หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 49
พูดจบ เสิ่นมั่วเฉิงก็พาร่างสูงของเขาแนบชิดเข้ากับร่างเล็กของเธอทันที
“…….”
แววตาที่ลึกล้ำจนดูน่าเกรงขามของเขา ทำให้ใบหน้าที่กลมมนของคนตัวเล็กเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอาย แล้วขนตางอนของเธอก็ค่อย ๆ บรรจงปิดตัวลง โดยที่เธอไม่กล้าจะขยับตัวไปไหนอีกเลย…..
เสิ่นมั่วเฉิงจ้องมองกู้สวงส่วงด้วยแววตาลึกล้ำ ก่อนจะผลักเธอลงกับเตียงและใช้แขนทั้งสองข้างกดแขนเรียวเล็กของเธอเอาไว้
“เฮ้……” เมื่อกู้สวงส่วงถูกร่างที่สูงโปร่งของเขาเข้าครอบงำ มันจึงทำให้เธอสามารถเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้อย่างชัดเจน และเธอก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้สักที ว่าการที่หัวใจของเธอเต้นแรงแบบนี้นั้น มันหมายความว่าอะไรกันแน่?
เธอยังไม่รู้แจ้งว่าการที่หัวใจของเธอเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้เขานั้น มันหมายความว่าอะไร? แต่เธอรู้เพียงแค่ว่า การที่เธอถูกเขาจับจ้องด้วยสายตาแบบนี้นั้น มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะเหนื่อยตายอยู่แล้ว
เสียงลมหายใจที่ติดขัดของทั้งคู่ดังแทรกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของห้องพักหรูระดับพรีเมี่ยม แถมเสียงลมหายใจของเสิ่นมั่วเฉิงยังดูร้อนแรงพอ ๆ กับแววตาของเขาซะด้วย
กู้สวงส่วงจึงรวบรวมสติสัมปชัญญะของเธอกลับมา ก่อนจะกระซิบบอกเขาอย่างกล้าหาญว่า “คุณลุงคะ ถ้าคุณลุงยังไม่ยอมปล่อยหนู หนูก็หมดแรงจะสู้แล้วจริง ๆ แต่หนูขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าหนูไม่อยากเป็นผู้หญิงแบบนั้น และคนที่มีสิทธิทำแบบนี้กับหนูได้ ก็มีแค่สามีของหนูคนเดียวเท่านั้นค่ะ”
แล้วกู้สวงส่วงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเผชิญหน้ากับชายที่ได้ชื่อว่ามีวุฒิภาวะมากกว่าเธอด้วยสายตาจริงจัง “ปากที่คุณลุงเพิ่งจูบไปเมื่อครู่ คือปากที่สามีหนูสามารถจูบได้คนเดียว และร่างที่คุณลุงกำลังกดทับอยู่นี้ ก็คือร่างที่สามีหนูสามารถกอดรัดได้คนเดียวด้วยเหมือนกัน คุณลุงอย่าคิดรังแกหนู เพียงเพราะแค่หนูยังเด็กหรือตัวเล็กกว่าเลยนะคะ หนูรู้ดีว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วควรปฏิบัติตัวยังไง เพราะฉะนั้นไม่ว่าสามีของหนูจะแก่หรืออัปลักษณ์แค่ไหน หนูก็จะให้เกียรติเขา ในฐานะที่เขาเป็นสามีของหนู—— เข้าใจนะคะ?”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและไร้ซึ่งความเสแสร้งจนเขาสัมผัสได้
ซึ่งนั่นก็ทำให้เสิ่นมั่วเฉิงนิ่งเงียบจนพูดอะไรไม่ออก แถมนัยน์ตาที่ดูร้อนแรงเมื่อครู่ ยังแลดูอ่อนโยนขึ้นมาในทันตาอีกด้วย
เสิ่นมั่วเฉิงรู้สึกใจฟูไปกับคำพูดที่ดูไร้เดียงสาแต่จริงใจของกู้สวงส่วง
เพราะสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือพวกผู้หญิงหลายใจ!
แต่เห็นยัยจิ๋ว IQ ต่ำ ๆ แบบนี้ เป็นใครก็คงคิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าเธอจะซื่อตรงต่อสามีของเธอมากขนาดนี้
หัวใจของเสิ่นมั่วเฉิงเริ่มอ่อนระทวยไปกับความน่ารักและความใสซื่อของคนตัวเล็ก
จนเขาอดไม่ได้ที่จะแกล้งแซวเธอว่า “โธ่ เจ้าเด็กโง่ ก็ลุงชอบหนูไปแล้วนี่นา จะให้ลุงทำยังไงได้?”
กู้สวงส่วงรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่เขาพูดอยู่หน่อย ๆ แต่พอเธอเริ่มปะติดปะต่อความหมายได้ หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
แถมมันยังเต้นแรงเสียจนเธอแอบได้ยินเสียง ตึกตัก ตึกตัก ดังทะลุออกมาจากอกอีกด้วย
“หูแดงหมดแล้ว แสดงว่าหนูเองก็ติดใจลุงอยู่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?”
“ปะ เปล่าซะหน่อย!”
“อู้วว คอก็แดงแล้วด้วยเนี่ย”
เมื่อเสิ่นมั่วเฉิงหัวเราะเยาะเธอจนพอใจแล้ว เขาก็โน้มตัวลงไปจูบเธออีกครั้งอย่างนุ่มนวล ก่อนจะพูดกับเธอต่ออีกว่า “อื้ม ในเมื่อเราใจตรงกันแบบนี้แล้วเนี่ย เราก็มาสานสัมพันธ์กันเลยดีมั้ยล่ะ? หื้ม?”
พอพูดจบ นิ้วเรียวของเขาก็ลูบไล้ไปตามขาอ่อนของเธอ
ก่อนจะคว้าเข้าที่น่องขา เพื่อจะจับขาของเธอชันขึ้น
กู้สวงส่วงกรีดร้องเสียงหลง พร้อมทั้งพยายามดิ้นพล่านเพื่อจะปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเธอเอง “หนูบอกแล้วไงคะ ว่าทุกส่วนของร่างกายหนูเนี่ย เป็นของสามีหนูคนเดียว!”
เสิ่นมั่วเฉิงแอบหัวเราะร่า และคิดในใจว่า "เจ้าเด็กโง่ ฉันนี่แหละ คือสามีของเธอ"
ความอ่อนโยนของคนตัวเล็ก ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้ "แต่ช่างเถอะ อดทนรออีกสักหน่อย เพราะถ้าหากว่าเธอตกใจจนเป็นบ้าขึ้นมา มีหวังเธอได้ฆ่าเราตายคาโรงแรม 5 ดาวนี้แน่ ๆ
เพราะฉะนั้น แค่กอดจูบสักนิดสักหน่อย….ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง?" เสิ่นมั่วเฉิงคิดในใจ
พอคิดได้แบบนั้น เขาก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ
“น่าไม่อาย……” กู้สวงส่วงโมโหจนหน้าแดงเหมือนถูกไฟรน!
แต่แล้วฝ่ามืออันหนาใหญ่ของเขาก็โอบรัดรอบเอวของเธอทันที พร้อมทั้งระดมจูบเธอทุกครั้งที่เธอทำท่าจะอ้าปากด่าทอเขาขึ้นมา……
กู้สวงส่วงตกตะลึงกับการกระทำของชายร่างสูงจนตาเบิกโพลง และด้วยความที่เธอไม่อาจต้านทานพละกำลังของเขาได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่หลับตาลงด้วยความจำยอม พร้อมกับคิดในใจไปด้วยว่า "คงแค่จูบเฉย ๆ นั่นแหละ ยอม ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็จบแล้ว"
แต่ค่ำคืนนี้ มันยังอีกยาวไกลนะ แม่สาวน้อย……
……………
เช้าวันต่อมา สิ่งที่กู้สวงส่วงทำเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน ก็คือการหนีเข้าไปหมกตัวอยู่แต่ในห้องน้ำ โดยทิ้งให้ชายร่างสูงนั่งพิงหัวเตียงอยู่คนเดียว
ชายร่างสูงจึงจุดบุหรี่ขึ้นสูบ และนั่งดื่มด่ำกับกลิ่นมิ้นท์จากกลุ่มควันหนาอย่างเบิกบานใจ..
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึง 8 นาฬิกา
กู้สวงส่วงจึงจะชะโงกหัวออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะพบว่าภายในห้องพักหรูนั้นไร้วี่แววของชายร่างสูง “ฮึ่ม ยังดีที่เขารู้จักระแวดระวังอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะโดนคุณสามีเล่นงานจนถึงตายแน่ ๆ”
เธอบ่นพึมพำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พลางหันกลับมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับตัวเองจนเสร็จสรรพ
แต่พอเธอเปิดประตูห้องปุ๊บ เธอกลับพบว่าชายร่างสูงยังคงยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าประตู——
“อ๊ะ!” กู้สวงส่วงสบถเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก โดยที่มืออีกข้างหนึ่งของเธอนั้นกำลูกบิดประตูไว้จนแน่น
คิ้วหนาสีดำเข้มของเสิ่นมั่วเฉิงจึงขมวดเข้าหากัน ก่อนจะถามกลับมาว่า “จะร้องทำไม”
“แล้วทำไมคุณลุงถึงยังไม่ไปอีกเนี่ย!” กู้สวงส่วงถามจี้ด้วยความรำคาญ แถมเธอยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าหรือสบตากับเขาในวันนี้ด้วย!!
แต่ชายร่างสูงยังคงสำรวมอาการได้ เพราะถึงอย่างไร เมื่อคืนนี้เขากับเธอก็ยังไม่ได้ทำเรื่องบัดสีอะไรกันอยู่แล้ว แต่ดูท่าตอนนี้เธอจะกำลังโกรธจัดอยู่นะ พาเธอลงไปหาอะไรกินสิ
“อาหารเช้าด้านล่างพร้อมแล้ว เชิญครับ”
กู้สวงส่วงเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะตะคอกกลับไปอีกว่า “คุณลุงก็ลงไปก่อนสิคะ!”
เสิ่นมั่วเฉิงจึงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันหลังเดินจากไป โดยที่มือทั้งสองข้างของเขานั้นล้วงลงกระเป๋ากางเกงอย่างเท่ห์ ราวกับนายแบบนิตยาสารมาเองเลยก็ว่าได้
แต่ด้วยความที่เธอถูกพาขึ้นมาอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม กู้สวงส่วงจึงไม่อาจเดินลงบันไดไปเป็น 10-20 ชั้นได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่คอยลิฟต์แก้วรอบต่อไป เพื่อให้ช่องว่างระหว่างเธอกับเขาดูสมจริงมากยิ่งขึ้น!
และกว่าเธอจะลงมาถึงห้องอาหารของโรงแรมได้ มันก็ทำให้เธอหมดอารมณ์ที่จะทานข้าวเช้าไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพาเธอขึ้นรถ
และมุ่งหน้าออกจากโรงแรมไปในทันที
แต่ในระหว่างทาง กู้สวงส่วงกลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า……..แล้วสามีของเธอล่ะ?!
เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมเธอถึงลืมไปเสียสนิทเลยนะ!
แต่ “นี่มันผิดปกติแล้วนะคะ คุณลุงตัวท็อป เพราะตั้งแต่ที่คุณลุงบุกเข้ามาในห้องหนู ทำไมสามีของหนูถึงยังไม่โผล่หน้ามาอีกล่ะ?”
เสิ่นมั่วเฉิงจึงหันไปสบตาเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เธอคิดว่าไงล่ะ?”
“ก็นั่นน่ะสิคะ ทำไม……”
“………”
“หรือว่าคุณลุงรู้จักกับสามีหนู!”
“………”
กู้สวงส่วงได้รับคำตอบกลับมาเป็นสีหน้าบูดบึ้ง เธอจึงคิดว่านั่นอาจจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ยังไม่ถูกต้องนัก เธอจึงพยายามคาดเดาต่อไป จนกระทั่ง——
“หรือว่า! ตาแก่นั่นติดหนี้คุณลุง เพราะงั้นเขาถึงได้ส่งหนูมาขัดดอกแทน? พระเจ้า ทำไมชีวิตของหนูถึงต้องมาตกอยู่ในกำมือของคนแบบพวกคุณด้วยนะ! ฮึ่ม! พอกลับถึงหอ หนูจะทำให้ตัวเองเสียสาวด้วยน้ำมือของหนูเองนี่แหละ คนชั่ว ๆ อย่างพวกคุณลุงจะได้ไม่ต้องมาหวังอะไรกับหนูอีก!”
“……..เธอนี่มัน!” ซื่อบื้อจริง ๆ เลย
เสิ่นมั่วเฉิงรู้สึกผิดหวัง และไม่อยากจะคาดหวังอะไรกับ IQ ของภรรยาเขาอีกต่อไป……..
……………
พอกลับถึงมหาวิทยาลัย กู้สวงส่วงจึงจะนั่งคิดพิจารณาต่อ ว่าการที่เธอกับคุณลุงตัวท็อปนอนกอดจูบกันแบบนั้น สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่?
แล้วจู่ ๆ คำพูดนั้นของคุณลุงก็แวบเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง “ก็ลุงชอบหนูไปแล้วนี่นา”
มันอาจจะฟังดูเหมือนคำพูดหลอกเด็ก ที่ใคร ๆ ก็สามารถพูดมันออกมาได้ง่าย ๆ แต่ในช่วงเวลานั้น เธอกลับเชื่อว่าเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
และถ้าเธอไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวไปกับเขา เธอจะยอมปล่อยให้เขากอดจูบเธอได้อย่างนั้นหรือ?
แต่คุณลุงตัวท็อปจะคิดกับเธอแบบนั้นจริง ๆเหรอ? เขาแค่เล่น หรือว่าเขาชอบเธอจริง ๆกันแน่นะ?
คำถามเหล่านี้ว่ายวนอยู่ในหัวของเธอตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเธอกลับมาถึงหอพัก เสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่จากใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นมาในทันที
[คืนนี้ว่างมั้ย? ออกมาคุยกันหน่อยสิ เรื่องเมื่อคืน..]
กู้สวงส่วงเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงทันที หลังจากที่เธอเหลือบไปเห็นคำว่า “เมื่อคืน” ในประโยคสุดท้าย แต่พอใจของเธอเริ่มเย็นลง เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า
[ยังมีอะไรต้องคุยกันอีกละคะ!]
[ดีมาก คืนนี้เจอกันนะ]
[ไม่!]
[ลุงรับรองเลย ว่าจะไม่แตะต้องตัวหนูแม้แต่ปลายเล็บ เราแค่มาคุยกันเฉย ๆ คุยกันถึงเรื่องเรียนของหนู ทัศนคติ ความคิด ชีวิตและอุดมการณ์…..]
“……..”
"เปลืองเงินค่าโทรศัพท์ฉันจริง ๆ เลย!" กู้สวงส่วงคิด ก่อนจะนิ่งเงียบและไม่ตอบอะไรกลับไปอีก
แต่ดูเหมือนว่าคุณลุงตัวท็อปจะไม่มีอะไรทำจริง ๆ เพราะเขาว่างมากจนถึงขั้นคัดลอกข้อความก่อนหน้านี้ส่งมาให้เธอรัว ๆ จนเธอต้องตอบกลับไปว่า [ก็ได้ค่ะ]
กู้สวงส่วงยืนรอคุณลุงตัวท็อปอยู่บนทางเท้าข้างถนนหน้ามหาวิทยาลัยX ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบในยามค่ำคืน
ซึ่งถ้าหากว่าได้เจอหน้าคุณลุง เธอก็กะว่าจะถามคุณลุงทันที ว่าสรุปแล้วคุณลุงคิดยังไงกับเธอกันแน่ แต่ตั้งแต่ที่เธอขึ้นรถมาจนถึงตอนนี้นั้น คุณลุงตัวท็อปกลับเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจา แถมยังขับรถไปเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอีกต่างหาก