หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 686 รอยสักแปลกประหลาด
ตอนที่ 686 รอยสักแปลกประหลาด
ได้ยินเสียงของเปศล เขาตกใจ รีบเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม แล้วหันกลับไปหาเขาและพูดทักทาย “พี่ฌัลล์!”
เปศลดูออกว่าเขาดูผิดปกติไป สายตามองไปยังแฟ้มในมือของเขา “ถืออะไรอยู่?’
เขาปิดแฟ้มลง ไม่อยากบอกเปศล
“อะไร?”เปศลถามด้วยเสียงสูงอีกครั้ง กลัวว่าปวีร์จะทำเรื่องไม่ดี
เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเปศล เขาจึงยอมพูดออกไป “รายชื่อของคนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษครับ”
เปศลขมวดคิ้ว เมื่อได้ยิน เขารู้เจตนาของปวีร์ “ปวีร์ ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่อยากให้นายทำเรื่องอะไรไม่ดีเพื่อฉัน นายเข้าใจใช่ไหม?”
“ผมเข้าใจ!”
“ไม่ต้องหาข้อมูลอะไรนั่นอีกแล้ว!”
“พี่ฌัลล์ ขอแค่มีความหวังเพียงน้อยนิด ผมจะไม่ยอมแพ้ ตอนนั้นพี่ก็พูดกับผมแบบนี้!” เขามองเปศล แล้วพูดอย่างแน่วแน่
“แต่มันคนละสถานการณ์กัน ตอนนี้ฉันเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี นายไม่เหมือนกับฉัน นายยังเด็ก!”เปศลพูดเตือนเขา
“ผมรู้แค่ว่า แค่ไม่ยอมแพ้ ก็จะมีโอกาส นี่คือคำที่พี่บอกกับผมตอนนั้น” ปวีร์พูด
เห็นท่าทีแน่วแน่ของเขาแล้วเปศลคงรั้งเขาไม่ได้แล้ว “ได้ นายหาได้ แต่ฉันไม่อยากให้นายทำอะไร ถ้าฉันรู้…” เขาไม่ได้พูดต่อ แต่ปวีร์คงจะรู้ความหมายของเขาดี
เปศลมองแล้วตบไหล่ของเขา จากนั้นจึงเดินออกไป
ปวีร์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังของเปศล ทำให้เขายิ่งตัดสินใจได้
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องข้อมูลนั่นแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง “ฮัลโหล ข้อมูลที่นายให้มามีคนหนึ่งชื่อ…”
สิ่งที่ทำให้จิดาภาคิดไม่ถึงก็คือเปศลนัดเธอมากินข้าว ภายในร้านอาหารเปศลมองจิดาภา “เป็นยังไงบ้างคุณจิดาภา อาหารถูกปากไหมครับ?” จิดาภาพยักหน้า “อื้ม ไม่เลวค่ะ แต่ว่าคุณฌัลล์ นี่เป็นภัตตาคารชั้นนำฉันจะสามารถติอะไรได้อีกล่ะ?” จิดาภาพูด สายตามองไปยังคนสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ราวกับว่ารู้ความคิดของจิดาภาเปศลพูด “ขอโทษนะครับ พอดีว่ามีคนเป็นห่วงมากจนเกินไป เลยส่งคนมาดูแล 24 ชั่วโมงน่ะครับ” จิดาภายิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ” สองคนนั้นรักษาระยะห่างไม่ให้เป็นการรบกวน จิดาภารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เปศลจัดการให้ ขณะนั้นเอง จิดาภามองเขา “คุณนัดฉันมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” “ทำไมถามอย่างนี้ล่ะครับ?” “ไม่งั้น คุณเชิญฉันมากินข้าวทำไมเหรอคะ?” ได้ยินดังนั้นเปศลจึงหัวเราะออกมา “อันที่จริง ก็เพื่อขอบคุณที่คุณช่วยผมครั้งก่อน อย่างที่สองก็คือมาเพื่อบอกลา ผมอยู่ที่นี่ไม่มีญาติหรือเพื่อนที่สนิท รู้จักเพียงคนเดียวก็คือ คนที่มีบุญคนช่วยชีวิต”เปศลพูด “บอกลา?” เปศลพยักหน้า “คุณจะไปไหนเหรอคะ?” “นิวซีแลนด์” “ย้ายไปเหรอคะ?” เปศลยิ้ม “ก็ไม่ถือว่าย้ายไป แค่อาจจะใช้อีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ที่นู่นน่ะ!” ได้ยินดังนั้น จิดาภาจึงพยักหน้า “ที่นั่นสวยมากค่ะ” เปศลยิ้ม “หาที่สงบๆ ใช้ชีวิตในยามแก่” “คุณก็พูดไป คุณยังดูวัยรุ่นขนาดนี้ ยังห่างไกลความแก่ค่ะ” จิดาภาพูด “ฮ่า ฮ่า..”เปศลหัวเรา ไม่รู้เพราะอะไร แค่ได้อยู่กับจิดาภา ไม่ว่าเธอพูดอะไร เขาก็รู้สึกสบายใจไปหมด “คุณพูดขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองเด็กลงเยอะเลย” จิดาภาหัวเราะ ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน พนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟ แต่ไม่ทันระวังอาหารจึงหกใส่เปศล “ขอโทษครับ ขอโทษ…” พนักงานขอโทษขอโพยด้วยความเคร่งเครียด ชายสองคนที่ยืนอยู่อีกข้างรีบเข้ามาทันที แล้วลากพนักงานออก เพื่อป้องกันอันตราย “พี่ฌัลล์!” พนักงานตกใจสุดขีด เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาก็ขอโทษไม่หยุด “คุณครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษ…” พนักงานขอโทษไม่หยุด ท่าทางดูกลัวเป็นอย่างมาก ชดใช้ไม่ได้ ล่วงเกินผิดคนแล้ว โดนไล่ออกน่ะเรื่องเล็ก ล่วงเกินเขาไปแล้ว นี่แหละเรื่องใหญ่ เขารู้กฎและสังคมในตอนนี้เป็นอย่างดี จิดาภานั่งดูอยู่อีกด้าน เหมือนเธอจะทนไม่ไหวแล้ว คิดไม่ถึงว่าเปศลจะพูดออกมา “ช่างเถอะ ไม่ใช่ความผิดของเขา ความผิดฉันเอง” พูดพลางก็ดึงกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดคราบอาหารบนตัว เมื่อได้ยินดังนั้น ชายสองก็ปล่อยพนักงานให้เป็นอิสระ “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ!” พนักงานพูดขอบคุณไม่หยุดราวกับซาบซึ้งในพระคุณ ขณะนั้นเอง จิดาภาลุกขึ้นแล้วดึงกระดาษทิชชูส่งให้เขา “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ คุณฌัลล์?” เปศล ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ผมไปห้องน้ำก่อน” จิดาภาพยักหน้าเปศลไปห้องน้ำแล้ว จิดาภานั่งรออยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกันพนักงานก็ยืนอยู่ตรงไหน ไม่กล้าออกไปไหน จิดาภามองเขาแล้วยิ้ม “เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว นายไปทำงานเถอะ” ได้ยินดังนั้น พนักงานคนนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ” พูดพลางก็รีบเดินออกไป จิดาภานั่งรออยู่ไม่กี่นาทีเปศลก็เดินเข้ามา เขาถอดสูทเมื่อกี้ออกไปแล้ว เหลือไว้แต่เสื้อเชิ้ต แขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นมาครึ่งแขน เสื้อเชิ้ตดูเหมาะกับรูปร่างของเขาเป็นอย่างมาก แม้อายุจะถึงวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ดูออกเลยว่าตอนเขายังหนุ่มในยุคนั้นไม่มีใครเทียบเขาได้แน่ๆ “ขอโทษที่ให้รอนานนะคุณจิดาภา”เปศลพูดแล้วนั่งลง “ไม่เป็นไรค่ะ” จิดาภายิ้ม พูดจบก็เหลือบไปเห็นรอยสักบนแขนของเขา เธออึ้งไปครู่หนึ่ง “รอยสักนั่น เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” เมื่อเห็นจิดาภาจ้องแขนของเขาอย่างไม่วางตาเปศลจึงหัวเราะออกมา “คุณตกใจรอยสักนี่เหรอ?” ได้ยินดังนั้น จิดาภาจึงส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ แค่คิดว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” “คุณเคยเห็น?”