สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 86 ฉินซือ คุณอายตัวเองบ้างไหม!
บทที่ 86 ฉินซือ คุณอายตัวเองบ้างไหม!
บทที่ 86 ฉินซือ คุณอายตัวเองบ้างไหม!
“หม่าต้าซุย เธอได้ยินมาจากไหน?”
“นั่นสิ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเถอะ?”
หญิงอ้วนคนนี้เป็นคนขี้โวยวายอยู่แล้ว ครั้งนี้ชาวบ้านเลยไม่ค่อยอยากจะเชื่อ พวกเขานึกว่าเธอล้อเล่น
“ฮึ่ย!” หม่าต้าซุยกระทืบเท้าด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “พูดจริงนะ! ฉันไม่ได้โกหก! ไม่เชื่อไปถามที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านดูสิ! ซีฉุนเริ่มเอาเมล็ดแตงโมของพวกเขาไปขายแล้ว ถ้าพวกเธอไปตอนที่ลู่ฉิวเยว่ไม่รับซื้อแล้ว อย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!”
จริงหรือนี่?
กลุ่มหญิงสาวคิดสงสัย
“งั้นพวกเราไปดูกันดีกว่าว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” หญิงสาวคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วเดินนำทุกคนตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน “ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ฉันคงต้องสั่งสอนบทเรียนหม่าต้าซุยสักหน่อยแล้ว”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น พวกเธอก็รีบวิ่งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ในใจก็ยังสงสัยอยู่ว่าจะเป็นเรื่องจริงไหม เพราะที่ผ่านมา หม่าต้าซุยเป็นพวกชอบพูดไปเรื่อย จึงดูไม่น่าเชื่อถือเลยเวลาที่เธอพูดเรื่องราวจริงจัง
กลุ่มหญิงชาวบ้านตรงเข้าไปถามลู่ฉิวเยว่ พวกเธอพบว่ามันเป็นความจริง ลู่ฉิวเยว่ยินดีรับซื้อเมล็ดแตงโมกิโลกรัมละ 8 เหมา
ในปีนี้ มีคนปลูกแตงโมเพื่อเอาเมล็ดมาขายมากมาย ราคาจึงตกลงจนน่าตกใจ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านขายได้เพียงกิโลกรัมละ 5-6 เหมาเท่านั้น บางครั้งชาวบ้านตั้งราคาขายไว้ที่กิโลกรัมละ 9 เหมาก็ไม่มีใครมาซื้อเลย ทุกคนจึงท้อใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะสร้างความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงให้กับพวกเขาเช่นนี้
“ฉิวเยว่เป็นคนดีจริง ๆ! ฉันเชื่อว่าเธอต้องขายเมล็ดแตงโมทอดได้ดีแน่นอน!” ใครบางคนยิ้มประจบประแจง ก่อนจะหมุนตัววิ่งกลับไปที่บ้านของตนเองเพื่อนำเมล็ดแตงโมมาขาย
ทุกคนต่างก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านของตนเองเช่นกัน เพราะพวกเขากลัวว่าถ้านำมาขายช้าเกินไป ลู่ฉิวเยว่จะเลิกรับซื้อแล้ว และเมล็ดแตงโมของพวกเขาก็ต้องถูกปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านอย่างไร้ค่าตามเดิม
“ลู่ฉิวเยว่ เธอแน่ใจนะว่าจะขายเมล็ดแตงโมพวกนี้ได้หมด?” อาหลี่ผู้เป็นเพื่อนบ้านเดินมาหยิบเมล็ดแตงโมที่โต๊ะน้ำชาไปหนึ่งกำมือ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ยกขาขึ้นไขว่ห้าง และกัดเมล็ดแตงโมอย่างสบายอารมณ์
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปอย่างสบายใจว่า “เดี๋ยวลุงก็รู้ค่ะว่าหนูจะขายหมดหรือเปล่า”
“เมล็ดแตงโมทอดบ้านเธออร่อยมากเลย อร่อยกว่าที่ขายอยู่ในเมืองอีก เธอทอดยังไงเหรอ?” เขาถามออกมาอีกครั้งด้วยเจตนาชัดเจน
ทุกคนรอบตัวมองไปที่อาหลี่ด้วยความประหลาดใจ สายตาของพวกเขามองไปด้วยความเหยียดหยาม อาหลี่คนนี้กำลังทานเมล็ดแตงโมของลู่ฉิวเยว่ แต่เขาก็ยังคิดจะขโมยสูตรของเธอไปอีก คนอะไรจะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้!
“อาหลี่ คุณถามแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะ ฉิวเยว่จะไปบอกสูตรลับประจำบ้านให้คุณรู้ได้ยังไง!” หม่าต้าซุยทนไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องพูดออกมาเสียงดัง
“นี่! เธอพูดอะไรของเธอ? ฉันถามไม่ได้หรือไง? ในเมื่อเราเป็นเพื่อนบ้านกัน มีหนทางทำเงินก็ควรจะแบ่งปันกันไม่ใช่เหรอ? แบ่ง ๆ กันรวยมันไม่ดีตรงไหน” อาหลี่มองเขม็งไปที่หญิงร่างอ้วน เธอพูดเสียงดังเหมือนคิดว่าทุกคนต้องสนับสนุนตนเองแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะและพูดว่า “ที่อาหลี่พูดมาก็ถูกนะคะ งั้นคุณอาแบ่งที่ดินของคุณอาให้คนอื่นอยู่ด้วยได้ไหม ในเมื่อพวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกันนี่นา มีอะไรก็ต้องแบ่งปันกันสิ! พวกเราอยู่รวมตัวกันเยอะ ๆ มันไม่ดีตรงไหน!”
อาหลี่พูดอะไรไม่ออกกับการโต้ตอบของเธอ ใบหน้าของเขาแดงก่ำมาจนถึงลำคอ เขายกมือชี้หน้าลู่ฉิวเยว่อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงวิ่งหนีออกไปจากประตูบ้านอย่างหมดหนทาง
ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดังเหมือนกำลังรับชมละครตลกฉากหนึ่ง
หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวบ้านอยู่ไม่น้อย ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงตัดสินใจจะลองขายเมล็ดแตงโมทอดในหมู่บ้านดูก่อน เพื่อวิเคราะห์ว่ารสชาติไหนขายดีที่สุด แล้วเธอก็จะลองดูด้วยว่ามันจะสามารถขายจนได้เงินจริงไหม
วันต่อมา หญิงสาวก็ไปตั้งแผงเล็ก ๆ อยู่หน้าหมู่บ้าน เมื่อเธอได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าหมู่บ้าน คนที่อิจฉาเธออย่างอาหลี่ก็ทำได้เพียงเก็บหัวหดหาง ไม่กล้ามาตอแยก่อปัญหาอีกแล้ว
อาจเป็นเพราะว่าเมล็ดแตงโมทอดของเธอมันอร่อยมากเกินไป ลู่ฉิวเยว่จึงขายดีเป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านเกือบทุกคนลองซื้อไปรับประทาน ส่วนเด็กๆ จะชอบรับประทานมากเป็นพิเศษ
ลู่ฉิวเยว่ใจดีกับเด็ก ๆ มาก เธอนำเมล็ดแตงโมใส่ในกระเป๋าให้พวกเขากลับไปกินที่บ้าน เด็ก ๆ วิ่งกลับไปด้วยความดีใจ ส่งเสียงหัวเราะเหมือนได้ค้นพบขุมทรัพย์ล้ำค่า
“ฉิวเยว่ ขอซื้อเมล็ดแตงโมทอดอีก 20 เหมา”
พ่อหม้ายคนหนึ่งจากท้ายหมู่บ้านเดินกลับมาซื้ออีกครั้ง ผู้ชายคนนี้เป็นลูกค้าประจำของลู่ฉิวเยว่ไปแล้ว เมื่อตอนเช้าเขาก็มาซื้อไปแล้ว 20 เหมา ตอนนี้เขาก็มาซื้ออีกครั้ง เธอถามยิ้ม ๆ ว่า “เมล็ดแตงโมทอดของฉันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณลุง? คุณลุงมาซื้อถึงสองรอบเชียว?”
“จะไม่อร่อยได้ยังไง? ฉันไม่เคยกินเมล็ดแตงโมทอดที่ไหนอร่อยเท่ากับของฉิวเยว่มาก่อนเลย ฉันกินได้ไม่เบื่อเลยล่ะ”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาและหยิบเมล็ดแตงโมทอดให้ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า แล้วเธอก็ยังแถมให้เขาอีกถุงหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทำให้ชายวัยกลางคนดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“คุณลุงว่าถ้าหนูเอาไปขายในเมืองจะขายได้ไหมคะ? จะมีใครซื้อไหม?” ลู่ฉิวเยว่ชวนคุย เธอต้องผูกมิตรไมตรีกับชาวบ้านเข้าไว้
ชายวัยกลางคนยกมือเกาหัว ก่อนจะยิ้มตอบว่า “ต้องขายได้แน่นอน เมล็ดแตงโมที่เธอทอดออกมานั้นอร่อยมากที่สุด ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่มีใครซื้อ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและยิ้มกว้าง “คุณลุงเฉิงให้กำลังใจหนูได้เยอะเลย”
“มีอะไรเหรอ? ทำไมดูมีความสุขจัง” ตอนกลางคืน ฉินซือมาช่วยเธอเก็บแผงและเขาก็เห็นหญิงสาวยิ้มไม่หุบ เหมือนกับว่าเธอได้พบเจอเรื่องราวดี ๆ บางอย่าง
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมา “ฉันได้เจอเรื่องที่มีความสุขมากกว่าการหาเงินแล้วน่ะสิ!”
หา? ฉินซือจ้องมองด้วยความสงสัย อะไรทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าการหาเงิน? หรือว่าเธอจะคิดค้นสูตรใหม่ในการทำอาหารได้อีกแล้ว?
นอกจากการคิดสูตร ฉินซือก็คิดไม่ออกอีกแล้วว่าอะไรจะทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนี้
หญิงสาวส่ายหน้า เธอหันไปมองรอบตัวเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เธอจึงเอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเขาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
“หมายความว่า… คุณตั้งใจปล่อยข่าวผ่านลุงเฉิงให้พวกคนที่อยู่ในกระท่อมรู้ว่าคุณจะส่งเมล็ดแตงโมไปขายในตัวเมือง เพื่อที่คุณตำรวจพวกนั้นจะได้กลับไปส่งข่าวอย่างราบรื่นงั้นเหรอ?” ดวงตาของฉินซือเป็นประกายระยิบระยับ เขาชื่นชมเธอเป็นอย่างยิ่ง ลู่ฉิวเยว่ฉลาดเลิศล้ำ อีกทั้งยังมีไหวพริบไม่เป็นรองใคร เขาช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้เป็นคนรักของเธอ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอเดินกลับไปที่บ้านของคุณลุง เธอรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยเหลือประเทศชาติ
เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน ทั้งสองคนก็บอกเรื่องนี้ต่อกลุ่มนายตำรวจนอกเครื่องแบบ พวกเขาตื่นเต้นมากและชมเชยเธอที่มีไหวพริบดีเยี่ยม หัวหน้ากลุ่มตำรวจบอกว่าเขาจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบเพื่อจะมอบความดีความชอบให้แก่พวกเธอในภายหลัง
ฉินซือก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน
แต่เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่วางแผนจับกุมคนร้ายร่วมกับกลุ่มนายตำรวจโดยไม่สนใจเขาเลย ฉินซือก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากสรุปแผนการกันเรียบร้อย ฉินซือก็เดินเข้าไปขอรางวัลจากเธอ
หญิงสาวกลอกตา เธอแอบหยิกเอวเขาในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น ก่อนจะพูดด้วยความขุ่นเคืองใจว่า “ฉินซือ คุณอายตัวเองบ้างไหมเนี่ย! ฉันกำลังคุยงานอยู่ คุณจะมาก่อกวนทำไม?”
เธอหยิกเขาเต็มแรง ทำเอาฉินซือร้องอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
“สนใจแต่งานอยู่นั่นแหละ ทำไมไม่มาสนใจแฟนตัวเองบ้าง?” เขาตอบก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาเช่นกัน ก่อนจะตีเขาเบา ๆ อย่างแง่งอน “สนใจสิ สนใจอยู่แล้ว”