สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 77 นี่คือบ้านของลูกชายฉัน
บทที่ 77 นี่คือบ้านของลูกชายฉัน
บทที่ 77 นี่คือบ้านของลูกชายฉัน
แม่ของลู่ฉิวเยว่กำลังโมโหจนควันออกหู เธอไม่คิดเลยว่าคุณย่าใหญ่จะไร้ยางอายถึงขนาดนี้
“นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันจะปล่อยให้คนอื่นเช่าแล้วมันผิดตรงไหน? เธอมายุ่งอะไรกับบ้านของลูกชายฉัน? เรื่องนี้เธอถือว่าเป็นคนนอกด้วยซ้ำ! ฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกมาจนโต แล้วแกจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มายืนด่าแม่แบบนี้เหรอ?”
ในที่สุดคำว่า ‘คนนอก’ ก็ทำให้พ่อของลู่ฉิวเยว่ทนไม่ไหว ภรรยาอยู่กินกับเขามายาวนานหลายปีและให้กำเนิดลู่ฉิวเยว่ออกมาท่ามกลางชีวิตที่ยากลำบาก แล้วเธอจะเป็นคนนอกครอบครัวได้อย่างไร? เธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาต่างหาก!
เพราะว่าเธอเป็นภรรยาของลู่ชางหลิน!
เขากัดฟันกรอดและตอบโต้ผู้เป็นแม่กลับไปว่า “เมียผมจะทำยังไงกับบ้านหลังนี้ก็ได้ครับ แม่ต่างหากที่มายุ่งไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นลูกชายแม่อีกแล้ว แม่ไม่มีสิทธิ์มาควบคุมชีวิตพวกเราอีก!”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกโล่งอกมากขึ้นเมื่อเห็นพ่อของเธอกล้าต่อว่าคุณย่าใหญ่
หญิงสาวเดินหัวเราะเยาะเข้าไปว่า “คุณย่าเป็นคนประกาศตัดขาดพวกเราเองนะคะ แล้วคุณย่าก็เป็นคนยึดบ้านหลังเก่าของพวกเราไปแล้วด้วย คุณย่าบอกเองว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีก แต่เพราะพวกเรามีเงิน คุณย่าก็จะกลับมานับญาติกับพ่อของหนูอีกครั้ง คุณย่ากลับไปถามตัวเองเถอะค่ะว่าทำแบบนี้ยังถือว่าเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า”
เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงชรา ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มเยาะออกมาทันที
เสียงโต้เถียงกันดังกังวานออกไป ทำให้ชาวบ้านในบริเวณนั้นรีบออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
คุณย่าใหญ่ชี้หน้าดุด่าหลานสาวจนร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ หญิงชราร้องไห้ อาละวาดและข่มขู่ว่าจะแขวนคอตาย ยิ่งเห็นว่ามีชาวบ้านออกมาดูเยอะมากเท่าไหร่ คุณย่าใหญ่ก็ยิ่งโวยวายมากเท่านั้น
ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่รู้ฤทธิ์เดชของหญิงชราดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่ใจอีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่เดินไปหาพี่สาวข้างบ้านและพูดเงียบ ๆ ว่า “พี่คะ พี่ช่วยทำอะไรให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“บอกมาสิ ถ้าช่วยได้ฉันจะช่วย” เนื่องจากครอบครัวของพี่สาวข้างบ้านคนนี้เคยได้รับความช่วยเหลือจากลู่ฉิวเยว่มากมายตอนที่มีการก่อสร้างโรงงานในชุมชน พวกเขาจึงอยากช่วยเหลือเธอ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา “รีบตามคนในหมู่บ้านออกมาให้หมดค่ะ แล้วไปตามคนในหมู่บ้านลู่เจี๋ยมาด้วยก็ดี ถ้าตามหัวหน้าหมู่บ้านมาได้จะดีที่สุดเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว หญิงสาวก็หยิบเงินในกระเป๋าออกมาส่งให้ “เอาไว้ซื้อขนมให้เด็ก ๆ นะคะ”
พี่สาวข้างบ้านหยุดชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยพบเคยเจอผู้คนที่ตั้งใจไปเรียกชาวบ้านมาดูคนในครอบครัวของตนเองทะเลาะกัน แต่เธอก็ยังพยักหน้า “ได้สิ ฉันจะจัดการให้”
แค่ไปตามชาวบ้านเธอก็ได้เงิน 10 หยวนแล้ว อย่าว่าแต่ให้ไปตามชาวบ้านแค่ 2 หมู่บ้านเลย ต่อให้เธอต้องไปวิ่งเรียกชาวบ้านทั้งวันก็ไม่มีปัญหา!
คุณย่าใหญ่กำลังส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “ลู่ชางหลิน! ฉันเป็นแม่ของแกนะ! แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง? ทำไมแกถึงโตมาใจดำแบบนี้! ถ้าฉันรู้ว่าแกจะเป็นแบบนี้ ฉันก็คง…”
ชาวบ้านที่มารวมตัวอยู่ในตอนนี้รู้ความจริงแล้ว เมื่อได้ยินถ้อยคำหยาบคายจากหญิงชรา พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องช่วยกันส่งเสียงขึ้นมาว่า
“ยายนั่นแหละที่ไม่มีเหตุผล ผมรู้จักลูกชายของยายดี เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ยายพูด เพราะฉะนั้น เลิกใส่ร้ายเขาได้แล้ว!”
“ยายคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับพวกเขาหรือไง? อย่าลืมสิว่าก่อนหน้านี้หลานสาวคนโตของยายอิจฉาที่ฉิวเยว่จะได้แต่งงานกับผู้ชายในเมือง ก็เลยไปเรียกอันธพาลในหมู่บ้านให้มาฉุดฉิวเยว่เพื่อทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย แล้วหลานของยายคนนั้นก็ขโมยคู่หมั้นของฉิวเยว่ไป ยายรู้ดีอยู่แก่ใจแต่ก็ไม่ได้ห้าม มิหนำซ้ำ ตอนหลังยายยังไล่ครอบครัวของฉิวเยว่ออกมาจากบ้านอีก!” ชาวบ้านคนหนึ่งรู้เหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น จึงเดินออกมาพูดเสียงดัง
“ยายคงไม่พอใจสินะที่ตอนนี้ลู่ชางหลินมีเงินแล้ว? ฉันได้ยินมาจากแม่ของลู่ฉิวเยว่ว่ายายเคยมาก่อกวนพวกเธอหลายครั้งแล้วนี่ สงสัยคงอยากจะกลับมานับญาติกับหลานคนนี้อีกแล้วสิ คนใจร้ายอย่างนี้ไม่สมควรนับญาติด้วยหรอก!”
“แล้วก็อะไรนะ? ยังมีเรื่องตระกูลเฉินอีกใช่ไหม? ที่ลูกชายของพวกเขาเป็นคนพิการน่ะ? ได้ข่าวว่ายายก็เคยเอาหลานของตัวเองไปขายให้พวกเขานี่นา! แล้วแบบนี้ลู่ชางหลินยังจะยึดถือยายเป็นแม่อยู่อีกได้ยังไง? แม่แบบนี้สมควรอดตายที่สุด อยู่ไปก็รกโลก!”
…
เสียงตะโกนด่าจากชาวบ้านทำให้หญิงชราอยู่ไม่สุข เธอตะโกนสวนกลับไปด้วยความโกรธแค้น ลู่ฉิวเยว่มองความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าด้วยความพอใจ เธอยืนกอดอกและยิ้มเหมือนกำลังรับชมการแสดง
และคงเป็นเพราะฝีมือของพี่สาวข้างบ้าน ยิ่งผ่านไปนานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีชาวบ้านมารวมตัวกันมากเท่านั้น บางคนถึงกับเอาเสื่อมาปูนั่งดูด้วยความสบายใจ บางคนก็เอาเก้าอี้มาด้วยเพื่อนั่งรับชมความสนุก
คนจีนมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
รอบบริเวณมีชาวบ้านมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “หัวหน้าหมู่บ้านมาแล้ว” บรรยากาศเงียบกริบทันที กลุ่มคนดูแหวกออกเป็นทาง แล้วหัวหน้าหมู่บ้านประจำหมู่บ้านลู่เจี๋ยก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาเป็นชายอายุ 50 ปี ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดูมีสง่าราศี
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความชื่นชม พี่สาวข้างบ้านคนนั้นเชื่อถือได้จริง ๆ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็สามารถตามตัวหัวหน้าหมู่บ้านมาได้สำเร็จ
“ทุกคนถอยออกไป!” หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วและตะโกนด้วยความโกรธ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องขยับเว้นพื้นที่ว่างมากขึ้น
เขาหันไปมองและเห็นหญิงชราจากตระกูลลู่เป็นตัวร้ายของเหตุการณ์ครั้งนี้ หญิงชราหน้าดำคร่ำเครียด หัวหน้าหมู่บ้านจำได้ว่าเธอเป็นตัวปัญหาในหมู่บ้านของเขา และตอนนี้ก็ถึงกับมาก่อกวนในเขตหมู่บ้านของคนอื่น นับว่าเป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริง
การกระทำของหญิงชราในครั้งนี้ส่งผลให้หมู่บ้านลู่เจี๋ยต้องขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง!
“เกิดอะไรขึ้น? ใครก็ได้ช่วยอธิบายออกมาหน่อย” หัวหน้าหมู่บ้านพูดด้วยหน้าตาขึงขัง
คุณย่าใหญ่ต้องการจะอธิบายเพื่อปกป้องตนเอง แต่เมื่อเห็นสายตาของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอก็ต้องปิดปากลงด้วยความอับอาย
“ฉันจะเล่าให้ฟังเองค่ะ”
พี่สาวข้างบ้านกลับมาได้ทันเวลาพอดี เธออาสายกมือขึ้นและบอกเล่าความจริงทั้งหมด หลังจากนั้นชาวบ้านทุกคนก็ได้รับทราบถึงพฤติกรรมไร้ยางอายของหญิงชรา
“ยายแก่คนนี้ร้ายกาจเหลือเกิน! กล้าดียังไงมาเอาบ้านของคนอื่นไปปล่อยเช่าแบบนี้? แถมยังเก็บค่าเช่าทุกเดือนอย่างหน้าไม่อายอีก!” ไม่ทราบเลยว่าลุงของลู่ฉิวเยว่เดินเข้ามาร่วมกับฝูงชนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากำลังตะโกนด้วยความโกรธแค้น
ตอนนี้ หัวหน้าหมู่บ้านของทั้งสองหมู่บ้านมาถึงแล้ว ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม เธอพูดออกไปว่า “ไม่ทราบว่าหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองท่านจะจัดการเรื่องนี้ยังไงบ้างคะ?”
“ฉิวเยว่ เธอจัดการได้ตามสบายเลย นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเธอ คนนอกอย่างพวกเราไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย” หัวหน้าหมู่บ้านจากหมู่บ้านลู่เจี๋ยขมวดคิ้ว เรื่องนี้เป็นปัญหามากเกินไป เขาไม่อยากมายุ่งเกี่ยวด้วย เขาไม่ได้อยากมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ
ลู่ฉิวเยว่คงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงหัวเราะเยาะออกมาว่า “หัวหน้าหมู่บ้านก็รู้ใช่ไหมคะว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันต้องถูกคุณย่าใหญ่ไล่ออกมาแบบนั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นพยานนี่คะว่าคุณย่าใหญ่ตัดขาดพวกเราไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจะถือว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ได้ยังไง? อีกอย่าง ที่นี่เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านเยว่เหลียง แต่คุณย่ามาจากหมู่บ้านลู่เจี๋ย นี่คือเรื่องราวระหว่างสองหมู่บ้าน แล้วจะให้จัดการกันในครอบครัวได้ยังไง!”