อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 100 เซไคเซ็นไตจู่โจม 2
เมื่อพวกเรามาถึงจุดที่พวกเซไคเซ็นไตบุกมา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือวัตถุสีดำจำนวนมากติดอยู่กับอาคารหรือพื้นดิน
เมืองที่ไร้ซึ่งผู้คน
เหล่าพวกเซไคเซ็นไตรอเราอยู่ในจุดที่เด่นชัดสุดๆ
เรด บลู กรีน และฮิลด้า
ในขณะที่สงสัยที่ทำไมถึงไม่เห็นเยลโล่ฝั่งนั้น เระมก็สั่งให้ฮาคัวที่กำลังขับยานเปิดประตูยาน
「ฮาคัว เปิดประตูได้เลย」
「เข้าใจแล้ว! ประธาน อย่าถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังคนเดียวล่ะ!」
ไม่สำคัญว่าพวกมันจะรอพวกเราอยู่หรือเปล่า
ทันทีที่ไวท์ 5 เปิดประตูยานออก ฉันก็กระโดดลงจากยานเพื่อไปกำจัดพวกเซไคเซ็นไตทันที
「โฮ่ย!? โฮมุระ!?」
「ไปฆ่ามันกันเลย!」
「เอาเด้」
「จะยิงคุ้มกันจากด้านหลัง」
คอสโม่ส่งเสียงเหมือนตกใจออกมาส่วนพวกอากาเนะก็พร้อมใจบุกไม่ต่างกับฉัน
เมื่อยืนยันเป้าหมายได้แล้ว ฉันก็เร่งความเร็วของโปรโตวันพุ่งไปหาอีกฝ่ายทันที
「คึ มาแล้วสินะอัศ———」
「พูดมากเว้ย」
ฉันใช้หมัดในการยัดหัวของมอทัลเรดก่อนจะลากร่างของมันไถไปโดนมอทัลบลูกับกรีน แล้วกระทืบพวกมันซ้ำอีกที
———ไอ้เจ้าพวกนี้ก็ร่างปลอมเหรอ? น่ารำคาญชิบ
「ว่าไงจ๊ะ!」
คนเดียวที่เหลืออยู่คือฮิลด้าที่สวมสูทสีชมพู
วิธีรับมือกับยัยนี่ก็คือการปลดหัวเข็มขัดออกมาจากร่างของคนที่ถูกสิง
「!」
ทันทีที่ฉันพุ่งเข้าไปหาฮิลด้าโดยหมายจะกระชากหัวเข็มขัดออก ร่างกายของฉันก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยพลังลึกลับ
พอมองไปรอบๆก็พบว่ามีคลื่นปริศนาถูกปล่อยออกมาจากซากของมอทัลเรด
「———หือ?」
『คัตสึมิ การเคลื่อนไหวของนายถูกหยุดไว้เพราะคลื่นพลังงาน!』
「แล้วต้องทำยังไง?」
『ฝืนขยับต่อต้าน!』
เข้าใจง่ายดีวุ้ย
จากนั้นฉันก็ทำการขยับร่างกายให้ได้มากที่สุดตามคำแนะนำของโปรโต
ในที่สุดก็หลุดออกมาได้
「ขีดจำกัดในการหยุดด้วยพลังแห่งดวงดาราขั้นสุดคือไม่กี่วิสินะ…..」
「……」
「ไม่คิดจะคุยกันเลยสิน้า!」
ไม่มีเวลามาสนใจยัยนี่แล้ว
ต้องรีบปลดหัวเข็มขัดแล้วปล่อยคนที่ถูกสิงออกมา
「แย่จริง! ถ้าถูกแย่งไปก็จบกันพอดีเนอะ!」
ในขณะที่ฉันกำลังจะบุกต่อ ฮิลด้าก็ทำการปลดการแปลงร่างของเธอออก
เข็มขัดที่ฉันหมายจะกระชากออกมาได้หายไปราวกับถูกกลืนกิน
「!」
「ทีนี้นายก็ไม่สามารถโจมตีฉันในร่างมนุษย์โลกที่ไร้เดียงสานี่ได้สินะ?」
หญิงสาวที่ปรากฏต่อหน้าของฉันดูอายุมากกว่าฉันนิดหน่อย
ผมหยักศกยาวประบ่า สวมเสื้อสเวตเตอร์แบบเรียบๆกับกางเกงยีนส์ เหมือนคนทั่วไปที่ออกมาเดินเล่นในเมือง
ยากจะเชื่อจริงๆว่าเป็นคนที่หายตัวไปเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ออร่าที่ปล่อยออกมาชัดเจนว่าไม่ใช่มนุษย์
「ได้เจอกันด้วยร่างนี้เป็นครั้งที่สองหรือเปล่านะ คัตสึมิ โฮมุระคุง」
ฮิลด้าเดินเข้ามาหาฉันที่ยืนนิ่งอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แปลงร่าง เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวหรือระวังใดๆเลย
ดวงตาที่เป็นประกายแสงสีชมพูชวนให้น่าขนลุกจ้องมองมาทางฉัน
「นายแตะต้องฉันไม่ได้หรอก เพราะนายคือผู้ผดุงความยุติธรรมนี่เนอะ? โมโมโกะบอกมาน่ะ」
ฉันไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ฮิลด้าก็ยิ้มอย่างสนุกสนานและแสดงบางอย่างที่เหมือนสวิตซ์ภายในมือให้ฉันดู
「ถึงจะหยุดนายได้ไม่กี่วิ แต่มันก็คงมากพอให้กดปุ่มนี้ได้น้า」
「……」
「หุหุ รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังกดปุ่มนี้?」
….บางทีมันอาจจะเป็นอุปกรณ์ในการเปิดการทำงานของพวกสัตว์ประหลาดสีดำรอบตัวฉัน
แล้วก็อย่างที่คิดไม่กี่วินาทีต่อมา วัตถุสีดำก็เริ่มมีรอยแตกเหมือนไข่ จากนั้นสัตว์ประหลาดสีดำก็โผล่ออกมา
「ตอนนี้ฉันกำลังลำบากใจอยู่น่ะ ว่าควรจะให้สัตว์ประหลาดดวงดาราโจมตีเมืองดีหรือจะให้พวกมันบุกโจมตีพร้อมกันกับพวกเราดีน่ะ…อย่างไหนจะทำให้ลำบากมากกว่านั้นน้า」
….ยัยนี่น่ารำคาญชิบ
มัไม่ใช่แค่ปรสิตธรรมดา
มันฉลาดกว่าพวกเซไคเซ็นไตที่ต้องตายซ้ำตายซากหลายเท่า
แถมไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ายัยนี่ตั้งใจจะเอาชนะฉันจริงๆจังๆ
「ไม่ว่าจะทางไหนพวกแกก็ไม่มีโอกาสชนะหรอก」
「นั่นก็จริง ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าพวกมันจะชนะนายได้」
งั้นยัยนี่ต้องการอะไรกันล่ะ?
พอเห็นว่าฉันเปิดปากพูดยัยนี่ก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วยิ้มออกมา
「เอ้าๆ ทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะพูดต่อนะ?」
「……โมโมโกะ คาเสะอุระ」
ฮิลด้าหรี่ตาลงในขณะที่ฉันพูดชื่อของหญิงสาวที่ถูกยึดร่าง
「โมโมโกะงั้นเหรอ? เสียใจด้วยนะคนที่ใช้ร่างอยู่ตอนนี้คือฉัน」
「ฉันรู้ว่าเธอกำลังอยู่ในจุดที่ลำบาก」
แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรออกมาแต่จิตสำนึกของเธอยังคงอยู่แน่นอน
ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงขอความช่วยเหลือจากเธอ
「ก็บอกแล้วไงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของนายตอนนี้ไม่ใช่โมโมโกะ」
「แต่ว่าช่วยรออีกสักหน่อยนะ」
ฉันเมินเสียงของฮิลด้าและคุยกับคาเสะอุระซังที่เฝ้ามองฉันจากห้วงจิต
คนที่ฉันอยากจะคุยด้วยคือเธอไม่ใช่ฮิลด้า
ฉันไม่คิดจะสนใจยัยโรคจิตที่ทำทุกอย่างวุ่นวายไปทั่วหรอก
「ฉันสัญญาว่าจะช่วยเธอให้ได้แน่นอน」
「……คึก ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่——」
จากรอยยิ้มที่ดูสนุกสนาน สีหน้าของฮิลด้าตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ฉันถอยออกมาจากเธอนิดหน่อยพอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พวกอากาเนะก็ร่อนลงมาถึงพื้น
「ดูเหมือนพวกมันตั้งใจจะใช้คนปกติเป็นเหยื่อล่อ」
「ก็คงจะอย่างงั้น พวกมันไม่มีปัญญาสู้เราตรงๆนี่นา วิถีตัวร้ายก็แบบนี้แหละ」
หลังสิ้นเสียงของเรด เสาแห่งแสงสี่เสาก็พุ่งลงมาจากฟ้า ปรากฏร่างของ มอทัลเรด บลู กรีน และเยลโล่ซึ่งพ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้
「พวกมันคงไม่ได้คิดว่าจะลงมาได้สบายๆสินะ?」
ฉันไม่รอช้าพุ่งเข้าไปยัดหมัดใส่อีกฝ่ายทันที
ทว่าการโจมตีก็ถูกป้องกันเอาไว้ด้วยสนามพลังโปร่งแสงที่น่าจะเป็นของมอทัลเยลโล่
「แรงชะมัดขนาดใช้อุปกรณ์เสริมแล้วนะ…!! อยากกลับแล้วอ่ะ….」
「โย้ช เวทีของพวกเราพร้อมแล้ว!」
「ได้เวลาใช้ของใหม่สักที」
「……」
ต่างจากคราวก่อน เหมือนพวกเซไคเซ็นไตจะลงมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสีเงินประดับตามร่างกาย
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นเกราะที่ปิดร่างกายส่วนบนเอาไว้
มันมีพลังงานแปลกๆแผ่ออกมา พร้อมกับแสงสีรุ้นอ่อนๆชวนขนลุก
「ฮิลด้า ขอโทษที่ทำให้เธอต้องลำบากในการรับมือกับพวกมันแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว」
「อะ อึก! อ้าาาา ฉันใช้พลังมากเกินไปตอนรับมือกับพวกมัน คงจะต่อสู้ไม่ได้ไปสักพัก ของฝากพวกนายด้วยล่ะ」
「อ้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ด้วยอุปกรณ์ใหม่นี้แหละ พวกเราจะไม่มีวันพ่ายแพ้!」
ฉันละอยากจะฆ่าพวกมันไปให้หมดแต่ตอนนี้พวกสัตว์ประหลาดมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน
จะปล่อยให้มัมนทำตามใจชอบก็ไม่ได้
ทว่านั่นมันก็แค่ตอนที่ฉันอยู่ตัวคนเดียว แต่ตอนนี้ฉันมีพวกพ้องที่ไว้ใจได้
「เรมะ พวกฉันไม่สามารถหยุดพวกสัตว์ประหลาดสีดำนั่นได้」
『ฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว! ดังนั้นการต่อสู้กับพวกเซไคเซ็นไตจะเป็นหน้าที่ของจัสติสครูเซเดอร์ ส่วนนายกับกรีนรีบมุ่งหน้าไปกำจัดพวกสัตว์ประหลาดให้หมดซะ!』
「รับทราบ」
เนื่องจากเจ้าพวกนี้มันเหมือนเป็นอมตะ ฆ่าพวกมันไปก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเล็งยานของพวกมันแทน แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกมันซ่อนยานไว้ที่ไหน
ดังนั้นคงต้องกำจัดสัตว์ประหลาดที่สร้างความเสียหายก่อน
「คอสโม่ พวกเราจะไปจัดการสัตว์ประหลาดกัน」
「เอ๋!? สรุปนี่ฉันต้องไปจัดการกับนายเหรอ?!」
「เรด เยลโล่ บลูขอฝากพวกมันด้วยล่ะ」
「เข้าใจแล้ว นายก็ระวังตัวด้วยล่ะ」
「ฟังที่ฉันพูดหน่อยสิยะ!?」
ฉันหันกลับไปหาพวกสัตว์ประหลาดที่กำลังเริ่มเคลื่อนไหว
พวกมันโผล่ออกมาเต็มเมืองไปหมด
หน้าที่ของฉันก็คือการต่อยและกระทืบพวกมันให้หมด
นี่คือสิ่งที่ฉันกับคอสโม่ต้องจัดการ
「ลุยกันเลยคอสโม่」
「……ชิบ! โถ้เอ้ย! เข้าใจแล้ว! จะไปด้วยก็ได้!」
เหมือนคอสโม่จะทำใจยอมรับได้สักที ว่าแล้วฉันก็พุ่งเข้าไปโจมตีสัตว์ประหลาดตัวที่ใกล้ที่สุดก่อนทันที จนร่างส่วนบนของมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้นฉันก็พุ่งไปข้างหน้าต่อทันที ระหว่างนั้นก็ได้รับการต่อต่อมาจากเรมะ
『คัตสึมิคุง! ไวท์ 5 พบสัญญาณของคนที่อพยพหนีไปไม่ทัน ดังนั้นนายช่วยป้องกันพวกสัตว์ประหลาดดวงดาราไม่ให้เข้าใกล้ไวท์ 5 ทีได้ไหม?!』
「อ้า รับทราบ เดี๋ยวจะจัดการให้」
『คัตซึน! จะทำการส่งข้อมูลไปให้นะ』
หลังสิ้นเสียงของฮาตัว ภาพแผนที่ภายในเมืองก็ปรากฏขึ้นในหน้ากาก พร้อมจุดสีแดงจำนวนมาก
นี่คือจุดที่พวกสัตว์ประหลาดอยู่เหรอ?
『ไม่รู้ว่าจะช่วยนายได้ไหม แต่ฉันก็จะพยายามให้เต็มที่!!』
「ขอบใจมากฮาคัว」
ฉันเข้าใจดีเลยว่าเธอก็เป็นหนึ่งในกำลังรบที่สำคัญ
อย่างน้อยก็ในฐานะที่พึ่งพาทางจิตใจ
จากนั้นฉันก็หันไปคุยกับคอสโม่ที่น่าจะได้ข้อมูลดังกล่าวด้วย
「คอสโม่ ช่วยกำจัดพวกมันทุกตัวที่โผล่มาตรงหน้าเธอที หรือหากพบใครที่หนีไปไม่ทันก็ฝากปกป้องด้วยล่ะ」
「รับทราบ…ถึงไม่จำเป็นต้องห่วงคนแบบนาย แต่ก็ระวังตัวด้วยล่ะ」
「เธอนี่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ」
「……หนวกหูน่า」
「คนละภาพกับตอนที่ตั้งใจจะฆ่าฉันเลยวุ้ย」
「ถ้ายังไม่หยุดพูดเรื่องนั้นอีก ฉันจะฆ่านายจริงๆด้วย!」
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะพูดได้หรอกนะ
เพราะตัวฉันในอดีตที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง ฉันก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้หรอก
แต่น่าแปลกที่ฉันไม่รู้สึกเกลียดสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย
พอสูดหายใจเข้าออกเสร็จก็มองไปยังพวกสัตว์ประหลาดตรงหน้า
「แต่เจ้าพวกนี้มันมีเยอะชะมัด」
「ยัยฮิลด้านั่น……」
สัตว์ประหลาดเกาะอยู่เต็มตัวอาคารไปหมด
ฉันบ่นออกมาขณะมองดูร่างอันใหญ่โตของพวกมันที่สวมเกราะชวนให้นึกถึงนักรบสีดำ กำลังพุ่งเข้ามาใส่
「ก็มีแต่ต้องจัดการพวกมันให้หมดสินะ ลุยกันเลย เลโอ!!」
『โฮก!』
『LA! LA! LA! LIOOOooN!!!!』
คอสโม่ที่อยู่ข้างๆฉันได้ทำการเสียบกุญแจเข้าไปที่ดาบซึ่งด้ามจับเหมือนกับหน้าสิงโต
แถมยังมีการเล่นBGMเหมือนรายการเด็กดูด้วยวุ้ย แต่เสียงดันเพราะสุดๆ จากนั้นไลอ้อนเซเบอร์ก็ถูกห่อหุ่มด้วยออร่าสีม่วง
『EAT→EVIL!!』
『DELICIOUS!!』
「เอาเลย!!」
ปืนยิงกระสุนพลังงานได้ถูกสร้างขึ้นรอบตัวของเธอ
จากนั้นมันก็ทำการยิงใส่พวกสัตว์ประหลาดที่โถมเข้ามา
「ฉันว่าลดเสียงได้ก็ลดเถอะนะ ไอ้นั่นน่ะ」
「……」
「เอ่อ…อันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก」
พอเห็นคอสโม่ที่ทำท่าจิตตกฉันก็พอจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอได้ จากนั้นจึงตั้งสติใหม่แล้วหันไปหาพวกสัตว์ประหลาดแทน
ไม่สำคัญหรอกว่าเหลือกี่ตัว แค่ฆ่ามันให้หมดก็พอ
「คิดเหรอว่าแค่จำนวนจะงัดฉันลงได้?」
ออร่าสีแดงแผ่ออกมาจากบริเวณคอของโปรโตวันเหมือนผ้าพันคอ
ฉันเตะพื้นพุ่งไปหาพวกสัตว์ประหลาดและขยี้พวกมันทิ้งจนร่างแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนดอกไม้ไฟ
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ย ไอ้พวกกระจอกนี่」
สภาพของพวกมันเหมือนสิ่งที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบสัตว์ประหลาดมากกว่า
ด้วยความสามารถแค่นี้ ถึงจะมีมากสักแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่มือของฉันเลย
***
จนถึงตอนนี้สิ่งที่น่ารำคาญของพวกเซไคเซ็นไตคือความเป็นอมตะของพวกมัน มันจะคืนชีพได้เรื่อยๆจนกว่ายานจะถูกทำลาย
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกต่างออกไป
ชุดเกราะส่วนเสริมที่มันพกติดตัวมาด้วยคราวนี้เหมือนจะเพิ่มพลังให้พวกมันมากจริงๆ
「ด้วยอุปกรณ์ดวงดารานี้จะทำให้พลังของพวกเราก้าวกระโดด!」
พื้นที่รอบๆของมอทัลเรดเริ่มบิดเบี้ยว ร่างกายของพวกเราเริ่มถูกดึงดูดเข้าไปหามัน
พลังของมันคือควบคุมแรงโน้มถ่วงสินะ
「พลังของฉันเองก็เหมือนกัน!!」
「!」
มอทัลกรีนที่ยืนอยู่ข้างๆมอทัลเรดได้ปล่อยควันพิษสีเขียวออกมารอบตัว
ชักไม่ดีแล้วสิ……!
「เยลโล่!」
「รู้แล้วเด้!」
เธอพุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกับขวานสายฟ้า ก่อนจะใช้มันทำลายควันพิษที่เข้ามา
ทว่าขวานที่ใช้ฟาดใส่ควันพวกนั้นกลับเริ่มมีรอยกัดกร่อนขึ้นที่คม
「ชิ?! ท่าจะบ่ดีแล้วเด้!」
ว่าแล้วคิราระก็ขว้างขวานใส่อีกฝ่ายขณะบ่นออกมา ก่อนจะหยิบขวานอันใหม่มาเปลี่ยน
「บลู!」
「รับทราบ」
ทันทีที่ควันเริ่มจางหายไปฉันก็พุ่งเข้าไปโจมตีโดยมีอาโออิยิงกระสุนพลังงานสนับสนุนจากข้างหลัง
ทั้งที่คิดว่าการโจมตีนี้จะถึงตัวพวกมันแน่นอน แต่มอทัลเยลโล่กลับกระโดดเข้ามากางบาเรียป้องกันไว้ได้ทั้งหมด
「…..ฉันจะหยุดเจ้าแรงโน้มถ่วง คิราระจัดการกับควันพิษ ส่วนอาโออิสนับสนุนจากข้างหลังต่อที」
「เข้าใจแล้ว」
「รับทราบ」
หลังตรวจสอบพลังของศัตรูเบื้องต้น ฉันก็แจงตำแหน่งงานให้แต่ละคนแล้วเริ่มโจมตีต่อ
ควันสีเขียวได้แผ่มาทางฉันที่กำลังหาทางรับมือกับแรงโน้มถ่วง แต่กระแสไฟฟ้าของคิราระก็มาหยุดมันเอาไว้
「คราวนี้แหละฉันจะเอาชนะเธอให้ได้ เรด!!」
「หุบปาก」
ฉันไม่สนใจคำพูดของมอทัลเรดแล้วพุ่งเข้าโจมตีอย่างสุดกำลัง
การโจมตีของฉันเล็งไปยังหัวของพวกมันทั้ง 4 คนที่เรียงกันอยู่ ทว่าในจังหวะสุดท้ายมันกลับถูกเบี่ยงออกไปด้วยพลังลึกลับ
「เกราะดวงดาราที่ความสามารถในการเพิ่มความสามารถของพวกเรา หรือก็คือตอนนี้ตัวฉันสามารถดึงพลังแห่งดวงดารามาใช้ได้อย่างเต็มที่แล้วยังไงล่ะ」
「……」
จากนั้นมอทัลเรดก็ทำการปัดกระสุนพลังงานที่อาโออิยิงใส่อย่างง่ายดาย
ฉันไม่สนใจคำพูดของมอทัลเรดแล้วทำการโจมตีโดยหมายจะฟันหัวของเขาทิ้งอีกรอบ ทว่าการโจมตีก็ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยดาบใหญ่ที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศโดยที่มือของเขาไม่ขยับเลย ก็แปลว่าสามารถใช้แรงโน้มถ่วงคุมดาบได้ด้วยสินะ
ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจของมันมากเรื่อยๆ ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ ใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะสามารถฆ่าศัตรูตัวนี้ได้แน่
「แต่จะดีเหรอ? ที่มีเล็งฉันคนเดียว」
「ย้ากกก!!」
มอทัลกรีนโผล่เข้ามาโจมตีด้วยขวานทั้งสองของเขา
「แล้วพวกแกคิดว่าเรดเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนี้หรือไง!」
เยลโล่ได้ตามเข้ามาแล้วต้านการโจมตีจากขวานของมอทัลกรีนก่อนสวนกลับไป
หลังจากขวานของเขาถูกกระแทกกลับ ฉันก็ปลดดาบที่กำลังปะทะกับมอทัลเรด
「……」
ฉันก็หยิบมีดสั้นออกมาแล้วแทงเข้าไปยังสีข้างของมอทัลกรีนที่เสียการทรงตัวจากแรงปะทะของคิราระ
ก็ไม่ใช่ว่าการเล็งไปยังจุดที่ไม่มีเกราะหนามันจะโจมตีเข้าอะไรเป็นพิเศษหรอก
แต่ฉันเดาว่าการป้องกันของมอทัลเรด กับบาเรียของมอทัลเยลโล่ไม่น่าจะป้องกันการโจมตีแบบนี้ได้
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉันคิดมันจริง ฉันก็ทำการกระซวกซ้ำไปอีก 3 ที
「อั๊ค!?」
「เยลโล่!」
「รับทราบเด้!」
เมื่อได้ยินเสียงของฉันแขนของเยลโล่ที่ปกคลุมด้วยไฟฟ้าก็กระแทกเข้ากับลำตัวของมอทัลกรีนส่งผลให้ทำอีกฝ่ายกระเด็นไป
เป้าหมายต่อไปคือมอทัลเรด
พอคิดได้แบบนั้นพวกเราก็หันเป้าไปหามอทัลเรดโดยไม่สนใจมอทัลกรีนที่ปลิวไป ก่อนจะสังเกตว่าดาบใหญ่ของมอทัลเรดกำลังส่องแสงสีแดงออกมา
「เอาไปกิน!」
「「!」」
รับการโจมตีนั่นไปตรงๆแย่แน่
สัญชาตญาณของฉันบอกแบบนั้นจึงรีบทำการเตรียมตัวหลบ ทว่ากระสุนพลังงานของอาโออิก็ยิงใส่เข้าที่หน้าของมอทัลเรด
แม้ว่ากระสุนพลังงานจะถูกปัดป้องไว้ได้ด้วยพลังปริศนา แต่มันก็ช่วยซื้อเวลาให้การโจมตีของดาบใหญ่หน่วงออกไปนิดหน่อยจนทำให้ฉันและคิราระหลบทัน
「ถอยกันก่อน」
「อ้า!」
รู้เลยว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน
ฉันกับคิราระถอยไปยังจุดที่อาโออิอยู่ซึ่งไม่ไกลจากพวกเรานัก แน่นอนว่าไม่ได้ลดความระวังจากอีกฝ่ายลงเลย
「ช่วยได้เยอะเลยบลู」
「ไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่ต้องปกป้องลูกน้อง」
「เธอไม่มีทางเป็นหัวหน้าได้หรอก หากทำตัวแบบนี้อยู่」
「อุ คงต้องเลือดท่วมให้สมกับเป็นเรดก่อนสินะ」
「หยุดเถียงกันได้แล้วเด้」
ฉันหันกลับไปมองพวกเซไคเซ็นไตระหว่างที่พูดคุยเล่นกัน
ฮิลด้าน่าจะใช้พลังทั้งหมดไปกับการเผชิญหน้าคัตสึมิคุงตอนแรกไปแล้วเลยอยู่ในสภาพที่ไม่ได้แปลงร่าง
ฝ่ายปะทะหลักๆตอนนี้คือมอทัลเรดกับกรีน
ฝ่ายป้องกันคือมอทัลเยลโล่
ส่วนมอทัลบลูตอนนี้ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร….
「มอทัลบลู! เจ้านั่นมัน!!」
「———」
อนุภาคสีน้ำเงินค่อยๆแผ่ปกคลุมร่างของมอทัลกรีน ซึ่งมันกำลังทำการรักษาร่างกายที่บาดเจ็บของเขา
….เข้าใจแล้ว หน้าที่ของเขาคือการรักษาพวกพ้อง…ไม่สิต้องบอกว่าซ่อมละมั้ง
ถึงอยากจะฆ่าเขาก่อน แต่มอทัลเยลโล่ก็ทำท่าเหมือนปกป้องเขาเต็มที่เลย คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
「……ลำบากชะมัด」
ก็รู้อยู่หรอกว่าพวกมันต้องเตรียมตัวมารับมือกับพวกเรา
แน่นอนว่าการจัดการพวกมันไม่ใช่เรื่องยากนัก หากไม่มีมอทัลเยลโล่ละก็นะ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่การต่อสู้คงลำบากกว่านี้แน่หากเธอ ไม่เอาแต่ปักหลักปกป้องมอทัลบลูที่ทำหน้าที่ในการรักษา โดยไม่โจมตีพวกเราเลย
『เรด สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?!』
「ดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกสักพักค่ะ พวกมันค่อนข้างตึงมือเพราะติดอุปกรณ์เสริมอันใหม่」
『งั้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ไม้ตายลับสินะ』
…หมายความว่าเขาจะใช้มันแล้วสินะ?
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของประธาน
『ช่วยซื้อเวลาให้ฉันอีกสักหน่อยเถอะ ทันทีที่คนอพยพเสร็จ ฉันจะรีบไปที่นั่นทันที!!』
「……อ๊ะ เดี๋ยวหมายถึงอะไรคะ?」
จากนั้นการติดต่อก็ถูกตัดไปทันที
ฉันก็เข้าใจหรอกว่าเขามีไพ่เด็ดในมือ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาหาพวกเราด้วย
***
คุยท้ายตอน
การเมินเฉยต่อสิ่งที่ฮิลด้าพูดคือวิธีการรับมือกับเธอที่ดีที่สุด
อันที่จริงแล้ว การที่คัตสึมิเมินคำพูดของฮิลด้านั้นทำให้เธอได้รับความเสียหายทางจิตใจเป็นอย่างมาก แถมยังปลุกบาดแผลในอดีตของเธอขึ้นมาด้วย
–จบ—
ไลอ้อนเซบ้าก็ยังคงแสดงพลังได้สุดยอดเช่นเคย
หรือว่าตอนหน้าประธานจะได้ฉายแสงแล้ว?!?
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code