หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 280 พิธีแต่งตั้งองค์หญิง
บทที่ 280 พิธีแต่งตั้งองค์หญิง
“ถ้าเพื่อเอาคืนแล้ว คงไม่ได้หยุดแค่นั้นแน่!”
ในอดีตหลีเจี้ยนเฉินนั้นเคยคิดว่าตัวเขานั้นรู้จักผู้หญิงเป็นอย่างดีแล้ว แต่ตอนนี้เขาพบว่าตัวเขานั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขานั้นไม่เข้าใจว่าทำไมหลินหัวเยว่ถึงได้ไม่ลังเลที่จะปล่อยให้ตัวเองต้องถูกขึ้นคร่อมโดยคนเป็นร้อยเป็นพันเพื่อเป็นการเอาคืน
ถ้าหากนางมีปัญญามากกว่านี้ นางอาจจะไม่ใช้วิธีที่ทำให้ตัวเองยากที่จะแก้ไขได้เช่นนี้
“ผู้หญิงนั้นก็มีการแข่งขันกันไม่แพ้ของผู้ชายนั่นแหละ เพียงเพื่อจะเอาคืนแล้วผู้หญิงก็สามารถที่จะกัดฟันทนและยอมทำในสิ่งที่ผู้ชายไม่อาจทำได้”
ทันทีที่หลินซีเหยียนพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างในหลังคานั้นดูเหมือนว่าใกล้จะมาถึงบทจบแล้ว นางจึงได้รีบหยิบเอายาขวดหนึ่งที่อยู่ข้างเอวของนางออกมาแล้วโปรยลงไป
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง พวกเขาก็ได้เริ่มบรรเลงกันต่อ
“เมื่อสักครู่ท่านหมอเอายาปลุกกำหนัดให้พวกเขางั้นเหรอ?” หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วแอบเดาจากสิ่งที่ท่านหมอหลินถนัด
“ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอก นี่น่ะเป็นยาที่ทำให้ยาคุมกำเนิดไม่เป็นผลน่ะ ส่วนผลของมันนั้นก็คงแล้วแต่ความประสงค์ของสวรรค์ล่ะนะ”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้ดึงแขนเสื้อของหลีเจี้ยนเฉิน เป็นสัญญาณบอกว่าให้พานางลงมาได้แล้ว
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้กอดเอวของหลินซีเหยียนอย่างยินดี แล้วจากนั้นก็ได้เหาะลงมาจากหลังคา
หลังจากที่ลงมาถึงก็พบกับเจียงหวายเย่เข้า ดวงตาของเจียงหวายเย่นั้นเย็นชามาก เขามองไปที่หลีเจี้ยนเฉินแล้วจากนั้นก็ดึงมือของหลินซีเหยียนมาแล้วกล่าว “เปิ่นหวางว่ามันน่าจะได้เวลาที่ท่านจะต้องกลับไปที่รัฐหลีได้แล้วนะ!”
“รัฐหลีนั้นมีมหานักบวชคอยดูแลอยู่แล้ว ไม่มีข้าก็ไม่เป็นอะไรหรอก?”
เจียงหวายเย่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องพูดเช่นนี้ เขาจึงได้ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีลวดลายพิเศษให้กับหลีเจียนเฉิน แล้วสีหน้าของหลีเจี้ยนเฉินนั้นก็ได้เปลี่ยนไปทันที
เดิมทีเขานั้นคิดสงสัยในความน่าเชื่อถือของข่าวนี้ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าลวดลายที่เขาเห็นในกระดาษแผ่นนี้เป็นลายที่ใช้เฉพาะในหอพันกล
“เกิดอะไรขึ้นที่รัฐหลีงั้นเหรอ?”
ดวงตาของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้เปลี่ยนไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร “ท่านลุงของข้าได้พาคนที่มีสายเลือดราชวงศ์หลีมาเพื่อก่อการกบฏ เกรงว่าข้าคงจะต้องจากท่านหมอ…..”
แม้ว่าเขาจะพูดออกมาไม่จบประโยค หลินซีเหยียนก็พอจะเดาได้ นางจึงได้ยักคิ้วแล้วกล่าว “ทำไมไม่พาข้าไปกับท่านด้วยล่ะ?”
“ได้!”
“ไม่ได้”
ทั้งสองคำที่ความหมายตรงกันข้ามได้ดังขึ้นมาพร้อมกัน แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินที่มีสีหน้ายินดีแล้วกล่าว “ในเวลานี้สถานการณ์ของรัฐหลีนั้นกำลังวุ่นวายมาก ท่านเองก็คงไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของเสี่ยวเหยียนเอ๋อได้”
หลีเจี้ยนเฉินเองก็คิดเช่นเดียวกัน แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ที่เจียงหวายเย่พูดมาก็มีเหตุผล ท่านหมอหลินเอาไว้ข้าจะส่งคนมารับท่านทีหลังเมื่อข้าจัดการทำให้เหตุการณ์ไม่สงบภายในจบลงแล้ว”
หลินซีเหยียนก็ได้คิดอยู่พักหนึ่ง นางเองก็รู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่น นางจึงได้ผงกหัวแล้วพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
และเพราะสถานการณ์ในรัฐหลีนั้นสาหัสมาก หลีเจี้ยนเฉินจึงได้รีบกลับไปที่รัฐหลีหลังจากที่ได้ทราบข่าวทันที
ส่วนเจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา เขานั้นทั้งโกรธและหดหู่ในเวลาเดียวกัน
หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปากแดงของนางแล้วมองมาอย่างช่วยไม่ได้ นางนั้นรู้ว่าเจียงหวายเย่กำลังโมโหอะไรอยู่ นางจึงได้พูดกับเจียงหวายเย่ “องค์ชายเคยได้ยินเรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ระหว่างรัฐจงกับรัฐหลีบ้างไหม?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ข้าได้ยินมาว่ามีชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น และผู้คนที่นั่นจะฝึกฝนและเลี้ยงแมลงวิปลาสกัน”
“และที่นั่นจะมีแมลงพิษที่ทุกคนที่นั่นบูชากัน ซึ่งเรียกกันว่าแมลงวิปลาสหมื่นปี แมลงพิษตัวนั้นจะสามารถขจัดพิษในตัวท่านออกได้ และจะทำให้ท่านไม่ถูกพิษใดๆอีกหลายร้อยชนิด”
อย่างนี้นี่เอง! ถ้าหากเขาไม่เข้าใจว่าหลินซีเหยียนหมายถึงอะไร ก็ไม่ใช่เจียงหวายเย่แล้ว!
“ที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไปจากที่นี่ไม่ใช่เพื่อไปทำธุรกิจ หรือไปเพราะหลีเจี้ยนเฉิน แต่เป็นเพราะเปิ่นหวางอย่างนั้นเหรอ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่เสี่ยวเหยียนเอ๋ออย่างเงียบๆ แล้วความสุขก็ได้พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของเขา จากนั้นก็เหมือนกับเขาจะนึกอะไรบางอย่างออกได้ แล้วรอยยิ้มของเขาก็ได้ค่อยๆแข็งทื่อไป
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ คิดที่จะแอบไปลับหลังเราใช่หรือไม่?”
เป็นที่รู้กันดีว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ง่ายที่จะเข้าไป ถึงแม้ว่าจะไปได้แต่เขาก็ไม่ยอมให้หลินเสี่ยวเหยียนไปเด็ดขาด
หลินซีเหยียนก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะต้องตอบกลับมาเช่นนี้ ตอนแรกนางจึงคิดที่จะไปเอาแมลงวิปลาสหมื่นปีมาก่อนแล้วค่อยบอกกับเจียงหวายเย่ “แมลงวิปลาสหมื่นปีนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะได้มันมา”
เจียงหวายเย่นั้นรู้ดีถึงความจริงข้อนี้ดี เขาจึงไม่ยอมที่จะให้หลินซีเหยียนไปเด็ดขาด
แล้วเขาก็ได้จับมือของหลินซีเหยียน แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้เปิดปากและกล่าว “เมื่อธุระในเมืองหลวงเสร็จสิ้นแล้ว เรากับเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะเดินทางไปด้วยกันนะ”
ถ้าสุดท้ายหากเขาสามารถที่จะรอดไปได้ เขาจะเล่าตัวตนของเทียนเอ๋อในเวลานั้นให้ฟัง แล้วจากนั้นก็จะใช้ชีวิตที่เหลือของเขานี้เพื่อไถ่บาปของเขา
หลังจากที่ตั้งมั่นเช่นนั้น เจียงหวายเย่ก็ได้จูงมือของหลินซีเหยียน แล้วเดินไปตามถนนผ่านกระแสของผู้คนด้วยกัน
วันต่อมา ก็ได้ถึงวันพิธีแต่งตั้งหลินรั่วจิ่งขึ้นเป็นองค์หญิง หลินซีเหยียนนั้นไม่อาจเข้าร่วมงานได้เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสของนาง แต่นางก็ยังแอบเข้ามาในงานเพื่อร่วมสนุกอยู่ดี
ในท้องพระโรง ฮ่องเต้นั่งอยู่ที่ราชบัลลังก์ที่สง่างาม และเจ้ากรมพิธีการก็ได้อ่านม้วนกระดาษสีแดง
การแต่งตั้งหลินรั่วจิ่งขึ้นเป็นองค์หญิงเช่นนี้ อย่างไรเสียก็เพื่อจะได้ชุบเลี้ยงหลินรั่วจิ่งในพระราชวัง ซึ่งคนที่ฉลาดหน่อยต่างก็มองออกในปราดเดียวว่าฮ่องเต้นั้นต้องการที่จะอบรมให้หลินรั่วจิ่งนั้นได้กลายเป็นว่าที่ฮองเฮาเป็นแน่แท้
แล้วต่างก็มีสีหน้าที่ครุ่นคิดขึ้นมา หากว่าพวกเขามีลูกสาวแล้ว พวกเขาก็ควรที่จะส่งลูกสาวของพวกเขาให้มาทำความรู้จักสนิทสนมกับหลินรั่วจิ่งให้มากกว่านี้เพื่อผลประโยชน์
ส่วนเจียงหวายเย่ที่นั่งดูอยู่ด้านข้างนั้น ในหัวของเขานั้นไม่ได้สนใจหลินรั่วจิ่งเลย แต่กลับสนใจชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเขาแทน หนุ่มนั้นกำลังจ้องไปที่หลินรั่วจิ่งอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรกลับมีสีหน้าที่ประชดประชันออกมาด้วยซ้ำ
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อยืนไม่เมื่อยบ้างเหรอ?” เจียงหวายเย่ก็ได้ถามด้วยความเป็นห่วง
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนางแล้วก็พูดเบาๆให้แค่สองคนได้ยิน “ระวังเรื่องฐานะระหว่างท่านกับข้าหน่อยสิ”
เจียงหวายเย่ก็ได้บิดริมฝีปากของเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขารู้สึกว่าฐานะองค์ชายของเขานั้นมันช่างเป็นปัญหาเสียจริงๆ เขาจึงจำต้องมองไปข้างหน้าต่อ
ด้วยเสียงที่แหลมสูงดังขึ้นมา ก็ได้มีลูกศรขนนกพุ่งผ่านอากาศมาและมุ่งไปยังเจียงหวายเย่ และเพราะว่าฮ่องเต้เจียงอยู่ที่นี่ด้วย หน่วยอันจึงไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวได้ จึงได้มีเพียงอันอี้คนเดียวที่สามารถออกมาปกป้องเจียงหวายเย่ได้
และเพราะการขัดขวางของอันอี้ ลูกศรขนนกก็ได้ถูกเบี่ยงออกไป แล้วไปปักลงตรงหน้าขององค์ชาย ทำให้องค์ชายต้องตกใจกลัวจนสลบไป
“ทหาร! ที่นี่มีมือสังหาร รีบเข้ามาเร็วเข้า”
ก่อนจะหาที่หลบซ่อนตัวกาวกงกงยังไม่ลืมที่จะตะโกนออกมา แสดงให้เห็นถึงการอุทิศตัวในการทำหน้าที่ของเขา”
แล้วเหล่าองครักษ์ทั้งหมดก็ได้พากันกรูเข้ามา แต่มือสังหารที่แฝงอยู่ในฝูงชนนั้นหาได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับกันพวกเขากลับพากันบุกเข้ามาโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเอง
“คนพวกนี้มันทหารเดนตาย”
เจียงหวายเย่ก็ได้ลุกขึ้นยืน และมองทะลุผ่านองครักษ์ไปยังตัวของฮ่องเต้ แล้วเขาก็ได้ปกป้องหลินซีเหยียนที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วกระซิบกระซาบ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรา เจ้าหนีไปหาที่ซ่อนก่อนเถอะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว นางนั้นรู้ดีว่าถ้านางอยู่ต่อก็จะเป็นภาระเจียงหวายเย่เปล่าๆ นางจึงได้หยิบเอาขวดยาออกมาจากข้างเอวของนางแล้วส่งให้เจียงหวายเย่
ทั้งคู่มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ราวกับทั้งคู่นั้นเชื่อมถึงกัน
“ต่อหน้าพระพักตร์ พวกเจ้ายังจะกล้าคิดทำอะไรอุกอาจ ช่างกล้าหาญจริงๆพวกเจ้าไม่กลัวฮ่องเต้จะพิโรธบ้างหรืออย่างไร?”
ลำพังวรยุทธ์ของเจียงหวายเย่แล้ว ต่อให้มีองครักษ์เป็นอันอี้แค่คนเดียวเขาก็ไม่แพ้ง่ายๆแน่ แต่การลอบสังหารครั้งนี้เกรงว่าคงจะไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา