สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 88 การหมั้นหมายในวัยเด็กของฉินซือ
บทที่ 88 การหมั้นหมายในวัยเด็กของฉินซือ
บทที่ 88 การหมั้นหมายในวัยเด็กของฉินซือ
ชาวบ้านส่วนที่เหลือมองเธอด้วยความกระตือรือร้นไม่แพ้กัน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ถ้าเธอช่วยทำเงินให้ชาวบ้านได้ก็ดีหรอก แต่ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรแน่นอนนี่สิ
ลู่ฉิวเยว่พูดว่า “เดี๋ยวหนูกลับไปปรึกษาพ่อแม่ในอำเภอก่อนนะคะ ถ้าเห็นว่าพอจะขยายได้ หนูจะกลับมาซื้อเมล็ดแตงโมของทุกคนแน่นอน ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
เธอปลอบโยนชาวบ้านด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ทุกคนพยักหน้า ไม่มีทางเลือกนอกจากกลับบ้านของตนเองและได้แต่ภาวนาในใจให้หญิงสาวกลับมารับซื้อเมล็ดแตงโมอีกครั้ง
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้กลับไปดูที่ร้านอาหารของตนเองนานแล้ว เธอรู้สึกเป็นกังวล ในเมื่อจัดการปัญหาทุกอย่างเรียบร้อย เธอจึงเก็บของเตรียมตัวกลับเข้าไปที่อำเภอ
เธอกลับไปในอำเภอด้วยรถยนต์ของฉินซือ คุณลุงและคุณป้ามอบของฝากจากสวนของพวกท่านมาครึ่งคันรถ ทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
แม่ของเธอก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นถุงของฝากขนาดใหญ่หลายใบ สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะพูดออกมาว่า “สงสัยคุณลุงคุณป้าคงเตรียมของฝากพวกนี้เอาไว้นานแล้ว พวกเขาคงรู้อยู่แล้วว่าลูกกำลังจะกลับแน่ ๆ พวกเราเข้าบ้านกันก่อนเถอะ”
พูดจบ หญิงวัยกลางคนก็อยากจะเข้าไปช่วยฉินซือถือถุงข้าวของเหล่านั้น แต่ชายหนุ่มก็ไล่เธอกลับเข้าบ้าน “ผมทำเองครับ คุณป้า ผมแข็งแรงดี คุณป้ากลับเข้าบ้านไปพร้อมกับฉิวเยว่เถอะครับ ผมยกคนเดียว แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ฉิวเยว่บ่นตลอดว่าคิดถึงคุณป้าจนนอนไม่หลับมาหลายวันแล้วครับ”
นี่เธอพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ลู่ฉิวเยว่มองฉินซือตาขวาง ก่อนจะดึงตัวแม่ให้กลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับตนเอง
แม่ของเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มคงไม่อยากให้เธอเหนื่อย ดังนั้นหญิงวัยกลางคนจึงพยักหน้า ยิ่งรู้สึกชอบใจในตัวว่าที่ลูกเขยมากขึ้น
ที่โต๊ะอาหารค่ำ ลู่ฉิวเยว่บอกเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่หมู่บ้านเยว่เหลียง แล้วพวกท่านก็ต้องตกตะลึงไปทันที
“ลู่ฉิวเยว่ ลูกกล้าหาญเกินไปไหม! นั่นมันพวกลักลอบขนของเถื่อนเชียวนะ แต่ละคนตัวใหญ่เป็นมนุษย์ยักษ์ทั้งนั้น ลูกกล้าไปยุ่งกับพวกมันได้ยังไง! ถ้าพวกมันรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ? ถ้าลูกเกิดเจ็บตัวขึ้นมาล่ะ? แม่จะทำยังไง?” แม่ของเธอตกใจกลัวจนดวงตาแดงก่ำราวกับว่ากำลังจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ “ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูก พ่อแม่จะอยู่กันยังไง!”
พวกเขามีลู่ฉิวเยว่เป็นแก้วตาดวงใจเพียงคนเดียว ที่ผ่านมา พวกเขาจึงทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี ถ้าพวกเขารู้ว่าลูกสาวกำลังทำเรื่องอันตรายอยู่เช่นนั้น คนเป็นแม่คงพาตัวเธอกลับมาอยู่ในอำเภอตั้งนานแล้ว!
พ่อของเธอมีดวงตาเป็นประกาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากถอนหายใจและพูดว่า “ฉิวเยว่ พ่อว่าลูกทำได้ดีมากเลยนะ พ่อภูมิใจมาก แต่หวังว่าครั้งต่อไป ลูกคงจะเห็นความปลอดภัยของตัวเองมาก่อนเป็นอันดับแรก”
ลู่ฉิวเยว่รู้เช่นกันว่าครั้งนี้ตนเองวู่วามเกินไปหน่อย ซึ่งทำให้พ่อแม่ตื่นตระหนก ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปฏิเสธ และทำได้เพียงรับปากอย่างหนักแน่นว่าเธอจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วในอนาคต
ในเวลาเดียวกันนี้ เรื่องราวนี้ก็รู้ไปถึงบ้านตระกูลฉินเช่นกัน
ในห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลฉิน พ่อแม่ของชายหนุ่มกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แต่พวกท่านไม่ได้สนใจเนื้อหาที่กำลังดูอยู่บนหน้าจอเลยแม้แต่นิดเดียว
“ลู่ฉิวเยว่เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญจริง ๆ นอกจากจะเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว ยังมีจิตใจเด็ดเดี่ยว เหมาะกับลูกชายของเราเหลือเกิน” แม่ของฉินซือใช้ส้อมจิ้มผลไม้ในจานบนโต๊ะกาแฟใส่ปากอย่างอารมณ์ดี
พ่อของฉินซือพยักหน้า แววตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม ชายชาติทหารอย่างพวกเขาชื่นชอบผู้หญิงที่มีจิตใจแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวอย่างนี้เป็นที่สุด ถ้าก่อนหน้านี้ลู่ฉิวเยว่สามารถทำได้ 9 คะแนนในหัวใจของเขา ตอนนี้เธอก็ได้รับ 10 คะแนนเต็มจากใจพ่อของฉินซือเรียบร้อยแล้ว
ลู่ฉิวเยว่เหมาะสมที่จะเป็นลูกสะใภ้ของเขามากที่สุด
“ฉินซือของเรานี่โชคดีจริง ๆ” เขาหัวเราะออกมา
แม่ของฉินซือยิ้มอย่างมีความสุข เธอกำลังนึกภาพลูกชายของตนเองแต่งงานกับลู่ฉิวเยว่ แล้วสองหนุ่มสาวก็จะสร้างครอบครัวกันอย่างมีความสุข พอลู่ฉิวเยว่ตั้งท้อง พวกท่านก็จะกลายเป็นคุณปู่คุณย่า เมื่อถึงเวลานั้น แม่ของฉินซือก็คิดว่าตัวเองต้องเป็นหญิงชราที่มีความสุขที่สุดในโลกอย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็จะพาหลานออกไปวิ่งเล่นในชุมชนทหารทุก ๆ วัน ทำให้พวกภรรยาของนายทหารคนอื่น ๆ ต้องอิจฉาเธอ
แต่แล้วป้าแม่บ้านก็เข้ามาขัดจังหวะความเพ้อฝันของผู้เป็นนายหญิง “มีคนจากตระกูลจ้าวมาค่ะ พวกเขารออยู่ข้างนอกแล้ว”
“ให้พวกเขาเข้ามา” พ่อของฉินซือวางหนังสือเกี่ยวกับทหารในมือลง พลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน แม่ของฉินซือก็มีใบหน้าที่มีความสุขเช่นกัน
ตระกูลฉินกับตระกูลจ้าวมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมายาวนาน พ่อแม่ของฉินซือมีมิตรภาพที่ดีกับพ่อแม่ของจ้าวซูซิน พวกเขาถือเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงตรุษจีนหรือช่วงวันหยุดใดๆ ก็มักจะมารวมตัวสังสรรค์กันเสมอ นี่พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันร่วมเดือนแล้ว จึงรู้สึกคิดถึงกันไม่น้อย
“น้องสาว พวกเราได้พบกันแล้ว” แม่ของจ้าวซูซินเดินยิ้มเข้ามาสวมกอดแม่ของฉินซือทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
แม่ของฉินซือพยักหน้า เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายนั่งลง “พวกเธอคงยุ่งมากเลยใช่ไหมเนี่ย ฉันอยากไปหาเมื่อเดือนก่อน แต่เธอก็ไม่อยู่บ้านเลย ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ? มีเวลาว่างแล้วเหรอ?”
แม่ของจ้าวซูซินส่ายหน้า “จะไปว่างได้ยังไง ตอนนี้ก็ยังยุ่งอยู่เลย”
“อ้าว?” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นฝ่ายเจ้าบ้านยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น “งั้นวันนี้พี่มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้มาหาฉันแบบนี้?”
แม่ของจ้าวซูซินพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะตอบว่า “ฉันมาที่นี่ในวันนี้เพราะเรื่องของเสี่ยวซิน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อแม่ของฉินซือก็นั่งตัวตรงทันที โดยเฉพาะคนเป็นแม่ที่พูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้น แม่ของจ้าวซูซินก็ได้เปิดเผยถึงเจตนาการมาเยือน
“ฉันลองมาคิด ๆ ดูแล้วนะ ฉินซือก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เสี่ยวซินของฉันก็โตพอที่จะแต่งงานได้เหมือนกัน ฉินซือมีอาชีพการงานที่มั่นคง เสี่ยวซินก็กำลังจะเรียนจบแล้ว ให้พวกเขาแต่งงานกันเลยดีกว่า ยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าไหร่ เสี่ยวซินจะได้คอยช่วยเหลือฉินซือเรื่องงานในอนาคตด้วย”
แม่ของฝ่ายชายพูดอะไรไม่ออก เธอลังเลเล็กน้อย
แม่ของฝ่ายหญิงจึงพูดต่อไป “เธอจำได้ไหมว่าเมื่อก่อนเราก็คุยเรื่องหมั้นหมายกันแล้ว? ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่นา”
รอยยิ้มบนใบหน้าแม่ของฉินซือหายไปทันที เธอมีสีหน้าเคร่งขรึมตอนที่พูดว่า “ตอนนั้นพวกเราแค่พูดเล่นกันไม่ใช่เหรอ ลูก ๆ ของพวกเราเพิ่งจะไม่กี่ขวบเอง คุณพี่จะมายึดถือเป็นจริงจังได้ยังไง? อีกอย่าง ตอนนี้ฉินซือก็มีแฟนแล้ว คุณพี่คงไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองไปเป็นมือที่สามของคนอื่นหรอกใช่ไหม?”
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่แม่ของจ้าวซูซินบอกว่าจะให้เด็กทั้งสองคนแต่งงานกันเมื่อโตขึ้นนั้น พ่อแม่ของฉินซือไม่ได้ปฏิเสธเพราะตอนนั้นลูกของตนเองยังเป็นเด็กน้อย แล้วมันก็สมควรเป็นเพียงเรื่องตลกในวงอาหารเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ของจ้าวซูซินจะยึดถือเป็นเรื่องจริงจังจนถึงกับเอามาพูดเป็นเรื่องเป็นราวในตอนนี้
“น้องสาว ครอบครัวของพวกเราสนิทกันถึงขนาดนี้ เธอเองก็เห็นเสี่ยวซินมาตั้งแต่เด็ก ๆ เธอรู้จักลูกสาวของฉันดี แล้วคนนอกอย่างลู่ฉิวเยว่จะมาดีไปกว่าลูกสาวฉันได้ยังไง? ฉันได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นเคยมีคู่หมั้นมาก่อนแล้วนะ แต่สุดท้ายก็มีคนเห็นว่าไปมั่วอยู่กับผู้ชายคนอื่นในหมู่บ้านกลางทุ่งข้าวโพด…” พูดมาถึงตรงนี้ แม่ของจ้าวซูซินก็ทำสีหน้าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงลู่ฉิวเยว่อย่างนั้น ใบหน้าของแม่ฉินซือก็เย็นชาขึ้นมาในทันใด เธอแทบจะเป็นลมด้วยความโกรธแค้นสุดขีด
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ผู้เป็นสามีก็แอบกระตุกชายเสื้อเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เธอเงียบ
“พี่จ้าว พี่สะใภ้ ฉินซือของพวกเราเป็นเด็กดื้อด้าน เมื่อเขาตัดสินใจอะไรแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ พวกเราพ่อแม่ไม่ได้แทรกแซงการตัดสินใจของเขามาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าเรื่องสำคัญในชีวิตเขาอย่างการแต่งงาน พวกเราก็ยุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด ถึงพวกคุณจะมาพูดแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมา “ปล่อยให้เสี่ยวซินไปหาผู้ชายดี ๆ คนอื่นเถอะ ในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่ดีกว่าฉินซืออีกตั้งมากมาย อย่ามาจมปลักอยู่กับลูกชายของผมเลย”