อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 102 เซไคเซ็นไตจู่โจม 4
จัสติสโกลด์
นักรบคนใหม่ของจัสติสครูเซเดอร์ ผู้ที่ทำการแปลงร่างครั้งนี้คือประธาน
สูททีทองนี้ก็มีบางส่วนที่คล้ายกับสูทที่เขาทำให้พวกเราอยู่หรอก แต่โดยรวมแล้วสูทของเขาคล้ายกับโปรโตวันที่คัตสึมิคุงใช้มากกว่า
เมื่อเขาสะบัดแขนขวาออกไป อนุภาคสีทองที่ก่อตัวที่รอบร่างของเขาก็โพยพุ่งไปรอบๆ
「เหมือนอยากจะโชว์นะ」
「แสบตาไปหมดแล้ว」
「เลี่ยมทอง」
「อย่ามาทำลายเวทีการเปิดตัวชาวบ้านสิเห้ย!!」
ประธานหันมาตะโกนใส่พวกฉัน
พวกเราพูดคุยติดตลกกันนิดหน่อย———แย่แล้วมอทัลกรีนกำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตีประธาน!?
「ประธาน! ข้างหลัง!!」
「หือ」
「อย่าประมาทสิเห้ย!!」
ขวานของมอทัลกรีนเหวี่ยงเข้าหาประธาน
ทว่าประธานกลับไม่ได้ขยับออกจากจุดที่เขายืนอยู่ แล้วอนุภาคสีทองที่เหมือนกับมีความนึกคิดเป็นของตัวเองก็ก่อตัวขึ้นเป็นบาเรียป้องกันขวานที่เข้ามา
「ต้นกำเนิดพลังของพวกแกคือการปกป้องชีวิตใช่ไหมล่ะ? 」
「คุ พ่นบ้าอะไรของแก!」
「ทว่าพวกแกกลับตกอยู่ในอำนาจของพลังและกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายแห่งความเสื่อม」
ประธานพูดโดยที่ยังหันหลังให้กับมอทัลกรีน จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมา อนุภาคสีทองในอากาศเข้าไปรวมกันในมือของเขา ก่อนก่อตัวกันเป็นดาบแห่งเปลวเพลิงแล้วใช้หันกลับไปฟันใส่มอทัลกรีน
「อั๊ค?! นั่นมันของอัศวินขาว———」
「กรีน! ถอยไปก่อน!!」
มอทัลเรดยกดาบใหญ่ของเขาที่ห่อหุ้มด้วยพลังงานน่ารังเกียจฟันใส่ประธานหลังมอทัลกรีนถูกโจมตี
「ประธาน! ระวัง!!」
「เห้อ ยัยพวกนี้จะบ่นอะไรกันนักหนา——」
「ทั้งที่อ่อนปวกเปียกยังกะมาเก๊กอีก!!」
「คิดว่าหันหลังคุยแล้วมันเท่นักหรือไง!」
「ลำดับที่ 60 มีปัญญาทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ? 」
「ไว้ฉันจะมาจัดการกับพวกเธอทีหลัง……!!」
แต่พูดกันตามตรงพวกฉันก็ได้ยินอาการบาดเจ็บของประธานมาก่อนแล้ว!
ทำให้พวกเรารู้ว่าอันที่จริงประธานคงกัดฟันทนสู้ จากนั้นเขาก็ใช้อนุภาคสีทองในการสร้างบาเรียทรงไข่ขึ้นมาปัดป้องการโจมตี
「ปัดได้งั้นเหรอ!? 」
「พวกแกไม่รู้หรือไงว่าฉันเคยถูกฝึกฝนจากลำดับที่ 1 นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต่างกับพวกแก———」
ประธานขยับมือของเขาราวกับจะออกคำสั่งอนุภาคสีทอง มันแตกตัวออกแล้วเข้าโจมตีมอทัลเรด มอทัลเรดที่เห็นก็ทำการปัดป้องมันด้วยดาบใหญ่ของเขา
จากนั้นประธานก็ใช้มันในการบดบังสายตาของมอทัลเรดแล้วสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมาในมือ Break Arrow อาวุธของคัตสึมิคุง———เขาใช้มันในการยิงใส่มอทัลเรดทันที
「จงดูไว้ซะนี่แหละความหมายของคำว่า อั จ ฉ ริ ย ะ!!」
「คึก! อย่ามาล้อกันเล่นนะ!!」
ไอ้เจ้าคนหลงตัวเองมันเก่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ประธานอ่านการเคลื่อนไหวของมอทัลเรดได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังยิงธนูออกไปเสร็จเขาก็เปลี่ยนมันเป็น Gravity Buster แล้วเหวี่ยงมันใส่มอทัลเรดซ้ำ
「คุ……」
ใช้สมองในการต้อนศัตรูแล้วจัดการด้วยอาวุธที่หลากหลาย
นี่คือความสามารถของจัสติสโกลด์
เหมือนเขาจะมีการคำนวณทุกอย่างในระยะการต่อสู้ของตัวเองไว้หมดแล้ว ช่างแตกต่างจากพวกเรา
「หึ ฮ่าๆๆ!! นี่แหละ คือการต่อสู้ด้วยมันสมองของฉัน..โอ้ยๆ!!」
….อิตาประธานนี่เหมือนจะออกท่าทางเยอะไปอาการเจ็บก็เลยกลับมาถามหา
ส่วนทางมอทัลเรดที่โดนฟันแขนขาดไปก็บอกให้มอทัลบลูทำการรักษาด้วยความหงุดหงิด
「ความสามารถของจัสติสโกลด์คือการควบคุมเครื่องจักรนาโนอย่างแม่นยำไม่มีใครเทียบได้!! มันคือภูมิปัญญาของฉันที่สร้างขึ้นมาจากความสามารถและจินตนาการสุดล้ำเกินใคร———ให้ตายสิ ฉันละกลัวความสามารถของตัวเองจริงๆ!!」
「สร้างสรรค์…ก็แค่เอาอาวุธของคัตสึมิคุงมาใช่นี่」
「โม้ล้วนๆ เด้」
「สร้างสรรค์แบบใด? 」
「หือ ไอ้เจ้าพวกเด็กเกิดใหม่พวกนี้บ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง!! ภาษาลิงเจี๊ยกๆ เหรอ!!!」
หรือฉันควรจะบึ้มอิตาประธานนี่ไปพร้อมพวกมันเลยดีนะ
ไม่สิ สงบสติก่อนดีกว่า
ตอนนี้พวกเรากำลังต่อสู้ จะมาปล่อยให้อารมณ์นำไปไม่ได้———
「หึ แต่พลังของนายก็ยังอ่อนอยู่ดี!!」
「นั่นก็ใช่อยู่ อย่าเอาฉันไปรวมกับพวกสมองกล้ามข้างหลังนั้นสิ」
ฉันว่าควรระเบิดมันทิ้งไปพร้อมกันจริงๆ นั่นแหละ
ในขณะที่ฉันกำลังจะสูดหายใจเข้าออกแล้วชักดาบออกมา
ทางมอทัลเรดเองก็เหมือนจะเริ่มหาทางแก้เกมแล้วเหมือนกัน
「แต่จะปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ ฮิลด้าเธอกลับมาต่อสู้ไหวแล้วใช่ไหม? 」
「……。จ้า ตอนนี้ก็พอไหวแล้ว!」
ฮิลด้าเอาเข็มขัดออกมาแล้วแปลงร่างอีกครั้ง
ยัยตัวปัญหากลับมาแนวหน้าแล้วสิ
การต่อสู้คงลำบากมากกว่าเดิมเพราะไม่สามารถปล่อยยัยนี่ไว้ได้
「จากนี้ไปจะไม่ออมมืออีกแล้ว ฉันจะแสดงพลังที่แท้จริงของเซไคเซ็นไตให้พวกนายได้เห็นเอง」
「ขอร้องเลย」
ประธานก็ยังแสดงท่าทีอวดดีใส่พวกมัน 5 คนเหมือนเดิม
「เอาเถอะ ถ้าพวกมันพูดงี้ ทางเราเองก็ต้องเอาจริงบ้างแล้วสิน้า!!」
「หือ!!? 」
「สำหรับพวกเธอที่แพ้เพราะอุปกรณ์เสริมแกร่งมันคนละเบอร์กันแบบนี้คงจะอึดอัดใจมากสินะ มาแสดงให้พวกมันเห็นกันว่าพลังที่แท้จริงเป็นยังไง เอาล่ะจัสติสครูเซเดอร์งัดมันออกมาใช้ได้เลย!!」
ประธานตะโกนออกมา
ฉันที่เข้าใจในสิ่งที่ประธานพูดก็วางมือไว้ตรงอุปกรณ์แปลงร่าง และแล้ววัตถุบางอย่างก็โผล่ขึ้นมา
โทรศัพท์สีทอง
「ฉันอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เสริมตัวใหม่!!」
「「「ฮ่ะ!!」」」
พวกฉันทำการเปิดใช้งาน จัสติสโฟนที่ถืออยู่ในมือขวา
สนามพลังงานสีทองได้ก่อขึ้นรอบตัวของพวกเรา พร้อมกับเสียงสแตนด์บายอันเป็นเอกลักษณ์
อีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเข้ามาโจมตีพวกฉันทันที ทว่ามันก็ถูกป้องกันเอาไว้ด้วยอนุภาคสีทองของประธาน
「ว่ะฮ่าๆๆๆ!! นอกจากจะเป็นเหมือนศูนย์กลางมันสมองของทีมแทนยัยพวกสมองกล้ามพวกนี้แล้ว บทบาทของจัสติสโกลด์ยังสามารถสนับสนุนเพื่อเพิ่มพลังให้กับเหล่าจัสติสครูเซเดอร์ได้อีกด้วย!! จังหวะที่บรรยากาศกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ฉันไม่มีทางยอมให้พวกแกไปขวางหรอก!!」
「ชิ! น่ารำคาญชะมัด เจ้านี่!!」
ก็รู้สึกขอบคุณที่ปกป้องนะ แต่อยากจะซัดหน้าสักทีจริงๆ
ไม่รู้ว่าอิตานี่ไปดีดมาจากไหนแต่เอาเป็นว่าพวกฉันก็ต้องรีบใช้งานจัสติสโฟนให้เสร็จเสียแล้ว
『Authentication:Code RED…』
『Authentication:Code BLUE…』
『Authentication:Code YELLOW…』
『———ขัดเกลากันมาถึงจุดนี้แล้วหรือ』
เสียงของหญิงสาวปริศนาเข้ามาในหัวฉัน
การยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น
ขั้นตอนสุดท้ายในการใช้งานอุปกรณ์เริ่มได้
「「「แปลงร่าง!!」」」
『CHANGE! MODE : GOLD!!!』
หลังจากยืนยันตัวผู้ใช้เสร็จ อุปกรณ์แปลงร่างอันเก่าก็รวมเข้ากับจัสติสโฟนทันที
อุปกรณ์เสริมตัวใหม่ได้ก่อตัวขึ้นแล้วเข้ามาติดกับร่างของพวกเรา
「นี่แหละคือความสมบูรณ์แบบเพื่อช่วงเวลาแบบนี้ อาวุธและสูทที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับความสามารถเฉพาะตัวของผู้สวมใส่!! ฉันขอเรียกมันว่า จัสติสครูเซเดอร์ โกลด์โหมด!!」
เกราะไหล่ที่ชวนให้นึกถึงชุดเกราะซามูไรสีทองได้เข้ามาประกอบที่ไหล่ขวา ยาวไปจนถึงปลายแขนขวาของฉัน ก่อนจะมีดาบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาในมือ ซึ่งแตกต่างจากดาบยาวที่ฉันใช้เป็นประจำ
เกราะไหล่สีทอง กับดาบยักษ์สีแดง สะท้อนอยู่ภายในดวงตาของฉัน———พลังในการแผดเผาทุกสิ่งตรงหน้า….
「———」
ความรู้สึกเหมือนร่างกายกับสูทผสานกันเป็นหนึ่ง
จนถึงตอนนี้ฉันก็ใช้งานสูทเดิมมานานแล้วและยอมรับว่ามันแข็งแกร่ง แต่ของใหม่ที่ประธานให้มา บอกตามตรงว่ามันน่าจะช่วยให้ฉันปลดปล่อยพลังสูงสุดของตัวเองออกมาได้
บางทีคิราระกับอาโออิก็คงคิดไม่ต่างกัน ฉันมองไปยังร่างของพวกเธอที่เปลี่ยนไปเหมือนกับฉัน
“อุปกรณ์เสริม เข้ากันได้ดี…”
อาโออิเองก็เหมือนจะถูกใจของใหม่ไม่น้อย ในมือของเธอมีปืนเลี่ยมขอบทองและโดรนหกเหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือ ที่เรียกว่า จัสติสบิทกลายเป็นโล่พิเศษติดตรงไหล่ซ้ายของเธอ
「แล้วทำไมของฉันถึงดูเหมือนคามินาริ (เทพสายฟ้า) ไปได้ล่ะ? 」
กลับกันทางคิราระเหมือนจะสับสนเพราะจัสติสบิทของเธอกลายเป็นเหมือนที่ชาร์จประจุไฟฟ้าล้อมอยู่รอบหลังเธอ
「โอโห้ ดูท่าจะแย่แล้วนะ เรดฉันจะเรียกพวกสัตว์ประหลาดดวงดารามาใช้หยุดพวกมัน!!」
「แต่อัศวินดำอาจจะมาเสริมก็ได้นะ!!」
「ถ้าไม่ทำแบบนั้นคอกับหัวพวกเราอาจจะหายไปก่อนก็ได้!!」
จากนั้นฮิลด้าก็ควบคุมอุปกรณ์บางอย่าง แล้วพวกสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่มารุมพวกเรา
「ล้างบาง」
「ฆ่า」
ฉันที่เห็นพวกมันโผล่มาก็ทำการใช้ดาบเหวี่ยงออกไปเบาๆ
ก่อนจะหันไปมองฮิลด้าโดยไม่ได้สนใจสัตว์ประหลาดที่เละเป็นชิ้นๆ
———ถึงก่อนหน้านี้อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการฆ่าพวกมัน แต่หากเป็นฉันในตอนนี้พวกมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยสักนิด
「ตอนนี้พวกเธอจะต้องกำจัดพวกมันให้หมด เพราะหากปล่อยให้พวกมันหนีไป พวกเธอที่ยังไม่คุ้นชินพลังใหม่นักอาจจะไปพังเมืองเอาได้ ดังนั้นรีบจัดการโดยฟังคำแนะนำจากฉันด้วยล่ะ!!」
ก็ไม่เถียง
คัตสึมิคุงมีฝีมือในการต่อสู้โดยไม่ทำลายข้าวของรอบๆ แต่พวกเราที่กำลังได้ใช้ของใหม่อาจจะคุมแรงไว้ไม่อยู่
ดังนั้นต้องรีบเอาชนะพวกมันให้ได้หมด ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้เมืองมากกว่านี้
「เอาเป็นว่าจัดการพวกปลาซิวก่อน!! เยลโล่」
「รับทราบ!!」
หลังประธานสั่ง คิราระตอบส่งเสียงร้องออกมา
ัจัสติสบิทที่อยู่ข้างหลังเธอเริ่มสร้างประจุไฟฟ้าแล้วเชนกันไปมาเหมือนลูกโซ่จนเกิดแสงจ้า
「ย๊าก!!」
สนามพลังงานไฟฟ้าก่อตัวขึ้นทำให้ร่างของเธอลอยขึ้นไปข้างบน แล้วไฟฟ้าพวกนั้นก็ทำการสังหารเหล่าสัตว์ประหลาดจนไม่เหลือชิ้นดี
พลังใหม่ของเธอเป็นอะไรที่เรียบง่ายสุดๆ การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการโจมตีที่ดีที่สุด ใช้พลังที่ท่วมท้นในการบดขยี้ศัตรู
「พอดูไปแล้วก็เหมือนสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าเลยแฮะ」
「อย่าเอาของที่ฉันสร้างไปปนกับเจ้านั่นสิเห้ย」
ประธานบ่นให้กับคำพูดของฉัน
แต่จากที่ฉันเห็นมันก็ไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าเลยนะ….
「นั่นคือความสามารถที่เหมือนกับโปรโตวัน ขับเคลื่อนพลังงานส่วนเกินแล้วปลดปล่อยมันออกมาผ่านจัสติสบิทที่ติดอยู่ตรงหลังของเธอ」
「……แต่จะไม่เสี่ยงเอาเหรอ? 」
「ไม่ต้องเป็นห่วงฉันคิดมาดีแล้ว แถมถ้านับในแง่ของพลังทำลายล้าง ยัยนั่นเหนือกว่าโปรโตวันเสียอีก」
…น่ากลัวชะมัด
สายฟ้าที่พร้อมทำลายศัตรูทุกตัวตรงหน้า
ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการสังหารหมู่
「บลู จัดการต่อเลย!!」
「เข้าใจแล้ว จะจัดการให้หมด」
「คงจะควบคุมได้หมดสินะ?!」
ประธานถามขึ้นขณะที่อาโออิยกปืนไรเฟิลขึ้นมา
จากนั้นจัสติสบิทที่ติดอยู่ตรงไหล่ขวาของเธอก็กระจายตัวกันแล้วบินไปรอบๆ ตัวเธอ
「ลองยิงดูเดี๋ยวก็รู้」
กระสุนพลังงานถูกยิงออกไปทันทีー
เมื่อกระสุนนั้นกระทบเข้ากับจัสติสบิทที่ลอยอยู่ในอากาศ แล้วกระสุนพลังงานก็เข้าไปข้างในจัสติสบิส ก่อนจะไปโผล่ที่จัสติสบิทอีกอันแล้วผ่าร่างของสัตว์ประหลาดออกเป็นสองส่วน
「การยิงทะลุมิติสินะ…」
「พื้นที่ภายในมิติของจัสติสบิทที่บลูใช้จะเชื่อมต่อกันน่ะ 」
「จะลองยิงต่อ」
ราวกับว่าเธออยากจะเห็นความเป็นไปได้ของมันทั้งหมด อาโออิจึงยิงกระสุนพลังงานออกไปเรื่อยๆ แล้วชิ่งมันไปมาระหว่างจัสติสบิทที่บินอยู่
เซไคเซ็นไตที่เห็นอำนาจการยิงของอาโออิเริ่มระวังตัวกันมากขึ้น ฉันที่เห็นจังหวะกำลังได้ จึงพุ่งเข้าไปโจมตีพวกมัน แต่เหมือนมอทัลเยลโล่จะสังเกตเห็นจึงรีบกางบาเรียขึ้นมาป้องกัน ทว่าดาบของฉันกลับสามารถทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย
「———หะ!? ได้ยังไงกัน……!? 」
「เยลโล่ เธอป้องกันยังไงของเธอ!? 」
กระสุนพลังงานที่ชิ่งไปมาเข้าโจมตีพวกมันทันทีที่บาเรียถูกทำลาย
มอทัลเยลโล่กับเรดเหมือนจะสามารถหลบได้ แต่มอทัลบลูที่ไม่ขยับตัวไปไหนถูกเจาะเข้าไปที่หน้าอกจังๆ ส่วนฮิลด้าก็ใช้มอทัลกรีนเป็นโล่ในการป้องกัน
「ฮิลด้า นี่แก!!」
「ขอบคุณที่ปกป้องฉันเอาไว้น้า!!」
แขนขวาของมอทัลกรีนกระเด็นหายไป ก่อนที่เขาจะแสดงความโมโหใส่ฮิลด้าที่หลบข้างหลัง
ฉันละอดสมเพชพวกมันที่มีเวลามาเถียงกันไม่ได้จริงๆ จากนั้นจัสติสบิทของอาโออิก็พุ่งเข้าไปล้อมฮิลด้ากับมอทัลกรีนเอาไว้
「โอ๊ะ! อันตรายๆ ……」
ฮิลด้าเหมือนจะสังเกตเห็นได้ทันจึงรีบกระโดดหลบ แต่มอทัลกรีนนั้นถูกจัสติสบิทตรึงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
「คึก นี่มันบ้าอะไรกัน!! จงเน่าสลายปะ―――」
「Fire」
จัสติสบิทได้บินเข้าไปติดอยู่กับร่างของมอทัลกรีน
ในขณะที่มันกำลังพยายามดิ้น อาโออิก็เล็งปืนไปยังจิสติสบิทที่บินมาจ่อตรงปากกระบอกปืนของเธอแล้วเหนี่ยวไก
「อ๊าคคคคคค!?!?? 」
「กรีน!? 」
กระสุนพลังงานได้ชิ่งกันไปมาระหว่างร่างของมอทัลกรีน กระบวนการนี้เกิดซ้ำกันไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้ายร่างของกรีนก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ
「ไม่โหดเกินไปหน่อยเหรอ? 」
….น่ากลัวชะมัด
คิดดูสิกระสุนพลังงานที่ชิ่งกันไปมาแบบระยะเผาขนไม่มีวันจบสิ้น
กะฆ่าให้ตายแบบทรมานสุดๆ เลยนี่หว่า
「เดี๋ยวมันก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ แต่ว่า……」
อาโออิมองขึ้นไปข้างบนหัวของเธอ
อย่าบอกนะว่าเธอตั้งใจจะยิงยานที่ซ่อนอยู่ทิ้ง?
ว่าแล้ว จัสติสบิทของอาโออิก็เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงข้างหน้าปากกระบอกปืนของเธอ
「———ฉันไม่ปล่อยให้ทำได้หรอก」
มอทัลกรีนที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมอันใหม่ได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับเสาแห่งแสง
ทว่าสิ่งที่อาโออิเล็งไม่ใช่มันแต่เป็นสิ่งที่ลอยอยู่ จากนั้นเธอก็เหนี่ยวไก
กระสุนพลังงานที่ทะลวงผ่านจัสติสบิทค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่พุ่งผ่านทว่าอนุภาพของมันกลับดูรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ แล้วแสงนั้นก็ลับสายตาฉันขึ้นไปบนฟ้า
「อึก ม่ายยยยยย!? 」
มีบางอย่างเกิดขึ้นข้างบนนั้น
ทันทีที่ร่างของมอทัลกรีนลงมาที่พื้น มันก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนล้มลง
「ร่างหลัก…ถูกยิง? ไม่นะ กรีน นายก็ด้วยเหรอ!!」
กรีนนอนนิ่งไปแล้ว
ส่วนมอทัลเยลโล่ก็เหมือนจะไปดูอาการของมอทัลบลูที่นอนนิ่งไป
ในขณะที่มอทัลเรดเห็นพวกพ้องของเขาซึ่งจะไม่มีวันกลับมาได้อีกจากไป ก็เริ่มเข้ามาโจมตีพวกเราต่อทันที
「ไอ้เจ้าพวกปีศาจ!!」
「ถ้าฉันเป็นปีศาจแกก็คือก้อนมะเร็งของโลกเรา」
พวกแกมันก็แค่ผู้รุกราน
พวกที่มาทำลายความสงบสุขของโลก
อย่ามาพูดเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายเสียหายสิ
มันสร้างสนามพลังแรงโน้มถ่วงขึ้นมาเข้าโจมตีฉัน ทว่า….
「หือ!? 」
「ขอรับหัวไปแล้วกัน」
ฉันเหวี่ยงดาบที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงออกไปจากนั้นหัวของมอทัลเรดก็ขัดไปพร้อมกับตัวอาคารที่อยู่ข้างหลัง
เปลวเพลิงลุกโชนออกมาจากส่วนที่ถูกตัดทิ้งไป
จากนั้นมันก็เริ่มแผดเผาร่างของอีกฝ่ายแล้วเกิดการระเบิด
ร่างของมอทัลเรดหายไปแล้วแบบไม่เหลือซาก
「น่ากลัวชะมัด」
「แค่การฟันเพียงครั้งเดียวหัวก็ปลิวไปแบบนั้นแล้วเหรอ สยองชิบ」
「เจตนาฆ่าเต็มร้อย」
ฉันก็ว่าตัวเองโหดร้ายน้อยกว่าอาโออิกับคิราระแล้วนะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดจากใจจริง
「แต่มันยังไม่จบ」
「รู้หรอกน่า อาโออิ รีบทำลายยานของพวกมันให้หมดซะ ระหว่างนี้ฉันจะรับมือกับฮิลด้า———หือ? 」
มีบางอย่างกำลังลงมา
พอฉันเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับแสง 5 สีที่ไม่เคยเห็นมาจนถึงตอนนี้
เมื่อใช้ระบบขยายภาพก็พบว่ามันคือยานรูปดาบ 5 ลำ
โดยตอนนี้พวกมันกำลังทำการประกอบร่างกันเป็นหนึ่งเดียวจนมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ ก่อนจะร่อนลงมาจอดตรงหน้าพวกเรา
เทพดาบดวงดารา
『จัสติสครูเซด้าาาาาาาาาาา!!』
ใจกลางของหุ่นยักษ์นั้นมีมอทัลเรดที่รวมร่างเข้ากับหุ่นอยู่ ก่อนจะส่งเสียงอย่างไม่พอใจออกมา
『พวกแกเองก็ด้วย!! ส่งพลังทั้งหมดมาซะ!!』
「ระ เรด?! นี่จะทำ———」
「แย่ละสิ ฉันก็จะโดนไปด้วยแล้ว」
บางอย่างที่คล้ายกับหนวดได้ยื่นออกมาจากหุ่นยักษ์ที่เรียกว่าเทพดาบดารา ก่อนจะไปพัวพันกับร่างของมอทัลเยลโล่และฮิลด้าก่อนจะดึงพวกเขาไปหามอทัลเรด
หากฮิลด้าถูกดูดไปด้วยพวกเราคงช่วยเจ้าของร่างไม่ได้แน่ ฉันจึงตัดสินใจฟันหนวดพวกนี้ทิ้ง
『อ๊ากกก!! พวกแกจะต้องมาขัดขวางอีกสักกี่ครั้งกัน!』
หุ่นยักษ์ได้ทำการเหวี่ยงหมัดลงมาใส่พวกเราทันที
ประธานที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ก็ทำการใช้อนุภาคสีทองปิดบังการมองเห็นของมอทัลเรดแล้วสั่งให้พวกเราเคลื่อนที่หนีไปยังอาคารใกล้ๆ แทน เพื่อหาทางรับมือกับหุ่นยักษ์
「ต้องฆ่า」
「จะบดขยี้มันให้จมดิน」
「จะทำให้มีรูเหมือนโดนัท」
「ใจเย็นก่อนยัยพวกคนคลั่ง」
ประธานพยายามดึงสติพวกเรา ที่เห็นการกระทำของมอทัลเรด
「ชิราคาวะคุงกับโอโมริคุงได้ส่งข้อมูลการวิเคราะห์หุ่นมาให้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานดวงดาราที่สูงสุดๆ เลย」
「หมายความว่า? 」
「หากทำลายมันโดยไม่ระวัง พลังงานนั้นอาจจะทำลายเมืองนี้จนไม่เหลือซากเลยก็ได้」
「ต้องรับมือยังไงล่ะงั้น? 」
「หึ」
ประธานยิ้มออกมา
ในขณะที่ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางของเขา ยานไวท์ 5 ที่ขับโดยชิราคาวะจังก็บินผ่านหัวพวกเราไป
นอกจากนี้ก็ยังมียานอีก 5 ลำบินเข้ามาด้วย
มันคือยาน สีแดง น้ำเงิน เหลือง ดำ และ ทอง
「ก็แค่ต้องรวมพลังกันน่ะสิ หากรวมกันพวกเราไม่มีทางแพ้หรอก」
———ศึกตัดสินกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้ฉันก็พยักหน้าให้กับคำพูดของประธานแล้วเตรียมขึ้นยาน
-จบ—
โหมดร่างทองก็มา
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code