อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 56 ผู้ทรยศ
ฉันกับเรมะตัดสินใจออกมาจากร้านพร้อมกับโอโมริซังทั้งสองคน
แน่นอนว่าเรมะได้ฝากบัตรให้พี่ฮาคัวดูแลค่าใช้จ่ายต่อซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการกิน แต่ว่า….
「ไอ้ภาพข้างข้างๆ นั่นมันอะไรน่ะ……」
「ครับ? 」
「ที่ชิราคาวะคุงทำอยู่เขาเรียกว่ากินจริงๆ เหรอ? สภาพที่โอโคโนมิยากิล้นเต็มกระทะย่าง แถมยังมีกองอยู่เต็มจานนั่นอีก」
「พี่เขาก็เจริญอาหารแบบนี้แหละครับ ฮ่าๆ 」
「สำหรับเด็ก 1 ขวบนี่สยองชะมัด……」
เรมะพูดแล้วก็ตัวสั่นเฉยเลย ทางฉันก็เดินต่อไม่คิดอะไรจนไปถึงสวนสาธารณะ
แล้วพวกเราก็หยุดเดินกันเมื่อถึงที่นี่ ก่อนจะหันกลับไปหาโอโมริซังทั้งสองคน
「ไหนขอฟังเรื่องพวกเธอหน่อยซิ」
「นัตสึ เอายังไงกันดี……? 」
นัตสึ? โอโมริซังอีกคนชื่อนัตสึสินะ?
โอโมริซังมองไปทางโอโมริซังอีกคนที่ทำหน้าเฉยเมย…ไม่สินัตสึก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมา
「มาถึงตรงนี้ก็คงต้องบอกแล้วแหละ」
「แต่ว่าเธอจะ……」
「ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา คนเขารู้กันหมดแล้วฉันก็ต้องยอม」
นัตสึถอนหายใจอีกครั้งแล้วมองมาทางฉันกับเรมะ
「ฉัน กราท ลำดับแห่งดวงดาราที่ 72 กราทผู้กระหาย」
「「!? 」」
「มานะเรียกฉันว่านัตสึ ก็เพราะฉันอยู่ลำดับที่ 72」
พวกลำดับแห่งดวงดารา……!?
เรมะกับฉันรู้สึกตกใจกับตัวตนจริงๆ ของเธอ
「อ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ! เอ่อ ถึงยัยนี่เป็นหนึ่งในเอเลี่ยนน่ารำคาญที่ติดลำดับแห่งดวงดาราก็จริง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว」
「เธอกำลังจะบอกอะไรพวกเรากันแน่โอโมริคุง? 」
「คือ……เธอคนนี้ เป็นเพื่อนของฉันน่ะ!!」
เพื่อน….เป็นเพื่อนกับเอเลี่ยนบุกโลกเนี่ยนะ ถามจริง?!
จากนั้นโอโมริซังก็เริ่มเล่าต่ออย่างตั้งใจ
「คือว่าเรื่องมันเริ่มเมื่อประมาณเดือนก่อน」
「อื้ม ก็ไม่นานนี้เองนี่」
「ตอนนั้นฉันกำลังดูละครต่างประเทศและเพลิดเพลินไปกับน้ำชาพร้อมกับจุดเทียนหอมภายในบ้านอย่างที่เคยทำประจำ….」
「มานะ ที่เหมาะกับเธอน่าจะเป็นดูหนังฉลามเกรดB โดยมีเบียร์กระป๋องพร้อมแกล้ม――」
「แล้วเอามาพูดทำไมตอนนี้ยะ……!!」
….เอาเป็นว่าถือว่าฉันไม่ได้ยินสิ่งที่กราทพูดก็แล้วกัน
โอโมริซังมองไปที่กราทก่อนจะพูดต่อ
***
ทุกอย่างมันเริ่มต้นในคืนหนึ่งที่ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้าตามปกติ
ไม่นานมานี้ฉันเริ่มจะติดพวกซีรีส์อย่างWalking Deadเข้าให้ซะแล้วก็เลยตั้งใจว่าจะกลับมาดูทุกวันหลังเลิกงานเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่เจอในทุกวัน และแล้วเธอคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น
「นี่แหละเจ้าขา!! สิ่งที่สุดยอดหลังเลิกงาน!!!」
「อย่าขยับ」
「เอ๋!? 」
เอเลี่ยนได้โผล่มาอยู่ข้างหลังฉันก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
เป้าหมายของมันคือการขโมยตัวตนของฉันที่เป็นคนของสำนักงานใหญ่จัสติสครูเซเดอร์
「มานะ โอโมริ! ขอโทษด้วย แต่เธอคงต้องตายที่นี่!!」
「ถามจริงงงงงงง!? 」
พลังของเธอคือการแปลงร่างเป็นคนอื่นได้ ซึ่งเธอตั้งใจจะมาแทนที่ฉัน
ฉันพยายามหลบหนีอีกฝ่ายที่แปลงร่างจนเหมือนกับฉันทุกอย่าง ทว่าพลังของอีกฝ่ายก็สูงกว่าฉันที่เป็นคนธรรมดาเหลือเกิน
ไม่มีทางที่หญิงสาวผู้บอบบางแบบฉันจะทำอะไรได้ เธอคว้าคอของฉันไว้แน่นจนหยับไปไหนไม่ได้
「มันจบแล้วแง้……!」
「หือ……」
「อะไรกันอยู่ดีๆ ก็……? 」
มือที่จับคอของฉันเอาไว้ถูกปล่อยออก
สายตาของเธอได้จ้องมองไปยังของว่างที่เตรียมไว้บนโต๊ะ
「……ไอ้นี่อะไร」
「ไอ้นี่ นี่มัน……? 」
「ก็ไอ้นี่ไง ที่วางอยู่บนโต๊ะน่ะ」
「ซูรุเมะ……น่ะเหรอ? 」
「อาหาร? 」
「อื้อ อาหาร」
「……ขอบอกไว้ก่อนนะว่าอย่าคิดจะใช้พิษกับฉันเพราะมันไม่ได้ผล」
ว่าแล้วอีกฝ่ายก็โซ้ยปลาหมึกนั่นเข้าปาก
จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
「ไอ้นี่มันบ้าอะไรกัน ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งมีรสชาติพวยพุ่งออกมา?! มนุษย์โลกกินของแบบนี้กันตลอดเลยเหรอ?!」
「เอ๋ ก็แค่ปลาหมึกเองนะ……? 」
「ก็แค่งั้นเหรอ……!? 」
จากนั้นฉันก็เอาอาหารในตู้เย็นและกว้านซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาเลี้ยงเธอ
หือ? เรื่องเงินอ่ะเหรอ? ถ้าคนเรามันจะตายแหล่มิตายแหล่ กะอิแค่เศษกระดาษไม่กี่แผ่นต้องสนใจหรือไง
เธอทำการกินของที่ฉันซื้อมาจนหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะนั่งกอดอกคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วหันหน้ามาคุยกับฉัน
「ช่างหัวการรุกรานละกัน」
「เอ๋? 」
ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไปเลยถามอีกรอบ
แต่คำตอบที่เธอให้กลับมาก็ทำให้ฉันตะลึง
「ก็บอกว่าช่างหัวมันไง」
ไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะสามารถหยุดเอเลี่ยนรุกรานโลกได้ด้วยการป้อนอาหารให้
***
「นั่นคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตสุดประหลาดของฉันกับนัตสึน่ะ」
「……ส่วนใหญ่ก็ตามที่เธอเล่า」
「เดี๋ยววววว แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ….!!」
คือมันง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ?!
ถึงจะเล่าให้ฟังแล้วแต่ฉันก็ทำใจเชื่อได้ยากอยู่ดี
ทั้งที่คิดว่าโอโมริซังกำลังตกอยู่ในอันตรายแท้ๆ
แต่ได้ไง….
「ทำไมอาหารถึงเปลี่ยนเป้าหมายได้ล่ะ……!? 」
นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจสุดๆ!
เรมะที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรมาสักพักก็เอามือวางบนไหล่ของนัตสึ
「ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง」
「นายเข้าใจด้วยเหรอ!? 」
「บอกตามตรง ว่าอาหารของที่อื่นนี่ห่วย ไม่สิเลวร้ายสุดๆ ….ในตอนแรกฉันก็ไม่มีความคิดจะแสวงหารสชาติความดีงามอะไรจากอาหารหรอก เพราะสิ่งที่ฉันเจอมาทั้งชีวิตก่อนหน้านี้ก็แค่อาหารแปรรูปสี่เหลี่ยมที่มีสารอาหารนั่นนี่บรรจุอยู่ แน่นอนว่าคุณค่าทางโภชนาการครบแต่มันก็ไร้รสชาติที่ชวนให้อยากกินต่อ แถมน้ำดื่มก็ผสมแร่ธาตุบ้าบอที่ชวนขมคอมีกลิ่นคาวอีก ดังนั้นฉันจึงเข้าใจความรู้สึกของเธอที่เคยเจอมาในอดีต」
พ่นออกมาไม่หยุดเลยแฮะ…
พอสิ้นคำพูดของเรมะ นัตสึก็หลับตาลงแล้วนึกถึงความทรงจำภายในอดีต แล้วเรมะก็พูดต่อ
「หื้ม แม้จะไม่เต็มใจนักแต่สิ่งแรกที่ลิ้นของฉันรับรู้ถึงความอร่อยก็คงเป็นลูกกวาดที่ถูกวาสจับยัดเข้าปาก….เอาเถอะตอนนี้ก็กลายเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงดี」
เรมะนึกย้อนไปในอดีต
นัตสึที่ลืมตาขึ้นหลังรำลึกอดีตก็พูดกับเรมะต่อ
「……นายเองก็ผ่านมาเยอะเลยสินะ โกลดี้? 」
「ฉันเองก็เหมือนกับเธอ ชายผู้ตกหลุมรักในวัฒนธรรมอาหารของดาวโลก จะว่าไปดูจากพลังของเธอแล้ว เธอคือผู้รอดชีวิตจากดาวกลัทโทสินะ? 」
「รู้มากสมกับเป็นอดีตลำดับที่ 61……」
กราทนั่งบนม้านั่งแล้วเริ่มนึกถึงเรื่องในอดีตต่อ
「นายคงรู้สินะว่าพวกเราที่มาจากดาวกลัทโทน่ะมีความสามารถพิเศษคือการเพิ่มพลังได้ด้วยการกิน」
「อ้า ฉันเคยเห็นในเอกสารแล้ว」
「พวกคนบนดาวของฉันนั้นคิดถึงแต่การกิน แน่นอนว่ามันก็สมเหตุสมผลดีเพราะยิ่งพวกเรากินมากเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งแข็งแกร่ง แต่ว่าตัวฉันกลับมีแนวคิดในเรื่องรสชาติของอาหารมากกว่า」
「แล้วเธอก็มาพบกับดาวโลกเข้า」
กราทพยักหน้าให้กับคำพูดของเรมะ
「ทุกคนยอมจำนนต่อความกระหายของตัวเองและฆ่าฟันกินกันเองจนสุดท้ายดวงดาวของพวกเราก็ถูกกลืนกินจนไม่เหลือ แต่ตัวฉันที่มีพลังแห่งเหตุและผลในการยับยั้งชั่งใจก็เลยมาถึงตรงนี้ได้ ที่สำคัญคงต้องขอบคุณที่มันทำให้ฉันมานะ」
「นัตสึ……」
「ถึงแม้จะเป็นยัยทึ่มที่ชอบเอาขนมซึ่งฉันเตรียมเอาไว้กินเองไปให้อัศวินขาวก็เถอะ….」
「เธอเองก็ชอบเอาเงินเดือนของฉันแอบไปซื้อข้าวกินข้างนอกเถอะ…!!」
「「……」」
แล้วโอโมริซังทั้งสองก็จ้องเขม่นใส่กันต่อ
ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะหยุดพวกเธอยังไง ส่วนทางเรมะก็กอดอกคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนถามพวกเธอต่อ
「งั้นทำไมกราทถึงมาทำงานแทนโอโมริคุงไปได้ล่ะ? 」
「อ่ะ คือว่า เรื่องนั้น มันค่อนข้างจะซับซ้อนซ่อนเงื่――」
「มานะขอให้ฉันไปทำแทนน่ะ」
「อึก……」
「……โฮ่」
เหมือนเรมะจะยิงเลเซอร์ออกตาได้เลยแฮะ
ฉันเองก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว
「ดูเหมือนจะมีคำพูดบนโลกนี้ที่กล่าวไว้ว่า พวกที่ไม่ทำงานไม่ควรมีข้าวกิน ฉันที่ตระหนักได้ถึงคุณค่าของอาหารอันโอชะจากดาวโลก เลยตัดสินใจว่าจะทำงานเพื่อรับค่าจ้าง ดังนั้นฉันก็เลยเอางานของมานะมากกว่าครึ่งมาจัดการแทน」
「แบบนี้นี่เอง……」
ยัยนี่!! เรมะพูดพร้อมจ้องมองไปยังโอโมริซัง
「โอโมริ….นี่เธอกล้าหลอกใช้คนอื่นเพื่อให้ตัวเองโดดงานเนี่ยนะ…..」
「เรื่องนั้นมันก็……」
「คุกเข่า! หลังตรง!!」
ฉันรีบหยุดไม่ให้เธอทำตามคำสั่งของเรมะ
เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครผ่านมาแถวนี้แล้วแอบถ่ายคลิปอะไรเข้า
「อะ โอโมริซังเองก็เจอเรื่องน่ากลัวมา….ยอมให้เธอเถอะครับ พวกเราเองก็ไม่รู้สึกตัวกันมาจนถึงตอนนี้ด้วย….」
「……เฮ้อ……」
「อึก คัตสึกิคุงงงงงง……!」
หากมีอะไรผิดพลาดไปแม้แต่น้อย โอโมริซังคงถูกฆ่าตายไปแล้ว
「เอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องของกราท….ก็จับตาดูไปก่อนแล้วกัน」
「คิดจะฆ่าฉันไหม? 」
「พวกฉันไม่ใช่กลุ่มมือสังหารสักหน่อย หากไม่คิดจะทำอะไรพวกเรา ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำอะไรกลับ นอกจากนี้หากสัญญาจะให้ความร่วมมือ ฉันก็จะมอบความช่วยเหลือในการดำรงชีพระดับหนึ่งด้วย」
「……ยินดี」
บอกตรงๆ ว่าฉันโล่งใจที่ไม่ต้องสู้
พวกที่เจอส่วนมากก็เอาแต่จะฆ่าแกงกันอย่างเดียว
ในแง่นี้ นิสัยของกราทนั้นอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตก็ได้
「เอาเป็นว่าก็ปิดไปอีกหนึ่งคดี……」
「เอ่อ ฉันอยากจะกลับไปที่ร้านอาหารก่อนหน้านี้อ่ะ ยังไม่ได้แตะอะไรเลยด้วยสิ」
「ฉันก็ไม่ต่างหรอกน่า ยังไม่ทันได้กินอะไรดีๆ เลย แถมยังห่วงว่าชิราคาวะคุงจะรูดจนฉันหมดตัวเลยไหมด้วยสิ รีบไปกันดีกว่า」
จากนั้นพวกเราก็ตั้งใจจะเดินกลับไปที่ร้านอาหาร
ทว่าก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น ฉันก็เห็นใครบางครปรากฏตัวขึ้นจากด้านหน้า
「แฮก แฮก」
….ดูเหมือนจะเป็นคนที่มาวิ่งช่วงกลางคืน
เด็กสาวสวมฮู้ดสีเทา วิ่งออกมาจากความมืด
อาจจะเป็นเพราะความมืดละมั้ง ฉันถึงไม่เห็นแสงสว่างที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอเลย
「สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ」
「เอ่อ สวัสดีครับ」
ฉันทักทายเด็กสาวที่ยิ้มให้ฉัน
แต่มาวิ่งเอาเวลาป่านนี้มันก็แอบอันตรายนิดหน่อยน้า….
จากนั้นพวกเราก็เดินสวนกันไป
――……หนีไปซะ
เสียงของใครบางคนดังขึ้นในหัวฉัน
ฉันรู้สึกขนลุกอย่างรุนแรงและหันกลับไป
เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังยิ้มด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยวก่อนจะนำวัตถุทรงเหลี่ยมในมือของเธอเสียบไปตรงบริเวณเอวของฉัน
ฉันรีบคว้ามือของเธอเอาไว้ทันทีเพื่อไม่ให้มันถูกแทงเข้ามาลึกกว่าเดิม
「คัตสึกิคุง!? 」
「หา!? นี่แก……!? 」
เรมะและกราทส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
ฉันเองก็ประหลาดใจเหมือนกันที่เด็กสาวคนนี้สามารถทนต้านแรงจับของฉันได้เกินกว่าจะเป็นแรงของเด็กสาวธรรมดา
「คึก อะไรกัน……? 」
「ว้าาาา น่าเสียดายจังเลยน้า」
เมื่อมองดูชัดๆ สิ่งที่อยู่ในมือของเธอคืออุปกรณ์แปลงร่างนั่นเอง
อุปกรณ์แปลงร่างสีเขียวแดงสลับกันและมีหนามยื่นออกมาชวนให้ดูน่าขนลุก เธอพุ่งถอยห่างจากตัวฉันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
「เกือบจะได้โฮสต์ระดับ S อยู่แล้วเชียวน้า」
「คึ」
ทันทีที่มือของเธอถูกผลักออกไป จิตใจของฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางอย่างรบกวน
ความรู้สึกทรมานที่เหมือนการกระหายน้ำ
น้ำตาของฉันไหลออกมา ความโกรธที่สุมอยู่ในอกก็พวยพุ่งอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกสลาย
「ฉันกำลังร้องไห้……? นี่แกเป็นใครกันแน่? 」
「……หา? ไม่จริงน่า……แค่นั้นเองเหรอ……? 」
เด็กสาวมองมาที่ฉันด้วยความตกตะลึง ฉันทำการเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยแขนเสื้อ
「ชะ ชิโระ!!」
『โฮก!』
『LUPUS DRIVER!!』
ชิโระที่อยู่ใกล้ๆ กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้ามาที่มือของฉัน
แล้วเข็มขัดก็ปรากฏขึ้นตรงเอว ฉันทำการแปลงร่างทันที
『BREAK FORM!! COMPLETE……』
「เรมะ!」
「อ้า ฉันเรียกพวกเรดมากันแล้ว!!」
ทำงานได้เร็วชะมัด!!
ถ้างั้นฉันก็แค่ต้องรับมือถ่วงเวลารอพวกเธอมาเสริม
เมื่ออีกฝ่ายเห็นฉันแปลงร่าง เธอกลับยิ้มออกมาซะงั้น
「ดีจังเลยน้า น่าอิจฉาจริงๆ ดูฉันสิต้องมาติดอยู่ในร่างบ้านี่・・・・ส่วนเธอ ได้โอสต์ที่ดีจริงๆ 」
「ร่างนั่นไม่ใช่ของเธอใช่ไหม? 」
「รู้ด้วยเหรอ ไม่สิบางทีอาจจะได้ยินเสียงของยัยนั่นสินะ เห้อ ก็ว่าอยู่ทำไมถึงรู้ตัวได้กัน」
เข็มขัดนั่นเหมือนส่งเสียงกรีดร้องออกมาจนฉันรู้สึกแย่
แถมร่างกายที่เธอใช้อยู่ก็เป็นมนุษย์บนโลกนี้ซะด้วย
「ยินดีที่ได้รู้จักน้า ฉันลำดับที่ 46 ฮิลด้าแห่งการสังเวย♪」
เด็กสาวเรียกตัวเองว่าฮิลด้า ถืออุปกรณ์แปลงร่างเอาไว้ก่อนจะเสียบลงไปที่เข็มขัดของเธอ
ก่อนจะเลียปลายนิ้วตัวเอง
「ถึงปกติจะทำแบบขอไปที…แต่คราวนี้คงต้องจริงจังสักหน่อยแล้วสิ ไหนจะต้องจัดการกับคนทรยศด้วย」
『SCREAM DRIVER』
เสียงดังออกมาจากหัวเข็มขัด
ฮิลด้าส่งเสียงออกมาอย่างน่าขนลุก พร้อมกับเสียงการทำงานของเข็มขัด
「แปลงร่า……หือ? 」
「? 」
ในขณะที่เธอกำลังจะแปลงร่าง เธอก็ได้หยุดลงเสียก่อนและมองไปยังจุดหนึ่ง
ฉันที่มองตามไปก็พบว่า มีใครบางคนสวมผ้าคลุมที่ขาดริ่งเดินเข้ามา
เมื่อสังเหตให้ดีๆ ร่างที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมนั้น มีเส้นผมสีเขียวยื่นยาวออกมาด้วย
「โฮ่ คอสโม่นี่เอง โหว ดูเปลี่ยนไปซะจำไม่ได้เลย ไปทำอะไรมาล่ะ? 」
「……」
「……อ้อ เข้าใจแล้วๆ คราวนี้ฉันยกให้เธอก็ได้」
ฮิลด้าปลดเข็มขัดออกแล้วยกแขนขึ้นเหมือนบอกว่ายอมแพ้
คอสโม่เหรอ?
ครั้งล่าสุดที่สู้กับเธอ เส้นผมของเธอไม่ได้ยาวขนาดนี้นี่นา
คอสโม่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาและยกมือขวาขึ้น ก่อนจะชี้ไปยังกราทที่อยู่ข้างเรมะ
「ความอับอายแห่งลำดับดวงดารา…ฉันจะทำการพิพากษาผู้หลงลืมความภักดีที่มีต่อท่านรูอิน」
「……พูดอะไรของเธอ? 」
『SIN LEGURUS DRIVER』
หัวเข็มขัดสีน้ำเงินถูกเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และมันถูกติดตั้งอยู่ตรงเอวของคอสโม่ตั้งแต่แรกแล้ว
เสียงอันไม่พึงประสงค์เหมือนเสียงข่วนของกรงเล็บสัตว์ร้ายดังมาจากหัวเข็มขัด ก่อนที่กลุ่มก้อนแห่งความมืดจะแผ่ออกมาจากเท้าของคอสโม่
『WARNING!! WARNING!! WARNING!!』
เสียงเตือนดังขึ้น
ก่อนคอสโม่จะกดปุ่มใช้งานตรงหัวเข็มขัดอย่างไม่ลังเล
เหมือนกับตอนนั้น……!?
ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยโคลนสีดำ ฉันที่เห็นก็ทำการหยิบกราวิตี้ไดร์ฟมารับมือทันที
『GRAVITY!!』
『COME ON!!』
สนามพลังงานของฉันเข้าปะทะกับสนามพลังของคอสโม่จนทำให้เกิดคลื่นกระแทกซัดกันไปมาพร้อมกับกระแสไฟฟ้า
『BLACK & WHITE!!』
『DEVASTATENING! RANPEGE!!』
เสียงเข็มขัดของฉันกับเธอดังประสานกัน
กลุ่มก้อนโคลนได้ก่อตัวเป็นชุดเกราะบนร่างของคอสโม่ ส่วนชุดเกราะของฉันก็ก่อตัวในอากาศและเข้ามาประกอบที่ร่าง
『EVIL OR JUSTICE!!』
『『GREAT BEAST!! FALL INTO DESAIRE!!!』
การปะทะกันของสนามพลังงานได้สิ้นสุดลงเมื่อการแปลงร่างของพวกเราเสร็จสิ้น
『ANOTHER FORM!! COMPLETE……』
『ARMOR:ZONE!! JOKER FORM!!!』
พลังงานที่หลงเหลืออยู่ได้กระจายตัวออกไปจนเกิดการระเบิดขึ้น
ฉันกลายเป็นร่างanother formแล้ว ส่วนอีกฝ่ายก็กลายเป็นร่างชุดเกราะสีดำที่แสนน่ากลัวซึ่งทับซ้อนกับเกราะสีน้ำเงินเอาไว้
หน้ากากบนหัวของเธอคล้ายกับสัตว์ร้าย กรงเล็บได้ยื่นออกมาจากมือทั้งสองพร้อมกับใบมีดที่ติดอยู่ตรงแขน
มันคือร่างที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้ร่างกายของตัวเองเป็นอาวุธ เธอได้กระโดดเข้ามาหาฉันพร้อมกับเหวี่ยงหมัดในมือ
「คุ」
「……」
หมัดของคอสโม่และฉันได้ปะทะกัน
แรงกระแทกนั้นทำให้ฉันรู้สึกตะลึง
เพราะมันต้านดันได้โดยที่ไม่มีฝ่ายไหนพ่ายแพ้ให้กับพลังของกันและกัน ฉันจึงเตะเข้าไปซ้ำอีกที ด้วยแรงเตะของร่างนี้คงไม่ต้องบอกถึงความรุนแรง แต่อีกฝ่ายก็หยุดมันไว้ได้ด้วยแขนอีกข้าง
「ฉันมั่นใจแล้ว」
「!」
「ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งกว่านาย และจะแกร่งขึ้นไปกว่านี้」
รู้สึกได้ถึงแรงกดดันเป็นอย่างมาก
วินาทีต่อมาแรงกระแทกอันรุนแรงก็พุ่งมาตรงร่างของฉันจนทำให้ฉันกระเด็นไปข้างหลัง
นี่ฉันโดนต่อยเหรอ?! ขนาดว่ารีบให้แขนขึ้นมากันช่วงวิสุดท้ายแล้วนะ!!
ในขณะที่พยายามลุกขึ้นยืน ฉันก็ตะโกนบอกพวกเรมะที่อยู่ข้างหลัง
「เรมะ!! พากราทกับโอโมริซังหนีไปซะ!!」
「เข้าใจแล้ว!!」
เป้าหมายของศัตรูคือฉันและกราทคนทรยศของพวกมัน
「แฮก แฮก หึหึ……ฮ่าๆๆ ……ฮ้าาา……!」
คอสโม่กอดตัวเองแล้วเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
นี่มันปกติเลยสักนิด! เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?!
แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็ของจริงเลย!
―― (คอสโม่)
「ค่ะ ค่ะ…ฉันเข้าใจดีค่ะ ท่าน (รูอิน) 」
―― (อื้ม)
「ฉันจะเอาชนะเขา เอาชนะเขาให้ได้ จะทำการสังหารคนทรยศและอัศวินขาวให้หมดสิ้น!!!」
―― (อื้อ ฉันกำลังดูอยู่)
คอสโม่คุยกับตัวเอง
ในขณะที่ฉันกำลังมองดูเธอคุยกับใครบางคนอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงของรูอินซังดังขึ้นในหัว
――ศัตรูคราวนี้ไม่ใช่เล่นๆ
――มันคือศัตรูที่แกไม่สามารถเอาชนะได้ในตอนนี้
ฉันถึงกับตกใจที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอ
เพราะจนถึงตอนนี้สิ่งที่เธอพูดไม่เคยผิดเลยสักครั้ง
ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าคอสโม่ในตอนนี้เป็นศัตรูที่น่ากลัว
「ยังไงก็ต้องสู้ครับ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงก็ตาม!!」
――!
ต้องหนีเพราะคิดว่าชนะไม่ได้เหรอ?
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะหากฉันหนีไป!!
คนที่เดือดร้อนจะมีมากเท่าไหร่ ฉันหนีจากตรงนี้ไปไม่ได้หรอก!!
――ฮ่าๆ ต้องแบบนี้สิ คัตสึกิผู้น่ารักของฉัน
――จงพยายามเข้า คิดหาทางออกให้สุดแรง
――เพราะสุดท้ายแล้ว เส้นทางที่เหนือความคาดหมายของฉันจะต้องปรากฏตรงหน้าแกแน่
「ครับ!!」
ฉันย่ำเท้าทั้งสองให้มั่นลงกับพื้นเพื่อเตรียมสู้
จะไม่ยอมให้คนที่ต้องปกป้องได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว!!
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code