จอมเวทย์ชราหนวดขาวยาวในชุดคลุมสีดำบอกสิ่งที่คาดการณ์ไว้ให้แก่เจ้าเมือง พร้อมกับร่ายเวทย์รักษาให้กับท่านชายกลาเซียไปด้วย
“ยอดฝีมืออย่างนั้นเหรอ?” เจ้าเมืองฮาเวสตี้กล่าวทวนสิ่งที่จอมเวทย์ชราบอก
“ใช่ ข้าแม้จะอยู่ห้องด้านข้าง และตรวจจับความเคลื่อนไหวตลอดเวลาก็ไม่อาจทราบการเคลื่อนไหวนี้ได้เลย พวกท่านพอจะจำได้ไหมว่าใครที่อยู่ใกล้กับท่านชายเมื่อสักครู่บ้าง?” จอมเวทย์ในชุดคลุมสีดำกล่าวถาม
“โต๊ะของพวกเราจัดไว้ห่างจากโต๊ะอื่นพอสมควรไม่น่ามีใครเข้าใกล้แล้วเราไม่สังเกต แม้แต่บริกรก็เป็นคนของข้าเอง แต่คนที่อยู่ใกล้กับท่านชายมากที่สุดก็คงจะมีเพียงข้า และบุตรสาวเท่านั้น หืม? บีดีเลียล่ะ? ลูกข้าหายไปไหน!?” ดยุคมาเอลตกใจร้องตะโกนออกมา
“ระ…หรือว่าท่านหญิงจะเป็นคนต่อยหน้าท่านชายเมื่อตะกี้…” พ่อค้าอ้วนฮาเซลที่เงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่ต้นกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย ซึ่งโดยส่วนตัวเขาก็ถือว่าเป็นศัตรูกับหญิงสาวอยู่แล้ว จึงกล้าที่จะคิดเช่นนี้ออกมา
“หุบปาก! บุตรสาวของข้าไม่มีวันทำเยี่ยงนั้น!” เจ้าเมืองตะคอกเสียงดังใส่พ่อค้าชรา ตอนนี้เขารู้สึกโกรธจัดขึ้นมากกว่าเดิมนับสิบเท่า
แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายมากไปกว่านี้ ท่านชายผู้มีใบหน้างดงามที่ถึงแม้ตอนนี้จะปูดบวมเละเทะมากก็ตามได้พยายามพูดบางอย่าง
“ไม่…ไม่ใช่ท่านหญิง…พลังเวทย์ระดับนางไม่อาจ…ผ่านการป้องกันของข้าไปได้” เสียงที่ออกมาจากปากที่แตก และบวมฟังดูทรมานยิ่งนัก ซึ่งมันก็มาพร้อมกับแววตาที่เกรี้ยวกราด และจิตสังหาร เมื่อทายาทดยุคแห่งแดนเหนือรู้สึกถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง
“ถ้าเช่นนั้นท่านดยุค บุตรสาวของท่านคงจะถูกมันจับตัวไปแล้วเป็นแน่ ใช้ม่านพลังป้องกันการหลบหนีก่อนเถอะ” จอมเวทย์ชราสรุปเรื่องราวออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไม่เข้าเรื่อง
“ว่าไงนะ! เวเบอร์สั่งการเปิดใช้วงเวทย์ป้องกัน เดี๋ยวนี้! และข้าขอแจ้งว่าในระหว่างที่ม่านพลังเวทย์ปรากฏอยู่ ก็ไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกจากที่ว่าการเมืองไปได้ทั้งนั้น ” ดยุคมาเอล เรโคลเต้กลับมาตั้งสติแล้วก็สั่งการคนสนิททันที แม้จะยังมีเรื่องที่ขัดเคืองใจอยู่แต่ยังไงลูกสาวของเขาก็สำคัญที่สุด ถึงแม้แขกหลายๆคนจะตกใจ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนจริงๆ
ด้านนอกอาคารที่ทำการเจ้าเมืองมีกลุ่มทหารวิ่งวุ่นไปทั่ว รวมทั้งจอมเวทย์หลายคนที่เหาะเหินไปกลางอากาศพร้อมกับใช้เวทมนตร์ตรวจสอบแผ่ขยายวงกว้าง พลังที่กระจายไปทั่วก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาค้นพบสิ่งที่ตนต้องการ ถึงยังไงทั้งหมดก็ได้แต่ต้องทำต่อไปเท่านั้น
ท่ามกลางระเบียงใหญ่ของที่ว่าการเมืองฮาเวสตี้ในยามราตรี ม่านพลังสีฟ้ารูปร่างโดมที่ครอบคลุมพื้นที่ทำให้บรรยากาศดูแปลกตา แต่ชาวไร่หนุ่ม และหญิงสาวสูงศักดิ์ก็ยืนชมความวุ่นวายของคนทั่วทั้งที่ทำการเมืองอย่างสบายใจ
“ท่านภาม เครื่องรางชิ้นนี้มันจะทำให้เวทย์พลางตัวตรวจจับไม่ได้จริงหรือ?” หญิงสาวถามชายหนุ่มที่นั่งบนราวระเบียงอย่างสบายใจ ทั้งสองสามารถเห็นกันได้ด้วยอุปกรณ์พลางตัวขนาดเล็กที่ภามพกพาไว้ที่เข็มขัดเก็บอุปกรณ์ของเขา
“นี่ ถ้ามันป้องกันการตรวจจับไม่ได้ เราคงไม่ได้มานั่งสบายอยู่ตรงนี้หรอก และที่ข้ายังไม่ไปก็เพราะอยากให้เจ้าได้ดูสิ่งที่คนเหล่านั้นแสดงออกมา ถึงแม้ว่าท่านดยุคจะเป็นคนใจร้อน และบังคับเจ้าหมั้นหมายกับท่านชายกลาเซียก็เถอะ แต่เขาก็ดูเป็นห่วงเจ้ามากนะ” ชายหนุ่มพยายามพูดให้หญิงสาวสบายใจ
“เรื่องนั้นข้ารู้ แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ที่ผ่านมาเหตุใดท่านพ่อจึงเชื่อฟังแต่คำพูดของเวเบอร์ ทั้งที่นโยบายแผนการบริหารต่างๆก็ไม่ได้ดีอะไร แถมยังมีช่องโหว่ให้โกงกินได้อีกมากมาย ข้าไม่เชื่อว่าบิดาของข้าเป็นคนโง่หรอกนะ แต่ตัวข้าเองก็จนปัญญาที่จะหาความจริง” หญิงสาวระบายอารมณ์ออกมาอย่างตัดพ้อ
“อาจจะมีบางเรื่องที่เขาบอกเจ้าไม่ได้ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ถึงแม้ตอนนี้จำเป็นต้องปล่อยท่านดยุคไว้กับพวกผู้ร้าย แต่เขาก็ยังมีประโยชน์กับพวกมันนั่นจึงทำให้เขาปลอดภัย ตอนนี้พวกเรามาลงเรือลำเดียวกันแล้วจำเป็นต้องพายไปให้ถึงฝั่ง เป้าหมายแรกคือลดอำนาจของกลุ่มโอเมก้าในเมืองฮาเวสตี้” ภามเริ่มกล่าวเข้าเรื่อง
“แต่ท่านชายเดเมียนมาถึงที่นี่แล้วยังไงตระกูลกลาเซียต้องไม่ยอมเสียหน้า พวกนั้นต้องถือโอกาสที่ข้าหายตัวไป กดดันคนที่มีความขัดแย้งกับโอเมก้าทุกคนไม่ว่าจะมากหรือน้อย อย่างไรฮาคิม และครูใหญ่ก็ต้องโดนไปด้วยแน่นอน” หญิงสาวชุดแดงกล่าวอย่างกังวล
“นี่ เจ้าพูดอย่างกับว่านี่เป็นความผิดข้าอย่างนั้นแหละ นี่เป็นแผนการของมหาจอมเวทย์เลยนะ เขาต้องการแยกฝ่ายพันธมิตร และศัตรูออกจากกันอย่างชัดเจน พวกเราจะได้สะดวกที่จะหาคนเข้าร่วม รวมทั้งง่ายต่อการจัดการศัตรู” ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากราชสีห์ทมิฬกล่าวถึงเป้าหมายอย่างชัดเจน
“สรุปว่าการที่ท่านลักพาตัวข้ามานั้น ท่านไม่ผิด แต่เป็นครูใหญ่สินะที่ผิด” บีดีเลียยังรู้สึกว่าชายหนุ่มแถ ถึงแม้ว่าแผนการจะเป็นเช่นนั้นจริงก็ตาม
“เอ๋?จะมากล่าวหาข้าอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ ข้าถามเจ้าก่อนที่จะลงมือแล้ว ส่วนเจ้าก็ตอบรับคำของข้าเอง จะมาบอกว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี่ผิดเหรอ? เรากำลังจะไปกู้โลกเชียวนะ” ภามยังคงยืนยันหนักแน่นในสิ่งที่ทำ แต่ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ได้จริงจังอะไร หญิงสาวจึงยังรู้สึกไม่แน่ใจเท่าไร
ห่างออกไปทางตะวันออกของเมืองฮาเวสตี้เล็กน้อย รถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งไปตามทางไม่ช้าไม่เร็วนัก ภายในรถมีคนสองคนนั่งอยู่ด้วยความเงียบงันไม่พูดไม่จา ชายหนวดยาวจ้องมองไปยังหญิงสาวผมขาวตรงหน้า พร้อมกับนึกทบทวนในใจถึงคำพูดที่จะกล่าวออกมา
ส่วนทางด้านหญิงสาวยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาที่เหม่อลอย เธอกำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีตอันแสนเจ็บช้ำของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เธอต้องมาอยู่ที่เมืองฮาเวสตี้แห่งนี้ ในขณะที่รถม้าวิ่งไปตามปกติเพื่อไปยังสถาบันพัฒนาเวทมนตร์ลูน่าซองค์
เสียงม้าหลายตัวก็วิ่งใกล้เข้ามา ขบวนม้าวิ่งจากด้านหลังขึ้นมาขวางหน้ารถม้าเอาไว้ สารถีจึงจำเป็นต้องจอดรถม้าอย่างช่วยไม่ได้ และยังไม่ทันจะได้กล่าวถามหาสาเหตุ อัศวินผู้นำทหารม้าเกือบ 50 นายลงจากหลังม้าแล้วคุกเข่าพร้อมกับกล่าวสาเหตุแห่งการกระทำ
“ข้าหัวหน้าอัศวินแห่งหน่วยป้องกันเมืองฮาเวสตี้ ขออนุญาตตรวจค้นรถม้าด้วยขอรับท่ามหาจอมเวทย์ เนื่องจากมีเหตุการณ์ลักพาตัวบุคคลสำคัญไป” อัศวินหนุ่มในชุดเกราะเต็มยศแสดงออกด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
“อืม…ได้สิ งั้นข้าจะลงจากรถม้าก่อน” ชายผู้ห่มหนังเสือกล่าวจบก็เปิดประตูรถม้าออกมาเอง โดยไม่ต้องรอให้สารถีมาเปิดให้ ทั้งครูใหญ่ และสเตล่าออกมายืนด้านนอกโดยไม่กล่าวอะไร
ส่วนพวกทหารก็รับคำสั่งจากอัศวินหนุ่มเพื่อเข้าไปตรวจสอบรถม้าอย่างละเอียด พร้อมด้วยนักเวทย์หนุ่มคนหนึ่ง เพื่อใช้เวทมนตร์ตรวจจับอย่างละเอียด ส่วนตัวของผู้นำหน่วยก็เข้ามาเพื่อสนทนากับมหาจอมเวทย์
“ข้าขอขอบคุณครูใหญ่ที่ให้ความร่วมมือ และขออภัยด้วยที่เสียมารยาท นี่เป็นคำสั่งจากท่านดยุคโดยตรงให้มาตรวจสอบท่าน เนื่องจากท่านหญิงบีดีเลียถูกลักพาตัวไปขอรับ” อัศวินหนุ่มก้มหน้าศีรษะเพื่อขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมชี้แจงรายละเอียด
“หืม?…ท่านหญิงหายตัวไปงั้นรึ? อืม…ที่เจ้าเมืองสงสัยข้าคงเป็นเพราะคนร้ายคงเป็นจอมเวทย์มีฝีมือสินะ?” ชายหนวดเครารุงรังกล่าวกับอัศวินหนุ่ม ส่วนเลขาสาวที่อยู่ด้านข้างแม้จะรู้สึกตกใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมากมายอะไร
“เอิ่ม…ได้ยินว่าเป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ข้าน้อยไม่เชื่อหรอกว่าครูใหญ่จะทำเช่นนั้น” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียง และแววตาที่หนักแน่น
“ฮะๆๆ ขอบใจเจ้ามากที่เชื่อใจข้า ตั้งแต่เรียนจบจากสถาบันลูน่าซองค์ไปเจ้าก็ดูจะมีหน้าที่การงานที่ดีสินะ” ครูใหญ่กล่าวอย่างเป็นกันเองเมื่อพอจะจำได้ว่าคนตรงหน้าคือศิษย์เก่า
“ข้าต้องขอบคุณในการสั่งสอนของครูใหญ่มากขอรับ”
MANGA DISCUSSION