อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 55 คำลวงและความจริง
ฉันพ่ายแพ้ให้กับอัศวินขาว
อย่างหมดรูป
ความแข็งแกร่งของชายคนนั้นในร่างขาวดำ จัดการฉันที่เป็นลำดับเลข 2 หลักได้อย่างง่ายดาย ทำให้ฉันจนมุม การแปลงร่างก็ถูกปลดออกภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากำปั้นของเขา
เจ็บใจชะมัด
ความเสียใจและน้ำตาได้หลั่งออกมาจากหัวใจของฉัน
ความหึงหวง ความโกรธ ความเกลียดชัง เกลียดชายคนนั้นที่มองฉันราวกับว่าฉันเป็นคนน่าสงสาร มองสิ่งที่ตัวเองไม่อาจเข้าใจในเหตุและผลได้
『อย่าได้ถูกพลังกลืนกินสิ』
ฉันได้ยินเสียงใครบางคน
เสียงที่ไม่รู้จัก แต่กลับแสนคุ้นเคย
『เธอก็คือเธอ อย่าถูกหลอก..!!』
เสียงของใครบางคนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เสียงดังกล่าวก็ยังพยายามบอกกับฉันที่สิ้นหวังอยู่ ทว่าไม่นานนัก ก็ถูกเสียงอื่นกลบจนมิด
『จงพุ่งเข้าไปตามที่ใจสั่ง』
『สัตว์ร้ายที่ร่วงหล่นเอ๋ย』
『ฆ่ามัน ฆ่าชายคนนั้นซะ』
『มันคือศัตรูของแก』
『ทำลาย จงทำลายมันให้สิ้น』
คำพูดที่ปลุกปั่นฉันดังขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าฉันต้องการอะไรกันแน่ จากนั้นก็มีควันสีดำค่อยๆ ปกคลุมทั่วร่างกาย
ฉันขยับไปไหนไม่ได้
เสียงก็ไม่ออกมาจากปาก
ราวกับร่างของฉันกำลังถูกผลักลงสู่บึงไร้ก้นที่ไม่สามารถต่อต้านได้
「ถึงจะดูน่าสนใจ แต่ก็ได้แค่นี้สินะ 」
ฉันได้ยินเสียงหนึ่ง
แม้สายตาจะยังพร่ามัวก็ตาม
「……อึก」
สติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับมา ตรงหน้าของฉันคือพรมสีแดงที่ทอดยาว
ฉันพยายามลุกขึ้นยืนขณะที่น้ำหูน้ำตาไหลออกมา
ความเจ็บปวดมันหายไปแล้ว
บาดแผลที่ได้รับมาจากตอนสู้กับอัศวินขาวไม่เหลือเลย
「ทำไมกัน」
「ดูเหมือนแกจะตื่นแล้วสินะ? 」
「อึก ท่านรูอิน!? 」
ฉันคุกเข่าทันทีที่ได้ยินเสียงจากเบื้องหน้า
นี่คือโถงบัลลังก์ที่ท่านรูอินอาศัยอยู่
ทำไมฉันถึงมาโผล่ในจุดที่ห่างไกลจากดาวโลกได้ล่ะ?!
「ดูเหมือนแกจะมีพัฒนาการที่น่าสนใจดีนะ คอสโม่」
「พัฒนาการ……? 」
ท่านรูอินมองฉันจากข้างบนบัลลังก์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
「แกถูกพลังเข้ากลืนกินและคุ้มคลั่ง ฉันก็เลยตัดสินใจพาแกที่ใกล้จะทำลายตัวเองเพราะพลังนั้นกลับมาน่ะ」
「……! ต้องขออภัยท่านด้วยจริงๆ ค่ะ!!」
「ไม่จำเป็น สำหรับข้าแล้วถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจเหมือนกัน」
จากนั้นท่านรูอินก็ค่อยๆ ลงมาจากบัลลังก์ มาตรงหน้าฉัน ก่อนจะวางมือไว้บแก้มของฉัน
「คอสโม่ ฉันหวังกับแกเอาไว้มากนะ」
「……ท่านรูอิน」
ท่านรูอินคุกเข่ามาแล้วสบตาฉัน
ยิ้มให้กับฉันเหมือนเป็นแม่แท้ๆ ที่มอบความรักให้ลูกสาว ฉันไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องที่เหมือนฝันนี้ได้เลย จนทำให้พูดอะไรไม่ออก
「ยังจำคำพูดที่เราเจอกันตอนแรกได้ไหม? 」
「ค-ค่ะ」
「คำพูดนั้นสำหรับเข้าไม่เปลี่ยนสินะ? 」
“ฉันอยากจะใช้พลังที่ฉันมีเพื่อท่านค่ะ……!”
คำพูดที่ฉันไม่มีวันลืม
ฉันตัดสินใจใช้พลังเพื่อท่านผู้นี้
และท่านกำลังถามถึงความภักดี
「ความตั้งใจของฉันไม่มีวันเปลี่ยนค่ะ พลังของฉันมีไว้เพื่อท่าน…!!」
「……อื้อ เข้าใจแล้ว ฉันประทับใจในความภักดีของแกจริงๆ 」
ท่านรูอินเอามือออกจากแก้มของฉันแล้วลุกขึ้นยืน
「แต่การต่อสู้คราวนี้ก็ค่อนข้างได้ผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง」
「….ต้องขออภัยที่ตอบสนองความคาดหวังของท่านไม่ได้จริงๆ ค่ะ」
「คอสโม่」
ฉันเงยหน้ามองไปยังท่านรูอิน
「ฉันเป็นห่วงแกและสนใจแกเสียยิ่งกว่าอัศวินขาวอีก」
「อ……อึก」
「อย่าทำให้ข้าผิดหวังเสียล่ะ แค่อัศวินขาว ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะสามารถเอาชนะเขาได้สินะ? 」
ท่านรูอินยิ้มออกมา ฉันที่ได้ยินก็ตอบกลับทันที
「คะ-ค่ะ! ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้!!」
「ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วสิ ไม่งั้นคงไม่สนุกกันพอดี」
ฉันไม่สามารถเอาชนะเขาได้
นั่นคือความจริง
แต่การที่ท่านรูอินพูดแบบนี้
ก็แปลว่ามันต้องมีหนทางอยู่
「แล้วแกรู้หรือยังว่าจะทำอย่างไรต่อ? 」
「ฉันจะต้องพยายามควบคุมร่างที่ยังไม่สามารถใช้ในตอนนี้ได้ค่ะ……!!」
ฉันจะต้องฝึกให้มากกว่านี้
แข็งแกร่งกว่านี้ ให้มากพอจะเอาชนะอัศวินขาว และได้รับการยอมรับจากท่าน
「งั้นเหรอ เดี๋ยวฉันจะสอนอะไรให้สักหน่อยละกัน」
「จะ จริงเหรอคะ!? 」
「อ้า ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้ภักดีไงล่ะ」
อ้า ช่างเป็นนเกียรติอะไรเช่นนี้!!
ท่านรูอินได้สร้างห้วงมิติแห่งความมืดมิดขึ้นมาก่อนจะขยายมันไปรอบๆ
พลังที่สามารถบิดเบือนพื้นที่และเวลา
ฉันได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองแล้ว
「เอาล่ะ」
ประกายแสงแห่งดวงดาราที่เกิดขึ้นจากการสร้างพื้นที่กำลังส่องประกาย
「จงอดทนให้ดีเสีย」
「คะ-ค่ะ!!」
ความหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก
แต่ความภักดีของฉันกำลังปัดเป่าให้หายไป
ขอแค่มีสิ่งนี้ ฉันก็สามารถทุ่มสุดตัวเข้าฝึกฝนแม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม
***
พวกเอเลี่ยนได้ช่วยกันสู้
3 ตัวปรากฏต่อหน้าจัสติสครูเซเดอร์ โดยที่พวกมันบอกว่าตัวเองอยู่ลำดับ 68 71 52 และพวกมันทุกตัวสามารถขยายร่างได้
ฉันละรู้สึกแปลกใจจริงๆ ขนาดพวกมันขยายร่างไปแล้วยังมีความคิดความอ่านอยู่เลย
「จากนี้พวกผู้รุกรานน่าจะช่วยกันรวมทีมมาโจมตีเราแน่นอน」
「พวกเดียวกับคอสโม่สินะครับ? 」
ฉันไปที่ห้องของเรมะ
「ก็ใช่ แต่ท่าทางจะเคลื่อนไหวแยกกัน เพราะคนที่ใช้เรกูลัสนั่นเลือกจะทำอะไรด้วยตัวเอง แถมเจตนาการต่อสู้ก็ดูต่างจากคนอื่น….」
「นั่นสิครับ จากที่เห็นเธอตั้งใจสู้กับผมจริงๆ 」
「ฉันเดาว่าเป้าหมายของเธอคือการเอาชนะนาย ถึงจะแพ้นายในร่าง another form ก็เถอะ」
แต่ร่างที่เปลี่ยนไปของเธอนั่น
จะบอกว่ายังไงดีล่ะ รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้สู้กับเธอในร่างนั้น
เพราะบางอย่างมันบอกกับฉันว่าตึงมือสุดๆ แหง
「จากที่ฉันวิเคราะห์ดูเหมือนร่างjokerนั่นจะมีค่าพลังใกล้เคียงกับanother form countdown เลย」
「ขนาดนั้นเลยเหรอครับ」
「ร่างนั้นมันคล้ายกับนายมากจริงๆ แต่ปัญหามันคือการดึงพลังชีวิตของผู้ใช้ออกด้วยมาเนี่ยสิ」
คล้ายกับเรา….
เข็มขัดของเธอก็คล้ายกับชิโระด้วยสิ
「เอาเถอะก็ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแหละน้า」
「……เรื่องเมื่อก่อนเหรอครับ? 」
「อ้า」
หลังคุยกันไปสักพัก เรมะก็ถอนหายใจออกมาแล้วกอดอก
「…ว่าแต่ทำไมนายมาหาฉันล่ะ? มาจนถึงตอนนี้เหมือนจะเป็นฝ่ายฉันที่พูดด้วยสิ」
「อันที่จริงมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะ」
「ปรึกษางั้นเหรอ หายากนะเนี่ย」
นี่เป็นสิ่งที่คุยกับเรมะได้เท่านั้น
ไม่สิต้องบอกว่าไม่รู้จะคุยกับใครดีจนมาจบที่เขา แถมเรื่องตอนนี้คงต้องรีบจัดการด้วยสิ!
「เกี่ยวกับโอโมริซังน่ะครับ」
「งั้นเหรอ ในที่สุดโอโมริคุงก็ทำมันจนได้สินะ….คิดไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งยัยเนิร์ดโทคุนี่จะต้องก่อเรื่อง แล้วเธอไปทำอะไรแปลกๆ กับนะ――」
「เดี๋ยวสิครับ ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย ไหงถึงพูดเหมือนผมโดนแล้วล่ะ……!? 」
ทำไมเขาถึงสงสัยว่าเป็นฉันที่โดนโอโมริซังทำอะไรแปลกๆ ล่ะ
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ฉันเลยนะ
เรมะเข้าใจผิดไปถึงไหนกัน เอาเป็นว่าฉันทำการอธิบายถึงเรื่องที่ตามไปสืบเมื่อวันก่อน
ความจริงที่ว่าโอโมริซังอาจจะมีอยู่ 2 คน
「ก็ประมาณนี้ครับ」
「โฮ่ๆๆ โอโมริคุงมี 2 คนงั้นหรอ โอ้ยยย ฮ่ะๆๆๆ เอาจริงดิ?!」
「เรมะ!? 」
เรมะตกใจจนตกเก้าอี้ไป ฉันจึงวิ่งไปดูอาการเขา
「นายจะบอกว่าเธอเป็นผีเหรอ! เป็นไปไม่ได้หรอกน่า! โดยพื้นฐานแล้วการมีอยู่ของดวงวิญญาณอะไรนั่นมันไม่สมเหตุสมผลสักนิด….แต่ว่า ไม่สิ ถ้าคิดโดยอ้างอิงตามนั้น สิ่งที่โอโมริคุงทำมาจนถึงตอนนี้ มันก็อธิบายได้หมดเลย…」
「ผมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็น ดอพเพลแกงเกอร์นะครับ」
「เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนั้นอ่านะ!? ขืนไปเล่าให้พวกนักวิทยาศาสตร์ฟังคงได้โวยวายกันตาย!」
แต่มันก็มีความเป็นไปได้
จากที่ฉันแอบตามสืบเธอมาช่วงหนึ่ง ทำให้พบว่าโอโมริซังนั้นจะมีบุคลิกที่ต่างออกไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน
「โอโมริซังที่มีสองคนนั้นทำการเปลี่ยนบุคลิกกันช่วงเช้าบ่ายครับ」
「มั่นใจเหรอ……? 」
「ครับ เธอมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างช่วงเวลา」
「แล้วทำไมพวกลูกน้องของฉันมันไม่รู้กันเลยล่ะ?! จะบอกว่าโง่จนดูไม่ออกเหรอ ไม่สิ พูดแบบนั้นมันก็เข้าตัวฉันด้วยไม่ใช่เหรอฟะ? 」
เรมะถึงกับกุมหัวตัวเอง
อันที่จริงการรู้ว่าโอโมริซังมีสองคนมันก็เรื่องบังเอิญแหละ ฉันไม่คิดว่าหากใช้ชีวิตตามปกติจะมีใครรู้หรอก
「เอาเป็นว่าตรวจสอบหน่อยละกัน คัตสึกิคุง….」
「นั่นสินะครับ ถ้าเป็นช่วงบ่ายแบบนี้เธอคงจะเป็นร่างที่กินเยอะและสุขุม」
「แปลกของแท้เลยแหละที่คนอย่างเธอจะทำแบบนั้นได้….」
ฉันทำการตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว จึงไม่น่าจะผิดพลาด
ว่าแต่เรมะจะชวนฉันไปตรวจสอบอะไรอีกล่ะ….
「ถ้าโอโมริคุงร่างนี้เป็นพวกชอบกินละก็ ก็แค่ต้องลากไปร้านอาหารอร่อยๆ สินะ」
「โอ้ว……!」
「หึหึ ไม่นานมานี้ฉันเจอร้านเด็ดที่แอบออกไปกินคนเดียวมาด้วย เราจะเปิดโปงความจริงกันที่นั่นแหละ!」
ถึงการแอบไปกินคนเดียวจะดูแย่ แต่การใช้กลยุทธ์นี้ก็นับว่าเหมาะสม
「นายเองก็พยามเข้าล่ะคัตสึกิคุง……!」
「อ่าว ผมก็ด้วยเหรอ? 」
「ของมันแน่อยู่แล้วสิ」
「ช่วยไม่ได้……เข้าใจแล้วครับ」
สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถทิ้งงานไว้กลางทางได้สินะ
แต่การที่คิดว่าอาจจะต้องสู้กับผีนี่มันก็….
「ผีสิน้า……」
บอกตามตรงว่าฉันเป็นคนกลัวผี เรียกว่าแหยงเลยแหละ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ฉันว่าฉันน่าจะกลัวผีตั้งแต่ก่อนเสียความทรงจำซะอีก
「เอาเป็นว่าจังหวะก็ได้แล้ว!! ไปชวนเธอกันเลยดีกว่าคัตสึกิคุง!」
「ครับ!」
「เอาล่ะ มาเจอกันสักตั้งสิ่งลึกลับเอ๋ย!!」
ยังไงก็ต้องหาให้ได้ว่าโอโมริซังคือใคร
จากนั้นฉันก็เดินไปหาโอโมริซังที่กำลังรัวแป้นคีย์บอร์ดอยู่อย่างรวดเร็ว
「ทำงานจริงจังชะมัด สุดยอดไปเลยวุ้ย โอโมริคุงเนี่ย」
โอโมริซังหยิบกล่องสีขาวที่อยู่ข้างคีย์บอร์ดออกมา ก่อนจะหยิบบางอย่างภายในนั้น
ไทยากิเหรอ?
「ง่ำๆๆ ถั่วดำนี่ก็ใช้ได้ แต่ถั่วขาวก็ไม่ได้แย่เลย อร่อย」
ดูอารมณ์ดีจริงๆ!!
เรมะเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ เธอก่อนจะกระแอมหนึ่งที
「อะแฮ่ม」
「อึก!? อะ อ้าว ประธาน!? 」
โอโมริซังเบิกตากว้างเมื่อเห็นเรมะกับฉันอยู่ข้างๆ เธอ
ก่อนที่เรมะจะพูดด้วยน้ำเสียงอันสดใส
「รู้สึกว่าพักนี้เธอจะทำงานที่ได้รับมอบหมายเยี่ยมสุดๆ ไปเลยนี่ โอโมริคุง」
「ค-ค่ะ……」
「ดังนั้น ฉันเลยคิดจะให้รางวัลเธอสักหน่อยที่อุทิศตัวเองให้บริษัทของฉันขนาดนี้」
「ถ้าอย่างงั้นก็ขึ้นเดินเดือนสิคะ」
「……」
อยู่ดีๆ ก็ขอกันซื่อๆ เลยเหรอ?!
ฉันมองไปที่เรมะอย่างกังวล
「ใสเจียเสียใจ แต่คงขึ้นเงินเดือนไม่ได้ ทว่าอย่างน้อยฉันก็อยากจะชวนเธอไปทานข้าวเย็นพร้อมกับคัตสึกิคุงน่ะ งานเลี้ยงน่ะงานเลี้ยงสนใจไหม」
「งานเลี้ยง? 」
「อ้า ว่าจะพาไปร้านโอโคโนมิยากิน่ะ หรือเธออยากจะเอาร้านอื่นแทน…」
「ฉันไป」
「หือ? 」
「ฉันจะไป」
ไม่คิดหน่อยเหรอ……!?
ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เธอตอบโดยไม่คิดสักนิด
จะบอกว่าตะกละหรือเป็นมิตรเข้าสังคมดีล่ะ
แต่อย่างน้อยก็โล่งใจได้สักทีที่เธอตามพวกเรามา
「……เชี่ย? 」
「เป็นอะไรไปน่ะคัตสึกิคุง ทำหน้าอย่างกับเห็น――」
「ประธาน」
ก่อนจะรู้ตัวพวกพนักงานภายในห้องก็มายืนอยู่ข้างหลังของเรมะ
ก่อนจะคว้าไหล่ของเขาเอาไว้พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อนข้างน่ากลัว
「ฮะ โฮ่ย พวกเอ็งทำอะไรกัน? ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางานนะเห้ย」
「「「……」」」
「อะไรฟะ!? ถ้าพวกเอ็งไม่พูดฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเอ็งต้องการอะไร!」
「「「……」」」
「เอ่อ ขอร้องได้โปรด หยุดเถอะ ขนลุกชะมัด….」
เรมะค่ำครวญออกมาภายใต้แรงกดดันของพวกเขา
จากนั้นประตูห้องก็เปิดขึ้น พร้อมกับอากาเนะและพี่ฮาคัว
「มาอยู่ที่นี่กันนี่เอง」
「นี่คัตสึกิคุง นายพอจะมีเวลาไหม? ฉันอยากจะชวนนายไปฝึกซ้อมต่อสู้กันสักหน่อยน่ะ…เอ๋ ทุกคนเป็นอะไรไปกันน่ะ? 」
อากาเนะและพี่เอียงหัวด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของเรมะที่โดนลูกน้องล้อมเอาไว้
「ประธาน ในตอนที่กำลังทำงานกันอยู่ ก็ชอบแอบออกไปกินข้าวคนเดียวนี่เน้อ」
「แถมยังเป็นร้านที่แพง」
「ไปคนเดียว」
「ใช่แล้ว ไปคนเดียว」
「โดยทิ้งพวกเราให้กินแค่แคลอรีบาร์ประทังชีวิต」
แรงกดดันจากพวกพนักงานนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยวุ้ย
ทั้งที่พูดด้วยรอยยิ้มแท้ๆ แต่ประธานถึงกับไหล่ทรุด
「ก็ได้เว้ย……เดี๋ยวฉันจะพาพวกแกไปเลี้ยงกันหมดนี่แหละ」
ยอมแล้วแฮะ
เรมะยอมจำนนต่อรอยยิ้มของพนักงาน
และราวกับทุกคนกำลังรอคำนั้นอยู่ พวกเขาส่งเสียงเฮกันออกมาก่อนกลับไปทำงานของตน
แน่นอนว่าเรมะได้บอกเรื่องนี้กับอากาเนะและพี่ด้วย
「มาถึงขั้นนี้พวกเธอก็มาด้วยล่ะ」
「เอ๋? อะไรล่ะนั่น? 」
「ก็บอกว่าเดี๋ยวจะพาพวกเธอไปเลี้ยงข้าวด้วยเหมือนกันไงละเห้ย」
การเป็นผู้ใหญ่นี่ยากจริงๆ
***
ช่วงตกดึกได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินทางกันไปที่ร้านอาหาร
แต่ก็ตามที่คาดเพราะพนักงานที่ทำงานมีจำนวนเยอะเกินไป นอกจากโอโมริซังแล้ว เรมะบอกว่าจะไปเลี้ยงวันอื่นแทน สรุปวันนี้จึงมีแค่จัสติสครูเซเดอร์ พี่ฮาคัว โปรโต กับพวกฉัน
『คิราระมาจากคันไซด้วยนี่เนอะ คงจะเก่งเรื่องแบบนี้น่าดู』
『ฉันเกิดคันโตหรอกย่ะ! เก่งเรื่องนี้อะไรกันยะ?! ถึงมันจะจริงก็เถอะ』
『แม่ขาเร็วหน่อย หนูอยากกินเมนไทโกะโมจิ』
『ใครเป็นแม่ของเธอกัน!? 』
『เอาล่ะก่อนอื่นก็โอโคโนมิยากิหมู โอโคโนมิยากิปลาหมึก โมจิชีส จากนั้น………』
『ฮาควา ตั้งใจจะกินขนาดไหนกันเนี่ย? นี่ คิราระเธอช่วยมาทำตรงนี้ด้วยสิ』
『บ้าหรือเปล่า เห็นฉันแยกร่างได้หรือไง!? 』
สาวๆ กำลังทำโอโคโนมิยากิกันอยางมีความสุข
ทว่าทางฉัน เรมะ กับโอโมริซังนั้น….
「……」
「……」
「……」
ความเงียบงันที่ชวนปวดท้องกำลังกัดกินฉัน
เรมะเหมือนจะทำตัวไม่ถูกและกระดกน้ำรัวๆ
ส่วนฉันก็ได้รับหน้าที่ให้ทำโอโคโนมิยากิ
ทางโอโมริซังก็นั่งเงียบเฝ้ารอโอโคโนมิยากิที่กำลังทำอยู่
「เอ้า นี่ครับ โอโมริซัง เรมะ 」
「ขอบใจ」
「โทษทีน้า……」
ฉันวางอาหารใส่จานของโอโมริซังและเรมะ
ก่อนจะเทแป้งชุดใหม่ลงไปในกระทะเหล็กเพื่อเตรียมของรอบใหม่
อันที่จริงหรือฉันควรจะขอให้พนักงานมาทำให้ดีนะ
「ทานแล้วนะคะ」
โอโมริซังเริ่มกินโอโคโนมิยากิ
เสียงเฮฮาจากห้องข้างๆ ก็ดังมาเป็นระยะอย่างสนุกสนาน
「เธอเป็นใครกันแน่」
!? เอางี้เลยเหรอ!?
ในขณะที่ฉันกำลังพลิกแป้ง เรมะก็พูดขึ้นมาซะงั้น
「……เดี๋ยวสิครับทำไมถึง..? 」
「ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว…โอโมริคุงตัวจริงอยู่ที่ไหน? 」
「……」
「ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายที่จะทำอะไรไม่ดีกับพวกเรา แต่สุดท้ายในฐานะประธานและนักวิทยาศาสตร์ฉันไม่สามารถมองข้ามตัวตนของเธอได้หรอก」
ตัวตนที่แท้จริงของโอโมริซัง
ดอพเพลแกงเกอร์?!
นินจา?
หรือที่จริงคือพี่น้องฝาแฝด!?
「ฉันก็คือฉันค่ะ」
「ถึงรูปร่างหน้าตา DNA ของเธอจะเหมือนกับโอโมริคุงทุกอย่าง…..แต่เธอไม่มีทางเป็นมานะ โอโมริไปได้แน่นอน บุคลิกที่แสดงออกมามันหลอกกันไม่ได้หรอก……」
「คนเค้าก็รู้กันอยู่แล้วนี่คะ ว่าประธานน่ะเป็นพวกไม่เต็ม สายตาก็อาจจะฝ้าฟางไปแล้วก็ได้….」
「อึก แต่ทำไมคำพูดแนวนี้ถึงได้เหมือนกันฟะ….」
เรมะเกิดความสับสน
ทว่าคำพูดของเรมะก็ทำให้โอโมริซังมีอาการเกร็งๆ เหมือนกัน
「ตะ แต่ว่า ฉันก็มีแผนที่จะเปิดเผยตัวจริงของเธอเอาไว้แล้ว….」
「อึก……」
「หึ เดี๋ยวได้รู้กัน」
เรมะยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเลื่อนออก
คนที่ปรากฏตัวมานั่นก็คือโอโมริซัง แต่สวมชุดลำลองพร้อมกับใบหน้าเปี่ยมยิ้ม
「โอโมริมาตามคำเรียกแล้วจ้า! วู้ว แปลกใจจริงๆ ที่อิตาประธานขี้เหนียวจะมาเลี้ยงข้าวเย็นฉัน งั้นวันนี้ต้องจัดเต็มพร้อมซดเบียร์――เอ๋? 」
โอโมริซังถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในห้อง(เดาว่าเป็นตัวจริง)
ส่วนโอโมริซังที่นั่งข้างในห้องก็ส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นโอโมริซังอีกร่าง(เดาว่าเป็นตัวปลอม)
「เหมือนฉันจะพลาดอะไรไปสินะ? 」
「มานะ……เธอมาทำอะไรที่นี่……ชิ……」
เหมือนโอโมริซังในห้องจะไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้น
แต่โอโมริซังอีกคนที่ตกใจใหญ่เลย เรมะที่เห็นก็ถอนหายใจ
「นี่เหรอแผนที่ว่า」
「เอาล่ะ ยอมมอบตัวซะ!」
โอโมริซังในห้องที่เห็นแบบนั้นก็เปลี่ยนน้ำเสียงไปทันที
「เอาเป็นว่าฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกนายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง!」
「ชะ ใช่แล้วค่ะประธาน!! เด็กคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา…ละมั้ง…」
「ตอนนี้ฉันขอกินของที่อยู่ตรงหน้าให้หมดก่อนแล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าออกไปแล้วจะต้องเจออะไรด้วยสิ…..」
พอเห็นว่าโอโมริซังกำลังปกป้องโอโมริซังอีกคนที่กำลังสนใจแต่เรื่องกินอยู่นี่มันก็ชวนปวดหัวแฮะ
นี่มันอะไรกัน?
ทำไมถึงได้เกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นตรงหน้าฉันล่ะ?
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code