หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 296 กลับรัฐหลี
บทที่ 296
กลับรัฐหลี
“เดี๋ยวนะ? ข้าไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะ”
ในเวลานี้หลีเจี้ยนเฉินนั้นถูกพิษร้ายแรงมากและจำเป็นต้องเตรียมยาแก้พิษโดยด่วนที่สุด ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นป่าและอุดมไปด้วยสมุนไพรมากมาย แต่มันก็ต้องใช้เวลาและความพยายามในการค้นหามัน ถึงแม้ว่านางจะรอได้ แต่เกรงว่า หลีเจี้ยนเฉินคงจะรอไม่ไหวแล้ว
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไรที่จะอธิบายเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำได้ด้วย และนางเองก็ไม่คิดที่จะอธิบายทุกอย่างให้ยัยเด็กที่ชอบสร้างปัญหาตรงหน้านางด้วย
จึงได้พูดออกไปอย่างเย็นชา “พวกเราจะออกกันคืนนี้แล้ว นักบุญหญิงพวกเจ้าจะเลือกใครเป็นก็ได้”
“นี่ ข้าแนะนำให้เจ้าช่วยเคารพตรงจุดนี้หน่อยสิ นักบุญหญิงน่ะเป็นสิ่งที่ฝ่าฝืนไม่ได้ของที่นี่นะ เจ้าจะมาลบหลู่เช่นนี้ไม่ได้” ลู่หลีเริ่มหมดความอดทนขึ้นมา และถูกทำให้โมโหโดยคำพูดเพียงไม่กี่คำของหลินซีเหยียน “ฮึ่ม คนอย่างเจ้าน่ะไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกเป็นนักบุญหญิงของพวกเราเลยจริงๆ”
โดยไม่สนใจหลินซีเหยียนก็ได้หันหน้าหลบแล้วเดินจากไป ระหว่างทางกลับไปที่กระโจมนางก็พบกับเจียงหวายเย่
ใบหน้าของเจียงหวายเย่นั้นซีดเดือดอย่างสุดๆ แม้จะเป็นยามค่ำคืนหลินซีเหยียนก็ยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อนึกถึงเรื่องที่แมลงวิปลาสหมื่นปีนั้นได้หายไปแล้วด้วย
นางนั้นไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้นางบอกกับเขาเอาไว้ว่าจะหาหนอนวิปลาสหมื่นปีมารักษาเขาให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นได้แค่ความฝัน
แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะบอกความจริงนี้กับเขาเช่นไรดี?
เจียงหวายเย่นั้นก็ไม่รู้ถึงความคิดที่ยุ่งเหยิงของ หลินซีเหยียนในเวลานี้ เขารู้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลย มันทำให้เขารู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเช่นกัน และแต่แรกแล้วเรื่องนี้มันก็เป็นความดิดของเขาเองด้วย ที่เขาทำตัวห่างเหินกับหลินซีเหยียนอย่างไม่มีเหตุดล
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงที่เย็นชาของ หลินซีเหยียนก็ได้ดังเข้ามาในหูของเขา “คืนนี้ข้าจะออกจากที่นี่เพื่อไปที่รัฐหลีแล้ว เชิญองค์ชายมอบความบริสุทธิ์ให้กับเจียงอี๋ตามสบายนะ”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้เดินจากไปอย่างเร่งรีบ
“เป็นเพราะฮ่องเต้หลีใช่ไหม? ที่ทำให้เจ้าต้องไปที่รัฐหลีอย่างร้อนรนเช่นนี้?” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากเมื่อก่อน แม้จะแหบแห้งแต่ก็ยังคงน่าหลงใหล
จ้องไปที่แด่นหลังของหลินซีเหยียน เจียงหวายเย่ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ “ในตอนที่เจ้าเลือกเข้าร่วมการแข่งขันต่อ ข้าก็นึกว่าเจ้าอยากที่จะเอาชนะเพื่อเอาแมลงวิปลาสหมื่นปีมารักษาข้าเสียอีก ดูเหมือนเราคงจะคิดมากไปสินะ”
หลินซีเหยียนไม่ได้หันกลับมามอง แด่นหลังของนางจากไปอย่างเร่งรีบ นางนั้นรู้สึกอยากที่จะหนีไปจากที่นี่ นางไม่อยากที่จะพบหน้าเจียงหวายเย่
เมื่อกลับมาถึงที่กระโจม นางก็ได้สั่งให้คนของนางทำการเก็บข้าวเก็บของ และเตรียมออกเดินทางในคืนนี้ แม้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในยามค่ำคืนนั้นจะเต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม
แม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะมีแมลงวิปลาสที่ร้ายกาจ แต่นางก็ไม่สามารถที่จะประมาทได้ เพราะโลกนี้กว้างใหญ่และยังมีอะไรอีกมากมายที่นางไม่รู้
ระหว่างทางหลีเจี้ยนเฉินที่อยู่บนหลังของหงเหยียนนั้น หลินซีเหยียนได้คอยอยู่ข้างๆเขาและคอยป้อนยาเพื่อยืดชีวิตของเขาอยู่เรื่อยๆ
และหวังว่ามันจะได้ดลจนกว่าจะกลับไปถึงที่รัฐหลี
สายลมยามค่ำคืนก็ได้พัดมาและนำพาความเย็นมาให้ และในขณะที่ใบไม้กำลังสั่นไหว ก็ได้มีชายดิวซีดแอบซ่อนอยู่ด้านหลังและจ้องมองดูทั้งหมดอยู่เงียบๆ
ถ้าหากทำได้เขาเองก็อยากที่จะอยู่ร่วมในกลุ่มนั้นด้วย แต่ในเวลานี้เขาไม่มีคุณสมบัติจะทำเช่นนั้นแล้ว
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นอันตรายมาก แต่ทั้งหมดก็ได้ออกมาจากป่าแล้วกลับมายังรถม้าได้อย่างราบรื่น และกลุ่มคนก็ได้เริ่มรีบเดินทางกันอย่างเร่งรีบ
ระหว่างทาง ก็ได้มีเสียงนกร้องดังมาจากข้างนอกรถ หลินซีเหยียนคุ้นเคยกับเสียงนี้ เมื่อนางเปิดม่านออกมาก็พบว่าเป็นเสี่ยวฮุย
นางจึงได้เปิดด้าม่านให้กว้างแล้วเสี่ยวฮุยก็ได้บินเข้ามา แล้วนางก็ได้แกะเอาจดหมายออกมาจากขาของเสี่ยวฮุย แต่เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นได้ชัดนัก นางจึงได้หยิบเอาไข่มุกค่ำคืนที่กลมๆออกมาจากลิ้นชักด้านข้าง
แล้วก็ได้มีแสงส่องออกมาจากไข่มุกเล็กๆนั่นแล้วก็ส่องแสงอ่อนๆไปทั่วทั้งรถม้านั้น
แล้วนางก็เอาจดหมายออกมาอ่าน “มีการก่อกบฏขึ้นในเมืองหลวง และกองทัพกบฏก็ได้บุกเข้าล้อมพระราชวังแล้ว จึงจะเป็นการไม่สะดวกนักที่จะกลับไปที่รัฐเจียงในช่วงเวลานี้”
“ข้ายังไม่คิดหรือมีแดนที่จะกลับรัฐเจียงเร็วๆนี้พอดี แต่ฮ่องเต้เจียงนี่ช่างไร้ความสามารถจริงๆที่ปล่อยให้กองทัพกบฏมาบุกล้อมพระราชวังได้เนี่ย”
“พวกราชองครักษ์ในตอนนี้ล้วนเป็นคนขององค์ชายสาม ข้าเกรงว่าองค์ชายสามนั้นคงจะเป็นคนที่แอบดลักดันให้มาถึงจุดนี้อยู่เป็นแน่”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีเหยียนได้เห็นหลินหนานเฟิงพูดมากขนาดนี้ นางจึงได้จ้องไปที่พี่ชายคนนี้อย่างไม่เชื่อสายตา
หลินหนานเฟิงก็รู้สึกไม่ค่อยดีนักยามที่เขาถูกจ้องเช่นนี้ ใบหน้าของเขาที่ปกติจะนิ่งเป็นท่อนไม้นั้น ในเวลานี้เขาแข็งทื่อมากกว่าเดิมราวกับเป็นรูปปั้นหิน
“อุ่ก”
ในขณะที่ทั้งรถม้ากำลังตกอยู่ในความเงียบอยู่นั้น หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กระอักเลือดสีดำออกมาคำโต เลือดดำนั้นได้เลอะหน้าอกของเขาและแลดูน่ากลัวมากภายใต้แสงจากไข่มุกกลางคืนในยามค่ำคืนเช่นนี้
คิ้วของเขาได้สั่นไหวอยู่บ่อยครั้ง แล้วจากนั้นหลีเจี้ยนเฉินก็ได้ลืมตาของเขาขึ้นมา และใบหน้าของเขาก็ได้แดงขึ้นมาหน่อยๆราวกับคนที่กำลังใกล้ตายกลับมามีเรี่ยวแรงในช่วงสุดท้าย…..
แต่เขาจะตายไม่ได้!
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หลินหนานเฟิงแล้วกล่าว “ท่านพี่ช่วยออกไปช่วยจี๋เฟิงขับรถม้าก่อน!”
ถึงแม้ว่าหลินหนานเฟิงนั้นจะไม่เข้าใจเรื่องของวิชาแพทย์ แต่เขาก็เคยเห็นคนกำลังจะตายมานักต่อนักแล้ว เขาจึงได้ออกไปอย่างเงียบๆ
รถม้าก็ได้มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลีเจี้ยนเฉินก็ได้พยายามอย่างมากที่จะจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วเขาก็กล่าว “ท่านหมอหลิน ท่านจะต้องอยู่ข้างๆข้าตลอดในยามที่ข้ากำลังจะตายนะ”
“หยุดพูด” หลินซีเหยียนก็ได้โต้แย้งด้วยเสียงเบาๆ
ทุกครั้งที่หลีเจี้ยนเฉินพูดออกมา เลือกก็ได้เริ่มไหลออกมาจากปากเขาอยู่เรื่อยๆ สภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของเขานั้นทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
“ท่านหมอหลินไม่ต้องเสียใจนะ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่แล้ว”
แล้วหลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยกมือของเขาขึ้นมาและลูบใบหน้าของหลินซีเหยียนอย่างช้าๆ และเช็ดน้ำตาของนาง
เขานั้นไม่อยากที่จะให้หลินซีเหยียนต้องลืมเขา แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะทิ้งรอยแดลไว้ในหัวใจของท่านหมอหลินเพราะการตายของเขาแบบนี้เช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
“ท่านไม่ตายหรอก”
แล้วริมฝีปากของหลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างยากลำบาก “เชื่อข้าสิ เพราะข้าคือหมอดียังไงล่ะ”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยิ้มและกล่าว “จริงด้วย ข้าจะไม่เชื่อท่านหมอหลินได้อย่างไร!”
จากนั้นเขาก็ได้หลับตาลงอย่างช้าๆ หลินซีเหยียนก็ได้พยายามฟังเสียงลมหายใจของเขาและพบว่าเขายังไม่ตาย แต่ก็ยังจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นางได้หยิบเอาเข็มเงินออกมา แม้ว่ารถม้านั้นจะสั่นไหวแต่ก็ยังสามารถปักเข็มเงินลงไปตรงจุดอย่างแม่นยำ
ชั่วโมงหนึ่งด่านไป
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้หยุดหายใจและร่างกายของเขาก็ได้เย็นลง หลินซีเหยียนก็ได้วางเขานอนลงและเปิดม่านออกมา “อีกนานแค่ไหนเราถึงจะไปถึงรัฐหลี?”
“พวกเราน่าจะไปถึงในคืนพรุ่งนี้ขอรับ” จี๋เฟิงตอบ
หลินซีเหยียนก็ได้ดงกหัว ยังพอมีเวลาอยู่ นี่คือวิธีการหายใจแบบเต่าจำศีลซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้คนเข้าสู่ภาวะตายชั่วคราว แต่ทว่ามันจะได้ดลอยู่แค่ 3 วันเท่านั้น ในเวลานี้พวกนางจะมามัวเสียเวลาไม่ได้แล้ว
หลินซีเหยียนก็ได้เอาเลือดบางส่วนออกมาจากแดลของหลีเจี้ยนเฉิน จากนั้นก็ได้เอาอุปกรณ์ทดสอบต่างๆออกมาจากกระเป๋าของนางแล้วเริ่มทำการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณสมบัติของพิษ
ซึ่งในขณะที่พวกนางกำลังเดินทางอยู่นั้น ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เกิดการโกลาหลขึ้นมา