อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 81 สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ผ่านไปสามวันแล้วตั้งแต่การต่อสู้คราวก่อน
ชีวิตประจำวันของพวกเรากลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
อย่างแรกคือกราทที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของพวกเซไคเซ็นไตจนกลายเป็นคริสทัลได้ฟื้นฟูร่างกลับมาแล้วและกำลังกินอาหารจำนวนมากที่ถูกเสิร์ฟภายในงานเลี้ยงการคืนชีพของคัตสึมิคุงซึ่งประธานเป็นคนจัด
『หิวแล้ว』
『นัตสึตั๋วจิ๋ว!?』
『โหมดประหยัดพลังงาน』
….ขนาดตัวของเธอเท่าเด็กเล็กไปเสียแล้ว
ยังไงสำหรับกราทการกินก็ถือว่าเป็นเส้นชีวิตของเธอ ดังนั้นในอีกมุมหนึ่งงานเลี้ยงนี้ก็เลยเป็นการพักฟื้นของเธอด้วย
ส่วนประธานเหมือนจะยุ่งจนหัวหมุน
จากที่ฟังดูเขาต้องไปดูแลพนักงานและซ่อมส่วนที่ถูกทำลายไป นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะย้ายฐานลับจากสำนักงานใหญ่ไปที่อื่นอีก
『ทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลไป!! อัจฉริยะผู้นี้ได้คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเอาไว้แล้ว!! หน้าที่ของพวกเธอก็แค่ใช้ชีวิตไปตามปกติก็พอ!!!』
พอเขาบอกแบบนี้พวกฉันก็เลยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรต่อ แต่ว่า….
「เดี๋ยวฉันจะแต่งบทกวีแห่งความตายส่งเธอเอง」
「กฏคือสิ่งที่ควรรักษา และเธอทำลายมัน」
「คิราระ ทั้งที่ฉันเชื่อใจเธอแท้ๆ」
สถานการณ์ตอนนี้ของฉันมันอันตรายสุดๆ เมื่อเพื่อนทั้งสองรู้ว่าฉันซ่อนคัตสึมิคุงไว้ที่บ้านตัวเอง
ตอนนี้พวกเรากำลังคุยกันอยู่ภายในห้องของฉัน
ฉันกำลังอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่าหลังตรงต่อหน้า อากาเนะ อาโออิ และชิราคาวะจังซึ่งบอกกับคัตสึมิคุงไปว่าอยากจะคุยกันตามประสาสาวๆ แท้จริงคือการลงโทษ
「ปิดบังไปก็ไม่ได้อะไรหรอก…」
อัลฟ่ามองฉันด้วยความสงสาร
เพราะห้องของฉันเคยอยู่กับน้องสาวมาก่อนมันเลยกว้างพอสมควร แค่ 5 คนจึงไม่ได้ชวนให้อึดอัดอะไร แต่มันก็แค่ในเชิงพื้นที่ ทางจิตใจของฉันมันสิ้นหวังสุดๆ
「เธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะรอดใช่ไหม?」
「อึก?」
「เธอหายตัวไปกับคัตสึมิคุงแล้วไม่ติดต่ออะไรกลับมาเลยนี่?」
「……」
ไหล่ของอัลฟ่าถึงกับสั่นเมื่อเห็นอากาเนะยิ้มออกมาขณะพูด
ในกรณีของเด็กคนนี้ ดูเหมือนว่าหากนานากะไม่ไปเจอคัตสึมิคุงเข้า เธอคงวางแผนจะซ่อนเขาไว้จนสุดทางแหง
「แต่ก่อนอื่นก็คิราระ」
「หลักฐานก็คาตาอยู่แล้ว ดังนั้นสารภาพมาซะว่าเธอทำอะไรกับเขาไปบ้างระหว่างนี้」
「อะ อึก……」
ถ้าพวกเธอรู้เข้าฉันคงได้เจออะไรเลวร้ายกว่าเดิมแน่
ไหนจะเป็นเรื่องที่เล่นเกมด้วยกัน มาปลุกฉันทุกเช้า ยัยพวกขี้อิจฉาพวกนี้ไม่มีวันให้อภัยฉันเด็ดขาด
「ทั้งหมดมันก็แค่เรื่องบังเอิญ…..คิดว่าฉันจะพูดอะไรแบบนั้นเหรอยะ!!」
「「!?」」
ทั้งสองคนตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของฉัน
ฉันเมินเฉยต่อท่าทางพวกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืน ความชาที่แผ่ไปทั่วขาทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ฉันก็ไม่สนแล้วชี้นิ้วไปทางพวกเธอ
「หากพวกเธออยู่ในตำแหน่งเดียวกันฉัน พวกเธอก็ทำเหมือนที่ฉันทำแน่นอน!!」
「ระ-เรื่องนั้น……มัน」
「บ้าจริง ทำไมปฏิเสธไม่ได้……!?」
「ดะ เดี๋ยวสิ ทำไมพวกฮีโร่ผดุงความยุติธรรมถึงกลายเป็นแบบนี้กันหมดเนี้ย」
ชิราคาวะจังเหมือนแสดงสีหน้าออกมาว่ายัยพวกนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ
แต่ก็โดนอากาเนะกับอาโออิตอกกลับ
「อย่างชิราคาวะจังกล้าพูดด้วยเหรอ?」
「คนที่ทำเรื่องแบบนี้เป็นคนแรกมันใครกัน」
「ขอโทษค่ะ……」
ใช่แล้ว หากพวกเธออยู่ในตำแหน่งเดียวกัน พวกเธอก็จะทำแบบเดียวกับฉัน
ฉันมั่นใจแล้วว่าผ่านไปได้แน่
ขนาดชิราคาวะจังก็ยังทำมันเลยแท้ๆ ดังนั้นพวกเธอกับฉันก็ไม่ต่างกันหรอก
「นอกจากนี้ฉันก็ติดต่อประธานกลับไปด้วย!」
「นั่นก็จริง แต่ทำไมเธอถึงไม่บอกพวกเราล่ะ?」
「เหตุผลที่ปิดบังพวกฉันเอาไว้เพราะใจจริงก็รู้สึกผิดสินะ?」
「อึก……ขอโทษค่ะ……」
ฉันคุกเข่าลงไปกับพื้นอีกครั้ง
ไม่ว่าฉันจะพยายามหลอกตัวเองสักแค่ไหน แต่ความจริงที่ฉันโกหกพวกพ้อง
「วันนี้ฉันได้เตรียมเกมลงโทษเอาไว้แล้ว」
「นี่คือสิ่งที่เตรียมมา」
อาโออิหยิบกล่องปริศนาออกมา
กล่องสุ่มเหรอ……?
เมื่ออากาเนะยื่นมือเข้าไปแล้วหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นในนั้นออกมาก่อนจะคลี่ออก
「ฟุฟุฟุ ได้ของดีตั้งแต่แรกเลยแฮะ…」
อะ อะไรของพวกเธอ?
อากาเนะอ่านข้อความในกระดาษให้ฉันฟัง
「จงเผยอัลบั้มสมัยเด็กของเธอให้คัตสึมิคุงดูซะ」
「…..เอ่อ เรื่องนั้น แม่ของฉันเอาไปให้เขาดูก่อนแล้วแหละ」
「แม่ของเธอสมองยังไหวหรือเปล่า!?」
ฉันเข้าใจที่อากาเนะเป็นห่วงนะ
ส่วนอาโออิทำท่าประหลาดใจกลับความจริงนี้
ในระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกัน เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
「หือ คัตสึมิคุง? อื้อเข้ามาได้เลย」
「เดี๋ยว นี่เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขาจากเสียงเคาะประตูเนี่ยนะ…?」
「เพิ่มอีกหนึ่งข้อหา」
ชิบหัย…!
ฉันเผลอตอบกลับเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อได้ยินเสียงของฉัน คัตสึมิคุงก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับขนมและเครื่องดื่มภายในมือ
「โคโยมิซังบอกว่าให้เอาของว่างมาให้พวก….นี่พวกเธอทำอะไรกันอยู่เนี้ย?」
สายตาของคัตสึมิคุงจ้องฉันที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง
เมื่อฉันพยามส่งสายตาของความช่วยเหลือจากเขา อากาเนะก็พูดดักเสียก่อน
「พวกเรากำลังเล่นเกมกันอยู่น่ะ แล้วตอนนี้คิราระกำลังถูกลงโทษ」
「อ้อเหรอ?」
「อื้อ ว่าแต่ คัตสึมิคุง ระหว่างที่นายอยู่ที่นี่ มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นบ้างไหม?」
!? ดะ เดี๋ยวสิพวกเธอ……!?
「หือ? ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ พวกเธอก็ดูแลฉันดีทำไมเหรอ?」
「อ่าว จริงเหรอเนี่ย? ก็นึกว่าจะมาปลุกคิราระทุกเช้าหรืออะไรทำนองนี้หรือเปล่าน่ะ」
「อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นโคโยมิซังก็ขอให้ทำอยู่หรอก」
อากาเนะกับอาโออิจ้องมองกันทันที
「อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เพราะฉันปลุกอัลฟ่าแบบนี้ประจำอยู่แล้ว」
「ฮิก……」
อัลฟ่าส่งเสียงร้องน่ารักออกมา จากนั้นบรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนไป
ให้คิดว่าฉันรอดแล้วได้ไหม
「ก็ยัยนี่น่ะทำตัวขี้เกียจสุดๆตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับฉันที่อพาร์ตเมนต์เก่า หากฉันปล่อยยัยนี่ไว้เฉยๆ กว่าจะตื่นก็ปาไปเที่ยงเลยมั้ง」
「ฮาคัวก็ไม่ต่างกับฉันหรอก ใช่ไหมล่ะคัตสึมิ!!」
「พี่!?」
อัลฟ่าทำการขายชิราคาวะจังต่อราวกับอยากจะหาผู้ร่วมชะตากรรม
「ก็ใช่อยู่หรอก ตอนที่ฉันเสียความทรงจำไป ฮาคัวก็ใช้ชีวิตในสภาพที่แบบฉันปล่อยไปไม่ได้แหง สุดท้ายก็เลยต้องมาทำอาหารให้กินตลอด」
「ทำอาหาร?」
「……อ้า」
ฮาคัวถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงของอากาเนะถาม
แย่แล้วสิ ความเสียหายเริ่มกระจายกันไประหว่างฉัน อัลฟ่า กับชิราคาวะจังแล้ว
「ฉันว่าเดี๋ยวออกไปก่อนละกัน」
「เอ๋ มาคุยกับพวกเราต่อก็ได้นะ」
「ไม่เอาหรอก ห้องก็เล็กนิดเดียว แถมฉันยังค้างเกมที่เล่นกับนานากะที่ห้องนั่งเล่นด้วย คงต้องกลับไปแหละ」
「อุ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?」
อาโออิผู้สนใจเกมเป็นอย่างยิ่งถาม
「ตอนนี้ฉันกำลังเล่นวิดีโอเกมเกมน่ะ ชื่ออะไรนะ บอนบี? เอาเป็นว่ามันก็สนุกดี」
ทำไมฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆล่ะ
เหมือนกับอะไรที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น?!
การที่คัตสึมิคุงไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ทางด้านเกมมากพอพูดถึงเรื่องเกมขึ้นมาแบบนี้ไม่แย่เอาเหรอ?!
ภาพที่คัตสึมิคุงจะโดนตบหลังจากนี้มาฉายมาในหัวฉัน
「้ข้าเองก็เป็นซามูไรผู้รักในปาร์ตี้ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง」
「อะไรของเธอเนี่ย」
อาโออิลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็คิดอยู่พักหนึ่งแล้วมองมาทางพวกเรา
「เอาเถอะ ถ้าอาโออิจะมาด้วย พวกเธอก็มาด้วยกันซะเลยเป็นไง?」
พวกเราหันมามองหน้ากัน
อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่คำที่เขาจะพูดออกมาตอนที่สู้อย่างลำพังในอดีตแน่นอน
ความทรงจำของเขากลับมาแล้วจริงๆ การที่เขาสามารถตัดสินใจออกไปทำอะไรกับคนอื่นได้ เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
「「「อื้อ」」」
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน ทางคัตสึมิคุงก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
「โย้ช ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย ถึงจะเป็นเกมฉันก็ไม่แพ้หรอก…!!」
ไม่หรอก คัตสึมิคุง นายได้โดนตบยับแน่นอน
แต่ฉันก็ตัดสินใจไม่บอกเขา เพราะคิดว่ามันดูน่าสนุกดี
***
พี่ของฉันที่ทนไม่ไหวได้ถอดไบโอสูทออกไปแล้วพุ่งเข้าไปลุยกับอัศวินดำที่ฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว
พูดให้ถูกก็คงจะเป็นเขาฟื้นความทรงจำในช่วงที่เป็นอัศวินขาวสำเร็จแล้ว อัศวินดำกับอัศวินขาวได้ผสานพลังกันมุ่งไปสู่จุดที่แกร่งกว่าเดิม
ให้ตายสิ…ไอ้ฉันก็คิดว่าหมอนี่แกร่งอยู่หรอกแต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงกับไล่พี่ของฉันกลับมาได้
หลังจากนั้นฉันก็ได้เป็นพยานในการเฝ้าดูการเผชิญหน้าของเขากับหัวหน้าของพวกเรา….ท่านรูอินกับอัศวินดำ และนั่นก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ฉันคิดมันถูกทั้งหมด
「เกือบไปแล้ว ดีใจจริงๆที่ฉันชิงแพ้มาก่อนเนอะ MEI」
「ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกค่ะ หากคุณกับฉันเลือกจะสู้ช้าไปกว่านี้อีกสักหน่อยพวกเราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่」
ตอนนี้ฉัน MEI แล้วก็ท่านซันนี่มานั่งกันอยู่บนตึงแถวชานเมือง
อันที่จริงนอกจากฉันกับ MEI ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าท่านซันนี่ที่เป็นถึงลำดับที่ 3 จะมากับเขาด้วย…แต่อย่างน้อยเขาคนนี้ก็มีสามัญสำนึกมากกว่าพี่สาวของฉันที่รักอิสระเสียเหลือเกิน
ท่านซันนี่ยิ้มเมื่อเห็นการพูดคุยของพวกเรา
「แหม พอคิดถึงพวกที่มารุกรานโลกแล้วดูเหมือนพวกเธอจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรมากที่สุดเลยน้า」
「ว่ากันตามตรงตอนที่ผมเห็นข้อมูลการต่อสู้ของเขาก็ไม่คิดแล้วครับว่าตัวเองจะเอาชนะได้ ดาวนี้มันพิลึกจริงๆ」
ตัวอย่างง่ายๆก็คือสัตว์ประหลาดตัวแรกที่ปรากฏขึ้นมาให้ชาวประชาโลกได้รู้อย่างสัตว์ประหลาดแมงมุมนั่น ตัวบ้าบออะไรฟะ เก่งพอๆกับพวก 2 หลักเลย
การโจมตีของมันก็หลากหลาย ทั้งการฟันด้วยขา การมัดตรึงด้วยเส้นใยที่มีความหนืดสูง แถมขาทั้ง 6 ของมันก็มีพลังทำลายล้างโหดสุดๆ จนเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นรังของมัน
แถมที่หนักกว่าคือคนที่เผชิญหน้ากับมันก็คืออัศวินดำที่เคยต่อสู้เป็นครั้งแรก เขาจัดการมันด้วยหมัดเพียวๆ
ฉันที่เห็นวิดีโอนั้นก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยสิ ทั้งที่ตัวเองเป็นเครื่องจักรแท้ๆ
เริ่มสังสัยว่าเจ้าหมอนี่มันเป็นมนุษย์โลกจริงหรือเปล่าแต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
「ท่านซันนี่รู้อยู่แล้วเหรอครับ….เรื่องที่อ่านรูอินสนใจอัศวินดำ?」
「อ้า เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้ด้วยสินะ ตอนแรกฉันก็สงสัยอยู่หรอก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วก็มั่นใจเลยจ้า」
แม้ฉันจะเป็นพวกสองหลักลำดับล่างๆ แต่ฉันก็รู้ดีว่าความคิดของท่านรูอินมันผิดปกติ
…เมื่อคิดถึงเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุดกลับกลายเป็นว่าจริงซะงั้น…
หือ?
「เหมือนจะกลับมาแล้วนะ」
「MEI」
「ค่ะ จะไปเตรียไบโอสูทมาให้」
ฉันเงยหน้าขึ้นมองการปรากฏตัวของใครบางคนจากบนฟ้า
แสงสว่างจ้าเหมือนกับกลุ่มก้อนพลังงานค่อยๆเข้ามาใกล้พวกเรา ไม่นานนักเรมก็ชะลอความเร็วลงจอดที่พวกเราอยู่
「วู้ว! กลับมาถึงสักที!!」
「ท่านเรม ไบโอสูทค่ะ」
「โอ้ ขอบใจ!」
MEI มอบไบโอสูทให้กับเรมที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาทั่ว
เมื่อเรมเข้าไปข้างในไบโอสูทนั้นก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์โลกทันที
สาวผมสีทอง ดวงตาสีทอง
เมื่อเรมกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วเธอก็ล้มตัวลงกับพื้นทันที
「ฮ้า!! สนุกชะมัด!!」
「ไปแต่งตัวก่อนสิเห้ยยยยยย!!!」
ถึงฉันจะพลาดเองที่ไม่ได้ปรับแต่งให้ไบโอสูทสร้างชุดมาด้วย แต่เหมือนยัยนี่จะไม่ได้สนใจเลยสักนิด!!
เรมที่ไม่ได้รู้สึกอายอะไรก็บ่นออกมา
「ไม่เห็นจำเป็นต้องจะหาอะไรมาใส่เลยนี่นา ถึงจะเปลือยเปล่าแต่ก็ไม่มีอะไรทำฉันบาดเจ็บได้หรอก」
「ก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอฟะ ว่าขืนไปไหนในสภาพนี้หล่อนโดนจับแหง สำหรับดาวโลก การล่อนจ้อนถือเป็นเรื่องต้องห้ามเฟ้ย!!」
「บู้ววว」
เรมบ่นขณะรับเสื้อผ้ามาจากMEI
ให้ตายสิ ถึงจะมีร่างกายเนื้อแต่นิสัยของพี่สาวคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนสักนิด
「เจ็มจังเองก็ลำบางเนอะ」
「ครับ……」
「แต่เห็นแล้วก็สนุกดี」
ท่านซันนี่เฝ้ามองการพูดคุยของพวกเราด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปคุยกับเรม
「นี่ เรมจัง ทะเลาะกับคัตสึมิจังเป็นยังไงบ้างเอ่ย?」
「สนุกมาก เป็นครั้งแรกเลยที่โดนอะไรแบบนั้น แต่ครั้งต่อไปฉันไม่พลาดแน่นอน อยากจะสู้กับเขาได้นานกว่านี้จัง」
เรมตอบซันนี่ขณะรวบผมที่ยาวไว้ด้วยยาง
…ทำให้รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิต
นั่นคือสิ่งที่เรมตะโกนออกมาขณะสู้กับอีกฝ่าย
ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง
ไม่มีทางที่ฉันจะไม่เข้าใจเธอ
เพราะการที่เธอสูญเสียร่างกายไปเส้นแบ่งระหว่างชีวิตกับความตายมันก็เริ่มไม่ชัดเจน การได้สัมผัสอะไรแบบนี้คงเป็นเครื่องยืนยันถึงชีวิตของตัวเองได้ดี
「เข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้วจ้า……」
「นอกจากนี้ก็ไม่อยากจะทำลายโลกนี้ทิ้งด้วยสิ เพราะวัฒนธรรมอาหารที่นี่อร่อย ดังนั้นจะอดทน」
เรมที่มัดผมทวินเทลเสร็จก็นั่งไขว่ห้างอยู่บนขอบตึก
「แถมติดใจไบโอสูทนี้ด้วยสิ」
「เรม……」
「ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเจ็มถึงไม่สร้างของน่ารักแบบนี้ออกมาแทนที่จะไปทำของจืดชืดไร้รสนิยมแบบก่อนหน้านี้」
ยัยบ้านี่พูดอะไรออกมานะ
「หล่อนคิดว่าผลงานของฉันมันไร้รสนิยมงั้นเหรอ! ยัยปลิงทะเลไฟฟ้าเอ้ย!!」
「มาสเตอร์ โปรดสงบสติลงก่อนค่ะ!! ท่านไม่สามารถเอาชนะท่านเรมได้ด้วยกำลังหรอกนะคะ!!」
ทำไมฉันถึงต้องมาโดนสาวใช้ของตัวเองจับกดด้วยฟะ?!
แต่ที่เจ็บใจกว่าคือปฏิเสธไม่ได้นี่แหละ!!
หากเป็นการใช้สมองฉันชนะสบายแท้ๆ!!
「เธอเองก็มาแล้วเหรอ อัศวินดำ」
「!?」
เรมหันหน้าไปคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังพิงหลังอยู่ตรงกำแพง
ผมสีม่วงยาวปลายสีแดง ไม่ใช่สีผมที่มนุษย์โลกจะมีได้
ว่าแต่ เดี๋ยว อัศวินดำ? มันยังไงกันฟะ….
「ท่านซันนี่ เธอผู้นี้….」
「อ้อ ไอรีนจังน่ะ อยู่ลำดับที่ 8 เหมือนจะมาถึงเมื่อกี้นี้เอง」
หมายความว่ามีแค่ฉันเหรอฟะที่ไม่รู้
เอาเถอะ ถ้านับดูแล้วฉันมันก็กระจอกที่สุดในบรรดาพวกเธอทั้ง 3 คนนี่นะ
「เรมจังเหมือนจะพักที่โลกแบบเงียบๆไปอีกสักพัก แล้วทางไอรีนจังล่ะ?」
「หื้ม……」
ท่านไอรีนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
บรรยากาศแปลกๆก่อนตัวขึ้นเกือบหนึ่งนาที
ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากพูดออกมาขณะหันไปหาท่านซันนี่
「อัศวินดำคนนั้นชื่อคัตสึมิสินะ?」
「ไม่ได้รู้อยู่แล้วหรอกเหรอ?! แต่ว่าใช้แล้วจ้ะ อัศวินดำคนนั้นเขามีชื่อว่า คัตสึมิ โฮมุระ ที่ถามนี่มีอะไรหรือเปล่า?」
「จะจำเอาไว้ แล้วคัตสึมิอยู่ที่ไหนเหรอ?」
「ถึงจะรู้แต่ขอถามหน่อยสิว่ารู้ไปแล้วจะทำอะไรเอ่ย? 」
เธอจมลงไปในความคิดอีกครั้งก่อนจะตอบกลับ
「จะไปเป็นนักโทษ」
「คงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอ้าแขนรับหรอกใช่ไหม?! โถ ไม่ได้แล้วสิ คงต้องให้มาอยู่กับพวกเราก่อน อย่าได้คิดทำอะไรแปลกๆเชียวนะจ๊ะ」
หลังจากที่ดูการพูดคุยของท่านซันนี่กับท่านไอรีนที่เหมือนจะทำอะไรตามใจชอบมากเกินไปแล้ว ฉันก็มองไปทางพี่ตัวเอง
…หื้มมมม
「พอได้เห็นลำดับที่ 8เป็นแบบนี้แล้ว เรมก็เหมือนกลายเป็นคนปกติ….ไม่ ไม่ใช่แหง」
「นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่?」
「อึก อั๊ค เดี๋ยว อย่าบีบคอฉันสิฟะ….ร่างกายนี้มันทำงานแบบมนุษย์โลกนะเฟ้ย..!」
ฉันถูกมือของเรมบีบคือเอาไว้
ว่าแล้วเชียว ยัยนี่ก็ไม่ปกติ!!
ME、MEI! ช่วยฉันด้วย!!
「เฮ้อ…เอาเป็นว่าก็น่ายินดีที่ได้ไอรีนจังมาร่วมงานด้วย แต่ปัญหาตอนนี้ก็คงจะเป็นพวกเซไคเซ็นไตสิน้า」
「แฮกๆ…ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะยังเคลื่อนไหวไม่ได้เร็วๆนี้จากการสูญเสียมอทัลพิงค์ที่อยู่ในลำดับ 14 ครับ」
「นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันกังวลหรอกก」
ไม่ใช่เหรอ?
ฉันสำลักออกมาขณะถามท่านซันนี่
「ฉันกังวลว่าฉันอาจจะมองอะไรพลาดไปหรือเปล่านี่สิ….อาจจะนำพาไปสู่ความผิดพลาดครั้งใหญ่เลยก็ได้」
「ความผิดพลาดครั้งใหญ่?」
「ส่วนตัวก็ไม่อยากจะแทรงแซงหรอกนะจ๊ะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้วหลังจากนี้」
ท่านซันนี่กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่นะ?
ไม่สิ หากถึงนึกพวกเซไคเซ็นไต
มันจะทำอะไรแปลกๆบ้างก็ไม่รู้เพราะในหัวของพวกมันไม่ปกติเลยสักนิด
***
เซไคเซ็นไตคือกลุ่มที่อยู่ในลำดับช่วง 11-20 หากประเมินตามความสามารถส่วนตัวพวกเราจะอยู่ในลำดับที่ 11 ถึง 15 ส่วนลำดับที่ 16-20 คือการใช้ร่างแห่งดวงดาว
และยานแห่งดวงดาวรูปดาบพวกนี้ก็คือสิ่งที่สร้างร่างจักรกลของพวกเราทำให้พวกเราเป็นอมตะได้ในหลายๆความหมาย
「พิงค์คงจะสู้ไม่ได้อีกสักพัก」
ในการต่อสู้คราวก่อนพิงค์ได้ถูกการโจมตีของอัศวินขาวที่ฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์ ความเสียหายที่เกิดกับร่างกายของเธอใหญ่หลวงมาก
ฉันมีหน้าที่ในการดูแลเธอและรายงานให้กับเรดที่เป็นหัวหน้าฟัง
ไม่ว่าเรดจะคลั่งขนาดไหน เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าการต่อสู้คราวนี้มันไร้ความหมาย
อัศวินดำกับจัสติสครูเซเดอร์แข็งแกร่ง
「ถอนตัวออกจากดาวโลกเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้อีกแล้ว」
「……」
「หากพวกเราทำอะไรพลาดไป ความโกรธของท่านรูอินจะมาลงกับพวกเราแน่นอน ดังนั้นต้องรีบออกไปก่อนจะเสียหาย…」
หากพวกเราคิดจะทำลายโลก ท่านรูอินอาจจะฆ่าพวกเราก่อนก็ได้
….เรื่องนั้นเขาน่าจะรู้ดีเหมือนกับฉัน
「ไม่ พวกเราจะไม่ถอนตัวจากดาวโลก」
「…นี่นายเข้าใจหรือเปล่า ไม่ว่าจะทำยังไงนายก็ไม่สามารถเอาชนะอัศวินดำหรือจัสติสครูเซเดอร์ได้หรอก」
「นั่นเพราะมีคนถ่วงแข้งถ่วงขาไม่ใช่เหรอ?」
———หา!?
ถ่วงแข้งถ่วงขา?
คำพูดของเรดทำให้ฉันหงุดหงิด
「ฉันว่ามันถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว」
「……หือ?」
「อ้อ แน่นอนว่าเธอยังจำเป็นอยู่เยลโล่ ไม่ต้องห่วง ถึงกรีนจะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีในคราวนี้ แต่ก็เพราะแพ้ทางอีกฝ่ายเฉยๆ」
เรดจ้องมองไปทางยานของพิงค์ที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง
「ฉันคิดว่าพวกเราไม่ต้องการพิงค์อีกแล้ว」
「……。นายเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นใช่ไหม?」
「แล้วมันจะทำไมล่ะ พิงค์ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วในฐานะของเซไคเซ็นไต」
แต่พิงค์กับนายมัน…
ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าพิงค์ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อใคร?!
เรดมองยานของพิงค์ด้วยความผิดหวังก่อนจะมองไปยังยานของบลู
「ฉันทนกับบลูมาได้ขนาดนี้ก็เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่ตอนนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว」
「นี่นาย……!!」
「เธอเองก็ทนดูต่อไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ? ต้องมาทนดูพี่ชายงี่เง่าของตัวเองในสภาพนี้ ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าหากเราจบเรื่องมันเสียตอนนี้」
ฉันเล็งปืนในมือไปยังเรด
ถึงจะรู้ว่าไม่มีความหมาย
แต่มันคือสิ่งที่ฉันยอมไม่ได้จริงๆ
「นายพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง!! บอกว่าจะทอดทิ้งพวกพ้องที่คอยสนับสนุนนายมาโดยตลอดเพราะพวกเขาไร้ประโยชน์แล้วเนี่ยนะ?!」
「ไม่ได้บอกจะทิ้ง แค่หาคนมาแทนที่」
แล้วมันแตกต่างกันตรงไหน
ความเกลียดชังที่ฉันมีต่อเรดเพิ่มขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดอะไรที่ย้อนแย้งกันอยู่
แม้ว่าฉันจะเล็งปืนไปหาเขา เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับฉันเลย และกางแขนออกพร้อมกับพูดจาอย่างเป็นมิตร
「เรามาหาคนแทนพิงค์กับบลูกันเถอะ คนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา ด้วยวิธีนี้พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น เธอก็เข้าใจใช่ไหมล่ะเยลโล่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาชนะความชั่วร้าย」
「……อึก นั่นปากเหรอ」
เรดคนเดิมไม่มีอยู่อีกต่อไป
ฉันทนไม่ไหวแล้ว
เมื่อเห็นการกระทำและคำพูดของเขาที่แตกสลายไป ฉันตัดสินใจเหนี่ยวไกปืน———
『ฮ๊ายฮาย เซไคเซ็นไตอยู่กันหรือเปล่าเอ่ย』
「「!!」」
เสียงดังขึ้นบนยาน
ัจังหวะนั้นเองยานพวกเราก็ตรวจพบปฏิกิริยาบางอย่าง
ภาพฉายภายนอกยานปรากฏขึ้น
「ใครกัน?」
เมื่อเรดถาม อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
ร่างของไรเดอร์สวมหน้ากากสีชมพูที่มีรูปร่างชวนให้นึกถึงแมงป่อง
『ยินดีที่ได้รู้จักจ้า! ฉันฮีลด้า ลำดับที่ 46! วันนี้ตั้งใจจะมาสอบเข้าเซไคเซ็นไตน่ะ!!』
ฮิลด้า
หนึ่งในคนที่เคยลงมายังโลกคราวก่อน
ไม่ค่อยจะได้ยินถึงเรื่องของเธอมากสักเท่าไหร่ แต่ฉันมั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังซ่อนความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อยู่
ไม่ว่าจะทางไหนการที่รับเธอเข้ามาไม่ใช่เรื่องดีแน่ คงต้องระวังเอาไว้ก่อน
「หือ แอบดักฟังพวกเรามาตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?」
『ใช่แล้วจ้า เพราะทางฉันมีเทคโนโลยีระดับสูงก็เลยสามารถทำได้ ต้องบอกว่าเป็นจุดขายของทางนี้เลยแหละ!』
น้ำเสียงและรอยยิ้มที่เหมือนกับซ่อนเจตนาที่แท้จริงเอาไว้ของฮิลด้าทำให้เรดยิ้มออกมา
「น่าสนใจดี ฉันชอบเธอนะ เป้าหมายคือการเข้าร่วมเซไคเซ็นไตใช่ไหม?」
『บิงโก เพราะการต่อสู้คนเดียวมันน่ากลัวนี่นา นอกจากนี้ก็ยานจะได้ยานดีๆสักลำด้วย เลยมาที่นี่!』
「งั้นเธอก็โชคดีแล้ว มาเข้าร่วมกับพวกเราซะสิ」
『ขอบคุณนะ ดีใจจังเลย!』
เฮ้อ…ไม่มีทางจะหยุดเรดได้เลยสินะ
ตอนนี้เรดหมกมุ่นอยู่กับนักรบของดาวโลก การตัดสินใจของเขาก็คงจะย่ำแย่กว่าเก่าแน่นอน
ไม่มีทางที่เขาจะเห็นในสิ่งที่ฉันเห็นหรอก
『จริงสิ นอกจากนี้ก็มีเรื่องน่าสนใจมาเล่าให้นายฟังด้วยนะ อยากฟังไหม?』
「อ้า ขอฟังหน่อยสิ」
เรดไม่ได้เข้าใจเหตุผลในรอยยิ้มของฮิลด้าเลยสักนิด
เกินเยียวยาแล้ว
『อันที่จริง มีไรเดอร์สีน้ำเงินที่เคยเป็นอดีตลำดับแห่งดวงดาราอยู่ด้วยนะ เธอน่าจะมาแทนบลูผู้ไร้ประโยชน์ของนายได้ แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่บนดาวโลก นายน่าจะลองไปชวนเธอดูนะ』
เธอนี่แหละคือความชั่วร้ายของจริงที่เรดพูดถึง ซ่อนพลังตัวเองเอาไว้และชักใยผู้อื่นอยู่ข้างหลัง
สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
ด้วยการมาถึงของฮิลด้า สมดุลอีกอย่างมันก็พังทลายลง
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code