สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 83 ลักลอบขนของเถื่อน
บทที่ 83 ลักลอบขนของเถื่อน
บทที่ 83 ลักลอบขนของเถื่อน
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหัว เธอไม่เขินอายอีกต่อไปแล้ว เธอซบหน้าลงบนหัวไหล่ของเขาและพูดว่า “มีคนจากกระท่อมในป่ามาเคาะประตูบ้านเราด้วยล่ะ”
“แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า!” ฉินซือตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขารีบจับหน้าเธอมาพิจารณาอย่างใกล้ชิด เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เขาก็รู้สึกโล่งอกมากขึ้น
ในตอนนี้ เขารู้แล้วว่าลู่ฉิวเยว่ไม่ได้เป็นเพียงแฟนและว่าที่ภรรยาในอนาคตเท่านั้น แต่เธอยังเป็นทั้งหัวใจของเขาอีกด้วย ถ้าไม่มีเธอ ฉินซือก็ไม่รู้เลยว่าโลกของเขาจะเป็นอย่างไร มันคงเป็นโลกที่มืดมนอย่างแน่นอน
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “พวกเขามาขออาหาร คงไม่เห็นอะไรผิดปกติหรอก”
ใบหน้าของฉินซือซีดขาว ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นตระหนกมากกว่าเธอเสียอีก ลู่ฉิวเยว่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้แล้วว่าเขาห่วงใยและรักเธอปานดวงใจจริง ๆ
“แฟนของผมเก่งที่สุดเลย” ฉินซือกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น พลางนึกชื่นชมในความกล้าหาญของเธอจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเขา “ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะ ตอนนั้นขาฉันสั่นไปหมดเลย”
ฉินซือส่ายหน้า ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “แค่นี้ก็เก่งแล้ว คุณเก่งที่สุดเลย”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ได้รับการชื่นชมจากเขา ฉินซือมองหน้าเธอด้วยแววตาจริงจัง หญิงสาวไม่คิดเลยว่าเวลาที่เขาชื่นชมคนอื่น รอยยิ้มของเขาจะหวานถึงขนาดนี้
“ฉันไปทำอาหารก่อนนะ” เธอผลักฉินซือออกเพื่อจะเดินเข้าห้องครัว
วันนี้เธอยุ่งทั้งวัน คุณลุงคุณป้าก็พาหวังเซวียนเซวียนไปกินอาหารข้างนอก ลู่ฉิวเยว่อยู่บ้านเพียงลำพังจึงไม่ได้เตรียมอาหารค่ำเอาไว้ เธอคิดว่าแค่มีข้าวต้มกับไข่เค็มก็พอแล้ว หญิงสาวไม่คิดเลยว่าฉินซือจะกลับมาหาตอนกลางคืนเช่นนี้
ฉินซือเดินตามเธอมาอย่างกระชั้นชิดและพูดด้วยความกระตือรือร้นว่า “คุณสอนผมทำอาหารบ้างสิ”
“คุณจะอยากทำอาหารไปทำไม?” ลู่ฉิวเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ เขาดูไม่เหมือนคนที่ชอบทำอาหารสักเท่าไหร่
ถึงแม้จะมีคนพูดว่าชายหญิงเท่าเทียมกัน แต่ก็ยังมีผู้ชายไม่น้อยที่ยึดถือคติว่างานในครัวไม่ใช่หน้าที่ของบุรุษ โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้
ฉินซือหน้าแดงขึ้นมาทันที แม้แต่ใบหูของเขาก็เป็นสีแดง เขาพึมพำก่อนตอบด้วยความเขินอายว่า “ผม…ผมอยากจะทำอาหารให้คุณทานในอนาคต”
เขารู้สึกว่าการทำอาหารให้ผู้หญิงที่เขารักเป็นสิ่งที่อบอุ่นมาก ชายหนุ่มหวังว่าลู่ฉิวเยว่จะได้รับประทานอาหารเช้าที่เขาทำเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าสักวันหนึ่ง
เพราะหญิงสาวคนนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลกของเขา เธอจึงสมควรได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเพื่อตัวเธอเอง
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ” เธอหัวเราะในลำคอ
แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่คิดเลยว่าห้องครัวของบ้านคุณลุงจะเกิดมหันตภัยใหญ่หลวงขึ้นมาทันที
“โอ๊ย! ร้อนจัง!” ฉินซือทำน้ำมันกระเด็นใส่มือจึงโยนฝาหม้อลงพื้นโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศในห้องครัวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย น้ำมันกระเด็นไปในหม้อทำให้เปลวไฟลุกโชติช่วง
ลู่ฉิวเยว่รีบหยิบฝาหม้ออีกใบหนึ่งไปปิดหม้อที่กำลังมีไฟลุก ในที่สุดเธอก็สามารถดับไฟได้สำเร็จ บรรยากาศในห้องครัวจึงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซือได้รู้ว่าการเข้าครัวจำเป็นต้องใช้ความรู้ความสามารถมากมายเช่นกัน เขาจึงมองหญิงสาวด้วยความชื่นชมมากกว่าเดิม
“ไม่ต้องมาฝึกอะไรแล้ว” ลู่ฉิวเยว่อดหันกลับไปพูดกับเขาด้วยความเหนื่อยใจไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสอนคนทอดไข่ แต่กลับเหมือนกำลังเข้าสู่สนามรบ ฉินซือไม่มีพรสวรรค์เรื่องการทำอาหารเลยจริง ๆ เขาคือความวุ่นวายในห้องครัว เขาไม่ควรเข้าไปอยู่ในห้องครัวไหนในโลกนี้ทั้งนั้น
ฉินซือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดออกมา เนื่องจากตนเองก็เพิ่งก่อความวุ่นวายในห้องครัวจริง ๆ
ถ้าเธอไม่สอนเขา เขาก็จะกลับบ้านไปให้ป้าแม่บ้านช่วยสอนเอาก็ได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ลู่ฉิวเยว่จะต้องตกใจในฝีมือการทำอาหารของเขา ฉินซือแอบหัวเราะอยู่ในใจ ความปรารถนาแรงกล้าที่จะเอาชนะซึ่งเป็นความรู้สึกที่ห่างหายไปนานได้กลับคืนมาอีกครั้ง
สองวันต่อมา บ้านของคุณลุงก็ได้รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ
“หืม”
“ดีครับ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำจากปลายสาย คุณลุงก็เอาแต่พยักหน้า
“พวกเขาว่าไงบ้างคะ?” หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็โน้มตัวเข้ามาถามด้วยความสงสัย
คุณลุงแสดงสีหน้าโล่งใจออกมา เขายิ้มและพูดว่า “คนพวกนั้นไม่ใช่ฆาตกรฆ่าคน แต่เป็นพวกลักลอบขนของเถื่อน ทางตำรวจแอบจับตาดูมานานแล้ว เห็นว่าจะส่งหน่วยสืบสวนมาสังเกตการณ์ พวกเราแค่ให้ความร่วมมือก็พอ”
นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่คุณลุงได้ทำเรื่องเช่นนี้ คุณลุงจึงตื่นเต้นจนหน้าแดง และในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เขากำลังทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ!
“ว่าแต่พวกเราต้องเตรียมตัวอะไรหรือเปล่านะ?” หลังจากนั้นไม่นาน คุณลุงก็กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง เพราะกลัวว่าถ้าตนเองทำพลาด อาจจะทำให้ทางตำรวจมีปัญหาได้
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ เราแค่ทำตัวตามปกติเหมือนเดิมนี่แหละ” ยิ่งเตรียมตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผลอแสดงพิรุธง่ายเท่านั้น
สถานีตำรวจโทรมาตอนเช้า ทางตำรวจมาถึงในตอนบ่าย ถือว่าทำงานกันรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ชาย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!” นายตำรวจนอกเครื่องแบบยิ้มกว้างและทักทายทันทีที่คุณลุงของเธอเปิดประตูออกไปรับ ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่รู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจปลอมตัวมา เธอก็คงเข้าใจว่าเขาเป็นญาติกับคุณลุงของเธอจริง ๆ
“ไม่เจอกันนานเลย น้องชาย เข้ามานั่งกันก่อนเถอะ” คุณลุงยิ้มและเดินไปช่วยหยิบกระเป๋าสัมภาระของกลุ่มนายตำรวจ
ปรากฏว่ากลุ่มนายตำรวจมาถึงบ้านของคุณลุงตอนอาหารกลางวันพอดี ลู่ฉิวเยว่ออกมาจากห้องครัวพร้อมจานอาหารมากมาย ตามมาด้วยฉินซือที่ช่วยถือหม้อน้ำซุป
เมื่อเห็นหน้ากลุ่มตำรวจ หญิงสาวก็กล่าวว่า “ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วค่ะ ทุกคนกินข้าวด้วยกันนะคะ”
“รู้สึกรบกวนจังเลยครับ” นายตำรวจคนหนึ่งยกมือเกาศีรษะ แต่ก็แอบกลืนน้ำลายหลายครั้งแล้ว
พวกเขาขับรถมาตลอดทาง ไม่ได้แวะกินอะไรเลย แต่เมื่อมาถึงบ้านหลังนี้ พวกเขาก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุย จึงยิ่งรู้สึกหิวมากขึ้นจนสามารถกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว
คุณป้ายิ้มออกมาอย่างมีเมตตา “รบกวนอะไรกันคะ เวลามีญาติมาบ้าน พวกเราก็ต้องเลี้ยงรับรองสิ”
“งั้นก็ขอบคุณพี่สะใภ้มากครับ” กลุ่มตำรวจยิ้มและนั่งลง
สิ่งที่ลู่ฉิวเยว่ทำเป็นมื้อกลางวันในวันนี้ก็คือน่องแกะทอดผัดต้นหอม เธอนำน่องแกะหมักเครื่องเทศที่ผ่านการปรุงแล้วลงไปทอดในกระทะประมาณสองนาที จากนั้นจึงโรยต้นหอมลงไปและผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง และทอดในน้ำมันอีกหนึ่งนาที เพียงเท่านี้ก็สามารถนำน่องแกะขึ้นจากกระทะได้แล้ว
“อร่อยจังเลย!” ทุกคนคาดหวังอาหารจากฝีมือของลู่ฉิวเยว่อยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะอร่อยถึงขนาดนี้ นี่เป็นน่องแกะทอดที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยรับประทาน
ในขณะนี้ ทุกคนไม่พูดไม่จา โดยเฉพาะกลุ่มนายตำรวจ พวกเขาก้มหน้าก้มตารับประทานเหมือนกลัวว่าถ้าไม่รีบรับประทาน ก็จะถูกคนอื่นแย่งรับประทานไปจนหมด
[ค่าความสุข : +1, +1… ]
ให้ตายเถอะ ตอนนี้ลู่ฉิวเยว่มีค่าความสุขรวมอยู่ 1,312 แต้มแล้ว เธอจะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นอะไรดีนะ?
เมื่อได้รับค่าความสุขเพิ่มขึ้น ลู่ฉิวเยว่ก็อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ เธอต้องการจะนำคะแนนเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยนกับสูตรทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับโรงงานของฉินซือโดยทันที แต่เธอก็ยังขาดคะแนนอยู่อีก 180 แต้ม แต่ถ้ายึดตามอัตราการได้รับคะแนนเช่นนี้ อีกไม่เกิน 3 หรือ 4 วัน เธอก็จะทำได้สำเร็จแล้ว