หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 53
“พวกเราไปเล่นกันสักครึ่งชั่วโมง แล้วพี่จะพากลับโรงพยาบาล ไม่ต้องเสียใจ กลับไปถามหาที่อยู่ของแม่ชัดเจน คราวหน้าพี่จะพาไปหาอีก ครั้งนี้ต้องเจอแม่แน่นอน”
การปลอบใจนั้นได้ผล เสี่ยวเหวยเชื่อใจและไว้ใจพี่สาวผู้กระตือรือร้นคนนี้มาก แม้จะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เขาพูดด้วยความกระปรี้กระเปร่าว่า “พี่สาว ขอบคุณพี่มากนะครับที่ช่วยผม ”
"ด้วยความยินดี"
เธออุ้มเขาข้ามถนน กู้สวงส่วงกำลังจะวางเขาลง จู่ๆ รถสปอร์ตสีดำสองคันก็วิ่งผ่านป
กู้สวงส่วงตกใจมากรีบปกป้องเสี่ยวเหวยไว้และถอยหลังไป
รถสปอร์ตที่กำลังแล่นไปก็หยุดชั่วขณะ แล้วรีบถอยหลังกลับมา
ทันใดนั้น กู้สวงส่วงก็เงยหน้าขึ้นกำลังจะโวยวาย แต่เมื่อเห็นประตูเบาะหลังเปิดออก ขายาวเหยียดตรงลงมา และรองเท้าหนังแหลมสีดำหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
กู้สวงส่วงเงยหน้าขึ้น แต่แสงแดดจ้าก็ส่องมาที่ตา
เห็นจางๆ ว่าเป็นชายในชุดสูทสีเข้มลงจากรถ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและยังหนุ่ม
แต่ความเร็วของบุคคลผู้นี้ที่ลงจากรถและเดินตรงมาหาเธอนั้นเร็วเกินไป เธอเห็นเพียงเงาสีดำสูงยาวมากระทบเธอ
เมื่อรู้ตัวอีกที เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งอุ้มไป !
“เสี่ยวเหวย !” การตอบสนองของเธอตื่นตระหนกมากขึ้น การล้มเมื่อกี้ทำให้เธอบาดเจ็บ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาสนใจมัน
เธอใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นมา และตะโกนใส่ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ "คุณผู้ชาย นี่คุณทำอะไร … "
“เสี่ยวเหวย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ” —— เสียงที่ยังหนุ่มขัดจังหวะคำพูดของกู้สวงส่วง
“คุณอา … คุณอาจริงๆ ด้วย !” เสี่ยวเหวยพูดอย่างมีความสุข
กู้สวงส่วงยืนอยู่ตรงนั้นและรู้สึกตะลึงกับการสนทนาของทั้งสองเล็กน้อย
อา?
ชายคนนั้นก้มศีรษะลงและหอมแก้มเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก่อนจะค่อยๆ หันกลับมา
ในที่สุด กู้สวงส่วงก็เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน
เขาสูงมาก อาจเป็นเพราะเขาผอมบางไปหน่อย ทำให้เขาดูสูงยาว
ชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มมีเสื้อสีชมพูอ่อนสีสดใส แต่ดูกลมกลืนกับใบหน้ามาก
มันเป็นใบหน้าที่คม แต่โครงหน้าไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ดวงตาที่แคบและหางตาที่ยาวลึกทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายที่อยู่ในนั้น
เขากำลังจ้องมองมาที่กู้สวงส่วง
เขาจ้องมองอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างฉับพลัน
นั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่จะทักทายเธอ
กู้สวงส่วงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่ชายคนนี้ เขาดูสง่างามมากจนดูน่าเกรงขามเล็กน้อย เขาจ้องมองเธอแปลกๆ รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอไม่สบายใจและอธิบายไม่ถูก
มือที่ห้อยลงมาทั้งสองข้างกำแน่นอย่างเงียบ ๆ และเธอพูดว่า "คุณผู้ชาย กรุณาวางเด็กลงก่อน"
“คุณได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเป็นอาของเขา แขนของคุณได้รับบาดเจ็บและมีเลือดออก”
เขาอุ้มเสี่ยวเหวยมาไว้อีกข้าง หยิบผ้าเช็กหน้าสี่เหลี่ยมสีฟ้าอ่อนออกจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วยื่นให้เธอ
กู้สวงส่วงจ้องที่นิ้วสีขาวของเขาและกล่าวขอบคุณ แต่ไม่ได้รับ
แต่เธอก็ยังเอื้อมมือออกไปเพื่อจะอุ้มเสี่ยวเหวย
“พี่สาว คุณเลือดไหลแล้วจริงๆ”
เสี่ยวเหวยออกจากชายคนนั้น หยิบผ้าเช็ดหน้ามาพันข้อศอกของเธอ เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างกระวนกระวายใจ "คุณอา พาพี่สาวไปโรงพยาบาลได้ไหม ? "
…
อาคารบริษัทเซิ่งซื่อ
ห้องทำงานส่วนตัวของประธานเป็นพื้นที่กว้างและห้องทำงานของจังชิงอยู่ฝั่งตรงข้าม ตรงกลางมีห้องเลขานุการไม่ใหญ่มากนัก
หลังจากจังชิงรับโทรศัพท์เสร็จ ประตูออฟฟิศเปิดออก เขาเดินเข้ามาอย่างกระวนกระวาย
นอกห้องทำงานของประธาน เลขาหญิงคนหนึ่งหยุดเขาและพูดเสียงกระซิบว่า “เลขาจัง ท่านประธานกำลังสั่งสอนพนักงาน ถ้าคุณเข้าไปตอนนี้ …”
จังชิงเดินผ่านผู้ช่วยหญิง เคาะประตูสามครั้ง เปิดประตูและเดินเข้ามาโดยไม่ได้รอคำอนุญาต
หลังจากที่เสิ่นมั่วเฉิงโมโหเสร็จ เขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็นจังชิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ปกติ
เขาโบกมือให้หัวหน้าฝ่ายเทคนิคออกไปก่อน
เหลือเพียงสองคนในพื้นที่ห้องขนาดใหญ่
เสิ่นมั่วเฉิงหยิบกาแฟขึ้นมาแล้วถามโดยไม่เลิกคิ้ว “มีเรื่องเร่งด่วนอีกแล้วเหรอ ?”
“ที่โรงพยาบาลใหญ่โทรมาบอกว่า นายน้อยเสี่ยวเหวยหายไป ”
ชายคนนั้นดื่มกาแฟ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วจิบกาแฟ น้ำเสียงของเขาสงบและเยือกเย็น “ตั้งแต่กลับมาที่ประเทศ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหนีออกจากห้องคนไข้ ?”
“ให้คนตามหาแถวโรงอาหารของโรงพยาบาลดูสิ!อาจจะหลบอยู่มุมใดมุมหนึ่ง ”
จังชิงรีบพูดอย่างตื่นตระหนก “ท่านประธานเสิ่น แต่ครั้งนี้ต่างไปจากเดิม ผมให้คนค้นหาทั้งโรงพยาบาลแล้วแต่ไม่พบ นายน้อยเสี่ยวเหวยออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
เสิ่นมั่วเฉิงยืนขึ้นและโยนปากกาในมือลงบนโต๊ะ ทำให้เกิดเสียงดัง
นิ้วยาวกดลงที่หว่างคิ้วของเขาที่ขมวดเข้าอย่างแน่น และครู่ต่อมาเขาเดินออกจากโต๊ะ เขาหยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้แล้วเอามาทาบไว้ที่แขน
จังชิงเปิดประตูห้องทำงานให้เขา และในขณะเดียวกันก็กระซิบว่า "มีกล้องวงจรปิด ตอนนี้กำลังตรวจสอบประตูทางเข้าออกทั้ง 6 ของโรงพยาบาล แต่ยังไม่ทราบว่าใครที่พานายน้อยเสี่ยวเหวย…..
หนีไป แต่นายน้อยเสี่ยวเหวยยังคงใส่ชุดคนไข้อยู่และในเสื้อมีเครื่องติดตามที่คุณให้ติดตั้งไว้ ”
จังชิงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่เจ้านาย จากนั้นกล่าวว่า "มันแสดงอยู่บนถนนจิงหนานเมื่อสามนาทีที่แล้ว"
ชายคนนั้นหยุดชะงักทันที
“บริษัทของนายน้อยลองก็อยู่แถวๆ นั้น ” จังชิงกล่าวด้วยเสียงต่ำ และไม่กล้าที่จะมองดูท่าทางของชายคนนั้นอีก
เสิ่นมั่วเฉิงเดินเข้าไปในลิฟต์และหลับตาลง อาคารเซิ่งซื่อเต็มไปด้วยอุณหภูมิที่ปกติ แต่จู่ๆ เขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิเย็นลงทันที
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น "ส่งตำแหน่งให้ผมดู"
…
ห้องฉุกเฉิน
มีแพทย์และผู้ป่วยวิ่งไปรอบๆ
กู้สวงส่วงเดินตามพยาบาลที่ย้ายจากห้องซัดประวัติไปยังห้องทำแผล
เธอจับมือเสี่ยวเหวยไว้และไม่ยอมปล่อย
เสี่ยวเหวยหันมามองเป็นครั้งคราวและยิ้มให้ชายคนที่เดินตามหลังมา
กู้สวงส่วงนอนลงอยู่บนเตียง เธอลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นหมอเตรียมยา เธอก้มศีรษะไปที่ข้างหูของเสี่ยวเหวย "นั่นคืออาของเธอจริงๆ เหรอ? "
เสี่ยวเหวยยิ้ม “พี่สาว พี่ถามผมหลายครั้งในรถแล้ว”
กู้สวงส่วงไม่สนใจและถามอีก "อาแท้ๆ ?"
“ครับ ! พี่สาว พี่นอนลงเถอะ เมื่อกี้หมอบอก”
กู้สวงส่วงยกผมยาวทั้งสองข้างขึ้นแล้วนอนลง
เธอจำได้ว่าตอนนั่งอยู่บนรถบัสหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เสี่ยวเหวยบอกว่าอาของเขาให้รูปแม่ของเขา
อาคนนั้นก็คือผู้ชายคนนี้ ?
“เป็นแผลขีดข่วนเล็กน้อยไม่ร้ายแรง แต่มีเศษแก้วที่จำเป็นต้องล้างออก” หมอเหยียดแขนกู้สวงส่วงแล้วพูดขณะดู
กู้สวงส่วงมองดูบาดแผลที่ด้านในของแขนเธออย่างใกล้ ๆ เธอเวียนหัวเล็กน้อยและเมื่อเห็นเนื้อสีแดงๆ ที่ชัดเจนบนผิวขาวของเธอ เธอจึงรีบหันหนีอย่างรวดเร็ว
คุณหมอก็ดูรีบๆ เช่นกัน ไม่รู้ว่าทำแผลให้เธอนั้นเบาหรือแรงแค่ไหน?
เธออดทน แต่เมื่อหมอใช้แหนบดึงเศษแก้วที่ฝังลึกเธอก็สะบัดแขนออกด้วยความเจ็บปวด
“คุณผู้หญิง ถ้าคุณสะบัดออกแบบนี้มันจะยิ่งเจ็บ !” หมอตะโกนใส่เธอ
“ก็ไม่ได้อยากจะสะบัดสักหน่อย …”
กู้สวงส่วงรู้สึกขุ่นเคืองและอยากจะพูดกับหมอว่าเบาๆ หน่อยได้ไหม? แต่กลัวว่าหมอจะทำรุนแรงกว่าเดิม
ทันใดนั้น พลังอันทรงพลังก็กดที่ข้อมือของเธอ จับแขนที่สั่นเทาของเธอไว้
กู้สวงส่วงหันมามอง เขาคือ "อาคนนั้น "
สายตาของชายคนนั้นจ้องมาที่เธอ และยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นซึ่งเธอไม่สบายใจสักเท่าไหร่
เขาพูดมาคำหนึ่ง "อดทนหน่อย แป๊บเดียวเอง "
กู้สวงส่วงเหงื่อออกด้วยความเจ็บปวด สายตาจ้องไปที่หมอที่กำลังเก็บเครื่องมือกลับไป