สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 87 หนีไม่รอด
บทที่ 87 หนีไม่รอด
บทที่ 87 หนีไม่รอด
“มากินข้าวได้แล้ว ฉิวเยว่ ฉินซือ ทั้งสองคนมัวทำอะไรกันอยู่น่ะ?” คุณป้าเรียก
ลู่ฉิวเยว่ตอบกลับไปทันทีว่า “กำลังจะไปแล้วค่ะ!”
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ กลุ่มนายตำรวจก็อดชื่นชมไม่ได้ว่าเมล็ดแตงโมทอดของลู่ฉิวเยว่นั้นอร่อยจริง ๆ
“คุณลู่ คุณช่วยพวกเราเอาไว้เยอะมาก เดี๋ยวเราจะช่วยคุณขายเมล็ดแตงโมเหล่านี้ให้เป็นการตอบแทนแล้วกัน ถ้าพวกเราได้ลาหยุดครั้งหน้าเมื่อไหร่ ผมจะให้หัวหน้ามาเหมาเมล็ดแตงโมของคุณให้หมดเลย!”
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกาย เธอรู้สึกมีความสุขและยิ้มตอบกลับไปว่า “งั้นฉันก็ต้องขอบคุณพี่หวังเหมือนกัน! ฉันจะลดให้คุณ 20% เลยค่ะ!”
หลายคนพร้อมใจกันหัวเราะออกมา แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าบรรดาคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมนั้นได้เปลี่ยนใจอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณลุงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาปิดประตูรายงานว่า “ลุงพึ่งผ่านไปที่กระท่อมไม้หลังนั้นมา คนร้ายพวกนั้นมันไม่อยู่แล้ว”
“หา?” นายตำรวจเสี่ยวหวังรีบลุกขึ้นนั่งทันที พวกเขากำลังรอคอยเวลานี้มานานแล้ว “ผมจะรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบเดี๋ยวนี้ พวกเราต้องรอรับคำสั่งก่อน!”
ทุกคนพยักหน้า
กลุ่มคนร้ายผู้ลักลอบขนของเถื่อนเหล่านี้อาจจะเริ่มเล่นลูกไม้อะไรอีกครั้ง ทางตำรวจต้องใช้โอกาสนี้จับตัวผู้กระทำผิดให้ได้!
ปฏิบัติการในส่วนที่เหลืออันตรายมากเกินไป ลู่ฉิวเยว่และคุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน พลางภาวนาให้ทางตำรวจจับกลุ่มคนร้ายได้สำเร็จ
“หลานว่าพวกเขาจะเป็นอะไรไหม?” คุณลุงถูมือด้วยความตึงเครียดขณะเดินไปมาในห้องนั่งเล่น กลุ่มนายตำรวจออกไปตั้งแต่ตอนเช้า ตอนนี้ยังไม่มีข่าวกลับมาเลย ดังนั้นคุณลุงจึงเป็นกังวลเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเราเตรียมตัวกันดีมาก ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของคุณตำรวจของพวกเรา!”
“หัวหน้าหมู่บ้าน โทรศัพท์ครับ!”
มีเสียงตะโกนมาจากตู้โทรศัพท์ที่ทางเข้าหมู่บ้าน คุณลุงรีบวิ่งออกไปด้วยความตื่นตกใจทันที
ลู่ฉิวเยว่ไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป เธอกำหมัดแน่น หวังให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
เธอรู้ดีว่านายตำรวจทุกคนทุ่มเทขนาดไหน บางครั้งเธอตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนดึกก็ยังเห็นพวกเขานั่งจับกลุ่มปรึกษาแผนการในการจับกุมคนร้าย เธอหวังว่าความพยายามของพวกเขาจะสัมฤทธิ์ผล
“ไม่เป็นไรหรอก” ฉินซือตบไหล่เธอเบา ๆ เป็นการปลอบโยน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณลุงก็กลับมา ลู่ฉิวเยว่รีบเข้าไปถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
คุณลุงส่ายหน้า
หรือว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด?
หัวใจของลู่ฉิวเยว่แทบจะหลุดออกจากหน้าอก ความคิดที่ไม่เป็นมงคลปรากฏขึ้นในหัว ทำให้เธอรู้สึกเศร้าอย่างควบคุมไม่ได้
“ลุงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทางตำรวจบอกให้พวกเราเข้าไปที่อำเภอเพื่อให้ปากคำ” คุณลุงพูดออกมาทันทีหลังจากนั้น
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่มีข่าวก็ดีกว่าได้รับข่าวร้าย เธอรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะเตะคุณลุงเล็กน้อย มีอะไรก็น่าจะพูดก่อนสิ! คุณลุงทำให้เธอตกใจแทบตาย!
ฉินซือรู้สึกตลกขบขันจนต้องพยายามกลั้นยิ้ม แต่เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาหยอกล้อแฟนสาว ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณต้องไปให้ปากคำที่ตัวอำเภอไม่ใช่เหรอ? พวกเราไปกันเถอะ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่ฉิวเยว่ก็จ้องมองไปที่สถานีตำรวจซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองเคยมาที่นี่กี่ครั้งแล้วหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่ การได้เป็นแขกประจำของสถานีตำรวจไม่ใช่เรื่องดีเลย
“อ้าว คุณลู่!” ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไป สวีชางโจวก็จำเธอได้และเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
ลู่ฉิวเยว่โบกมือทักทายเขา “คุณตำรวจสวี อย่าพูดแบบนั้นสิคะ จะให้ประชาชนมาสถานีตำรวจบ่อย ๆ คงไม่ดีหรอกมั้ง”
สวีชางโจวรู้สึกขบขันกับคำตอบของเธอ “แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องดีนะครับ คุณลู่มีส่วนสำคัญในการจับกุมคนร้ายของทางตำรวจ หัวหน้าของเราอยากจะมอบรางวัลให้คุณ”
“รางวัลอะไรกันคะ พวกเราประชาชนก็ควรรับใช้ประเทศชาติอยู่แล้ว” ลู่ฉิวเยว่ไอแห้ง ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวไม่รู้เลยว่าใบหน้าของฉินซือที่ยืนอยู่ข้างหลังในตอนนี้ดำคล้ำไปหมดแล้วจากบทสนทนาระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่ม
ฉินซือรู้สึกอยู่เสมอว่าไม่ว่าลู่ฉิวเยว่จะไปที่ไหน เธอก็เหมือนจะลืมไปเลยว่ามีเขามาด้วยอีกทั้งคน
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ลู่ฉิวเยว่ก็จะมีผู้ชายให้เลือกมากมายในอนาคต
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ฉินซือก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากเท่านั้น เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองควรจะขอหมั้นกับลู่ฉิวเยว่เลยดีไหม
บรรยากาศรอบข้างเย็นชาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แม้แต่คุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านก็ยังรู้สึกได้ แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังคงพูดคุยกับสวีชางโจวต่อไปอย่างร่าเริง
“ฉิวเยว่ เห็นว่าผู้กำกับอยากเรียกตัวเราเข้าไปพบไม่ใช่เหรอ?” คุณลุงไม่มีทางเลือกนอกจากเตือนเบา ๆ
“ผมเกือบลืมไปเลย!” สวีชางโจวรีบเดินนำกลุ่มคนไปที่ห้องทำงานของผู้กำกับ
ตอนนี้เองที่สีหน้าของฉินซือกลับมาเป็นปกติบ้างแล้ว
“คุณลู่ คุณฉิน หัวหน้าหมู่บ้านลู่ เชิญทางนี้ครับ” เมื่อผู้กำกับเห็นพวกเขาก็ยิ้มแย้มต้อนรับ ดวงตาเป็นประกายอย่างคนใจดี
ฉินซือพยักหน้าทักทาย “สวัสดีครับ”
เป็นเพราะการร่วมมือระหว่างลู่ฉิวเยว่กับกลุ่มนายตำรวจสายสืบเหล่านั้น การจับกุมจึงผ่านไปอย่างราบรื่น กลุ่มคนร้ายถูกจับอย่างดิ้นไม่หลุด
ผู้กำกับเรียกพวกของลู่ฉิวเยว่เข้ามาในวันนี้เพราะอยากจะมอบรางวัลเป็นการตอบแทนให้แก่ความดีความชอบที่พวกเธอได้ทำเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ ผู้กำกับจึงสั่งทำป้ายผ้าเชิดชูเกียรติมาให้พวกเขา และยังเขียนจดหมายขอบคุณเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ลู่ฉิวเยว่รับมาตรวจสอบดู ถ้อยคำในจดหมายเปิดเผยถึงความจริงใจ หญิงสาวยิ้มออกมาเล็กน้อย นี่คือของรางวัลที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับ
หลังจากมอบรางวัลให้เรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับก็ได้สั่งให้นำรถตำรวจไปส่งทุกคนกลับสู่หมู่บ้านเยว่เหลียง ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับก็คือนายตำรวจเสี่ยวหวัง ส่วนสวีชางโจวก็เป็นผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ พวกเขาพูดคุยกันถึงช่วงเวลาที่กลุ่มนายตำรวจสายสืบได้มาแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน เรื่องราวในครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกรักประเทศชาติมากยิ่งขึ้น
ดอกไม้แดงขนาดใหญ่ถูกผูกติดอยู่ข้างหน้ารถยนต์ คำว่า ‘ตำรวจ’ ประทับติดอยู่บนตัวถังของรถ เมื่อรถตำรวจแล่นเข้าไปในหมู่บ้าน ก็เป็นที่สะดุดตาของชาวบ้านโดยทันที ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“สุดยอดไปเลย!” หลังจากได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้น กลุ่มชาวบ้านก็พากันร้องตะโกนชื่นชมพวกของลู่ฉิวเยว่ที่มีไหวพริบและความฉลาดอันยอดเยี่ยม
“เด็กคนนี้ฉลาดจริง ๆ เธอใช้การขายเมล็ดแตงโมบังหน้าให้คุณตำรวจได้กลับไปส่งข่าวโดยไม่มีพิรุธ! สมแล้วที่เธอเป็นหลานสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน!”
“หัวหน้าหมู่บ้านครับ คุณสร้างเกียรติยศใหญ่หลวงให้แก่หมู่บ้านของเรา! คุณลงจากตำแหน่งเมื่อไหร่ พวกเราจะจัดงานเชิดชูเกียรติให้เลย!”
…
กลุ่มชาวบ้านพากันตื่นเต้น พวกของลู่ฉิวเยว่ยังไม่ทันได้เดินกลับบ้าน ทุกคนก็ได้รับการชื่นชมจนต้องยิ้มจนเมื่อยปาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทุกคนอย่าชมหนูเลย ถ้าทุกคนยังชมหนูแบบนี้อีก หนูคงต้องเป็นลมแน่ ๆ” เธอส่ายหน้าและพูดด้วยความลำบากใจ
หม่าต้าซุยหัวเราะออกมาอย่างชอบใจและตะโกนว่า “เธอคือวีรสตรีของพวกเรา! พวกเราก็ต้องชื่นชมเธอสิ! ถ้าฉันได้เป็นคนที่ได้รับจดหมายชื่นชมจากผู้กำกับนะ ฉันคงเอาเรื่องนี้ไปคุยโม้ได้ทั้งชีวิตเลย!”
หลังจากนั้น กลุ่มชาวบ้านก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
เมื่อรถตำรวจแล่นจากไป ชาวบ้านก็แยกย้ายสลายตัว บางคนเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนกลับไป พวกเขายังได้โน้มตัวมาถามลู่ฉิวเยว่ว่า “เธอยังรับซื้อเมล็ดแตงโมอยู่ไหม? พวกเรามีที่บ้านเยอะเลย ยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี”
ชายคนหนึ่งถามคำถามนั้นออกมาเพราะที่บ้านของเขายังเหลือเมล็ดแตงโมอีก 2 ถุงใหญ่ที่ขายไม่ได้ เขารู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าถ้าทิ้งไว้นานมากกว่านี้ก็จะขายไม่ได้อีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ไม่กล้าตอบตกลงในทันที แม้ว่าเมล็ดแตงโมจะขายได้ดีในหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าถ้าเอาไปขายในอำเภอ มันจะขายดีเหมือนกันหรือเปล่า
เธอตอบไปว่า “เดี๋ยวหนูขอไปตรวจดูตลาดก่อนนะคะ ถ้าในอำเภอน่าจะขายได้ หนูจะกลับมาซื้อเพิ่ม”