ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่346 จุดประสงค์
โจวจื่อจินอายุมากกว่าเผยเยี่ยนนับสิบปี ตั้งแต่เล็กโจวจื่อจินก็ชอบเย้าแหย่น้องชายที่
ทั้งฉลาดและเย่อหยิ่งซึ่งเป็นสกุลที่คบหามาหลายชั่วอายุคนผู้นี้ เมื่อเติบโตยิ่งอยากจะเห็นเผย
เยี่ยนโมโหกระทืบเท้า ด้วยเหตุนี้ยามที่พูดคุยกับเผยเยี่ยนจึงไม่คิดเกรงใจมาโดยตลอด
เขาฟังจบก็ร้องเสียงหลงออกมาทันที “ข้าอยากไปขึ้นเขาเฟิ่ งหวง เป็นเจ้าบอกว่าอยาก
มาวัดถานเจ้อ วัดถานเจ้อแพงจะตาย! หากรู้เช่นนี้ ข้าคงไม่มาแล้ว” พูดจบ ยังมองเฟ่ ยจื้อเหวิน
“พี่เฟ่ ย ท่านว่าใช่เหตุผลนี้หรือไม่?”
เฟ่ ยจื้อเหวินดูยังหนุ่ม ความจริงอายุกลับปาเข้าไปที่สี่สิบแล้ว ยังอายุมากกว่าโจวจื่อ
จินหลายปี รวมกับศึกษาเล่าเรียนมามาก จึงเป็นคนสุขุมลุ่มลึก กระทําเรื่องอย่างจริงจังทั้งมี
ระเบียบแบบแผน ต่อหน้าเฟ่ ยจื้อเหวิน โจวจื่อจินก็เกรงกลัวอยู่บ้างเช่นกัน ไม่กล้าทําตามใจ
มากนัก
“เช่นนั้นค่านํ้ามันตะเกียงนี้ข้าจะบริจาคเอง!” เฟ่ ยจื้อเหวินคลี่ยิ้ม เอ่ยอย่างอ่อนโยน
นํ้าเสียงแฝงความสบายๆ “ข้าก็คิดว่ามาวัดถานเจ้อค่อนข้างดีกว่าเช่นกัน”
ยามนี้อวี้ถังค่อยรู้ว่า เดิมทีเผยเยี่ยนไปเยี่ยมเฟ่ ยจื้อเหวิน ก่อนจะเตรียมตัวไปขึ้นเขา
เฟิ่ งหวงกับโจวจื่อจิน ยามที่บอกลา กลับพบอินหมิงหย่วนเอาต้นฉบับตํารามาคืน ก่อนทราบว่า
อินหมิงหย่วนจะไปวัดถานเจ้อ ยังถามเผยเยี่ยนว่าจะไปด้วยกันหรือไม่ ทั้งเอ่ยถึงอวี้ถังก็ตามสวี
เซวียนไปที่วัดถานเจ้อเช่นกัน เฟ่ ยจื้อเหวินที่วางแผนจะอ่านหนังสือในเรือนจึงเปลี่ยนใจ
กะทันหัน กล่าวว่าไม่ได้ออกไปไหนหลายวันแล้ว ฉวยโอกาสที่ช่วงนี้อากาศดี ไปเที่ยวเล่นกับ
พวกเขาที่วัดถานเจ้อเสียหน่อยแล้วกัน
แม้จะกล่าวว่าเฟ่ ยจื้อเหวินเป็นศิษย์พี่ของเผยเยี่ยน แต่ไม่ว่าจะเรื่องประสบการณ์หรือ
อายุล้วนอาวุโสกว่าพวกเขารุ่นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากฮูหยินเฟ่ ยจากไป เฟ่ ยจื้อเหวินก็เอา
แต่หงอยเหงาเศร้าซึมไม่ออกไปไหน ยามนี้เฟ่ ยจื้อเหวินออกปากว่าอยากไปเที่ยวเล่นที่วัดถาน
เจ้อกับพวกเขา ทั้งสองคนย่อมยินดีอย่างยิ่ง รีบเปลี่ยนนัดของโจวจื่อจินมาที่วัดถานเจ้อแทน
2755
เป็นเพราะเฟ่ ยจื้อเหวินอยากมาวัดถานเจ้ออย่างนั้นรึ?
อวี้ถังเหลือบมองเผยเยี่ยนไปที
เผยเยี่ยนกระแอมไอเบาๆ หาโอกาสเอ่ยข้างหูอวี้ถัง “ไม่อย่างนั้นจะเปลี่ยนนัดโจวจื่อ
จินมาวัดถานเจ้อแทนได้อย่างไร? เขาชอบขึ้นเขาเฟิ่ งหวงเป็นที่สุด”
อวี้ถังหัวเราะเบาๆ
นางคิดว่าหากเผยเยี่ยนมีโอกาส ย่อมหาวิธีมากับนางเช่นกัน
ใครจะรู้ว่ายามที่เงยหน้าขึ้น กลับเห็นเฟ่ ยจื้อเหวินกําลังมองมาทางนางพอดี
นางคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ยามนี้เฟ่ ยจื้อเหวินจึงถามนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาจากเจียงหนาน คุ้นชิน
สภาพแวดล้อมที่เมืองหลวงแล้วกระมัง?”
เขาและอวี้เหวินอายุไล่เลี่ยกัน ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของเผยเยี่ยน อวี้ถังจึงรีบกล่าวอย่าง
นอบน้อมและจริงใจ “ยังพอไหว! แต่อากาศเย็นเกินไป ยามนี้เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิของพวกเรา
ทางนั้น”
เฟ่ ยจื้อเหวินได้ฟังก็ชะงักไปเล็กน้อย คล้อยหลังจึงหัวเราะขึ้นมา เอ่ยว่า “ด้วยเหตุนี้ ฤดู
ร้อนของเมืองหลวงจึงเย็นสบายกว่าเจียงหนาน ในเมื่อเจ้ามาเมืองหลวง ก็นับว่าเป็นโอกาสที่
หายาก ควรจะสัมผัสความแตกต่างระหว่างเมืองหลวงและเจียงหนานเสียหน่อย”
อวี้ถังพยักหน้า เอ่ยว่า “สามีเคยพูดกับข้าว่า หิมะในเมืองหลวงบางครั้งก็คลุมลึกถึงเข่า
ข้าปรึกษากับสามีแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเห็นหิมะของเมืองหลวงถึงจะยอมกลับไป”
เฟ่ ยจื้อเหวินหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับมีความประทับใจต่ออวี้ถังอย่างยิ่ง
ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่กี่ประโยค โจวจื่อจินก็เข้ามา มองพินิจอวี้ถัง ก่อนจะพยักหน้า
อย่างพอใจ
2756
อวี้ถังคล้ายมีหมอกปกคลุม ไม่รู้ว่าเหตุใดโจวจื่อจินจึงเผยสีหน้าเช่นนี้ให้นาง
เผยเยี่ยนกลับโมโหจนกัดฟันแน่น
โจวจื่อจินเอาแต่พูดต่อหน้าเขาว่าอยากวาดภาพเหมือนให้อวี้ถัง เขาก็กัดฟันไม่รับปาก
มาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าโจวจื่อจินถูกใจในรูปลักษณ์ของอวี้ถัง ยามนี้กลับรู้สึกว่าโจวจื่อ
จินเห็นว่าเขาชมชอบอวี้ถัง จึงตั้งใจเย้าแหย่เขา แม้เขาจะรู้แก่ใจ ทว่าก็ไม่อาจใช้คําพูดทีเล่นที
จริงมาโต้กลับโจวจื่อจินได้
หากโจวจื่อจินรอเขาเอ่ยคํานี้ล่ะ?
เขาไม่อยากให้คนอื่นวาดรูปให้อวี้ถัง
หากจะวาดก็ต้องเป็นเขาเท่านั้น
เผยเยี่ยนถลึงตาใส่โจวจื่อจิน ฉวยโอกาสที่พวกอวี้ถังไปไหว้พระ ยืนพูดคุยกับโจวจื่อจิน
อยู่ด้านนอกวิหาร “พี่ชายเห็นข้ามาตั้งแต่เล็ก ข้าก็จะไม่อ้อมค้อมกับเจ้า วันนี้นัดพี่ชายออกมา
เป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากอาจารย์ พี่ชายมีจุดประสงค์อะไร มิสู้บอกกับข้าดีๆ ไม่อยาก
ทนทุกข์กับเอกสารราชการ? หรือคิดว่านําเรื่องในเรือนออกมาพูดไม่ค่อยน่าฟัง? สกุลเผิงยกตน
ข่มท่าน ใต้เท้าเสิ่นหน้าไว้หลังหลอก สถานการณ์มั่นคงมานานแล้ว ไม่ว่าสําหรับราชสํานักหรือ
ประชาชนล้วนเป็นเรื่องดีทั้งนั้น?”
โจวจื่อจินยิ้มเจื่อน เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยสกุลจาง ประเด็นอยู่ที่ข้าคิดว่า แม้
ข้าจะไปสํานักตรวจการก็ไม่มีประโยชน์อะไร เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าเสิ่นไม่อยากปล่อยตําแหน่งให้
ใต้เท้าหลีก็ดี ใต้เท้าเจียงก็ดี ล้วนยากจะนั่งในตําแหน่งนั้น”
เผยเยี่ยนก็เคยวิเคราะห์ปัญหานี้อย่างละเอียดมาก่อนเช่นกัน
หลีซวิ่นขาดเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ไปหน่อย ส่วนเจียงหวาก็ขาดประสบการณ์อยู่บ้าง ย่อม
ไม่อาจสามารถควบคุมสถานการณ์ใหญ่ได้ ทั้งภายในเรื่องนี้สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือใจของฮ่องเต้
2757
ไม่ว่าจะหลีซวิ่นหรือเจียงหวา ฮ่องเต้ล้วนมีความรู้สึกเฉยๆ กับพวกเขา รวมถึงใต้เท้าเสิ่นเช่นกัน
แต่ก็ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมไปกว่านี้แล้ว กลับเป็นเผิงอวี่ ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่สํานักตรวจการ
นั้นมองไม่ออก ยามนี้เป็นรองเจ้ากรมอาญา คาดไม่ถึงว่าจะเริ่มเขียนเครื่องรางให้ฮ่องเต้แล้ว
ฮ่องเต้นั้นเรียกเขาเข้าวังหลายต่อหลายครั้ง เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะเข้าสู่ตําแหน่งเน่ยเก๋อร์ก็เป็น
เรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้าเท่านั้น ถึงกระทั่งยังอาจจะกลายเป็นโฉวฝู่ได้
นี่จึงเป็นสาเหตุที่จางอิงร้อนใจ
น่าเสียดายที่โจวจื่อจินไม่ใช่คนที่เหมาะจะเป็นขุนนาง เขาพูดไปพูดมาก็เบนไปอีกเรื่อง
เสียอย่างนั้น “เจ้าว่าไฉนเผิงอวี่จึงสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว? หรือเป็น
รองเจ้ากรมก็ไม่เหมือนกันแล้ว? ไม่ก็กล่าวว่าเมื่อก่อนเขาไม่คิดจะเป็นโฉวฝู่ ยามนี้รู้สึกว่า
โอกาสของเขามีมากยิ่งขึ้นแล้ว?”
เผยเยี่ยนคร้านจะคุยเรื่องพวกนี้กับเขา ดึงประเด็นกลับมาที่เรื่องเดิมอีกครั้ง เอ่ยว่า “ไม่
ว่าจะพูดอย่างไร เจ้าครองที่นั่งในสํานักตรวจการก่อนไม่ดีกว่ารึ? ส่วนใครจะเป็นโฉวฝู่ นั่นเป็น
เรื่องของอนาคต”
โจวจื่อจินกลับมีความคิดต่างออกไป เขาเอ่ยว่า “ข้าได้ตําแหน่งแล้วจะมีประโยชน์
อะไร? ไม่แก้ไขที่ต้นเหตุย่อมผ่านไปไม่ได้ ประเด็นยังอยู่ที่ว่าต้องนําตําแหน่งโฉวฝู่มาไว้ในมือ”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “หรือจะไม่มีชื่อฝู่แทนที่โฉวฝู่ได้อย่างนั้นรึ”
โจวจื่อจินเอ่ยว่า “คนอื่นข้าเชื่อ หลีซวิ่นและเจียงหวา ข้ากลับไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมี
ความสามารถนี้”
เผยเยี่ยนอยากจะถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นจริงๆ แต่ไม่ทันให้เขาได้พูด เฟ่ ยจื้อเหวินก็เดิน
เข้ามาก่อน เอ่ยว่า “พวกเจ้าสองพี่น้องคุยอะไรกันอยู่?”
โจวจื่อจินยิ้มอย่างเคอะเขิน
2758
เผยเยี่ยนปล่อยให้เรื่องราวบานปลายอย่างรู้แล้วรู้รอดไป เอ่ยว่า “อย่างไรพวกเจ้าทุก
คนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ข้าทําได้เพียงช่วยเหลืออาจารย์ทําเรื่องโดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น”
โจวจื่อจินละลํ่าละลักปลอบใจเผยเยี่ยน “ไม่ใช่เสียหน่อย นี่ไม่ใช่ว่าข้ากําลังครุ่นคิดอยู่
รึ? ทั้งยังไม่ได้ตัดบทปฏิเสธเลยสักนิด”
เฟ่ ยจื้อเหวินกลับขบคิดเล็กน้อย เอ่ยกับเผยเยี่ยนว่า “ข้าอยากจะถามเจ้าสักสองสาม
เรื่องได้หรือไม่?”
นี่หมายความว่าต้องการจะพูดกับเผยเยี่ยนโดยลําพัง
โจวจื่อจินรีบหาข้ออ้างหลบหลีกเข้าไปในวิหาร
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านอยากถามอะไรข้า?”
แม้ว่าเผยเยี่ยนจะปรากฏท่าทีนอบน้อม แต่เฟ่ ยจื้อเหวินยังคงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ยามนี้
ค่อยเอ่ยเสียงเบา “ปกติเจ้าและภรรยาพูดเรื่องหิมะตกไม่ตกกันรึ?”
เผยเยี่ยนมองเฟ่ ยจื้อเหวินไปแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ เอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยิบย่อย
ทั่วไปหรอกรึ? ศิษย์พี่และพี่สะใภ้ไม่พูดคุยเรื่องพวกนี้กัน?”
เขาพูดไม่ทันจบดี ก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป
การแต่งงานของเฟ่ ยจื้อเหวินคนอื่นไม่รู้ แต่เขากลับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังดี
เขาถามเช่นนี้ เฟ่ ยจื้อเหวินย่อมเสียใจอย่างยิ่ง
แต่เขาไม่อาจพูดอะไรได้ ไม่อย่างนั้นเฟ่ ยจื้อเหวินย่อมต้องสงสัยว่าเขารู้อะไรมา
เฟ่ ยจื้อเหวินไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเห็นปกติเจ้า
เย่อหยิ่งถือตัว คาดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะพูดคุยเรื่องยิบย่อยในเรือนกับภรรยา ทั้งนึกไม่ถึงว่าภรรยา
เจ้ายังจะปรึกษากับเจ้าว่าควรกลับไปยามใด?”
เผยเยี่ยนตระหนักได้ทันทีว่าเหตุใดเฟ่ ยจื้อเหวินจึงมาวัดถานเจ้อกับพวกเขา
2759
แม้เขาจะรู้สึกว่าฮูหยินเฟ่ ยตายอย่างง่ายดาย ทั้งน่าหงุดหงิด แต่ก็คิดว่าเฟ่ ยจื้อเหวินมี
ส่วนผิดเช่นกัน ไม่อย่างนั้นผู้ชายคนหนึ่งทําดีอย่างถึงที่สุด ผู้หญิงจะทําใจจากเขาไปได้อย่างไร
เหมือนกับเขา อวี้ถังอาจจะเสียดายเว่ยเสี่ยวซานอยู่ในใจ แต่ทุกวันเขาคอยอยู่เคียงข้า
งอวี้ถัง อวี้ถังก็ค่อยๆ ตัวติดเขาขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าเฟ่ ยจื้อเหวินไม่มีความสามารถ
เขาอดเอ่ยไม่ได้ “นางมีชาติกําเนิดจากสกุลธรรมดา แต่ข้าไม่เคยคิดว่ามีอะไรไม่ดี
ตรงไหนมาก่อน ชาติกําเนิดไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองเลือกได้ แต่สกุลพวกเราอย่างไรก็แตกต่างจากพวก
นาง ก่อนนางจะแต่งเข้ามา ข้าเล่าเรื่องในเรือนให้นางฟังทั้งหมด ดังนั้นยามที่นางแต่งเข้ามาจึง
ไม่ถึงกับไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย คล้อยหลังยามที่ข้าไปไหนมาไหนก็พานางไปด้วย ต่อหน้าคนอื่น
นางพูดอะไร ข้าล้วนพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม พี่น้องของสกุลมารดาข้าก็เรียกตามอาวุโสว่า
‘พี่ชาย’ เช่นกัน คนอื่นเห็นข้าให้เกียรตินางเช่นนั้น ยิ่งไม่อาจมองข้ามนาง นับวันนางจึงใจกล้า
ขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทําเรื่องอะไรต่างก็กล้าตัดสินใจเอง…”
เฟ่ ยจื้อเหวินนั้นควบคุมศาลาว่าการขนาดใหญ่
เขาย่อมทราบว่าความมั่นใจนั้นสําคัญขนาดไหน
เขาอดจมดิ่งในความคิดไม่ได้
ยามที่ฮูหยินเขาแต่งเข้ามา เขาทําอะไรไปบ้าง? ยามที่พวกเขาหวานชื่นกันที่สุดคือตอน
ไหน? ตั้งแต่เมื่อใด ทั้งเหตุใดที่พวกเขาเริ่มห่างเหินกัน…
เฟ่ ยจื้อเหวินใบหน้าแข็งทื่อไปหมด เงียบไปอยู่พักใหญ่
เผยเยี่ยนลอบถอนหายใจ
เฟ่ ยจื้อเหวินเอ่ยออกมาโดยพลัน “เจ้าช่วยถามภรรยาเจ้าได้หรือไม่ ผู้หญิงอย่างพวก
นางอยากได้อะไรมากที่สุด?”
2760
เขาต้องทําอย่างไร ถึงจะชดเชยความผิดพลาดของเขาได้
เผยเยี่ยนคิดว่าศิษย์พี่เขาคนนี้ยังเป็นคนใช้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ผลักความผิดทั้งหมด
ให้กับผู้หญิงที่ตายไปแล้ว
เขาเอ่ยอย่างใจกว้าง “เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”
เฟ่ ยจื้อเหวินพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเหนื่อยอยู่บ้าง จะกลับไปพักเสียหน่อย ข้าว
เย็นคงไม่กินกับพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าเที่ยวเล่นให้สนุกเถิด”
เผยเยี่ยนก็ไม่ฝืนรั้ง หาตัวโจวจื่อจิน ก่อนจะโต้แย้งกับเขาต่อ
ตกดึกก่อนจะเข้านอน เผยเยี่ยนก็เอ่ยเรื่องนี้กับอวี้ถัง ยังบ่นว่า “เขาไม่มีสมอง ใครจะรู้
คําตอบที่เขาต้องการกัน? แต่ข้าคิดว่าควรให้เขาประสบกับเรื่องลําบากเสียบ้าง ภายหลังยามที่
เขาแต่งงานใหม่จะได้ไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!”
อวี้ถังเอ่ยอย่างแปลกใจ “เจ้ากล่าวว่าเขาไม่ได้วางแผนจะแต่งงานอีกครั้งมิใช่หรอกรึ?”
เผยเยี่ยนแค่นเสียงขึ้นจมูก “หากเขาเป็นลูกหลานสายรอง อาจจะไม่ต้องแต่งงานใหม่
แต่นอกจากเขาจะเป็นทายาทสายตรงแล้ว ยังมีตําแหน่งขุนนางที่สูงสุดในเรือน แม้ว่าเขาจะไม่
อยากแต่ง จากความแข็งแกร่งของสกุลเฟ่ ย ก็ย่อมสามารถหอบไก่ตัวผู้มาให้เขาแต่งสะใภ้เข้า
สกุลได้ เขาทําเช่นนี้ เพียงแค่ให้ใจตัวเองรับได้บ้างเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการทําร้ายคนอื่น!”
อวี้ถังคิดซํ้าไปซํ้ามา เอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าควรจะตอบอย่างไรดี?”
“เจ้าก็พูดตามตรงเถิด!” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “อย่างไรคนแบบเขา ยามที่
หัวแข็งก็หัวแข็งจริงๆ เจ้าพูดอะไร เขาคงไม่เก็บมาใส่ใจ ฟังไม่เข้าหูหรอก เจ้าพูดก็พูดเสียเปล่า
เท่านั้น”
อวี้ถังคิดว่าเรื่องพวกนี้เผยเยี่ยนมีความสามารถกว่านาง สิ่งที่เผยเยี่ยนพูดย่อมมี
เหตุผล
2761
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเริงร่า “ไม่อย่างนั้น พูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า?”
ขณะที่เผยเยี่ยนฟังก็ลูบคางตัวเองเล็กน้อย เอ่ยว่า “เป็นประโยชน์ต่อข้า นั่นก็ต้องทําให้
เขารับราชการต่อ!”
อวี้ถังหัวไวอย่างยิ่ง ต่อบทสนทนาทันที “เช่นนั้นกล่าวว่าสิ่งที่ผู้หญิงอย่างพวกเราให้
ความสําคัญมากที่สุดก็คือชื่อเสียง บรรดาศักดิพระราชทาน เจ้าคิดว่าพอได้หรือไม่ ์ ?”