สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 95 มาตามหาถึงที่บ้าน
บทที่ 95 มาตามหาถึงที่บ้าน
บทที่ 95 มาตามหาถึงที่บ้าน
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนก็มานั่งดูโทรทัศน์พร้อมกับรับประทานผลไม้บนโซฟา แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
แม่ของลู่ฉิวเยว่ลุกขึ้นไปเปิดประตู เพราะนึกว่าเพื่อนบ้านแวะมาหา แต่เธอไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้เห็นรอยยิ้มอันกว้างใหญ่นั้นเมื่อเปิดประตูออกไป
โดยไม่รู้ตัว
แม่ของลู่ฉิวเยว่ก้าวถอยหลัง ก่อนจะยกมือชี้ไปที่คนนอกประตูและพูดออกมาว่า “เธอหาที่นี่เจอได้ยังไง?”
แม่ของลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจ
“พี่สาวจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนผู้นั้นยืนยิ้มกว้างอย่างประจบประแจงอยู่หน้าประตูพร้อมกับส่งของขวัญในมือมาให้ “พี่บอกฉันหน่อยสิว่าจะไปหาซื้อเมล็ดแตงโมทอดได้ที่ไหน พี่ก็รู้ว่าครอบครัวฉันมีทั้งเด็กและคนแก่ ฉันต้องเลี้ยงดูอีกตั้งแปดชีวิต พี่สงสารฉันเถอะนะ ฉันจะไม่เอาเปรียบพี่เลย ถ้าฉันขายได้แล้วฉันจะมาแบ่งให้พี่ด้วย”
“แม่คะ เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ฉิวเยว่ได้ยินเสียงจึงเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นแม่
แม่ของเธอมองผู้มาเยือนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะดึงลู่ฉิวเยว่ให้ไปหลบอยู่ด้านข้าง และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยเสียงกระซิบ
ปรากฏว่าแม่ของเธอพบกับหญิงคนนี้ตอนออกไปขายเมล็ดแตงโมทอด ตอนแรก แม่ของเธอเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกค้าประจำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนามาตีสนิทเพื่อจะหลอกถามข้อมูลทุกอย่างที่เป็นไปได้ในการทำเมล็ดแตงโมทอด
แม่ของลู่ฉิวเยว่ไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายพยายามจะแย่งธุรกิจของตนเอง ดังนั้นแม่ของเธอจึงปิดปากเงียบ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ยังคงมาตีสนิทอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงหลัง แม่ของลู่ฉิวเยว่จึงไม่พูดอะไรอีกเลย
ผู้หญิงคนนี้หายหน้าไปหลายวัน แม่ของลู่ฉิวเยว่จึงนึกว่ายอมตัดใจไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ หล่อนกลับมาปรากฏตัวที่บ้านของเธอในตอนนี้
ลู่ฉิวเยว่ปลอบโยนให้แม่ใจเย็นลง แล้วบอกท่านว่าเธอจะจัดการเอง เธอเดินพาแขกไปยืนคุยอยู่ที่ลานหน้าบ้าน และสั่งให้หวังเซวียนเซวียนนำน้ำชาไปให้ด้านนอก เธอจะไม่เชิญแขกเข้าไปในบ้านเด็ดขาด
เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่ออกมาคุยด้วย หญิงผู้มาเยือนก็ขอร้องให้เธอบอกแหล่งซื้อเมล็ดแตงโม โดยรับปากว่าจะให้รางวัลลู่ฉิวเยว่อย่างงาม เมื่อพูดคุยมาถึงตรงนี้ หญิงวัยกลางคนก็หยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋า
ลู่ฉิวเยว่รับซองจดหมายมาเปิดดู ด้านในไม่ใช่จดหมายแต่เป็นธนบัตรรวมแล้วเกือบ 100 หยวนเลยทีเดียว
ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะใช้เงิน 100 หยวนตัดเส้นทางทำกินของแม่เธอ นับว่ามีเล่ห์เหลี่ยมพอสมควร แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“เชิญดื่มน้ำชาก่อนเถอะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ขัดจังหวะการพูดของอีกฝ่าย “คุณพูดมาตั้งเยอะ ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หญิงวัยกลางคนก็พอจะเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านนี้ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหน้า “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อเฉิงซู เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร เรามีร้านและลูกจ้างเป็นของตัวเอง”
นั่นไง ไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วย
ลู่ฉิวเยว่เข้าใจแล้ว เธอยิ้มตอบกลับไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อลู่ฉิวเยว่ ฉันเป็นคนทอดเมล็ดแตงโมพวกนั้นเอง คุณจะเรียกฉันว่าอะไรก็ตามใจเถอะ”
เฉิงซูถึงกับตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นคนทอดเมล็ดแตงโมได้อร่อยขนาดนั้น
ไม่ใช่ว่าเฉิงซูจะไม่สงสัย แต่ก่อนหน้านี้ ตนเองได้ตรวจสอบข้อมูลมาพอสมควรแล้ว เธอไม่พบข้อมูลเลยว่าแม่ของลู่ฉิวเยว่ไปซื้อเมล็ดแตงโมทอดเหล่านั้นมาจากที่ไหน ด้วยเหตุนี้ เฉิงซูจึงเชื่อว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดเป็นความจริง
หล่อนยิ้มและพูดต่อไปว่า “คุณลู่ เอาแบบนี้ไหม ฉันได้ลองรับประทานเมล็ดแตงโมที่บ้านของคุณเอาไปขายแล้ว มันมีรสชาติดีมาก ฉันอยากจะรู้ว่าแม่ของคุณไปเอาเมล็ดแตงโมทอดพวกนั้นมาจากที่ไหน ฉันก็เลยอุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณลู่ที่ยังสาวยังสวยจะเป็นคนทอดเองกับมือ ไม่ทราบว่าพวกเราพอจะมีโอกาสร่วมธุรกิจกันได้บ้างไหม?”
เมื่อเห็นว่าลู่ฉิวเยว่ยังคงมีท่าทางสงบเยือกเย็นเหมือนไม่สนใจ เฉิงซูก็พูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าคุณยอมขายเมล็ดแตงโมทอดเหล่านั้นให้ฉัน ฉันรับปากเลยว่าเมล็ดแตงโมทอดของคุณจะถูกขายไปตามส่วนต่าง ๆ ในเมืองของเราในระยะเวลาอันรวดเร็ว และน่าจะได้เข้าไปขายในห้างสรรพสินค้าด้วยเช่นกัน”
เฉิงซูพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่นหมดหัวใจ เธอไม่เชื่อว่าหญิงสาวรุ่นใหม่อย่างลู่ฉิวเยว่จะไม่ยอมงับเหยื่อล่อที่เธอเสนอให้อย่างเย้ายวนใจเช่นนี้
ลู่ฉิวเยว่มองเห็นแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมล็ดแตงโมทอดของเธอจะถูกนำไปขายในห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อเฉิงซูพูดออกมาว่าต้องการจะซื้อในจำนวนมาก ลู่ฉิวเยว่ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าพวกเธอควรจะร่วมธุรกิจกัน เมื่อเมล็ดแตงโมทอดของเธอโด่งดัง ก็จำเป็นต้องหาหุ้นส่วนมาร่วมธุรกิจอยู่แล้ว และลู่ฉิวเยว่ก็จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าเมล็ดแตงโมทอดของเธอจะขายไม่ได้…
ลู่ฉิวเยว่ไม่อยากแสดงสีหน้าออกไปให้ชัดเจนมากเกินไป เธอยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบอย่างช้า ๆ ก่อนพูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณเฉิงต้องการสินค้าจำนวนเท่าไหร่คะ?”
มีหวังแล้ว!
เฉิงซูรีบตอบคำถามด้วยความกระตือรือร้นว่า “ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น สำหรับการร่วมธุรกิจกันครั้งแรก ฉันอยากลองสั่งดูสัก 100 กิโลกรัมก่อนก็แล้วกัน ถ้าขายได้ดี ฉันก็จะมารับจากคุณเพิ่มในอนาคต!”
นี่คือการวางแผนที่จะร่วมธุรกิจกันในระยะยาว
ลู่ฉิวเยว่ไม่ใช่คนโง่ เธอยังไม่อยากร่วมธุรกิจในระยะยาวตอนนี้ จึงยิ้มตอบกลับไปว่า “เราลองร่วมธุรกิจกันสั้น ๆ ดูก่อนดีไหมคะ ถ้ามีแววว่าจะไปได้ดีจริง ๆ เราค่อยมาคุยกันเรื่องร่วมหุ้นระยะยาวก็ยังไม่สาย”
เฉิงซูไม่พอใจกับการต่อรองของลู่ฉิวเยว่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะนี่เป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างพวกเธอ ดังนั้นเฉิงซูก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเมล็ดแตงโมทอดเหล่านั้นจะสามารถขายได้จริง ๆ หรือไม่
ถ้าสามารถขายได้ดีจริง ๆ ก็ค่อยกลับมาคุยกับลู่ฉิวเยว่ทีหลังก็ได้
หลังจากนั้น พวกเธอก็คุยกันเรื่องราคา
“กิโลละ 2 เหมาเนี่ยนะคะ?” ลู่ฉิวเยว่ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “คุณเฉิงไม่เกรงใจกันเลย ครอบครัวของฉันขายกิโลละ 10 เหมาแล้ว คุณให้ราคาต่ำแบบนี้ พวกเราเอาออกไปขายเองดีกว่า!”
“ไม่ใช่นะ คุณลู่ ฉันจะสั่งเมล็ดแตงโมทอดจากคุณในจำนวนมาก คุณจะได้เงินรวมแล้วดีกว่าไปขายกิโลกรัมละ 10 เหมาซะอีก” เฉิงซูพยายามจะเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังยืนยันคำเดิม “ฉันต้องการกิโลกรัมละ 7 เหมา แค่นี้ก็ถือว่าเป็นราคาถูกมากแล้วนะคะ ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเหมือนกัน”
เฉิงซูหัวเราะเยาะออกมา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตกลง “ก็ได้ ฉันจะยอมเชื่อคุณ”
“ส่วนเรื่องสัญญาและเงินมัดจำ…”
ลู่ฉิวเยว่ยังพูดไม่จบ เฉิงซูก็สวนกลับมาทันทีว่า “ฉันจะเอาสัญญามาให้คุณลู่เซ็นในอีก 2 วันนะ พอดีวันนี้ฉันรีบออกมา ก็เลยไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้ารับทราบ แล้วอีกฝ่ายก็เดินทางกลับไป
พ่อแม่ของเธอเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย “เราไม่ควรร่วมธุรกิจกับคนแบบนี้เลย เยว่เยว่ ลองทบทวนดูใหม่ดีไหม?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เราอาจจะได้กำไรน้อยลง แต่เราจะขายได้มากขึ้น ในอีกไม่ช้า เมล็ดแตงโมทอดของเราก็จะโด่งดังและเป็นที่ต้องการของลูกค้า แต่ว่าถ้าพ่อกับแม่จะออกไปขายเมล็ดแตงโมทอดหลังจากนี้ อย่าลืมพูดสิ่งที่หนูกำลังจะบอกด้วยนะ…”
“พูดว่าอะไร?”
“พูดว่าเมล็ดแตงโมทอดของร้านเรา แม้แต่เจ้าของกิจการใหญ่โตอย่างเฉิงซูก็ยังต้องมาขอซื้อไปขายต่อ หนูเกรงว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ พวกเราอาจจะมีปัญหาได้”
ถ้าเฉิงซูเป็นพวกนักธุรกิจเหลี่ยมจัด หล่อนก็คงไม่มาขอซื้อเมล็ดแตงโมทอดจากพวกเธออีก
แต่ถ้าเฉิงซูเป็นคนที่เชื่อใจได้ หล่อนจะต้องกลับมาพร้อมกับสัญญาและเงินมัดจำอย่างแน่นอน แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าเฉิงซูจะขอเอาสินค้าไปก่อนโดยที่ไม่จ่ายเงินมัดจำ ซึ่งถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง ก็คงลำบากใจที่จะร่วมงานกันต่อไป
หลังจากรับฟังแล้ว แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอนึกชื่นชมลูกสาวที่มีไหวพริบดีเยี่ยม ต่อให้เธอเองและสามีผนึกกำลังร่วมมือกัน ก็ยังคิดแผนการที่ซับซ้อนอย่างลู่ฉิวเยว่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“สมแล้วที่เป็นลูกสาวของพ่อ!” พ่อของเธอยิ้มออกมาด้วยความตื้นตันใจ
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการของลู่ฉิวเยว่ พ่อแม่ของเธอออกไปขายเมล็ดแตงโมทอดที่ข้างถนน เพียงไม่นาน ก็มีข่าวแพร่ออกไปว่าเฉิงซูมาติดต่อขอซื้อเมล็ดแตงโมไปขาย และเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ก็มีพ่อค้ารายย่อยจำนวนมากมาติดต่อขอซื้อเมล็ดแตงโมทอดที่บ้านของตระกูลลู่
คนเหล่านั้นต่างก็มาพร้อมกับสัญญาและเงินมัดจำ
ในวันนี้ ลู่ฉิวเยว่เพิ่งจะส่งหุ้นส่วนธุรกิจรายใหม่กลับไป ดังนั้นเธอจึงเดินไปที่ตู้โทรศัพท์และโทรไปหาฉินซือ
“คนส่งของที่คุยกันเอาไว้น่ะเหรอ?” ฉินซือตกใจเล็กน้อยที่ได้รับโทรศัพท์จากลู่ฉิวเยว่ “ทำไมอยู่ดี ๆ คุณถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”
ลู่ฉิวเยว่เล่าให้เขาฟังเรื่องการขายเมล็ดแตงโมทอด
ยิ่งมีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยต้องการจะมารับเมล็ดแตงโมทอดจากเธอไปขายต่อมากเท่าไหร่ เมล็ดแตงโมที่ได้มาจากหมู่บ้านเยว่เหลียงก็คงไม่เพียงพออีกแล้ว เธออยากจะหาคนสักกลุ่มหนึ่งไปช่วยรับส่งเมล็ดแตงโมจากเขตพื้นที่ชนบท ซึ่งพนักงานส่งของในบริษัทของฉินซือก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ฉินซือเห็นด้วยในทันที