หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 48
พอเสี่ยวซานเอ๋อเดินหน้าไปได้แค่ 2-3 ก้าว มันก็หันกลับมามองกู้สวงส่วงอีกครั้งด้วยความลังเล กู้สวงส่วงจึงตะโกนออกไปเบา ๆ ว่า “อย่างนั้นแหละ เดินตรงไปเรื่่อย ๆ ตามกลิ่นพ่อของเธอไป”
เมื่อเสี่ยวซานเอ๋อเดินจากไป กู้สวงส่วงจึงจะลุกขึ้นยืน พลางยกมือขึ้นทาบอก เพื่อสัมผัสหัวใจของเธอที่ตอนนี้กำลังเต้นตุบตุบไม่มีหยุดพัก
เพราะเธอเองก็อดประทับใจไปกับความโรแมนติกของเขาไม่ได้จริง ๆ
คุณลุงตัวท็อปนี่ก็ร้ายเหมือนกันนะ รู้ว่าเธอแพ้ทางเจ้าสัตว์ขนปุยนี่ ก็เลยส่งมันมาช่วยเรียกคะแนนสงสารเลยงั้นสิ?
ฮึ่ม หนูไม่ยอมอภัยให้คุณลุงง่าย ๆ หรอกนะ!
–
ขณะเดียวกัน
ใครบางคนก็อดทนรอพบหน้าภรรยาของเขาอยู่บนรถนานถึง 3 ชั่วโมง——
แต่ผลปรากฏว่า เจ้าแมวอ้วนของเขากลับเดินตรงเข้ามาพร้อมกับสร้อยข้อมือเพชรที่คล้องอยู่บนคออวบ แถมยังคาบดอกกุหลาบสีแดงสดกลับมาอีกด้วย
พอเห็นแบบนั้นแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเสิ่นมั่วเฉิงก็มืดครึ้มลงในทันตา
เสี่ยวซานเอ๋อยืนคอยอยู่ข้างประตูรถจนขาแข็ง แต่พ่อของเธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอุ้มเธอขึ้นรถเลยสักที เสี่ยวซานเอ๋อจึงต้องใช้ขาอวบ ๆ สั้น ๆ ของเธอเองดีดตัวขึ้น
จนในที่สุดเธอก็สามารถขึ้นมานั่งในที่นั่งตำแหน่งข้างคนขับได้
แต่พอเธอขึ้นมานั่งบนรถได้ไม่นาน เธอกลับต้องเจอกับคำตัดพ้อที่แสนจะเย็นชาของบุคคลผู้เป็นพ่อไปอีก “แม่ใหม่ของเจ้าล่ะ? แล้วนี่เจ้ายังไม่ได้มอบของขวัญให้เธออีกเหรอ พ่อผิดหวังในตัวเจ้าจริง ๆ”
“……….” WTF! คิดว่าข้าไม่ผิดหวังในตัวเจ้าเลยรึยังไง? ทำอะไรผิดก็ขึ้นไปรับผิดกับเมียเจ้าเองสิ จะมัวหลบอยู่แต่ตรงนี้ แล้วรอบ่นใส่ข้าฉอดฉอดฉอดทำไม!
เสิ่นมั่วเฉิงจึงแกะสร้อยข้อมือเพชรแท้ที่เขาตั้งใจซื้อกลับมาให้เธอจากอเมริกาออกจากคอของเสี่ยวซาน ก่อนจะโยนสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกไปนอกรถ
และเหลือบมองที่หน้าต่างห้องชั้น 2 ด้วยสีหน้าหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจากนั้นเขาจึงจะหมุนพวงมาลัยด้วยมือขวามือเดียวขับออกไป
ส่งดอกไม้กับของขวัญไปให้ก็ไม่เอา? คิดจะเล่นตัวรึไง? รอให้ถึงคราวของฉันก่อนเถอะสาวน้อย ฉันจะรวบยอดชำระกับเธอทีเดียว!
……..
วันที่ 15 ธันวาคม
ศูนย์กิจกรรมของมหาวิทยาลัยX ในวันนี้ ถูกประดับตกแต่งด้วยไฟและฉากหลากสี แถมยังมีป้ายผ้าและจอ LED ที่ขึ้นตัวอักษรหนาใหญ่ไว้ตลอดเวลาว่า “ขอต้อนรับเข้าสู่ ปีใหม่ไนท์ปาร์ตี้”
และการแสดงของกู้สวงส่วงก็ได้ถูกจัดให้ขึ้นแสดงในลำดับรายการที่ 7
ซึ่งในตอนนี้ กู้สวงส่วงเองก็กำลังซักซ้อมอย่างหนักหน่วงเป็นรอบสุดท้ายที่ด้านหลังเวที
จนกระทั่งถึงคิวการแสดงของกู้สวงส่วง
เมื่อม่านเวทีถูกคลี่ออกอย่างช้า ๆ ตรงกลางเวทีก็ปรากฏร่างของกู้สวงส่วงขึ้น โดยที่กู้สวงส่วงเองก็ลืมความตื่นเต้นและความตึงเครียดทั้งหมดไปแล้ว
พอไฟสปอร์ตไลท์เริ่มสาดเข้ามาหาเธอ เธอก็เริ่มร้องเพลงตามจังหวะทันทีอย่างที่เคยซ้อมไว้
และด้วยความที่ผู้ชมด้านล่างต่างก็ช่วยส่งกำลังใจและอินไปกับเสียงเพลงของเธอ กู้สวงส่วงจึงสามารถทำการแสดงของเธอเองได้อย่างผ่อนคลายกว่าที่คิด
แต่ถึงกระนั้น กู้สวงส่วงก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่าไอ้ความรู้สึกอึดอัดก้อนนั้น มันจะเกาะกลุ่มแน่นอยู่บนระเบียงชั้น 2 เสียด้วย
เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง กู้สวงส่วงก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกยังไงอย่างงั้น และเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเธอเองจะได้คะแนนมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงอย่างไร ภาระหน้าที่ของเธอในงานนี้ก็ได้เสร็จสมบูรณ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กู้สวงส่วงเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวทีทันทีหลังจากการแสดงของเธอสิ้นสุดลง แต่ในขณะที่เธอเพิ่งจะเดินกลับเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งทางนั้น จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ดันพุ่งตรงเข้ามาหาเธออย่างกะทันหัน
ชายในชุดสูทสีดำพุ่งตรงเข้ามาหากู้สวงส่วงด้วยท่าทางแปลก ๆ ก่อนจะกระซิบกู้สวงส่วงด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คุณผู้หญิง นายท่านให้ผมมารับคุณครับ”
ตาแก่นั่นต้องการจะพบเธอเหรอ?
แม้ว่าสีหน้าของกู้สวงส่วงจะดูตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่เธอก็ยังหันไปส่งยิ้มให้กับเพื่อน ๆ ของเธอและพูดว่า “ไม่เป็นไร คนนี้ฉันรู้จัก พวกเธอเข้าไปรอด้านหลังกันก่อนนะ”
เพื่อน ๆ ของกู้สวงส่วงมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย แต่พอกู้สวงส่วงเอ่ยมาแบบนั้น พวกเธอจึงพากันกลับเข้าไปด้านหลังทันทีอย่างว่าง่าย
จนกระทั่งช่องทางเดินนั้นเงียบฉี่ไร้บุคคลที่สาม
“เขาอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?”
ก็ว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเพ่งมองจนน่าอึดอัด ที่แท้ตาแก่นั่นก็ยืนมองเธอร้องเพลงอยู่บนชั้น 2 เองหรอกเหรอ? แต่เขารู้ได้ยังไงกัน ว่าฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัย แถมยังรู้อีกด้วย ว่าฉันต้องขึ้นแสดงในวันนี้?
กู้สวงส่วงคิดแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันที เพราะเธอคิดไม่ถึงเลยว่าตาแก่นั่นจะกล้ามาตามสอดส่องเธอถึงขนาดนี้
“คุณผู้หญิงครับ นายท่านมีคำสั่งให้คุณผู้หญิงมากับผมครับ” ชายในชุดสูทสีดำกล่าว
ในเมื่อสามีของเธอมาตามสอดส่องกันถึงขนาดนี้ กู้สวงส่วงจึงเกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น และไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำว่า “ไม่” ออกมาจากปากเลยทีเดียว
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น รถหรูที่สามีของเธอจัดไว้ให้ก็ได้แล่นมาจอดอยู่ตรงหน้าโรงแรมหรู 5 ดาวที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยX สักเท่าไหร่
กู้สวงส่วงมองเข้าไปในโรงแรมหรูด้วยความตื่นตระหนกจนหน้าแดงก่ำ เพราะตัวเธอเองเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงต้องพาเธอมาที่นี่
เมื่อลิฟต์แก้วของโรงแรมหรูนำพาตัวเธอและชายชุดดำขึ้นมายังชั้นสูงสุดของโรงแรม ชายในชุดสูทสีดำก็พากู้สวงส่วงไปส่งถึงห้องพักหรูต่อทันทีตามลำดับ
แอร์ในห้องถูกตั้งค่าเป็นระบบฮีตเตอร์ไว้เสร็จสรรพ กู้สวงส่วงจึงกล้าถอดเสื้อคลุมออกทันทีอย่างไม่ลังเล แต่พอเธอถอดเสื้อคลุมออกปุ๊บ เธอกลับพบว่าร่างกายของเธอนั้น กำลังสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา
และหลังจากที่กู้สวงส่วงเข้าไปเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางจนหมดจดแล้ว เธอก็เดินออกมานั่งพักร่างบนขอบเตียง
และบอกกับตัวเองว่า "อย่าขัดขืน เพราะถึงเราจะขัดขืนยังไง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี ดังนั้นทำใจให้สบาย แล้วก็ปลงสังขารซะ "
กู้สวงส่วงนั่งสงบจิตสงบใจอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังแทรกขึ้น!
กู้สวงส่วงเริ่มตัวแข็งทื่อ เพราะคนที่สั่งให้เธอมานั่งคอยอยู่ที่นี่นั้น บัดนี้เขาได้มาถึงแล้ว!
กู้สวงส่วงจึงรวบรวมความกล้าลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู ก่อนจะหมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือและค่อย ๆ แง้มมันออกอย่างช้า ๆ
เธอยืนก้มหน้าและพยายามฉีกยิ้มข่มความหวาดกลัวในใจ ก่อนจะเอ่ยทักทายบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูว่า “สวัสดีค่ะคุณสามี——”
“อื้ม” ชายร่างสูงตอบกลับเสียงทุ้ม ในขณะที่เขากำลังยืนค้ำขอบประตูและจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาลึกล้ำ
แต่พอกู้สวงส่วงได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูแบบนี้แล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น และพบว่า——
“คะ คุณลุงตัวท็อป?”
น่าตกใจอยู่ไม่น้อยเลยสินะ!
“คุณลุงมาทำอะไรที่นี่คะเนี่ย? อ้อ ไม่สิ คุณลุงรู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ที่นี่? …..แล้วคุณลุงจะเข้ามาทำไมเนี่ย? นี่มันห้องหนูนะคะ เฮ้!”
แต่แขนเรียวเล็กของกู้สวงส่วงนั้นไม่อาจต้านทานพละกำลังของเขาได้จริง ๆ
และเขาไม่เพียงแต่จะเข้ามาในห้องของเธอเท่านั้น แต่เขายังใช้เท้าปิดประตูห้องของเธอจนมันเกิดเสียงดังลั่นไปทั้งชั้นอีกต่างหาก
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อสูทโยนลงบนโซฟา โดยไม่คิดที่จะหันมาสนใจกู้สวงส่วงที่กำลังยืนจ้องเขาตาเขม็งเลยสักนิด
เหลือเชื่อจริง ๆ
วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ย?
แต่พอเธอนึกอะไรขึ้นได้ เธอก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อสูทของเขาขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า “นี่ลุงเมามารึเปล่า? ห้องนี้มันไม่ใช่ห้องของลุงนะคะ รีบออกไปก่อนที่สามีของหนูจะกลับมาดีกว่า อย่าก่อเรื่องให้หนูอีกเลย!”
พอได้ยินแบบนั้น เสิ่นมั่วเฉิงเองก็เกือบจะหลุดยิ้มออกมาอยู่เหมือนกัน เขาจึงแสร้งทำเป็นถอดเนคไทออกด้วยความอึดอัด ก่อนจะคล้องคอของกู้สวงส่วงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
กู้สวงส่วงจึงย่องไปเปิดประตูออกดูด้วยความเป็นกังวล ก่อนจะเห็นว่าชายในชุดสูทสีดำที่พาตัวเธอมาที่นี่นั้น กำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเธอจริง ๆ!
ทำยังไงดีละเนี่ย? ถ้าเกิดว่าเราไล่คุณลุงตัวท็อปออกไปตอนนี้ มีหวังถูกจับได้แน่ ๆ! แล้วชายใส่สูทก็ต้องรายงานคุณสามี ว่าฉันพาผู้ชายอื่นเข้ามาในห้อง!
เธอจึงรีบปิดประตูลงและก้มหน้าเช็คเวลา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 ทุ่มตรงพอดี ตาแก่นั่นต้องใกล้ถึงที่นี่แล้วแน่ ๆ
เธอจึงสอดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง——
“ใต้เตียงก็ต่ำไป ซ่อนคนร่างสูงขนาดนี้ไม่ได้หรอก ตู้เสื้อผ้านี่ก็ดูแคบไปนิด คุณลุงเข้าไปหลบอยู่ข้างในนั้นไม่ได้แน่ ๆ ……”
แล้วกู้สวงส่วงก็วิ่งเข้าไปตรวจเช็คต่อในห้องน้ำด้วยความกระวนกระวาย “ในนี้ก็พอหลบได้ แต่ถ้าตาแก่นั่นอยากจะอาบน้ำขึ้นมาอีกล่ะ……ไม่ได้ ๆ ๆ ๆ!”
กู้สวงส่วงจึงเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยความจนปัญญา “ทำยังไงดีล่ะคุณลุง เราสองคนต้องแย่แน่ ๆ สามีหนูเขาเป็นผู้ชายที่น่ากลัวมากด้วย ถ้าเขาปักใจเชื่อว่าเราสองคนมีอะไรกันจริง ๆ เขาจะต้องฆ่าคุณลุงอย่างแน่นอน!”
เสิ่นมั่วเฉิงมองดูท่าทีที่ร้อนรนของกู้สวงส่วงด้วยความขบขัน เพราะไอ้ความที่เธออยากจะหาที่ซ่อนชู้เนี่ย มันดูเซ่อซ่าเสียจริง
แต่พอกู้สวงส่วงเห็นว่าเขายังยิ้มร่าอยู่ได้ เธอจึงระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีด้วยความโมโหจัด “ยังยิ้มได้อีกเหรอคะ! คุณลุงยังมีหน้ามายิ้มได้อีกเหรอ? ถึงคุณลุงจะไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่หนูนี่แหละ ที่จะเดือดร้อน! เพราะคืนนี้สามีของหนูเขาจะ…….”
ปากเล็กอวบของหญิงสาวตรงหน้าพร่ำบ่นไม่หยุดพัก ในขณะที่เสิ่นมั่วเฉิงกำลังจ้องมองหัวคิ้วที่ขมวดแน่นด้วยความเอ็นดู จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำบางสิ่ง เพื่อให้เธอได้หายเป็นกังวลซะ——
ริมฝีปากบางของเสิ่นมั่วเฉิงเข้าประทับที่ริมฝีปากเล็กอวบของกู้สวงส่วง
“อื้อ……” กู้สวงส่วงขัดขืนต่อการกระทำของชายร่างสูงอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล….
ความร้อนรุ่มที่เดือดพล่านอยู่ในกาย และความรู้สึกวาบหวิวจากในตอนที่เขาได้เห็นกู้สวงส่วงร้องรำทำเพลงอยู่บนเวทีในชุดราตรีสุดเซ็กซี่ มันส่งผลให้เสิ่นมั่วเฉิงไม่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเองให้สงบนิ่งลงได้เลย……
กู้สวงส่วงเองก็ไม่สามารถต้านทานพละกำลังของเขาได้ และเธอก็กลัวว่าคุณสามีจะเปิดเข้ามาเห็นภาพบาดตานี่อีก เธอจึงพยายามดิ้นพล่านด้วยความหวาดหวั่น
จนเสิ่นมั่วเฉิงต้องผละจูบออก และพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบว่า “ดิ้นอีกสิ”