นั่นเอง ทั้งสองคนจ้องหน้ากันมาสักพักโดยไม่พูดไม่จาใดๆ เหมือนต้องการอ่านใจอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งที่สุดแล้วก็เป็นเจ้าเมืองที่หมดความอดทนเสียก่อน เขาลุกขึ้นพรวดอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างทุบลงไปบนโต๊ะของครูใหญ่อย่างแรง พร้อมกับสีหน้าที่ดูโกรธเกรี้ยวอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้ตะโกนด่าทอใดๆออกมา สุดท้ายครูใหญ่ที่นั่งเงียบมานานจึงจำเป็นต้องพูดเพื่อสลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้
“ท่านเจ้าเมืองนั่งลงก่อนเถอะ ข้าเชื่อว่าท่านหญิงจะต้องไม่เป็นอะไร แต่ท่านลองทบทวนดูอีกทีว่าท่านเคยมีศัตรูที่ไหนหรือไม่ หรือว่าในระหว่างนี้คนที่ท่านติดต่องานด้วยมีใครน่าสงสัยบ้างไหม ส่วนพวกโจรทั่วไปหรือบุคคลที่สามนั้นตัวข้าคิดว่าตัดทิ้งได้เลย” มหาจอมเวทย์กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขาก็ต้องพยายามสยบความตื่นเต้นไว้ด้วย เพราะเรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนการของเขาเอง
“ทำไมท่านจึงคิดว่าตัดพวกบุคคลที่สามทิ้งไปได้ พวกมันอาจจะมีแผนการเพื่อเรียกค่าไถ่ก็ได้ อีกอย่างคนรอบตัวข้าก็ไม่มีใครที่มีฝีมือเหนือกว่าจอมเวทย์ระดับสูงอีกแล้ว นอกจากท่าน!” ดยุคจ้องมองครูใหญ่ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มหาจอมเวทย์หวั่นไหวแม้แต่น้อย
“อย่างนั้นก็หมายความว่านอกจากข้าแล้ว ท่านเจ้าเมืองไว้วางใจทั้งคนสนิทของท่าน และเหล่าพันธมิตรคู่ค้าของตัวเองทั้งหมดเลยสินะ ท่านคิดว่าการล่มสลายของการปกครองเมืองฮาเวสตี้นี้ ใครจะได้ประโยชน์สูงสุด ข้างั้นรึ? ท่านคิดว่าหลังจากตระกูลเรโคลเต้ล่มสลาย ข้าจะได้เป็นเจ้าเมืองแทนท่านอย่างนั้นรึ? ถ้าข้าต้องการอำนาจทรัพย์สิน ข้ากลับไปรับตำแหน่งที่เมืองหลวงไม่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ?” คราวนี้ครูใหญ่ขึ้นเสียงแล้วกล่าวอย่างยืดยาวด้วยท่าทางที่เหมือนจะโกรธขึ้นมาแล้ว
เจ้าเมืองในชุดสีเขียวถึงกับอึ้งเมื่อเจอสวนกลับจากคำพูดของครูใหญ่ เขาไม่คิดเลยว่ามหาจอมเวทย์ขี้เล่นจะมีพลังกดดันมากมายเพียงนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่การพูดเสียงดังขึ้นมาเท่านั้น
“แล้วท่าน จะช่วยข้าตามหาลูกสาวได้รึไม่?” ที่สุดแล้วเจ้าเมืองก็เอ่ยคำขอร้องออกมาหลังจากวางมาดตรวจโรงเรียนมาตั้งแต่เช้า
“อืม…ได้สิ ข้าจะตามหานางอย่างแน่นอน เพียงแต่ข้านึกไม่ออกว่าจะมีใครที่มีความสามารถหาจอมเวทย์ หรือจ้างจอมเวทย์ระดับสูงมาได้ นอกจากขุนนางตำแหน่งสูงๆ และมีตระกูลที่มั่งคั่ง ข้าถึงมั่นใจว่าไม่ใช่พวกมือที่สามเรียกค่าไถ่ แต่คนเหล่านั้นหวังผลเพื่อประโยชน์บางอย่าง” มหาจอมเวทย์ตอบรับอย่างมีหลักการ
“ประโยชน์อันใดกันที่จะได้จากการลักพาตัวลูกสาวข้า?” ดยุคเรโคลเต้ก็ยังคงสับสนอยู่ในใจ
MANGA DISCUSSION