สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 80 ส่งหวังเซวียนเซวียนไปเรียนต่อ
บทที่ 80 ส่งหวังเซวียนเซวียนไปเรียนต่อ
บทที่ 80 ส่งหวังเซวียนเซวียนไปเรียนต่อ
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว จดหมายแนะนำตัวดูเหมือนของจริงมาก ไม่แปลกใจที่คุณลุงของเธอจะรับเอาไว้ ถ้าไม่สังเกตดูดี ๆ ก็จะไม่เห็นความผิดปกติเลย และเธอเองก็คงเข้าใจว่ามันเป็นจดหมายของจริงเหมือนกัน
คุณลุงตกใจเมื่อได้ยินว่ามันเป็นจดหมายของปลอม ใบหน้าของเขาซีดขาวขึ้นมาทันที “งั้นพวกเราควรทำยังไงกันดี?”
เขามองสองหนุ่มสาวโดยไม่รู้ตัว
ฉินซือส่ายหน้าและพูดว่า “อย่าเพิ่งกังวลไปเลยครับ แค่โทรรายงานทางเบื้องบน เดี๋ยวพวกเขาก็ส่งคนมาจัดการเอง”
“จริงด้วยสินะ…จริงด้วย!” คุณลุงพูดขึ้นมาในทันใด เขารีบวิ่งเข้าไปโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นทันที
ลู่ฉิวเยว่เดินตามเข้าไปอย่างใกล้ชิด โทรศัพท์ไม่ใช่สิ่งของที่หาได้ง่ายเหมือนในยุคหลัง แม้แต่หมู่บ้านที่ใหญ่โตอย่างหมู่บ้านเยว่เหลียง ทั้งหมู่บ้านก็มีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นคือโทรศัพท์ประจำบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนมักจะมาใช้โทรศัพท์ที่นี่เสมอ
คุณลุงของเธอโทรไปที่สถานีตำรวจ เมื่อปลายสายรับสาย คุณลุงก็พูดอย่างตะกุกตะกัก ถึงแม้ที่ผ่านมาคุณลุงจะไม่ใช่คนพูดคล่องอะไรนัก แต่เขาก็พูดอย่างเป็นธรรมชาติเสมอ แต่ในเวลานี้ คุณลุงกำลังพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ทราบแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะส่งคนไปสืบสวนเรื่องนี้” นายตำรวจคนที่รับโทรศัพท์รู้สึกได้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ เขาจึงตอบรับด้วยความจริงจัง
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ก็ต้องมีการรายงานขึ้นไปตามลำดับชั้น พวกเขาจะปล่อยให้คนร้ายหลบหนีไปไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากวางสายแล้ว คุณลุงก็ยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก ในที่สุดก็สามารถถอนหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอก
“ฉิวเยว่ ช่วงนี้เธอไม่ต้องไปแถวกระท่อมหลังนั้นแล้วนะ หรือถ้าต้องผ่านไปแถวนั้น ก็อย่าเข้าไปใกล้กระท่อมหลังนั้นเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นอาจจะเคยเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายมาก็ได้…” คุณลุงหยุดชะงัก เขาไม่สามารถพูดคำที่เหลือออกมาได้
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “หนูรู้แล้วค่ะ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อได้ทราบว่าลู่ฉิวเยว่มักจะแอบไปสอดส่องที่กระท่อมของคนร้ายอยู่บ่อย ๆ ฉินซือก็ขมวดคิ้วและอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้เธอได้จดจำเหลือเกิน
นี่ไม่เรียกว่าการกระทำที่กล้าหาญ แต่เรียกว่าการกระทำที่โง่เขลาต่างหาก!
“งั้นเดี๋ยวผมขออยู่ที่นี่ด้วยคนนะครับ คงต้องรบกวนคุณลุงช่วยจัดหาห้องให้ผมสักหน่อย” เขาขอร้องคุณลุงของลู่ฉิวเยว่
“ว่าไงนะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอคิดว่าฉินซือแค่แวะมาเยี่ยมเฉย ๆ แล้วเขาก็จะเดินทางกลับคืนนี้เสียอีก “คุณไม่ต้องทำงานแล้วหรือไง?”
ฉินซือมีสีหน้าเย็นชาปานน้ำแข็ง เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาจริงจัง “ผมจะกลับไปแบบนี้ได้ยังไง? ผมไม่สนหรอกว่าจะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?”
เมื่อได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม คุณลุงผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็ต้องยกมือปิดปากหัวเราะ
ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงระเรื่อ พลางจ้องมองเขาด้วยความแง่งอน
คืนนั้นพวกเขารับประทานอาหารค่ำกันที่บ้านของคุณลุง ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าที่เป็นแม่ครัวใหญ่
อาหารหลักประจำคืนนี้คือไก่ผัดมันฝรั่ง เนื้อไก่สดใหม่เพิ่มรสชาติด้วยกระเทียมและขิง นำไก่ที่แช่อยู่ในน้ำเย็นลงไปต้มอยู่ในน้ำเดือด คอยช้อนฟองออกแล้วตักไก่ขึ้นมาพัก
จากนั้นก็รินน้ำในหม้อทิ้งไป ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย อุ่นให้ร้อนด้วยน้ำมัน จากนั้นหั่นขิงใส่ลงไปผัดจนได้กลิ่นหอม แล้วนำไก่ลงไปทอดจนมีผิวเป็นสีเหลืองน่ารับประทาน ตามด้วยการปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองที่ผลิตขึ้นมาตามวัตถุดิบประจำฤดูกาล
หลังจากทอดแบบนั้นอยู่ไม่กี่นาที ก็เติมน้ำร้อนใส่ลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้ไก่เย็นฉืด
หลังจากผัดไก่จนได้ที่แล้ว สิ่งที่ต้องใส่เพิ่มลงไปก็คือมันฝรั่ง มันฝรั่งจะทำหน้าที่ดูดซับน้ำที่ออกมาจากเนื้อไก่ภายในหม้อ ดังนั้นมันจึงมีรสชาติที่อร่อยมากกว่าเดิม และเมื่อโรยพริกไทยลงไปปรุงรสเป็นการปิดท้าย ก็พร้อมที่จะนำไปเสิร์ฟให้รับประทานแล้ว
“ลู่ฉิวเยว่ทำอาหารเก่งมากเลยนะ กลิ่นหอมจังเลย” ป้าสะใภ้ของเธอจ้องมองไปที่ห้องครัว ท้องส่งเสียงร้องด้วยความหิว
เธออยากจะเข้าไปช่วยหั่นผัก แต่ฉินซือก็ห้ามเอาไว้ เพราะเขาจะเป็นคนเข้าไปช่วยหั่นเอง ในขณะนี้สองหนุ่มสาวกำลังช่วยงานกันอยู่ในห้องครัวอย่างสามัคคี พวกเขาดูเข้ากันได้ดีมากทีเดียว
คุณป้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้
คุณลุงเห็นหวังเซวียนเซวียนนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ ก็ขมวดคิ้วและใช้เท้าสะกิดเรียก “เข้าไปช่วยพี่ๆ เขาเสิร์ฟอาหารเร็วเข้า!”
“หา?” หวังเซวียนเซวียนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความพิศวง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที
ไม่นานหลังจากนั้น อาหารก็ถูกนำมาจัดวางเต็มโต๊ะ กลิ่นของไก่ผัดมันฝรั่งลอยตลบอบอวลไปทั่วทุกมุมบ้าน
ในแสงไฟสลัวและอบอุ่น หวังเซวียนเซวียนสูดจมูกด้วยความหิวกระหาย ถึงเขาจะเคยไปที่ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่เคยเบื่ออาหารของเธอเลย พี่สาวคนนี้มักจะมีเมนูใหม่ ๆ ทำให้ผู้คนอยากรับประทานอาหารของเธอต่อไปเสมอ
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมา “เซวียนเซวียน กินได้แล้ว เธอจะนั่งเหม่ออยู่ทำไม”
เจ้าเด็กคนนี้เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกทั้งวัน ถ้าคนเป็นแม่ไม่เรียกออกมารับประทานอาหาร เขาก็คงหิวตายไปแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉินซือก็ยืนยันให้ลู่ฉิวเยว่อาศัยอยู่ที่บ้านของคุณลุง ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าคงไม่ปลอดภัยถ้าจะให้เธอไปอยู่ในบ้านใหม่เพียงคนเดียว คุณป้าได้ทำความสะอาดห้องที่เธอเคยพักเอาไว้หลายวันแล้ว หญิงสาวสามารถย้ายเข้ามาอยู่อาศัยได้เลยทันที
เมื่อเห็นทุกคนยืนยันเช่นนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่คัดค้าน เธอกลับไปเก็บของที่บ้านหลังใหม่แล้วมาเข้าพักที่บ้านของคุณลุง
บ้านของคุณลุงมีห้องว่างไม่มาก สุดท้ายฉินซือก็ต้องนอนห้องเดียวกับหวังเซวียนเซวียน
“ดึกขนาดนี้นายยังอ่านหนังสืออีกเหรอ?” ฉินซือจ้องมองไปที่หวังเซวียนเซวียนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือด้วยความประหลาดใจ เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดน้ำที่ร่วงลงมาจากเส้นผมในระหว่างที่พูดไปด้วย
เขาได้ยินมาจากลู่ฉิวเยว่ว่าเด็กคนนี้หมกมุ่นกับเครื่องจักร ฉินซือสงสัยมาตลอดว่าหวังเซวียนเซวียนจะหมกมุ่นขนาดไหน วันนี้เขาก็ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองแล้ว
“หา?” หวังเซวียนเซวียนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้ยินเลยว่าเมื่อสักครู่นี้ฉินซือถามว่าอะไร
ฉินซือเดินเข้าไปหาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจ้องมองภาพเครื่องยนต์ที่เด็กหนุ่มกำลังค้นหาข้อมูล มันเป็นภาพแผงวงจรของตู้เย็น
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ เขาชี้มือไปยังกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ “นายวาดเองเหรอ?”
หวังเซวียนเซวียนส่ายหน้า ก่อนที่จะพยักหน้าและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “พี่สาวผมเป็นคนเขียนขึ้นมาบางส่วนครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วผมก็เป็นคนเขียนเองนั่นแหละ”
ฉินซือยิ่งประหลาดใจมากไปกว่าเดิม “พี่สาวนายรู้เรื่องเครื่องจักรกลด้วยเหรอ?”
เขาไม่เคยได้ยินจากปากของลู่ฉิวเยว่มาก่อนว่าเธอมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกเช่นนี้ด้วย เธอเก็บความลับเก่งจริง ๆ เขาต้องรู้ความจริงให้ได้
เมื่อพวกเขาตกลงเป็นแฟนกัน ยิ่งพวกเขารู้จักกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความรู้สึกมากต่อกันเท่านั้น ฉินซือแตกต่างจากลู่ฉิวเยว่ ยิ่งได้ใกล้ชิดเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากรู้จักเธอให้มากเท่านั้น
“พี่ผมเก่งมากเลยนะครับ เวลาผมมีข้อสงสัย พี่ก็สามารถให้คำแนะนำเรื่องเครื่องยนต์กลไกกลับมาได้ตลอด” หวังเซวียนเซวียนมีแววตาแสดงถึงความชื่นชมเป็นอย่างมาก
ฉินซือพยักหน้า เขานึกดีใจกับตัวเองจริง ๆ
เขาพูดคุยกับหวังเซวียนเซวียนเพื่อสอบถามระดับความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรกล และพบว่าเด็กหนุ่มสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมด และยังสามารถวาดภาพเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งเขายังมีแนวคิดที่วิศวกรในฝ่ายพัฒนาประจำโรงงานก็ยังคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ฉินซือพบว่าเด็กคนนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี เหมาะต่อการส่งเสริม
ฉินซือกำลังใช้ความคิดบางอย่าง
วันต่อมา เขาก็บอกความคิดของตนเองให้ลู่ฉิวเยว่ทราบ เขาอยากจะส่งหวังเซวียนเซวียนไปเรียนต่อเพื่อพัฒนาความสามารถให้ไปได้ไกลมากกว่านี้
ลู่ฉิวเยว่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ดีจังเลยค่ะ คุณลุงจะต้องดีใจมากแน่ ๆ”
ลู่ฉิวเยว่รีบวิ่งไปที่ลานบ้านและแจ้งข่าวดีให้คุณลุงคุณป้ารับทราบ
พวกท่านไม่เคยคาดหวังในตัวของหวังเซวียนเซวียน แค่ได้ยินว่าลูกชายมีงานทำในโรงงานพวกท่านก็ดีใจแล้ว ครั้งนี้ คุณลุงคุณป้ายิ่งดีใจจนไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นความจริงเมื่อได้ทราบข่าวนี้
คุณลุงวิ่งเข้ามาจับมือของฉินซือและเอาแต่ขอบคุณเขาอยู่อย่างนั้น คุณป้าก็ออกไปไล่จับไก่เพื่อจะนำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงขอบคุณเขาในคืนนี้
ทั้งครอบครัวกำลังมีความสุข มีแต่หวังเซวียนเซวียนซึ่งเป็นคนสำคัญของเรื่องราวนี้เท่านั้นที่ยังคงนั่งศึกษาตำราเครื่องยนต์กลไกอยู่ในห้องของตนเองต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังจะได้มีโอกาสไปเรียนต่อแล้ว