สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 76 บ้านถูกยึดโดยคนอื่น
บทที่ 76 บ้านถูกยึดโดยคนอื่น
บทที่ 76 บ้านถูกยึดโดยคนอื่น
“หนูได้ยินมาว่าเธอเปิดร้านอาหารใหญ่โต แล้วก็มีร้านขายยาจีนอยู่ในเมืองด้วย เก่งจังเลยนะคะ”
จ้าวซูซินพูดออกมาด้วยความจริงใจ เหมือนกับว่าเธอชื่นชมลู่ฉิวเยว่จริง ๆ แม่ของฉินซือเกือบจะหลงเชื่อ ถ้าไม่ใช่ว่าประโยคต่อมาจ้าวซูซินตั้งใจพูดออกมาแบบเน้นย้ำมากเกินไป
“แต่ว่า…” จ้าวซูซินหยุดก่อนจะพูดต่อไป “หนูได้ข่าวว่าน้องฉิวเยว่เคยมีคู่หมั้นมาแล้วนะคะ ผู้ชายคนนั้นชื่อสวีต้าหลิน พวกเขาเลิกกันก็เพราะฝ่ายชายจับได้ว่าเธอไปมั่วผู้ชายคนอื่นอยู่ในหมู่บ้าน…แล้วแบบนี้ลู่ฉิวเยว่จะจริงใจต่อพี่ฉินซือหรือคะ?”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและห่วงใย จ้าวซูซินกำลังกล่าวโทษว่าลู่ฉิวเยว่เป็นผู้หญิงสำส่อนไม่ซื่อสัตย์ โชคดีที่พ่อแม่ของฉินซือได้สืบสวนข้อมูลนี้มาตั้งแต่แรก พวกท่านจึงไม่หลงกลคำพูดเป่าหูของจ้าวซูซิน
ตระกูลฉินมีลูกชายแค่คนเดียว สองสามีภรรยาห้ความสำคัญกับผู้ที่จะเป็นคนรักของลูกชายมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงรีบส่งคนไปสืบสวนข้อมูลทันทีที่ได้รู้ว่าฉินซือกำลังชอบใครอยู่
“เธออย่ามาพูดเหลวไหล ฉินซือบอกเรื่องนี้กับพวกเราแล้ว นั่นเป็นความผิดของสวีต้าหลิน ลู่ฉิวเยว่ถูกใส่ร้าย เธอจะเอาเรื่องนี้มาทำลายภาพลักษณ์ของคนอื่นไม่ได้” แม่ของฉินซือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนรักของฉินซือและเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของตระกูลฉิน แล้วจะปล่อยให้คนอื่นมาใส่ร้ายง่าย ๆ ได้อย่างไร?
จ้าวซูซินอยากจะพูดอะไรตอบโต้ออกไป แต่ก็ถูกแม่ของฉินซือขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ซูซิน ป้ารู้ว่าเธอชอบฉินซือแต่คนเราไม่เหมือนกันนะ ตอนนี้เขามีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว และพวกเขาก็เข้ากันได้ดี เธออย่าดื้อรั้นอีกต่อไปเลย ในโลกนี้ยังมีผู้ชายดี ๆ อยู่อีกมากมาย บางคนเป็นผู้ชายที่ดีมากกว่าฉินซือด้วยซ้ำ เธออย่ามาจมปลักอยู่กับเขาเลย ไปหาแฟนที่เข้ากับเธอเถอะ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ลอยเข้ามาถึงหูของจ้าวซูซิน ใบหน้าของเธอก็มีสีขาวซีด เธอไม่เห็นด้วยกับคำพูดของแม่ของฉินซือ ดังนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวเดินกลับไปด้วยความอับอายและโกรธแค้น
“เป็นเด็กที่ใจร้ายจริง ๆ” หลังจากที่จ้าวซูซินกลับไปแล้ว แม่ของฉินซือก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความผิดหวังและพูดกับสามีของตนเองที่อยู่ข้างกาย
จ้าวซูซินเป็นคนที่พวกเขาเห็นเธอเติบโตมาด้วยตาของตนเอง ก่อนหน้านี้พวกเขารักจ้าวซูซินเสมือนเป็นลูกของตนเอง เพราะฉะนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองท่านจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นคนที่มีจิตใจร้ายกาจถึงเพียงนี้
พ่อของฉินซือขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร ลูกสาวของเพื่อนเขาช่างเติบโตมาอย่างร้ายกาจจริง ๆ
หน้าต่างในห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลลู่มีขนาดใหญ่ เมื่อเปิดออก สายลมของฤดูใบไม้ผลิก็จะพัดผ่านเข้ามากระทบผิวกาย ชวนให้เกิดความรู้สึกสุขกายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่นอนเล่นอยู่บนโซฟา ช่วงหลังที่ผ่านมา เธอทำงานไม่ได้หยุดพัก ดังนั้นเธอจึงอนุญาตให้ตนเองหยุดพักได้หนึ่งวัน
“นอนขดเป็นดักแด้เลยนะ” แม่ของลู่ฉิวเยว่ออกมาจากห้องและพูดด้วยความเหนื่อยใจเมื่อเห็นท่านอนของลูกสาว
ลู่ฉิวเยว่เอื้อมมือหยิบแอปเปิลที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟขึ้นมากิน เธอยิ้มตอบรับกลับไปว่า “ก็หนูเป็นดักแด้ตัวน้อยนี่คะ”
“พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า?” แม่ของลู่ฉิวเยว่นั่งลงและเปิดโทรทัศน์ “พ่อกับแม่ว่าจะกลับไปที่หมู่บ้านสักหน่อย นี่ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้ว พวกเรายังไม่ได้ไปปลูกอะไรเลย เราไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าลูกมีเวลา ก็กลับไปทานอาหารกับพวกคุณลุงหน่อยดีไหม?”
พนักงานในร้านอาหารของเธอไม่ได้หยุดพักมานานแล้ว งั้นวันพรุ่งนี้เธอก็จะปิดร้าน ถือโอกาสให้ทุกคนได้หยุดพักเลยก็แล้วกัน
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ตกลงค่ะ”
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของเธอซื้อที่อยู่ในหมู่บ้านเยว่เหลียง แม่ของเธอตั้งใจจะปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้ในสวนหน้าบ้านแห่งนั้น แต่ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอเปิดร้านอาหาร ทุกคนก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในตัวอำเภอ บ้านใหม่ในหมู่บ้านแห่งนั้นจึงถูกทิ้งร้างไปโดยปริยาย
พ่อแม่ของเธอเป็นคนรุ่นเก่าที่หวงบ้านหวงที่ดินมาก ถ้าปล่อยให้ทิ้งร้างนานเกินไป พวกท่านคงรู้สึกไม่สบายใจและอยากจะกลับไปปลูกพืชผักสวนครัวในที่ดินของตนเองอย่างแน่นอน
เช้าวันต่อมา ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่และหวังเซวียนเซวียนก็กลับไปที่หมู่บ้านเยว่เหลียงพร้อมด้วยกระเป๋าสัมภาระใบเล็กใบใหญ่ ฉินซือต้องการจะขับรถไปส่งพวกเขา แต่ลู่ฉิวเยว่คิดว่าเป็นการรบกวนเขามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นด้วย
“พวกเราไม่ได้กลับมานานเลยนะ” พ่อของลู่ฉิวเยว่พูดด้วยความตื้นตันใจทันทีที่ลงจากรถ
ถึงเขาจะมีชีวิตที่สุขสบายในตัวอำเภอ แต่เขาก็ยังคิดว่าชีวิตในชนบทมีความสุขมากกว่าอยู่ดี
แม่ของลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเราเอาของมาด้วยตั้งเยอะ เอาไปเก็บที่บ้านกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปทักทายคุณลุง”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอเดินนำทางไปอย่างช้า ๆ ในขณะที่หวังเซวียนเซวียนเดินตามมาทางด้านหลังพร้อมกับรับหน้าที่ถือกระเป๋าสัมภาระให้กับผู้อาวุโส
หลังจากเดินกันไปได้ไม่กี่นาที ลู่ฉิวเยว่ก็วางกระเป๋าสัมภาระของตนเองลงและหันไปบอกพ่อแม่ว่า “เซวียนเซวียนกับหนูจะเข้าไปปัดฝุ่นก่อนนะคะ พ่อแม่ยืนเฝ้ากระเป๋าอยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน”
พูดจบแล้ว เธอก็ลากหวังเซวียนเซวียนตรงเข้าไปที่ประตูบ้าน
แต่ก่อนที่จะเปิดประตู หญิงสาวก็รู้สึกแปลกประหลาด ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว คิดหาคำตอบไม่ได้
จนกระทั่งประตูถูกผลักเปิดออก ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชัดเจน
ห้องด้านในไม่ได้มีเศษฝุ่นและความว่างเปล่าอีกต่อไป ในบ้านมีแต่ความยุ่งเหยิง บนโต๊ะอาหารมีชามข้าวที่ยังไม่ได้ล้าง เห็นได้ชัดว่ามีคนเข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเธอ
เกิดอะไรขึ้น?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว ในที่สุด เธอก็รู้แล้วว่าความรู้สึกแปลก ๆ ตอนเข้ามาเมื่อครั้งก่อนนั้นคืออะไร หลังจากที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา เธอได้ปิดวาล์วน้ำและสับคัทเอาท์ไฟลงมาแล้ว ก่อนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอ แต่ตอนที่เธอกลับบ้านมาที่นี่เมื่อครั้งที่แล้ว ปรากฏว่าไฟและน้ำภายในบ้านยังสามารถใช้งานได้เป็นปกติ
ตอนแรกเธอนึกว่าตนเองเข้าใจผิดไป แต่ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีคนเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านของพวกเธอ!
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเย็นชา เธอหยิบกุญแจ ปิดประตูและ เดินกลับ หวังเซวียนเซวียนเดินตามมาทางด้านหลัง เขาไม่ทันเห็นว่าในบ้านมีอะไร จึงได้แต่ถามด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอครับ?”
พ่อแม่ของเธอก็จ้องมองมาด้วยความประหลาดใจ
หญิงสาวส่ายหน้า เดินไปหาบ้านที่ปลูกอยู่ข้าง ๆ กัน ในบ้านมีคนอยู่พอดี ลู่ฉิวเยว่ยิ้มทักทายและเดินเข้าไปสอบถาม “พี่สาวคะ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“อ้าว ลู่ฉิวเยว่กลับมาแล้วเหรอ เข้ามานั่งก่อนสิ”
คนที่เธอเรียกว่าพี่สาวรีบกวักมือเรียกด้วยความยิ้มแย้มอย่างกระตือรือร้น เธอตั้งใจจะเดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบน้ำมารับแขก แต่ก็ถูกลู่ฉิวเยว่หยุดเอาไว้
“พี่พอจะทราบไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของฉัน? ดูเหมือนจะมีคนเข้าไปอยู่ในนั้นเลยนะ?”
“หา?” พี่สาวข้างบ้านเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “ฉันนึกว่าพวกเธออนุญาตแล้วซะอีก”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ครอบครัวของเราไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
พี่สาวข้างบ้านขมวดคิ้วและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
ปรากฏว่าคุณย่าใหญ่ตระกูลลู่หมายตาบ้านหลังนี้เอาไว้นานแล้ว เธอมาดูหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่กี่วัน หญิงชราก็นำคนมาอยู่อาศัยโดยเก็บค่าเช่าทุก ๆ เดือน
ตอนแรกเพื่อนบ้านในละแวกนี้ต่างก็สงสัย แต่คุณย่าใหญ่ก็ยืนยันว่าครอบครัวของลู่ฉิวเยว่เป็นคนสั่งให้เธอมาเก็บค่าเช่าบ้าน ทุกคนจึงหลงเชื่อ และเมื่อพบว่าลุงของลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เพื่อนบ้านทั้งหมดจึงมั่นใจมากขึ้น พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวของลู่ฉิวเยว่กลับไม่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยเลยแม้แต่น้อย
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นนอกประตูพอดี เธอรีบวิ่งไปดูและก็เห็นว่าคุณย่าใหญ่ได้มาปรากฏตัวแล้ว
แม่ของเธอกำลังยืนเถียงกับคุณย่า พ่อของเธอก็หน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ลูกพี่ลูกน้องของเธอยืนอยู่ข้างหลังแม่เธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะเข้าไปต่อยหญิงชราได้ตลอดเวลา
“ทำไมแม่ถึงทำแบบนี้! นี่เป็นบ้านของพวกเรา แม่เอาไปปล่อยเช่าตามใจชอบได้ยังไง!”