อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 93 อัลฟ่าแห่งความเป็นไปได้
มันคือเรื่องราวในอดีตอันไกลโพ้น เรื่องราวก่อนที่ฉันจะรับคอสโม่หรือได้ลิบรามาจากโกลดี้เสียอีก
ความทรงจำที่แสนเนิ่นนาน
แม้จะต่อสู้มาพันนับหมื่นครา ภาพของหญิงสาวในชุดเกราะรบผู้นั้นก็ยังชัดเจน
หญิงสาวที่แข็งแกร่งมากเสียจนเพียงหลับตาก็นึกหน้าของนางออก
อัลฟ่าที่ถือกำเนิดมาจากดาวโลก
แม้จะสูญเสียตัวตนอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองอย่างโอเมก้าไป นางก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้ขับไล่กองกำลังจากนอกโลกได้——ท้ายที่สุด ข้าก็จำเป็นต้องออกโรงด้วยตัวเอง
อัลฟ่าที่เรียกตัวเองว่าอาซาฮีนั้นแข็งแกร่ง
——เมื่อนางกวัดแกว่งดาบด้วยมืออันเรียวบางเพียงหนึ่งครา ภูผาเบื้องหน้าก็ทลายสิ้น
——ขวานยักษาที่แหวกคาบสมุทรเป็นสองส่วน พละกำลังอันไร้ผู้ใดเปรียบ
——คันศรทะลวงเมฆา สังหารศัตรูจากท้องนภา
นางสามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยวิชาอันหลากหลายโดยมิได้คำนึงถึงศาสตราภายในมือเลยแม้แต่น้อย เป็นที่ประจักษ์ว่านางแตกต่างจากอัลฟ่าคนอื่น
“อัลฟ่าแห่งความเป็นไปได้”
หากนางคิดว่าเป็นไปได้ นางก็จะมีพลังที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้นั้น
หากเชื่อว่าตนสามารถทลายภูผา มหาสมุทร และนภาได้ด้วยการโจมตีเดียว สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น
แม้พลังดังกล่าวจะดูน่าอัศจรรย์แต่มันก็หาใช่สิ่งที่แสนสะดวกเพราะมันต้องมากับพลังใจและจิตวิญญาณที่มั่นคงไม่เสื่อมคลาย ยากจะหาผู้ใดที่ใช้พลังนี้ได้อย่างเหมาะสม
ตราบใดที่เชื่อมั่นในตัวเอง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้
『สิบสองสวรรค์・อาภรณ์』
ในการหว่างการต่อสู้นางสามารถปัดป้องการโจมตีของข้าได้ด้วยการขยับมือเพียงเล็กน้อย
คมดาบของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ก่อนที่เปลวเพลิงจะปกคลุมร่างของนางแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีข้าอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
『———อัคคี』
คมดาบเปลวเพลิงที่อยู่ในฝักถูกชักออกมา
เมื่อเห็นท่าไม่ดีข้าจึงตัดสินใจกระโดดถอยขึ้นไปบนฟากฟ้า
ทว่าดาบเพลิงอันร้อนแรงที่รวมพลังทั้งหมดไว้ในจุดเดียวก็หาต้องการให้ข้ามีเวลาพักไม่
ทุกครั้งที่มันถูกเหวี่ยง ห้วงอากาศโดยรอบจะถูกแผดเผาจนสิ้น ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นและแปรเปลี่ยนสนามรบโดยรอบให้กลายเป็นแดนรกร้าง
สุดท้ายนี่มันก็ยังเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพลังนาง
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางยังคงลุกโชนไม่ต่างกับเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่าง
เมื่อนางชักดาบออกมาอีกครา ผ่ามิติ ก็บังเกิดขึ้นตรงหน้าของข้า ระยะห่างของพวกเราทั้งสองกลายเป็นศูนย์ทันที
เป็นเทคนิคของข้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งที่ข้าแสดงมันให้นางเห็นเพียงแค่คราเดียว แต่นางกลับสามารถเลียนแบบและใช้มันออกมาได้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
『ระบำเพลิง』
การโจมตีที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเกิดการระเบิดขึ้น
ประกายแสงสีแดงลุกโชน พลังทำลายล้างและความเร็วที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบได้เข้ามาหาข้าอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นพลังกายหรือพลังใจก็ยากจะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่กำเนิดขึ้นมาจากดาวโลก
เมื่อเห็นการโจมตีที่รุนแรงเข้ามาหา ข้าก็ทำได้เพียงตกตะลึงจนเนื้อเต้นว่าจะรับมือเช่นไรดี
***
『เจ้าแข็งแกร่ง』
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ก็ต้องมีวันจบสิ้น
บัดนี้เป็นที่ยืนยันแล้วว่าอาซาฮีได้พ่ายแพ้ให้กับข้า ทว่าสิ่งที่ต้องแลกมาคือการมาถึงของข้าและชีวิตของลำดับแห่งดวงดาราหลักเดียวถึง 2 นาย
นางกับข้าได้ต่อสู้กัน และก็เป็นข้าที่ได้รับชัยชนะ
ชุดเกราะรบและกิโมโนที่อยู่ภายในนั้นถูกแต่งเติมไปด้วยเลือดที่แดงฉาน นางพิงร่างของตัวเองเอาไว้กับต้นไม้ยักษ์ที่ถูกโค่นไปแล้ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยความพึงพอใจ
『……』
『มิใช่คนช่างพูดหรอกหรือ』
นางถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด พอเห็นข้าไม่ตอบสิ่งใดกลับ
『มีใครแข็งแกร่งกว่าเจ้าอีกหรือไม่?』
『……』
『ฮ่าๆ มิคิดจะพูดสินะ』
นางไม่เหลือแรงจะต่อสู้แล้ว
อาวุธที่อยู่ในมือของนางเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดาเล่มหนึ่ง แม้ร่างกายของนางในตอนนี้จะยังครบทุกส่วนดี แต่อาการบาดเจ็บภายในหากปล่อยเอาไว้เฉยๆ นางก็คงจะสิ้นใจไปเอง
『……』
แม้จะไร้ซึ่งโอเมก้า นางก็สามารถขับไล่กองกำลังของพวกข้าไปได้หลายครา ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสังหารลำดับหลักเดียว ลำดับต้นๆ ได้ถึง 2 นาย สุดท้ายก็เป็นข้าที่ต้องมาเผชิญหน้ากับนาง
ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าฉงน ผลลัพธ์ที่ได้ในครานี้ทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางก็จะสิ้นใจแล้วกลายเป็นแกนกลางในฐานะอัลฟ่า ทว่าใจหนึ่งข้าก็คิดว่าจะสังหารนางให้สูญสิ้นไปเสียจะดีกว่าการให้นางอยู่ต่ออย่างทรมานในฐานะแกนกลาง
เมื่อเห็นข้าแสดงสีหน้าปั้นยากออกมานางก็ยิ้มและพูดขึ้น
『เจ้าอย่าได้เป็นกังวล นั่นคือหน้าที่ของเจ้าที่ควรทำให้ลุล่วง』
『……เจ้ารู้หรือ』
『ตัวเราคือท้องนภาแห่งความเป็นไปได้ หลังผ่านการต่อสู้มานับครั้งมิถ้วนกับพวกเจ้า เพียงแค่ภาษาข้าย่อมสามารถเรียนรู้มันได้』
นางรู้ถึงเป้าหมายและจุดประสงค์ที่พวกข้ามาแล้วเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังสามารถยอมรับชะตากรรมของตัวเองได้หลังเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับข้า
『ทว่าเจ้าก็จงเตรียมใจให้พร้อมเสีย』
『……ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น? 』
ข้าถามนางที่ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ แม้ใบหน้าที่งดงามจะเต็มไปด้วยเลือด
『เจ้าคิดหรือว่าตัวเราผู้นี้จะยอมอยู่เฉยๆ แล้วกลายเป็นหุ่นเชิดของพวกเจ้า หากคิดเช่นนี้ เราจะขอกล่าวว่าเจ้าคิดผิดเสียแล้ว มิว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ร้อยกี่พันปี เราก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าเจ้าอีกคราหนึ่ง มิว่าจะเป็นรูปร่างเช่นใดก็ตาม』
『คงเป็นไปไม่ได้』
『มิมีสิ่งใดที่เป็นไปมิได้ เพราะตัวเราคือความเป็นไปได้ทั้งมวล ม่านเวทีฉากใหม่ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นตัวเราจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อขัดขวางเจ้าอีกครา』
จากนั้นนางก็ได้ยื่นดาบที่นางใช้มาให้ข้า
『รับไปเสีย นี่คือสิ่งตอบแทนที่เจ้าต่อสู้กับข้ามาจนถึงตอนนี้』
『……ข้าจะขอรับมันไว้』
ข้ารับสิ่งที่นางเสนอมา
ดาบหนึ่งเล่ม
มันเป็นเพียงดาบที่ทำมาจากเหล็ก หาได้ใช้วัสดุแข็งแกร่งใดๆ เป็นพิเศษ ทว่าตัวข้าก็มิอาจปฏิเสธอาวุธที่นักรบตรงหน้าของข้าใช้ในการต่อสู้ได้เป็นอันขาด แม้จะเผชิญหน้ากับข้านางก็ยังไม่ยอมแพ้จนถึงท้ายที่สุด
หลังจากนั้นนางก็สลายกลายเป็นแกนกลางที่เงียบงัน
คงจะเป็นเรื่องที่โกหกหากข้าบอกว่าตัวเองไร้ซึ่งอารมณ์แห่งความอาลัย
หรือข้าควรจะทำลายแกนกลางนี้ทิ้งเสียเพื่อเป็นความเมตตาสุดท้าย
…หลังคิดไปได้สักพักข้าก็เปลี่ยนใจ
ข้าจะไม่ทำลายนางทิ้งเป็นอันขาด
ในฐานะผู้ที่เผชิญหน้ากับตัวข้าได้ ข้าจะรอให้วันนั้นมาถึงอีกครา
***
「โห้ว หายากนะเนี่ยที่จะเห็นนายหลับแบบนี้」
สติสัมปชัญญะของข้ากลับมา
ดูเหมือนข้าจะหลับไปโดยนึกถึงเรื่องในอดีต
จากนั้นข้าก็ค่อยๆ เหลือบมองไปยังดาบเล่มเก่าที่ติดอยู่ตรงเอว ก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียงที่ทักทายข้า
「ซันนี่ เจ้ากลับมาแล้วหรือ」
「อื้อ ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องโผล่หน้ามาให้เห็นบ้างนี่นา」
ซันนี่เป็นคนประหลาดที่แสดงพฤติกรรมยากจะคาดเดาได้และมีความเป็นอิสระในตัวเองสูงแม้จะเป็นถึงลำดับที่ 3
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูและเสื้อคลุมลายเสือที่ไม่เข้ากับร่างของตัวเองเลยสักนิด
「เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าแบบนี้ไม่ได้เห็นจากคุณบ่อยๆ เสียด้วยสิ」
「……ข้าแค่นึกถึงเรื่องในอดีตเล็กน้อย」
「น่าสนใจจังเลยน้า อดีตของนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด อื้อ เล่าให้ฟังได้หรือเปล่าเอ่ย」
เรื่องที่ข้าควรจะเล่าหรือ
ไม่เห็นจำเป็นเลยแม้แต่น้อย
「เรื่องนั้น ข้าคงพูดได้แค่ว่าสิ่งที่นางพูดในอดีตกลายเป็นความจริงแล้ว」
「……เดี๋ยวเถอะ คุณช่วยพูดให้มันเข้าใจหน่อยได้ไหมเนี่ย? 」
「ฮ่าๆๆๆ 」
「ตาแก่นี่น้า ไม่อยากจะบอกกันแต่แรกนี่นา…!」
สุดท้ายแล้วดาวโลกก็ช่างลึกลับเสียจริงๆ
ดาวที่ให้กำเนิดอัลฟ่าที่แสนทรงพลังหาผู้ใดเทียบ ทว่านั่นก็เป็นก่อนที่ท่านรูอินจะถือกำเนิดขึ้น
ทั้งที่ข้าคิดว่านางกลายเป็นแกนกลางไปแล้วคงจะไม่สามารถได้เผชิญหน้ากันอีก แต่โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกกับข้าเพราะโกลดี้ดันขโมยแกนกลางของนางติดมือไปด้วยระหว่างหลบหนี
「จัสติสครูเซเดอร์หรือ หึ」
ทันทีที่ข้าเห็นการโจมตีของนักรบที่ชื่อว่าเรด แม้จะหยาบไปบ้างแต่ข้าก็เห็นถึงเค้าลางของนางจากการฟันนั้น
ข้าได้ชื่นชมในทักษะของนางและคุณสมบัติในการเป็นนักรบด้วยใจจริง
「พยายามมีชีวิตอยู่ให้นานๆ ล่ะ ซันนี่」
「คุณช่วยหยุดพูดเหมือนฉันจะตายวันตายพรุ่งได้ไหม? 」
「ลำดับแห่งดวงดาราก็เป็นเช่นนี้แหละ」
「ฉันไม่อยากจะฟังจากปากของตาแก่จอมโหดหรอกนะ」
หลังจากพูดจากันไปสักพัก ซันนี่ก็ดูเหมือนจะเริ่มเข้าเรื่อง
「คอสโม่จังเหมือนจะย้ายไปอยู่ฝั่งคัตสึมิจังนะ」
「……ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องมาลำบากในหลายๆ เรื่อง」
「ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก แต่แอบคาดหวังว่าคุณจะโกรธรูอินจังมากกว่านี้แท้ๆ ไม่รู้เลยหรือไงว่าเด็กคนนั้นอาจจะตายได้เลยนะ」
ลูกสาวของฉันถูกท่านรูอินใช้เป็นหมากในการพัฒนาอัศวินดำ
แม้ฉันจะไม่เห็นด้วยกับนาง แต่ก่อนที่ข้ากลายเป็นพ่อคน ข้าก็เป็นลำดับแห่งดวงดารามาก่อน
ถึงนางจะเป็นลูกสาวข้า ด้วยสถานะของข้าแล้วจะให้ปฏิบัติกับนางเป็นส่วนตัวก็คงไม่ได้ ดังนั้นถ้าจึงแอบรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องฝากทุกอย่างให้ซันนี่ดูแล
「หากนั่นคือสิ่งที่นางเลือกข้าก็ไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรหรอก」
「คุณนี่ไม่ไหวเลยนะ」
「เจ้าสิที่เก่งกาจปากกล้าเสียเหลือเกินที่มาพูดแบบนี้กับข้าได้」
「คิดจะหาเรื่องกันหรือไง? 」
ชายร่างยักษ์ที่กล้ามเต็มตัวได้เข้ามากใกล้ข้ายิ่งกว่าเดิม
「ทั้งที่ตัวจริงของเจ้าน่ะอาการหนักเสียยิ่งกว่าท่านรูอินแท้ๆ 」
「อย่าเอาเรื่องเมื่อ 500 ปีก่อนมาพูดสิ เหมือนกับเทียบสาวน้อยตอนแต่งกับไม่แต่งหน้าอยู่เลยนะ!!」
「ข้าก็แก่แล้วให้อภัยด้วยเถอะ」
「ตาเฒ่านี่ใช้อายุตัวเองตามสะดวกเสียจริง…!! ทั้งที่เป็นคนที่เข้าใจในตัวฉันเสียยิ่งกว่าใครแท้ๆ!」
ข้าถอนหายใจออกมาขณะมองซันนี่ที่ยิ้มให้
แม้ว่าข้าจะกังวลเกี่ยวกับคอสโม่ แต่ข้าคงจะไปช่วยเหลือนางไม่ได้
ถึงจะเป็นพ่อของนางก็ตามที แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับใช้ท่านรูอินแล้วข้าไม่สามารถทำได้
「คอสโม่เป็นอย่างไรบ้าง? 」
「เด็กคนนั้นทำตามคำแนะนำของฉันแล้วก็ไปอาศัยอยู่ที่ร้านหวานใจของฉันแล้วน่ะ」
「……หวานใจ? 」
「คนที่ฉันหลงรักน่ะ」
……。
「แปลว่านางสบายดีสินะ? 」
「ดูเหมือนจะปรับตัวได้ดีกว่าที่คิด เอ้า ดูสินี่เป็นวิดีโอที่ฉันถ่ายคอสโม่จังตอนจังหวะดีๆ ได้」
「ระ ร้านกาแฟเซอไซนัส! ยินดีต้อนรับค่ะ!」
สิ่งที่ฉายออกมาให้ข้าเห็นคือภาพของเด็กสาวผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดของดาวโลก ใบหน้าของนางแดงก่ำและกำลังพูดทักทายทุกคนอยู่
……มันเป็นใบหน้าที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน
คนเป็นพ่อก็หาได้รู้เรื่องราวของลูกตัวเองเสียหมดนี่นะ
「ความโหดเหี้ยมได้หายไปจากใบหน้าของนางแล้ว」
「อื้อ ดูเหมือนว่าดาวโลกจะส่งผลต่อเด็กคนนี้มากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก 」
เดิมทีข้าควรจะเป็นคนสั่งสอนการใช่ชีวิตที่ดีให้กับนาง แต่ก็อย่างที่เห็นในฐานะคนเป็นพ่อแล้วข้าเงอะงะกว่าที่คิดไว้
ไม่สามารถสอนนางได้ดีอย่างที่วาดฝัน
「หากข้าสามารถพูดออกไปได้….」
「เรื่องอะไรเหรอ? 」
「เพราะข้าไม่สามารถบอกนางไปตรงๆ ได้ว่าท่านผู้นั้นกำลังหลอกใช่นางอยู่」
「……เฮ้อ」
ซันนี่เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูด
「จะทำยังไงได้ล่ะ เพราะรูอินจังก็นิสัยเสียชอบมาเล่นกับหัวใจคนอื่นนี่นะ จะมีคนเข้ามาหลงก็ไม่แปลก แถมอีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กน้อยอีกทำเอาหลงผิดได้งายเลยน้า」
「เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านก็ได้ยินในสิ่งที่เจ้าพูด? 」
「ถึงได้ยินก็ไม่เห็นจะโกรธอะไรนี่นา ช่างเถอะเนอะ」
หรืออาจจะกล่าวได้ว่าตอนนี้ท่านรูอินสนใจแต่เพียงคัตสึมิ โฮมุระจากดาวโลกจนไม่ได้คิดสนเรื่องอื่นใด
วิญญาณของเขาเกือบจะเทียบเท่าได้กับท่านรูอิน
คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ท่านจะสนใจใครสักคนที่คู่ควรกับท่านขนาดนั้น
「สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน เจ้าเองก็คงสัมผัสได้สินะ? 」
「อื้อ ถ้าเป็นคัตสึมิจังละก็สามารถสู้กับรูอินจังได้แน่นอน」
「ข้าก็คิดเช่นนั้น เป็นเด็กหนุ่มที่หาได้ยากจริงๆ 」
นอกจากจะหายากแล้ว ทักษะของเขาในฐานะนักรบยังโดดเด่นอีกด้วย
อาจจะเทียบเท่าหรือเหนือกว่าอาซาฮีด้วยซ้ำ
「……หือ มีข้อความมาจากเจ็มจังงั้นเหรอ? 」
「ลำดับดวงดาราที่อยู่กับเจ้าบนดาวโลกสินะ」
「อื้อ เป็นเด็กที่มีความสามารถ ใช้งานง่ายและมีสามัญสำนึกด้วยแหละ」
มีความสามารถงั้นหรือ แบบไหนกันนะ
ในขณะที่ข้าสงสัย ซันนี่ก็ตอบข้อความที่ได้รับมาจากดาวโลก
「ไอรีนจังถามถึงเรื่องค่าขนม? เดี๋ยวก่อนนะ ไม่สิ ยัยพวกนั้นจะไปแล้วเหรอ? ว่าไงนะ จะจ่ายเงิน 5 หมื่นเยนเพื่อขอให้คัตสึมิจังมาอัดตัวเอง? เดี๋ยวนะไปได้นิสัยโรคจิตมาจากพวกชาวโลกหรือยังไงกันเนี้ย รีบหยุดพวกเธอเดี๋ยวเลยนี้ อะไรนะ? พวกเธอเก่งเกินไปเลยไม่มีปัญญาหยุด?! เฮ้อ เข้าใจแล้วฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ อดทนเอาไว้ก่อนล่ะ!」
ซันนี่ปิดอุปกรณ์สื่อสารก่อนจะหันมาหาฉันด้วยสีหน้าที่ต่างไปจากเดิม
「เอาเป็นว่าฉันคงต้องกลับโลกแล้วแหละ!」
「สุดท้ายเจ้ามาทำอะไรกันแน่? 」
「ยังไงคุณก็กังวลเกี่ยวกับคอสโม่จังมากเลยนี่นาก็ต้องมาอยู่แล้ว เอาเป็นว่าแล้วเจอกันใหม่ที่ดาวโลกล่ะ!」
จากนั้นซันนี่ก็หายตัวไปทันที
ท่าทีที่เป็นมิตรของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
นี่อาจจะเป็นข้อดีของเขาอีกอย่างหนึ่งก็ได้
「ดาวโลกหรือ」
ถ้าตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
แม้จะยังไม่ถึงเวลาของข้า แต่บางทีข้าควรจะไปเยี่ยมชมสักหน่อย
–จบ–
ตึงแท้แต่ก็แพ้ลุงอนาคตคงได้มียกสองแหง
ส่วนเจ็มคุง…..คน(?)ปกติในหมู่สัตว์ประหลาดหลักเดียว เหมือนให้กุ้งไปห้ามศึกของพวกวาฬ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code