สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 84 นายตำรวจสายสืบ
บทที่ 84 นายตำรวจสายสืบ
บทที่ 84 นายตำรวจสายสืบ
“ฝีมือการทำอาหารของคุณลู่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ผมไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อน” นายตำรวจคนหนึ่งยกมือใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบมันที่มุมปาก เขายังรู้สึกอยากจะรับประทานอาหารต่อไป
“ถ้าคุณเปิดร้านอาหารในตัวเมืองเมื่อไหร่ รับรองว่าผมต้องไปอุดหนุนแน่นอน”
กลุ่มนายตำรวจพากันชื่นชมฝีมือการทำอาหารของลู่ฉิวเยว่ เธอยิ้มตอบรับไปว่า “ขอบคุณมากเลยค่ะ ถ้าฉันมีร้านอาหารเปิดอยู่ในตัวเมืองเมื่อไหร่ ฉันจะต้องเลี้ยงพวกคุณอย่างแน่นอน”
ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ
และอีกหลายวันต่อมา กลุ่มนายตำรวจนอกเครื่องแบบที่แกล้งปลอมตัวเป็นญาติของหัวหน้าหมู่บ้านก็พากันไปทำความรู้จักกับกลุ่มชาวบ้าน พวกเขาจึงคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างรวดเร็ว และชาวบ้านทุกคนก็เข้าใจว่ากลุ่มนายตำรวจนอกเครื่องแบบเหล่านี้ เป็นญาติกับหัวหน้าหมู่บ้านจริง ๆ
แม้แต่บรรดาเพื่อนบ้านที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีก็ยังมองไม่ออก กลุ่มคนร้ายจึงไม่มีทางสงสัยอย่างแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง มืออาชีพย่อมเป็นมืออาชีพอยู่วันยันค่ำ เธอเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีตำรวจมาแฝงตัวอยู่เต็มหมู่บ้านไปหมดแล้ว
“นั่นอะไรน่ะ?” คุณลุงโน้มตัวเข้ามาดูเหยือกที่ตั้งอยู่บนพื้นด้วยความสงสัย สิ่งที่เขาเห็นอยู่ด้านในก็คือน้ำเกลือสำหรับแช่อาหาร
เขาได้ยินว่าลู่ฉิวเยว่นำไข่เป็ดมาหมักทำไข่เค็มหลายวันแล้ว คุณลุงก็อยากจะลองรับประทานดูเหมือนกัน หรือนี่จะเป็นไข่เค็มที่ว่านั่น?
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและพูดว่า “ไข่เค็มค่ะ”
จังหวะที่เธอกำลังจะให้คุณลุงช่วยหยิบชามมาให้หน่อย เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านนอก หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วหันไปมองด้วยความรำคาญใจ คุณย่าใหญ่กับลูกชายคนโตมาหาอีกแล้ว
“คุณย่ากับคุณลุงมาทำไมอีกคะ?” ลู่ฉิวเยว่มีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตาของเธอ เพราะไม่มีใครอยากจะต้อนรับตัวปัญหาทั้งนั้น
“พวกเรามาหาไม่ได้หรือไง? พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ” หญิงชราไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน เธอยื่นอะไรบางอย่างมาให้ลู่ฉิวเยว่ด้วยความอ่อนหวาน “ย่าเตรียมของขวัญมาให้เธอ เมื่อตอนเด็ก ๆ เธอชอบกินตังเมมากไม่ใช่เหรอ ย่าซื้อมาฝาก”
“ใช่แล้ว คุณย่าพูดถึงเธอตลอด ก็เลยขอร้องให้ฉันพามาหา…” คุณลุงลู่ยิ้มอย่างใจดี เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ที่อบอุ่น ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าครอบครัวนี้เห็นแก่ตัวขนาดไหน เธอก็คงซึ้งใจไปแล้ว
หญิงสาวขมวดคิ้ว ผู้มาเยือนเป็นแขกที่ไม่สะดวกจะขับไล่ เพราะอาจจะถูกชาวบ้านตำหนิเอาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องยอมให้พวกเขาเข้าบ้านมาอย่างไม่เต็มใจ
“เข้ามาเถอะค่ะ สรุปว่ามีเรื่องอะไร?” ลู่ฉิวเยว่ยกมือกอดอกมองไปยังแขกทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความไม่พอใจ เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกันแน่
หญิงชรากำลังมองข้าวของที่อยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอได้ยินคำถามนั้น ก็รีบหันกลับมายิ้มรับอย่างรวดเร็ว “ลุงของเธออยากจะต่อเติมบ้านเพิ่มอีกสักชั้น เธอเป็นหลานสาว ตอนนี้มีเงินมีทอง คงไม่รังเกียจที่จะให้พวกเรายืมเงินหรอกใช่ไหม พวกเราไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอยืมสัก 1,000 หยวนก็พอแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอแค่รู้สึกว่าหญิงชราไร้ยางอายจริง ๆ เงิน 1,000 หยวนถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากในยุคสมัยนี้ มันเท่ากับรายได้เป็นจำนวน 1 ปีครึ่งของคนงานธรรมดา ถ้าเป็นในครอบครัวชนบทอย่างนี้ก็สามารถใช้เงินนั้นอยู่ได้ถึง 3 ปี ถ้ากินอยู่อย่างประหยัดก็สามารถใช้ได้ถึง 4 ปีเลยทีเดียว แต่คุณย่าพูดออกมาง่าย ๆ เหมือนกับว่าเธอสามารถเสกเงินจากก้อนหินได้อย่างนั้นแหละ
และที่สำคัญ คุณย่าใหญ่กับคุณลุงลู่ก็ไม่ได้มีท่าทางเหมือนจะคืนเงินด้วย พวกเขาแค่อยากจะได้เงินของเธอเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “หนูจะไปมีเงินขนาดนั้นได้ยังไงคะ? อย่าว่าแต่ 1,000 หยวนเลย 100 หยวนตอนนี้หนูก็ไม่มี”
“ฉันไม่เชื่อ! ไม่นานมานี้ฉันได้ยินว่าแฟนของเธอเพิ่งซื้อของให้บ้านเธอตั้งเยอะแยะ เธอมีแฟนไม่ใช่เหรอ? ฉิวเยว่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในอนาคต แฟนของเธอก็จะต้องเป็นครอบครัวของเราเหมือนกันใช่ไหม? เธอไปบอกให้แฟนช่วยเอาเงินมาให้พวกเราหน่อยไม่ได้หรือไง?”
เมื่อเห็นหลานสาวปฏิเสธ หญิงชราก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ให้ไปขอเงินฉินซือเนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอไม่มีทางไปขอเงินฉินซือเพื่อเอามาให้หญิงชราจอมวายร้ายอย่างคุณย่าของเธอแน่ ลู่ฉิวเยว่ไม่มีทางลืมเด็ดขาดว่าในอดีตที่ผ่านมา คุณย่าใหญ่เคยทำอะไรเอาไว้กับพวกเธอบ้าง
“พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า “คุณย่ากับคุณลุงกลับไปเถอะ”
ปัง!
คุณลุงลู่ตบโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอย่างแรงด้วยความโมโหและตะโกนว่า “ลู่ฉิวเยว่ ฉันเป็นลุงของเธอ ให้ความเคารพกันบ้าง! เธอยังมียางอายเหลืออยู่บ้างไหม? ถ้าวันนี้เธอไม่เอาเงินมาให้ฉัน เธอก็ไม่ต้องใช้แซ่ลู่อีกต่อไป! เธอกับแม่ของเธอไสหัวออกไปจากตระกูลของเราซะ!”
เขายอมรับความจริงไม่ได้ที่หลานสาวซึ่งตนเองเคยกดขี่มาตลอดเวลากลับกลายเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งมากกว่าตนเอง และกำลังมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“แกกำลังข่มขู่ใครอยู่ไม่ทราบ!” ด้วยกลัวว่าหลานสาวของตนเองจะได้รับอันตราย เมื่อเห็นลุงลู่ตบโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด คุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่แอบดูอยู่ก่อนหน้านี้ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือทันที หลังจากที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี ใบหน้าของเขาก็ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งเมื่อคำรามออกมาอย่างนั้น ทำให้ลุงลู่ตื่นตระหนกไม่น้อย
ลู่ฉิวเยว่เกลียดคนที่ชอบตบโต๊ะเป็นที่สุด เธอมีสีหน้าเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ตอนนี้เธอไม่อยากมองหน้าคุณย่าใหญ่กับคุณลุงลู่อีกต่อไปแล้ว
“ให้ความเคารพงั้นเหรอคะ? ถ้าลุงอยากให้หนูเคารพ ลุงก็แสดงความน่าเคารพออกมาก่อนสิ อย่างน้อยก็ทำตัวเป็นคนปกติให้ได้ก่อน ดูจากสภาพของลุงในตอนนี้ แค่อ้าปากก็รู้ว่าตั้งใจมาไถเงินหนูชัด ๆ แล้วจะให้หนูเคารพได้ยังไง?” เธอหัวเราะด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “อีกอย่าง ลุงจะมาหวงแซ่ได้ยังไง? ลุงเป็นคนมอบแซ่นี้ให้หนูเหรอ? พ่อของหนูเป็นคนมอบให้ต่างหาก เกี่ยวอะไรกับลุงด้วย! แล้วพวกเราก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกแล้ว ใช่ค่ะ ถ้าพอมีอะไรที่หนูจะเคารพในตัวลุงบ้าง หนูก็คงเคารพที่ลุงหน้าด้านไร้ยางอายไม่มีใครเกินอีกแล้ว!”
ลุงลู่โกรธแค้นจนควันออกหู มือกำเป็นหมัดแน่น แต่ด้วยความที่มีหัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ตรงนี้ เขาจึงไม่กล้าทำอะไร นอกจากคิดบัญชีแค้นลู่ฉิวเยว่อยู่ในใจ
เขาจะต้องทำให้หลานสาวคนนี้รู้ซึ้งถึงอำนาจของตนเองให้ได้!
“มีอะไรกันครับ?” กลุ่มนายตำรวจนอกเครื่องแบบเพิ่งจะกลับมาพอดี เมื่อเห็นความประพฤติก้าวร้าวของลุงลู่ พวกเขาก็รีบก้าวเข้ามาในห้องและล้อมตัวคุณย่าใหญ่และลุงลู่เอาไว้ เหมือนกับว่าพร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ
คุณย่าใหญ่รีบหันมาตะโกนด้วยใบหน้าซีดขาวจากความตื่นตระหนก “นี่มันอะไรกัน! ลู่ฉิวเยว่ เธอรับแขกแบบนี้เหรอ?”
“พวกคุณย่าตั้งใจมาไถเงินหนูต่างหาก แบบนี้ไม่เรียกว่าแขกด้วยซ้ำ!” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะและชี้มือไปที่ประตู “เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ ทั้งสองคน ขออนุญาตไม่ส่งนะคะ”
“เธอ!”
หญิงชราหอบหายใจ ดวงตาขุ่นมัวด้วยความโกรธ เธอเหมือนแม่มดแก่ ๆ ที่เคยเห็นในทีวี ถ้าเด็กน้อยข้างบ้านมาเห็นเข้า พวกเขาก็คงกลัวจนร้องไห้แล้ว แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้กลัวคุณย่าใหญ่แม้แต่น้อย เพราะในชาติที่แล้ว เธอชอบดูหนังสยองขวัญยิ่งกว่าอะไรดี
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปยังญาติผู้ใหญ่ทั้งสองท่านด้วยสายตาเย็นชา “อะไรคะ? ทำไมยังไม่ไปอีก คงไม่ได้หวังอยู่กินมื้อค่ำกันหรอกใช่ไหม?”