หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ - ตอนที่ 24 ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ ซูยุ่น
อาจเป็นเพราะคำพูดของลู่จือสิงในคืนวันนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ถูกชะตากับจงฮุ่ยหราน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “ฉันไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรนี่คะคุณจง”
เธอฟังแล้วยิ้มน้อยๆ “แน่ละ สมัยนี้เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ไม่ใช่กับตระกูลลู่… ครอบครัวของเราไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา เราพิจารณาคบคนที่มีพื้นฐานครอบครัวคล้ายกัน แต่คุณซู… ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าคุณกับจือสิงน่ะต่างกันมาก”
ฉันสุดจะทนกับคำพูดของจงฮุ่ยหราน แต่ยังคงรักษากิริยาเอาไว้ “ถูกแล้วค่ะคุณจง สถานะทางสังคมเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็เคยมีตัวอย่างมาก่อนแล้วนี่คะที่ตระกูลลู่ละเว้นกฎนั้น และฉันเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นอีก”
ตัวอย่างที่ว่านั้นก็คือจงฮุ่ยหรานนั่นเอง
รอยยิ้มของเธอจางหายไปเมื่อสิ้นเสียงของฉัน จงฮุ่ยหรานก้มลงหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋า “นี่เงินห้าล้าน คุณซู… ถ้าคุณฉลาดพูดกว่านี้หน่อย ฉันขอแนะนำให้คุณรับเงินก้อนนี้ไว้ เพราะถ้าพ่อของจือสิงลงมือเองเมื่อไร คุณจะไม่ได้อะไรเลย”
สีหน้าของฉันยังคงสงบนิ่งแม้ว่าจะรู้สึกคับแค้นใจ “ถ้าฉันคบกับลู่จือสิงเพราะเงินจริงๆ คุณจงคิดว่าฉันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องเลิกกับเขาเพื่อเงินแค่ห้าล้าน? ถ้าฉันอยู่กับเขาฉันจะได้มากกว่านี้ไม่รู้ตั้งกี่เท่า”
“ในเมื่อคุณยังดื้อดึงอยู่อย่างนี้ ฉันก็ขอให้คุณโชคดีนะคุณซู”
สุดท้ายเมื่อทนไม่ได้เธอก็ลุกจากไป
ขณะเฝ้ามองจงฮุ่ยหรานเดินจากไปฉันก็ฝืนปั้นหน้าต่อไม่ไหว แม้ว่าเมื่อครู่ฉันจะแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น แต่คำพูดของจงฮุ่ยหรานก็ทำให้ฉันตระหนักว่า ลู่เว่ยกั๋วนั้นเอาจริงแน่ๆ
ฉันนั่งอยู่ในร้านกาแฟนานมากและยังไม่กลับคอนโดจนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน
ตั้งแต่รู้ว่าฉันท้อง ลู่จือสิงก็ไม่อนุญาตให้ฉันไปทำงานที่บริษัท
เมื่อกลับถึงบ้านฉันจึงเล่าเรื่องที่จงฮุ่ยหรานมาพบฉันให้ลู่จือสิงฟัง เขาบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้น
ถามฉันต่อว่าฉันมีนัดตรวจครรภ์อีกครั้งวันไหน เมื่อฉันบอกเวลาไปเขาก็บอกว่าจะไปเป็นเพื่อน
ฉันจึงหยอกเขาที่มักจะยุ่งตลอดว่าถึงตอนนั้นแล้วช่วยบอกฉันอีกทีแล้วกันว่ายังไปได้หรือเปล่า
ตอนแรกฉันแค่พูดเล่นๆ แต่คิดไม่ถึงว่าวันนั้นลู่จือสิงจะมีธุระจนปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ สุดท้ายฉันจึงต้องไปหาหมอเองคนเดียว
เด็กในท้องไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หมอบอกว่าฉันมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำจึงจ่ายยาเพิ่มเพื่อบำรุงในส่วนนี้และสั่งให้ฉันกินไปสักระยะ หลังจากนั้นค่อยมาดูผลอีกทีตอนนัดตรวจครรภ์ครั้งถัดไป
พอฉันออกมาจากโรงพยาบาล ลู่จือสิงก็โทรมาหา ฉันไม่อยากให้เขาเป็นกังวลจึงบอกไปว่าทุกอย่างปกติดี
ลู่จือสิงไปทำงานที่ต่างจังหวัด อีกกว่าหนึ่งสัปดาห์จึงจะกลับ แต่ขณะที่ฉันกำลังเล่นโยคะสำหรับคนท้องอยู่นั้น อยู่ๆ เขาก็เปิดประตูเข้ามา
“คุณ… ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วนักล่ะ”
“เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วน่ะ” เขาตอบ สีหน้าดูเหนื่อยล้าจนฉันเป็นห่วง “คุณกินข้าวหรือยังคะ ให้ฉันทำอะไรให้กินไหม”
เขาพยักหน้า “อื้อ”
จากนั้นฉันจึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าครัวทำอาหารให้เขากิน
สี่สิบนาทีต่อมาฉันก็เตรียมอาหารครบสามอย่างพร้อมซุปหนึ่งถ้วย แต่พอออกมาจะเรียกลู่จือสิงก็พบว่าเขากำลังนั่งหลับอยู่บนโซฟาโดยที่ยังสวมชุดสูทสีดำตัวเดิมอยู่
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบใบหน้าของเขาจนเห็นร่องรอยความอ่อนล้าที่ใต้ดวงตาชัดเจน ทำให้ฉันทำใจปลุกเขาไม่ลง
แต่สุดท้ายเขาก็ตื่นขึ้นมาเอง “ข้าวเสร็จแล้วหรือ?”
ดวงตาสีดำคู่นั้นดูไม่แข็งกร้าวเหมือนอย่างเคยหลังจากเพิ่งตื่นนอน เขามองฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากขึ้นจนทำให้ฉันใจอ่อนยวบ “เสร็จแล้วค่ะ คุณไปล้างมือเถอะ”
“ซูยุ่น”
ลู่จือสิงเอ่ยเรียกเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ ฉันถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่าแต่เขากลับส่ายหน้าและบอกว่าไม่มีอะไร
เขาดูแปลกๆ ไป และฉันก็งงว่าทำไมเขาถึงได้กลับมาจากการไปเจรจาธุรกิจเร็วนัก
ปกติเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของฉัน ฉันรอจนเขาอาบน้ำเสร็จไม่ไหวจึงหลับไปก่อน
มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกทีเมื่อลู่จือสิงขึ้นมานอนบนเตียง แต่ฉันก็หลับไปอีกครั้งด้วยความงัวเงีย
แต่แล้วเขาก็เอื้อมมือมาโอบกอดฉันไว้ทำให้ฉันตาสว่างทันทีแต่ทว่าไม่กล้าขยับตัว ฉันรู้สึกว่าลมหายใจของเขาขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ข้างหู ฉันนึกว่าเขาจะจูบฉัน แต่เขากลับพูดขึ้นว่า “ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ ซูยุ่น”
เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจของฉัน ฉันแสร้งทำเป็นนอนไม่สบายตัวและขยับเข้าไปอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ยิ่งลู่จือสิงเป็นแบบนี้ฉันยิ่งควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าใกล้เขาไม่ได้เลย