หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 272 ทำให้ผู้คนยอมจำนน
บทที่ 272 ทำให้ผู้คนยอมจำนน
“ยะ… อย่างนั้นหรือ?” พร้อมกันนั้นมือที่จับแก้วชาก็เริ่มสั่นเทา ไม่เพียงเท่านั้นหลินซีเหยียนยังทำเสียงสั่นเครือน้อย ๆ ขณะแสร้งขอร้องจิ่งชุนด้วย “จิ่งชุน เจ้าจะปกป้องข้าใช่หรือไม่?”
คุณหนูของนางปกติก็งดงามไร้ที่ติอยู่แล้ว และยิ่งตอนนี้นางมาทำตัวให้ดูน่าสงสาร ถึงจิ่งชุนจะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งทำก็เถอะ แต่นางก็ยังอดรู้สึกอยากปกป้องอีกฝ่ายเพราะท่าทางแบบนั้นไม่ได้
“คะ… คุณหนู” จิ่งชุนพูดออกไปด้วยเสียงแหบพร่า แถมยังเกือบจะพูดออกมาด้วยว่า ‘ข้าจะปกป้องท่านเอง’
ทว่าเพียงชั่วพริบตานั้นเอง จิ่งชุนก็ทันเห็นว่าคุณหนูของนางแอบลอบยิ้มอยู่ นางจึงหลุดจากกับดักของอีกฝ่ายในที่สุด
“คุณหนูเจ้าคะ ท่าทางของท่านช่างดูชั่วร้ายมากเลยเจ้าค่ะ”
“อ๊ะ จริงหรือนี่? ข้าว่ามันออกจะดูธรรมดามากเลยนะ” คนเจ้านายเผยรอยยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ควันชาที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่มาพร้อมกับกลิ่นหอมขณะที่รสสัมผัสกำลังจะเข้าไปในปาก ก็ทำให้นางต้องเอ่ยปากชม “ชาดี”
ในขณะที่เรือนเชียนเหยียนกำลังเงียบสงบอยู่นั้น เสียงของมหาเสนาบดีหลินก็ดังข้ามกำแพงมาอีกระลอก “ซีเหยียน ถ้าเจ้าไม่เปิดประตูออกมา ข้าจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!”
หลินซีเหยียนทำเป็นหูทวนลมพร้อมกับวางถ้วยชาลง จากนั้นทำเป็นพ่นลมออกทางจมูกและไม่คิดสนใจ
จิ่งชุนที่สังเกตการเคลื่อนไหวจากทั้งฝั่งนอกประตูและในประตูก็เริ่มถามนายหญิงของตนด้วยความไม่สบายใจ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านไปทำให้ใครเป็นใบ้มากันแน่เจ้าคะ?”
เมื่อเห็นว่าด้านนอกชักจะมีเสียงเอะอะครึกโครมมากขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำเสนาบดีหลินยังบอกว่าจะให้คนพังประตูเข้ามาจริง ๆ จิ่งชุนจึงมองคุณหนูของนางด้วยสายตาอ้อนวอนขอคำตอบ
ถึงนางจะอยู่กับคุณหนูสามมานานแล้วก็เถอะ แต่นางก็ยังไม่เคยเจออะไรเช่นนี้เลย เอาเถอะ ถ้าคุณหนูยังใจเย็นได้ แล้วทำไมข้าจะใจเย็นบ้างไม่ได้
ขณะที่จิ่งชุนพยายามปลอบใจตัวเองอยู่ หลินซีเหยียนก็ทำเพียงกินขนมหวานอย่างเบื่อหน่าย ไม่นานนัก นางก็หาวหวอดออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเทียนเอ๋อ “เจ้าคิดว่าเราปิดประตูแน่นเกินไปหรือเปล่า? นี่เราก็รอกันมาตั้งนานมาแล้วนะ แต่พวกเขาก็ยังไม่พังประตูเข้ามาเสียที…”
เทียนเอ๋อที่กำลังเบื่ออยู่เช่นเดียวกัน อยู่ ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาเด็กน้อยพลันเปล่งประกายวิบวับ “ท่านแม่ ท่านต้องการให้ข้าช่วยพวกเขาหน่อยหรือไม่ขอรับ?”
หลินซีเหยียนกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา “เจ้าจะช่วยพวกเขาอย่างไร?”
เทียนเอ๋อตัวน้อยยังไม่ตอบคำถามของมารดา แต่กลับวิ่งตื๋อเข้าไปในห้อง แล้วหยิบเอาม้านั่งออกมา “แน่นอนว่า ก็ขึ้นไปนอนบนกำแพงแล้วพูดเอาใจช่วยพวกเขาอย่างไรล่ะขอรับ!
“เป็นความคิดที่ดีนี่นา”
ด้วยเหตุนี้ สองแม่ลูกก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่ปีนขึ้นไปนอนบนกำแพง แล้วมองไปที่เหล่าข้ารับใช้ที่กำลังหมดแรง
“เทียนเอ๋อ เจ้าว่าพวกเขาจะเข้ามากันได้เมื่อไร?” หลินซีเหยียนพูดกับลูกตน ซึ่งเสียงดังพอจะทำให้เหล่าคนที่อยู่ข้างล่างได้ยิน
“ดูเหมือนว่าวันนี้ก็คงเข้ามาไม่ได้แน่ขอรับ”
“แม่ก็คิดเช่นนั้น อย่างไรเสียก็มีแต่พวกผู้หญิงลิ้นยาวและคนลวงโลกอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ก็ไม่อยู่ข้างพวกเขาเลยกระมัง”
สองแม่ลูกคุยกันออกรสออกชาติราวกับว่าไม่มีใครได้ยิน ซึ่งคำพูดพวกนั้นก็ได้ทำให้บรรดาคนที่อยู่ข้างล่างหน้าดำคล้ำเขียวขึ้นภายในพริบตา แต่โชคร้ายตรงที่ว่า ต่อให้พวกเขาอยากจะตะโกนด่าหลินซีเหยียนกลับไปมากเท่าไร ก็ไม่อาจทำเช่นนั้นในสภาพไม่มีเสียงได้
“หลินซีเหยียน เจ้ารีบลงมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนนินทาว่าบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้เป็นพวกลวงโลก มหาเสนาบดีหลินก็หน้าเครียดขึ้งขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่พูดชักจะไม่เป็นมิตรขึ้นทุกขณะ “นังลูกไม่รักดี ยังไม่รีบลงมาอีก! เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้าได้สร้างปัญหาไว้มากขนาดไหน!”
หลินซีเหยียนซึ่งยามนี้ไม่คิดยี่หระต่อเสียงนกเสียงกาก็หันไปพูดกับเจ้าลูกชาย “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังมีเรี่ยวแรงเหลือนะ พวกเรากลับไปรอกันเถอะ!”
แล้วสองแม่ลูกก็หายไปจากกำแพงต่อหน้าผู้คนอย่างช้า ๆ
หลังจากที่ทั้งคู่ทำการ ‘เอาใจช่วย’ พวกคนหน้าประตูไปแล้ว มหาเสนาบดีหลินก็เรียกคนให้มาช่วยพังประตูเพิ่ม เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูเรือนเชียนเหยียนก็ได้เปิดออก
กลุ่มคนเนืองแน่นเดินจ้ำอ้าวไปหาหลินซีเหยียนแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ โดยที่มีมหาเสนาบดีหลินนำอยู่หน้าสุด ข้างหลังติด ๆ กัน เป็นฮูหยินอวี้กับหลินรั่วจิ่ง
เมื่อเห็นว่าพวกคนที่อยู่ข้างนอกประตูในที่สุดก็เข้ามาได้แล้ว หลินซีเหยียนจึงตะโกน “จิ่งชุนคนไม่ดีมากันแล้ว รีบออกมาปกป้องคุณหนูของเจ้าหน่อยเร็ว!”
สิ้นคำ จิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยก็ออกมาพร้อมกับไม้กวาด แต่เมื่อพวกนางเห็นฮูหยินใหญ่ในเรือนแห่งนี้ พวกนางก็หน้าถอดสี และไม่รู้ว่าไม้กวาดที่อยู่ในมือขณะนี้ ควรจะถือต่อหรือวางลงดี
ในขณะที่สองสาวใช้ยังละล้าละลังอยู่นั้น เสียงของหลินซีเหยียนก็ดังขึ้น “มาอยู่ข้างหลังข้า”
จิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยวิ่งไปอยู่ข้างหลังหลินซีเหยียนตามคำทันที พร้อมกันนั้นก็กำไม้กวาดในมือและแสดงสีหน้าหนักแน่น “ในเวลานี้พวกเราเป็นคนของคุณหนู ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราก็จะปกป้องคุณหนูเจ้าค่ะ”
หลินซีเหยีนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในฐานะที่เป็นคนของนาง ทั้งสองคนจะต้องไม่กลัวใครทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่มหาเสนาบดีตัวจ้อยตรงหน้า
ในเวลานี้เป้าหมายหนึ่งของนางนั้นสัมฤทธิผลแล้ว เช่นนั้นหลินซีเหยียนก็ย่อมดูแลหญิงรับใช้สองคนนี้เป็นอย่างดี “พวกเจ้าทั้งสองคนรอคำสั่ง ไม่ต้องไปไหน ที่เหลือคอยดูข้าไว้ให้ดีก็พอ”
จิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยพยักหน้ารับทราบหงึกหงัก กระนั้นก็ยังจ้องไปที่กลุ่มคนข้างหน้าอย่างระแวดระวัง เผื่อว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ด้วยพฤติกรรมที่แข็งข้อของหญิงสองนางนี้ มหาเสนาบดีหลินก็อยากจะสั่งสอนยิ่งนัก แต่ติดที่มีเรื่องใหญ่และสำคัญมากต้องจัดการก่อน “ซีเหยียน รีบส่งยาถอนพิษนั่นมา ไม่อย่างนั้นแม้แต่ข้าก็ไม่อาจปกป้องเจ้าไว้ได้”
“ปกป้องข้า?” หลินซีเหยียนเหยียดยิ้มเยาะขณะพูดจาแดกดันอีกฝ่าย “ท่านมหาเสนาบดี ท่านอย่ามาล้อข้าเล่นเลย ท่านเคยปกป้องข้าที่ไหนกัน”
“จริงอยู่ที่เมื่อก่อนพ่อเคยละเลยต่อเจ้าและทำให้เจ้าต้องถูกรังแก แต่สิ่งที่เจ้าทำในวันนี้มันมากเกินไป ข้าขอให้เจ้ารีบส่งยาถอนพิษมาจะดีกว่า” มหาเสนาบดีหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงเพื่อเกลี้ยกล่อมนาง แต่หลินซีเหยียนน่ะหรือจะไปทำตามคำพูดที่ดูหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนั้นได้ลง
ดวงตาหงส์ไฟคู่งามชำเลืองไปมองบรรดาคุณผู้หญิงทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังเสนาบดีหลิน มันเต็มไปด้วยความเย็นชา อีกทั้งยังแผ่รังสีกดดันหนักอึ้งออกมาอีก
นางยังนั่งอยู่ตรงม้าหินด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง กระนั้นยังแฝงความเย้ายวนอยู่ในที “พวกเจ้าอยากจะได้ยาถอนพิษอย่างนั้นหรือ?”
บรรดาสตรีตรงนั้นพากันพยักหน้าเป็นรัว สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าอยากได้ยาถอนพิษมากเพียงใด พวกนางอยากได้เสียงตัวเองกลับมาใจจะขาด
สีหน้าของหลินซีเหยียนก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในพริบตา นางกวาดตามองคนรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนคนที่เหลือรู้สึกกดดันและหนาวเย็น
ไม่ช้า นางก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษมาสิ!”
“…”
ทุกคนต่างไม่เชื่อหูตัวเอง และคิดว่าทำไมพวกตนจะต้องขอโทษด้วย
พวกนางทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลที่มีคนนับหน้าถือตา ถ้าหากวันนี้จะต้องมาก้มหัวขอโทษคนที่เด็กกว่า แล้วพวกนางจะสามารถเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพในครอบครัวตัวเองได้อย่างไร
การที่ต้องลดตัวเองทำอะไรเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อย่างแน่นอน!
ถึงวันนี้หลินซีเหยียนจะเอาไม่ยาพิษมาให้ แต่ถ้าหากกลับเรือนตนเองไป สามีของพวกนางก็คงจะหาวิธีรักษาพิษติดใบ้นี่ได้สักทาง!
หลินซีเหยียนที่รู้ทันความคิดของกลุ่มคนเบื้องหน้าก็แย้มยิ้มหนาวเย็นขึ้นมา “ข้าแนะนำให้พวกเจ้าเลิกหวังพึ่งคนอื่นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าหากพวกเจ้าพลาดโอกาสนี้ไป และเสียงของพวกเจ้าไม่กลับมาเป็นเช่นเดิม ข้าก็จะไม่รับรู้ด้วยแล้ว”
ในขณะที่ฝ่ายฮูหยินกำลังจะพะงาบปากต่อรองต่อนั้น คนเฝ้าประตูก็วิ่งมาเข้ามาแจ้งข่าวนาง “คุณหนูสามขอรับ คุณชายจากตระกูลท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อเข้ามาขอพบคุณหนูขอรับ”
เยี่ยจุนเจี๋ยช่างมาได้ถูกเวลาเสียจริง!
หลินซีเหยียนกลอกตาในใจ ก่อนจะฝากสารกับคนเฝ้าประตู “ไปบอกเขาว่าวันนี้ข้ามีธุระสำคัญ ไม่อาจไปพบด้วยได้”