อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 73 ศัตรูที่ต้องสู้และการเสริมแกร่งอุปกรณ์
สถานที่ที่ซันนี่กำหนดเจอกันคือสวนสาธารณะนอกเมือง
ซึ่งขนาดของมันก็ดูใหญ่เสียเหลือเกิน แม้จะเป็นวันหยุดคนแทบไม่เห็นซะงั้น แต่ก็ใช่จะไม่มีคนอยู่เสียเลย จึงแอบแปลกใจว่าเป็นที่เหมาะสำหรับคุยเรื่องลับๆ จริงเหรอ
「กำลังรออยู่เลยจ้าคัตสึมิจัง」
ซันนี่นั่งรออยู่ตรงม้านั่ง
เขากวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ฉันก็เลยเข้าไปนั่งในระยะที่ห่างจากเขานิดหหน่อย
「แล้วมีอะไรจะถามฉันล่ะ? 」
「…แกรู้จักฉันตอนเป็นคัตสึกิ ชิราคาวะไหม? 」
นั่นคือสิ่งแรกที่ฉันอยากรู้
「ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ เธอรู้จักฉันในฐานะลูกค้าประจำของร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่น่ะ ส่วนเรื่องที่ฉันเป็นไรเดอร์นี่เธอไม่รู้จ้า」
「รู้ตัวจริงของฉันแต่แรกแล้วใช่ไหม? 」
「……อื้อ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปิดบังด้วยสิ แถมตั้งใจจะมาเฝ้ามองเธอตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว」
เขายอมรับอย่างง่ายดาย
แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องมาจับตามองฉันด้วยฟะ
「ขอโทษที่บอกถึงเหตุผลจริงๆ ไม่ได้นะจ๊ะ เพราะถ้าฉันพูดไปเด็กคนนั้นได้โกรธแหง」
「โกรธ? เด็กคนนั้น? 」
「ถ้าเจอก็จะรู้เองจ้า…แต่ที่แน่ๆ เธอคือศัตรูตัวฉกาจของคัตสึมิจังเลยแหละ」
มีความลับเยอะชะมัดเจ้านี่
ศัตรูตัวฉกาจของฉันเหรอ….ทำไมหมอนี่มันพูดทรงเหมือนฉันเลยเจอเจ้านั่นมาก่อน?
「ยอดเยี่ยม แบบนี้สิ….แกมันสุดยอดจริงๆ 」
「พอแค่นี้แล้วกัน น่าเสียดายออกถ้าแกต้องมาตายที่นี่」
「โถ คัตสึกิที่น่ารักของฉัน」
……อึก
อยู่ดีๆ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว จนทำให้ฉันไม่สบอารมณ์
อะไรกัน?! ความทรงจำกับน้ำเสียงพวกนี้ แถมยังส่งตรงเข้ามาในหัวฉันอีก?!
ตาของฉันเริ่มพร่ามัว แรงยืนเริ่มหายไปจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น…..
「อึก ยัยผู้หญิงผิวสีฟ้านั่น อยากบอกนะว่ายัยนี่คือคนที่บอกว่าเป็นพี่สาวฉัน?!」
「เดี๋ยวก่อนนะ?! เป็นไปไม่ได้หรอกจ้า อย่าฝืนอะไรขนาดนั้นเลย เอาแค่นี้ก่อนจะดีกว่า!!」
ไม่ใช่เหรอ?
แล้วยัยนี่เป็นใครกัน?
ในขณะที่ฉันกำลังสับสน ซันนี่ก็ถอนหายใจเบาๆ
「เพราะความทรงจำของเธอในยุครุ่งเรืองกลับมาแล้วบทโหมโรงก็เป็นอันจบลง….ใจก็หวังอยากให้ดาวโลกเป็นจุดจบของเรื่องตลกนี้จริงๆ 」
「เรื่องตลก? 」
「หากเป็นมุมของชาวโลกก็คงตลกไม่ออกแหละน้า」
ซันนี่ยิ้มออกมาอย่างลำบากใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
พอฉันมองตามสายตานั้นไปก็เห็นผู้ปกครองพาเด็กมาเล่นอยู่ในสวน
「ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้นจะหยุดเรื่องพวกนี้ได้」
「……? 」
「ฉันคิดว่าถ้าฉันแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครและก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิต ฉันจะหยุดเด็กคนนั้นเอาไว้ได้…สุดท้ายฉันก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย」
หมอนี่พูดอะไรออกมากัน
อยู่ดีๆ ก็พูดกับตัวเองคนเดียว โดยที่ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด
「น่าตลกดีเนอะ ทั้งที่พยายามไล่ตามพลังเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่พอมาถึงจุดที่คิดว่าแข็งแกร่งแล้ว กลับเห็นเขาลูกใหญ่ตรงหน้าต่อ」
「เอ่อ ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่แกพูดเลยสักนิด ขอภาษาคนปกติเข้าใจที? 」
「ฮ่าๆๆ ขอโทษจ้า คิดเสียว่าฟังฉันพูดกับตัวเองไปแทนเนอะ」
…… ถ้าสรุปจากที่ฉันคิดตอนนี้ก็คงประมาณว่า…
「หรือก็คือถ้าฉันเอาชนะพวกลำดับแห่งดวงดาราได้หมดและเอาชนะไอ้ตัวที่คุมเจ้าพวกนี้อยู่ ทุกอย่างก็จะจบใช่ไหม? 」
「อื้อ ประมาณนั้นจ้า」
งั้นก็เข้าใจง่ายหน่อย
หากจะทำอะไรสักอย่างแล้วมีเป้าหมายชัดเจนมันก็โฟกัสได้ง่าย
「แกเองก็เป็นศัตรูของฉันสินะ? 」
「……」
หากพูดถึงลำดับแห่งดวงดารา ก็มีความเป็นไปได้ว่าซันนี่จะมาขวางฉัน
「อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับเธอหรอก…แต่เรื่องที่ต้องสู้กันไหมนั้นฉันยังไม่แน่ใจ」
「……แค่นั้นก็พอแล้ว」
「หืม แค่นี้จะดีเหรอ? 」
「อ้า ตราบใดที่ไม่ใช่ศัตรูกันก็ไม่เป็นไรหรอก」
ถ้าได้สู้ก็คงต้องสู้อย่างจริงจังแหละนะ
ถึงใจฉันอยากจะได้หมอนี่เป็นพวกแต่ว่า….
「รูปร่างของเจ้านี่มันเกินชาวโลกจนน่ากลัวไปหน่อยวุ้ย….」
「รบกวนอย่าทำร้ายกันด้วยคำพูดแบบนี้จะได้ไหมจ๊ะ? 」
「……ชิบ ฉันคิดดังไปเหรอ? 」
「เห้อ ทำไมนายเวอร์ชั่นนี่คำพูดคำจาร้ายเหลือเกินน้า!? 」
เหมือนฉันจะเผลอคิดออกมาดังไปหน่อย
ในขณะที่ฉันรู้สึกผิดกับการทำร้ายความรู้สึกของซันนี่ บางอย่างคล้ายกับของหุ่นของเล่นก็โผล่ออกมาจากชุดของซันนี่
『โห้ย ถึงตาข้าคุยบ้างแล้วไหม? 』
「จ้าๆ เอาสิขอโทษที่ปล่อยให้รอ」
ฉันได้ยินเสียงของใครบางคนใกล้ๆ กับซันนี่ ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นเจ้านกหุ่นที่โผล่มานั่นแหละ
「นกพูดได้……? 」
『ไม่ใช่นกเว้ย! วาร์โก้ต่างหาก!! ก็เป็นแกนกลางที่พูดได้เหมือนกับอุปกรณ์แปลงร่างของเอ็งนั่นแหละ!』
เอ้าเหรอ?
ฉันมองไปที่อุปกรณ์แปลงร่างในมือก่อนจะถามกับโปรโต
「เหมือนกันเหรอ โปรโต? 」
『อื้อ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้คุยกับคนอื่น』
ถึงจะไม่เข้าใจนักแต่เอาเป็นว่าเจ้านี่เหมือนกับโปรโต
ด้วยเหตุผลบางอย่างเจ้านกที่เรียกตัวเองว่า วาร์โก้ได้บินเข้ามาหาฉัน
『หื้ม』
มันสอดส่ายตามองฉันบนลงล่าง
ฉันนี่เองก็ไม่ได้พูดอะไร ทำไมมันเอาแต่จ้องฉันฟะ
ยิ่งไปกว่านั้น——
「ทำไมเอาแต่ส่งเสียงเหมือนโมโหฉันขนาดนั้นฟะ? 」
『….โฮ่ ฟังเหมือนข้าโกรธอยู่เหรอ ไม่ต้องห่วงข้าไม่ได้โกรธอะไรเอ็งหรอก』
「อะ อ้า……」
『เอ็งชื่ออะไร? 』
「เอ่อ คัตสึมิ โฮมุระ」
『เป็นชื่อที่ดี!! ข้าจะทำการลงทะเบียนไว้!!』
ลงทะเบียน? อะไรวะนั่น?
ส่วนที่เหมือนกับเพชนบนหน้าผากของมันกะพริบไปมา
『ว่าแล้วเชียวไม่ผิดจริงด้วย』
วาร์โก้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
『ถ้าไม่มาดูใกล้ๆ แบบนี้คงไม่รู้แหง เอ็งนี่มันของหายากชะมัด คัตสึมิ』
「หา? 」
『เป็นครั้งแรกเลยวุ้ยที่ได้เจอแบบนี้』
วาร์โก้พยักหน้าไปมาด้วยความพึงพอใจปล่อยให้ฉันยืนงงคนเดียว จากนั้นมันก็มองไปยังข้อมือของฉัน
『โปรโต เอ็งพบคนใช้ที่ดีนะ』
『นะ แน่นอนสิ….แต่ฉันไม่ยกคัตสึมิให้หรอก!!』
อย่างแรกเลยนะคือตูไม่ได้เป็นของใครเฟ้ย
วาร์โก้หัวเราะให้กับท่าทางของโปรโต
『เมื่อได้พบกับคู่หูที่ดีแล้วก็รักษาเอาไว้ให้ได้ล่ะ!』
『….ทำไมอยู่ดีๆ ก็พูดอะไรชวนขนลุกออกมากัน?!』
ฟังไปฟังมาเจ้านี่ก็ดูเป็นคน..ไม่สิ นกที่ดีเหมือนกันวุ้ย
ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้เกลียดพวกพูดตรงไปตรงมาแบบนี้หรอก
ทั้งที่เมื่อก่อนมองว่าแอบน่ารำคาญแท้ๆ แปลกจริง
「โหว ดูเหมือนว่าวาร์โก้จะชอบคัตสึมิจังเอามากๆ เลยสิน้า」
『หุบปากของเอ็งไปเลย เจ้าปีศาจ』
「อย่างน้อยก็ช่วยเลิกพูดจาทำร้ายจิตใจกันจะได้ไหม? 」
ฉันเดาว่าไอ้นกนี่คงจะเป็นอุปกรณ์แปลงร่างทำให้กลายเป็นไรเดอร์สีส้มเมื่อวันก่อน
ดังนั้นมันก็เหมือนกับฉันและโปรโตตามที่บอกจริงๆ
「ฉันกลับก่อนละกัน」
「หือ ทั้งที่ทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากถามอีกแท้ๆ 」
「พอดีถูกขอให้กลับก่อนมื้อเย็นน่ะ」
「……นี่เธอว่าง่ายดีนะ」
……?
「เออ…นั่นสิ แต่ช่างเถอะ……」
『อาหารเย็น……』
ฉันไม่อยากจะทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงขณะไปเกาะเขากินอยู่
้ข้อมูลในการติดต่อซันนี่ก็มีอยู่ ดังนั้นวันนี้กลับบ้านก่อนละกัน
「นี่ คัตสึมิจัง」
「หือ? 」
ซันนี่เรียกฉันขณะลุกจากม้านั่งเพื่อกลับบ้าน
「เธออยากจะได้ความทรงจำทั้งหมดคืนไหม? 」
「เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว……」
ฉันเอามือชี้หน้าผากของตัวเอง
「เพราะฉันรู้สึกเหมือนกับว่าบางอย่างในตัวมันบอกให้จำให้ได้อยู่」
― (ฟุฟุฟุ กำลังคิดแบบเดียวกันเลยสินะ คัตสึมิ)
「….เป็นเด็กที่น่ากลัวจริงๆ เลยน้า ทำเหมือนรู้ในสิ่งที่ควรรู้ ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ 」
「ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนล่ะ」
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความทรงจำของฉันก็ต้องกลับมาในสักวันหนึ่ง
คุยกับคนที่อยากจะคุยด้วย
ปกป้องคนที่ควรปกป้อง
และสู้กับคนที่ควรสู้ด้วย
เมื่อถึงเวลานั้น ฉันไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับความจริงภายในความทรงจำนั้นแน่นอน
***
ประธานตัดสินใจว่าจะไม่ให้คัตสึมิคุงเจอกับอากาเนะและอาโออิ
อันที่จริงต้องบอกว่าพวกเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสองคนนั้นจะทำอะไรกับคัตสึมิคุงที่ความทรงจำยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ เพื่อตัดความเสี่ยงออกไป เขาจึงตัดสินใจให้คัตสึมิคุงพักที่บ้านฉันต่อ
ส่วนตัวฉันก็อยากจะใช้เวลาช่วงวันหยุดกับเขาจังน้า
แต่พวกพ้องและคู่แข่งที่สุดแกร่งของฉันย่อมไม่มีวันให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของสองสาวที่หากฉันทำตัวอะไรแปลกๆ ไปก็พร้อมจะพุ่งเข้าใส่ทันที ฉันจึงต้องเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่เหมือนปกติเพื่อประชุม
…อันที่จริงเรื่องที่ต้องมาประชุมมันก็สำคัญด้วยแหละส่วนหนึ่ง
นั่นคือการปรากฏตัวของพวก 10 ลำดับแรก
เมื่อยืนยันได้ถึงการมาของพวกเขากราทซังอดีตลำดับที่ 72 ถึงกับแสดงสีหน้าตระหนกออกมา
『พวกเขาคือกลุ่มคนที่แสนน่ากลัวและแข็งแกร่งเกินกว่าจะบรรยายได้ แม้จะเป็นพวกเลข 2 หลักจะเข้าไปรุมก็ไม่มีทางเอาชนะได้หรอก』
ไหนจะเรื่องของมอทัลเซ็นไต 5 คนที่ฆ่าพวกพ้องของตัวเองโดยไม่สนใจอะไร
ประธานที่ทราบถึงการมาของพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะต้องพัฒนาเสริมแกร่งอะไรสักอย่างให้กับพวกเรา
「ในขณะที่การต่อสู้กับพวกเอเลี่ยนมันรุนแรงขึ้น พวกเธอก็จำเป็นต้องจะเสริมแกร่งให้มากขึ้นกว่านี้」
อุปกรณ์ต่างๆ ของพวกเราได้รับการพัฒนามาสักระยะหนึ่งแล้ว
แม้จะเป็นภาระที่หนักหนาสำหรับการทำของพวกเราทั้ง 3 คน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เพิ่มพลังให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก หลังจากนี้คงสามารถออกแรงได้ยิ่งกว่าเก่า
「นี่คืออุปกรณ์เสริมสำหรับพวกเธอ จัสติสครูเซเดอร์!! ฉันขอตั้งชื่อมันว่า จัสติสโฟน!!」
ประธานหยิบเอาโทรศัพสีดำขอบทองออกมาให้พวกเราดู
「นี่คือสุดยอดแห่งอุปกรณ์ที่ฉันและพวกลูกน้องทุ่มเทสมอง กาย ใจ ในการสร้างอย่างหนักจนเกือบจะกลายเป็นซอมบี้!!」
ฉันไม่สงสัยในเรื่องของประสิทธิภาพ
ฉันมั่นใจว่ามันจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น
แต่ชื่อของมันทำให้ฉันขัดใจแปลกๆ
「ชื่อมันเหมือนเอาจัสติสครูเซเดอร์ผสมโทรศัพท์หรือเปล่าคะ? 」
「เซนต์ในการตั้งชื่อห่วยชะมัด」
「ฉันไม่มีวันตั้งชื่อนั้นแน่」
「น่าเสียดายจริงๆ ที่พวกเด็กรุ่นใหม่ของพวกเธอไม่เข้าใจถึงความคลาสสิกนี้!!」
มันคืออุปกรณ์แปลงร่างในรูปแบบของโทรศัพท์ ที่คล้ายนาฬิกาอันเก่าของพวกเรา
ว่าแต่เลี่ยมขอบทองขนาดนี้ไม่เด่นเกินไปหน่อยเหรอ
「อย่าได้เป็นห่วง เรื่องดีไซน์ภายนอกของมันสามารถเปลี่ยนได้ด้วยการตั้งค่าของพวกเธอเอง นอกจากนี้มันยังสามารถเชื่อมต่อกับโดรนจัสติสบิทที่ติดตั้งแกนพลังงานเสริมไว้สำหรับสอดแนมและร่วมต่อสู้กับพวกเธอ!!」
โดรนปรากฏขึ้นมาหลังใช้งานจัสติสโฟน
ที่ประธานเรียกออกมาเป็นของอากาเนะหรือเปล่านะ เพราะมันมีสีแดงและดีไซน์หัวแหลมๆ ด้วย แปลว่าของฉันกับอาโออิก็จะมีเป็นของตัวเองสินะ?
「โดรนสีเลือดนี่ของอากาเนะเหรอ? 」
「อื้อ ถูกต้อง」
ประธานพยักหน้ารับอาโออิที่ชี้ไปยังโดรนสีแดงแล้วถาม
「เดี๋ยวเถอะ ทำไมต้องมาเทียบสีของเลือดด้วยยะ? 」
「……? 」
「พวกเธอนี่ชอบทำให้ฉันดูแย่ในสายตาคนอื่นเกินไปหน่อยหรือเปล่า..? 」
อากาเนะที่โกรธได้บ่นออกมา อาโออิเลยหนีมาซ่อนอยู่ข้างหลังฉัน
「อื้มมม โดรน……」
หลังอาโออิจ้องไปที่โดรนไม่กี่วิ เธอก็หันไปหาประธานอีกครั้ง
「ฟังก์ชันกล้อง? 」
「แน่นอนว่าต้องเป็นของคุณภาพสูงที่คมชัดและซูมได้โหดสุดๆ แถมยังมีโหมดพลางตัวไม่ให้ศัตรูเห็นอีกด้วย ข้อมูลจากกล้องก็ส่งมาที่จัสติสโฟนได้สบาย…!!」
「ประธาน สุดยอด」
อเนกประสงค์เกินไปไหมนะ
นอกจากเสริมแกร่งแล้วเหมือนมันจะมีประโยชน์ในทางแปลกๆ ด้วย
「จะเอาไปใช้ตั้งแต่วันนี้」
「……เดี๋ยวนะ บลู เธอคิดจะเอาไปทำอะไรของเธอ」
「เมื่อวานหลังคำนวณพิกัดของคัตสึมิคุงด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ฉันเลยอยากจะใช้มันในการช่วยค้นหาอย่างละเอียดอีกที」
「หลักวิทยาศาสตร์…..เอาเถอะ งั้นช่วยบอกฉันหน่อยซิ ว่าที่เธอคำนวณมันอยู่แถวไหน เดี๋ยวฉันฉายแผนที่ลงจอให้」
ประธานแสดงท่าทีกังวลนิดหน่อย ก่อนจะฉายภาพแผนที่ลงจอ
อาโออิที่ดูแผนที่พักหนึ่งก็ใช้นิ้ววงบริเวณที่เธอคาดเดาให้พวกเราเห็น
「แม้จะยังไม่ชัดนัก แต่คิดว่าแถวนี้」
…แล้วไหงในวงนั้นมีบ้านของฉันอยู่ตรงกลางวงเลยยะ!!
จะแม่นอะไรขนาดนั้น?! หลักวิทยาศาสตร์แขนงไหนของเธอเนี้ย?!
ฉันอดตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นพลังสุดลึกลับของเธอทำงานอีกครั้ง!!
「เอ่อ…เสียใจด้วยนะ แต่วันก่อนมีคนเจอคัตสึมิคุงที่ติมอร์น่ะ」
「แดนแห่งกาแฟที่มีชื่อเสียง……!? 」
「เอ๋ มันมีของแบบนั้นด้วยเหรอ? อะ อะแฮ่ม เอาเป็นว่าเขาไม่ได้อยู่จุดที่เธอบอกหรอก ดาวซิ่งทางวิทยาศาสตร์อะไรนั่นของเธอจึงผิด」
ประธานพยายามหยุดอาโออิไม่ให้สืบอะไรต่อ นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ว
จากนั้นบทสนทนาก็กลับมายังจัสติสโฟน
「เอาเป็นว่าจัสติสโฟนก็เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม」
「ยังเอามาใช้เลยไม่ได้เหรอคะ? 」
「ไอ้ใช้มันก็ได้หรอก ทว่าปัจจัยที่ยังไม่แน่นอนมันมากเกินไปกว่าจะเอาไปสู้จริง ถึงมันจะช่วยให้พวกเธอแกร่งขึ้นแต่ฉันไม่อยากจะให้พวกเธอเสี่ยงหรอก」
…มั่นใจเลยว่าไม่ใช่เหตุผลที่ว่ามา ประธานกลัวพวกเธอเอาไปทำอะไรแปลกๆ แหง
แน่นอนว่าฉันเองก็เห็นด้วย
「ไว้ฉันจะลองปรับปรุงอะไรนั่นนี่ดูให้พวกเธอสามารถนำไปใช้สู้ได้ทันที ไม่ต้องห่วงหากเวลานั้นมันถึงมาพร้อมใช้งานแน่ นอกจากนี้ฉันก็มีแผนอะไรในใจอยู่」
「แผน? 」
「ดูเหมือนว่าฉันจะอยู่แค่ที่ศูนย์บัญชาการรบไม่ได้อีกแล้วน่ะสิ ดังนั้นก็คงต้องทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้」
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขากับพวกพนักงาน
สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
***
วันนี้ชิโระไม่ได้กลับไปหาคัตสึมิคุง
บางทีความจริงที่ว่าเขาจำชิโระไม่ได้อาจจะทำให้ชิโระช็อกพอสมควร สภาพของชิโระตอนนี้ก็เลยไม่ต่างอะไรกับชิราคาวะจังที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในห้องขัง
ฉันก็เลยต้องกลับบ้านคนเดียว…..เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะบอกความจริงกับชิราคาวะจังเหมือนกันแฮะ
「ออกมาช้าไปหน่อย หวังว่าจะทันข้าวเย็นนะ」
ฉันดูเวลาในโทรศัพท์ขณะเดินกลับบ้าน
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงอาหารเย็นของที่บ้านพอดี
「…คิดทีไรก็ไม่ชินสักที」
ที่บ้านของฉันมีคัตสึมิคุงรออยู่
แม้อัลฟ่าจะทำท่าไม่สบอารมณ์ในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอก็ยอมทำใจชินแล้วหลังได้ประธานช่วยคุย หวังว่าพวกเขาทั้งสองจะได้ใช้ชีวิตสงบๆ สักพักหนึ่ง
「เฮ้อ」
พอถึงบ้านฉันก็ถอดรองเท้าออก
จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น——
「กลับมาแล้ว——」
「อาร่า ดูตรงนี้สิจ๊ะ คัตสึมิคุง อันนี้เป็นคิราระตอนเข้าชั้นประถม」
「อะ อ้า……」
คัตสึมิคุงกำลังนั่งดูอัลบั้มรูปของฉันในห้องนั่งเล่น
……เอ๋? หือ? หา?
อัลบั้มวัยเด็กของฉัน
ทำไมแม่ถึงเอาไปให้คัตสึมิคุงดูกันล่ะ?
「เอ่อ ก็น่ารักดีนะครับ….ตอนเด็กแบบนี้นี่เอง….หือ?!」
คัตสึมิคุงเห็นฉันเข้ามาในห้องก็แสดงสีหน้าตกใจ
ท่าทางของเขาเหมือนจะรู้สึกผิดยังไงแปลกๆ
ฉันไม่รอช้าวิ่งเข้าไปหาแม่อย่างรวดเร็วพร้อมกับไอที่ร้อนฉ่าออกมาจากหัว
「ยินดีต้อนรับกลับมานะจ๊ะ คิราระ」
「แม่มาด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย!!」
「อาร่าๆ 」
ฉันลากแม่ออกจากห้องนั่งเล่นที่กำลังวุ่นวายอยู่
ก่อนอื่นคงต้องถามคนที่ล้มเหลวในการเป็นแม่ตรงหน้าฉันก่อน!
「คิดจะทำอะไรกันคะ!? 」
「ก็แสดงความทรงจำของครอบครัวเราให้เห็นไง? 」
「ไม่ต้องสรรหาคำให้สวยหรูเลยค่ะ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่คะ?!」
ทำไมถึงเอามันออกมา?!
ทำไมแม่ถึงเอามันออกมากัน!?
แม่ยิ้มให้กับฉันอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะวางมือเอาไว้บนแก้มของฉัน
「นานากะน่ะ อยากจะให้คัตสึมิคุงได้เห็นด้านดีๆ ของคิราระ」
「แล้ว……!」
「มาม๊าเลยเอาอัลบั้มออกมาให้ดูน่ะ」
「อะไรอย่างอื่นก็มีเยอะแยะไหม?! มันใช่ของที่จะเอามาโชวให้คนอื่นดูหรือไง เห็นแบบนี้นอกจากจะไม่เห็นด้านดีๆ ยังแย่กว่าเดิมอีก!!」
ทำไมต้องเอามันออกมาด้วยล่ะ
ไม่อยากจะให้เขาได้เห็นถึงประวัติการเติบโตอะไรพวกนี้ของฉันเลย
ไม่เห็นสีหน้าของคัตสึมิคุงด้วยหรือไง
ว่าเขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกมาอยู่
「ไม่ต้องห่วงน้า มาม๊ารู้ว่าลูกเขิน」
「ก็ถ้ารู้ว่าเขินแล้วทำไมยังเอาออกมาอีกล่ะคะ?! หลังจากนี้จะมองหน้าเขาติดได้ยังไง!? 」
「คิดอย่างงั้นเหรอจ๊ะ คิราระนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยน้า」
แม่ยิ้มออกมา
เธอไม่ได้สนใจสีหน้าที่บูดบึ้งของฉันเลยสักนิด
「การที่เราได้เห็นสิ่งนี้มันก็เหมือนกับการที่ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันและกันมากขึ้นนะรู้ไหม? 」
「……แล้วก็เอามันออกมาโดยไม่ถามความสมัครใจของหนูเลยสักนิด……? 」
「……เอเฮะ!」
ถึงจะทำเหมือนพูดอะไรมีสาระ แต่สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
สุดท้ายความเป็นจริงที่รูปในวัยเด็กของฉันมันหลุดออกไปก็ไม่เปลี่ยน
ชักจะโมโหเข้าไปทุกที
หลังรู้ว่าหลอกให้ฉันคล้อยตามไม่ได้ แม่ก็ปรบมือแล้วเปลี่ยนเรื่อง
「จริงสิ ดูเหมือนว่าคัตสึมิคุงมีอะไรอยากจะคุยกับคิราระด้วยแหละ」
「คุยกับหนู?! เรื่องอะไรกัน!? 」
「เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยนะ รีบไปคุยน่าจะดี ส่วนแม่ขอตัวไปเตรียมข้าวเย็นก่อนนะจ๊ะ」
ในขณะที่ฉันบ่นอย่างอารมณ์เสีย แม่ก็รีบหนีเข้าไปในครัว
ให้ตายเถอะ คงต้องไปฟังเรื่องที่คัตสึมิคุงจะคุยกันสินะ
「ค-คัตสึมิคุง มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ? 」
ฉันกลับไปที่ห้องนั่งเล่น อัลบั้มถูกเก็บออกไปแล้ว สิ่งที่ฉันเห็นจึงเป็นภาพของคัตสึมิคุงนั่งบนโซฟาโดยมีนานากะกับโคตะอยู่บนตักเขา
「เกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันคงต้องถามอะไรกับเธอก่อน」
「หือ เรื่องอะไรเหรอ? 」
「เธอปิดบังความจริงในฐานะพวกพ้องของฉันเอาไว้สินะ」
……หา?
ฉันตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เขาที่เห็นแบบนั้นก็เลยพูดกับฉันต่อ
「ฉันรู้แล้วว่าเธอคือจัสติสครูเซเดอร์ เยลโล่」
「อึก!? 」
เขารู้แล้วเหรอ?!
ทว่าเขาไม่ได้แสดงความโกรธอะไรออกมาเลย
หรือความทรงจำของเขาจะ…ไม่สิการที่เขารู้เรื่องนี้แล้วคงต้องรีบติดต่อประธานก่อน
「ถึงจะยังจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ฉันจะพยายามจำเรื่องราวของเธอให้ได้แน่นอน」
「อะ อื้อ……、……เข้าใจแล้ว」
———เอ่อ เอาเป็นว่าปล่อยมันไว้แบบนี้ก่อนละกัน
พออยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ใครมันจะไปทนไหวกัน ตัวเขาที่พยายามถึงขั้นนี้
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code