สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 75 เธอรู้จักแคลคูลัสหรือเปล่า?
บทที่ 75 เธอรู้จักแคลคูลัสหรือเปล่า?
บทที่ 75 เธอรู้จักแคลคูลัสหรือเปล่า?
แต่ความหวังของแม่ฉินซือก็ไม่กลายเป็นจริง ข่าวเรื่องที่ลู่ฉิวเยว่ไปเยี่ยมบ้านตระกูลฉินไปถึงหูจ้าวซูซินในไม่ช้า
“ว่าไงนะ? ฉินซือพาลู่ฉิวเยว่ไปที่บ้านแล้วงั้นหรอ?” เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายโทรศัพท์ จ้าวซูซินก็กลั้นหายใจด้วยความตื่นตระหนก
ที่เธอยังกล้าตอแยฉินซืออยู่เช่นนี้ และเธอยังกล้ารังควานลู่ฉิวเยว่ ก็เป็นเพราะจ้าวซูซินถือดีว่าแม่ของฉินซือนั้นชื่นชอบตนเอง เพราะเธอเป็นลูกสะใภ้ในดวงใจของแม่เขาตลอดมา
แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า…แม่ของฉินซือไปชอบผู้หญิงคนนั้น?
จ้าวซูซินไม่กล้าคิดอะไรต่อไปอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ความหวังที่เธอจะได้แต่งงานกับฉินซือก็ยิ่งริบหรี่ลงมากกว่าเดิม
ไม่…เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!
ดวงตาของเธอหม่นหมอง หญิงสาวคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปจากประตูบ้าน “ลุงหวัง พาหนูไปที่เมืองหวยฉื่อหน่อย!”
ในครัวร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ เธอกำลังถือกระทะเหล็กและสอนเชฟลูกมือให้รู้จักวิธีการหมุนตะหลิว
“พี่ฉิวเยว่ มีผู้หญิงมารออยู่ข้างนอก บอกว่าอยากเจอพี่น่ะครับ” เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพูดด้วยความเคารพ
ผู้หญิง?
“ฝึกกันไปก่อนนะ”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกมึนงง หลังจากสั่งเชฟลูกมือเหล่านั้นแล้ว เธอก็วางกระทะเหล็กและตะหลิวในมือลง ก่อนจะเดินตามเด็กเสิร์ฟออกไป
หลังจากเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางร้านอาหาร สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความรำคาญใจทันที เพราะคนที่อยากเจอเธอคือจ้าวซูซิน
ผู้หญิงคนนี้ถือกระเป๋าใบเล็กยี่ห้ออะไรก็ไม่ทราบ เธอสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวที่ทำจากผ้าฝ้าย สายตาที่เธอจ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างในร้านอาหารเต็มไปด้วยความขยะแขยง เหมือนตนเองกำลังอยู่ในรังของขอทานอย่างไรอย่างนั้น
ผู้คนที่อยู่ในร้านก็จ้องมองเธอด้วยความไม่ชอบใจเช่นกัน พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่ถ้าเธอไม่ชอบร้านนี้ก็ต้องไสหัวไป ไม่ใช่มายืนอยู่ตรงนี้และทำลายบรรยากาศการรับประทานอาหารหมด!
ลู่ฉิวเยว่ไม่ดีใจเลยสักนิดที่ได้เจอหน้าจ้าวซูซิน
“เธอมีอะไรจะพูดกับฉันหรือไง?” ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเย็นชา ถ้าเธอไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะกลับมาสร้างปัญหาและทำลายภาพลักษณ์ของร้านอาหารตนเอง ลู่ฉิวเยว่ก็คงออกปากไล่ไปแล้ว
“ลู่ฉิวเยว่” จ้าวซูซินมองเธอตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าเหมือนกับมองหัวหน้าขอทาน “ได้ข่าวว่าเธอไปที่บ้านตระกูลฉินมาแล้วใช่ไหม? ทำไมเธอหน้าไม่อายขนาดนี้? เธอชอบขโมยแฟนคนอื่นหรือไง? เธอมันหน้าด้าน! เธอเป็นมือที่สามของคนอื่น!”
จ้าวซูซินพูดออกมาด้วยความก้าวร้าว
ผู้คนที่อยู่ในร้านอาหารไม่สามารถรับประทานได้อีกต่อไป พวกเขาจ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความกระตือรือร้น แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในยุคนี้ สิ่งที่ผู้คนเกลียดชังมากที่สุดก็คือการที่คนคนหนึ่งไปเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของคนอื่น
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ตื่นตระหนก เธอยิ้มตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน “ฉันขโมยแฟนใครมาเหรอคะ? คุณน่าจะพูดให้ชัดเจนไปเลยนะ ถ้าคุณมีหลักฐานก็เอามายืนยัน ไม่ใช่พูดปากเปล่าทำลายภาพลักษณ์คนอื่น ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันสามารถแจ้งตำรวจมาจับคุณได้เชียวนะ?”
จ้าวซูซินไม่คิดเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะใจแข็งขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป จ้าวซูซินพูดด้วยความมั่นใจว่า “ฉินซือกับฉันรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก พวกเรารักกันมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่ใช่อยู่ดี ๆ เธอก็เข้ามาเป็นมือที่สาม แล้วเขาจะทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง? ฉันเคยเป็นคนเดียวที่ได้อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ตำแหน่งแฟนของเขาก็ควรเป็นของฉัน!”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ “แค่เพราะพวกเธอรู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก ฉินซือก็กลายเป็นแฟนเธอแล้วหรือไง? คุณจ้าว ตั้งแต่เด็กจนโต เธอรู้จักผู้ชายกี่คน? พวกเขาเป็นแฟนเธอหมดเลยหรือเปล่า? ถ้างั้นเธอก็มีแฟนหลายคนมากเลยนะ ถ้าผู้ชายพวกนั้นไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ก็หมายความว่าเขานอกใจเธอด้วยงั้นสิ? แล้วแบบนี้ผู้ชายที่เธอเดินสวนตามท้องถนน เธอจะถือว่าพวกเขาเป็นของเธอด้วยหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินการตอบกลับอย่างร้ายกาจ บรรดาลูกค้าในร้านก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีผู้หญิงหน้าด้านอย่างจ้าวซูซินอยู่ด้วย
“เจ้าหญิงองค์นี้เสด็จมาจากที่ไหนเนี่ย? ท่าทางคงไม่ได้ออกจากถ้ำมานานแล้วสินะ หรือว่าผู้ชายทั้งประเทศนี้เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว?” หญิงชราคนหนึ่งหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
ยิ่งเสียงหัวเราะในร้านอาหารดังขึ้นมากเท่าไหร่ จ้าวซูซินก็ยิ่งโกรธแค้นจนตัวสั่นมากเท่านั้น “ลู่ฉิวเยว่! เธอกล้าดียังไง เธอมันจน เธอมันไม่คู่ควรกับฉินซือ…”
จ้าวซูซินอยากจะพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ถูกลู่ฉิวเยว่ขัดจังหวะเสียก่อน “ฉันไม่ได้รวยเหมือนครอบครัวเธอ แต่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาสั่งสอนฉันได้? นอกจากบ้านรวยแล้ว เธอมีดีอะไรอีกบ้าง? เธอมีปัญญาดูแลตัวเองได้หรือเปล่าล่ะ? เธอสามารถเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องใช้เส้นสายได้ไหม? และในเมื่อเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอรู้หรือเปล่าว่าแคลคูลัสคืออะไร?”
จ้าวซูซินอับอายยิ่งนักและรู้สึกรำคาญใจกับคำว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเหลือเกิน เธอโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี แน่นอนว่าด้วยความที่บ้านรวย เธอจึงไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ เธอไปเรียนในมหาวิทยาลัยเพื่อทำให้ตนเองมีค่ามากพอสำหรับฉินซือ แล้วเธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแคลคูลัสมันหมายถึงอะไร
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” จ้าวซูซินตะโกนด้วยความเดือดดาล “ถ้าเธอไม่เลิกยุ่งกับฉินซือ ฉันจะหาคนมาปิดร้านอาหารของเธอ! ฉันจะทำให้เธอหมดหนทางทำกิน!” พูดจบแล้วคุณหนูคนสวยก็เดินออกไปจากประตูร้าน
ลู่ฉิวเยว่กลอกตามองบน เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจ้าวซูซินยังมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่อีก หวังว่ามันคงไม่ใช่ลูกไม้ตื้น ๆ ก็แล้วกัน เพราะว่ามันน่าเบื่อเกินไป
“คุณหนูจะกลับบ้านเลยไหมครับ?” หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที คนขับรถก็หันไปถามจ้าวซูซินที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง เธอไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ที่ขึ้นมานั่งอยู่บนรถ ใบหน้าของคุณหนูเคร่งเครียด เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเหมือนอยากจะไปฆ่าใครสักคน
“ลุงช่วยไปทำอะไรให้ฉันหน่อยสิ” จ้าวซูซินหรี่ตาลง ดวงตาเป็นประกายร้ายกาจไม่ต่างไปจากนางมารร้ายในละครโทรทัศน์
วันต่อมา บ้านตระกูลฉิน
แม่ของฉินซือกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น พ่อของเขาก็กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน มือกำลังเด็ดองุ่นส่งเข้าปาก ผู้อาวุโสทั้งสองท่านกำลังผ่อนคลาย
ฉินซือเป็นคนมีความสามารถและเป็นเด็กดี เขาไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องเป็นกังวลมาก่อน นับตั้งแต่ที่เกษียณอายุ ผู้อาวุโสทั้งสองก็ไม่เคยมีเรื่องให้กลุ้มใจ
“คุณหนูจ้าวมาหาค่ะ”
ป้าแม่บ้านเดินเข้ามาขัดขวางความสุขของผู้อาวุโสทั้งสอง แม่ของฉินซือขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เธอรู้ว่าจ้าวซูซินอยู่เบื้องหลังการเอาฝิ่นไปใส่ร้ายลู่ฉิวเยว่ เธอก็ไม่อยากเจอหน้าจ้าวซูซินอีกเลย
เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าเด็กคนนี้เป็นคนนิสัยดี สุภาพอ่อนหวาน และขี้เล่น หลังจากที่ทราบว่าจ้าวซูซินแอบชอบฉินซือ แม่ของเขาจึงไม่เคยคัดค้านและยังสนับสนุนจ้าวซูซินด้วยซ้ำ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวซูซินจะเอาฝิ่นไปใส่ร้ายคนอื่นเพียงเพราะความหึงหวง ถ้าไม่ใช่ฉินซือเข้าไปช่วยเหลือเอาไว้ เด็กบ้านนอกจากครอบครัวธรรมดาอย่างลู่ฉิวเยว่ก็อาจจะต้องหมดอนาคตเพราะการกระทำของจ้าวซูซินในครั้งนี้! จ้าวซูซินมีจิตใจที่โหดร้ายที่สุด!
“ให้เข้ามา”
แม่ของฉินซือยังพูดไม่ทันจบ จ้าวซูซินก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ของฝากมากมาย “คุณป้าคะ หนูไม่ได้เจอคุณป้านานเลย หนูคิดถึงคุณป้าแทบแย่แล้ว”
เวลาเธอยิ้ม ตาเธอจะหยี จ้าวซูซินดูเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวานอย่างไม่น่าเชื่อ
แม่ของฉินซือหยุดชะงักไป ก่อนที่จะยิ้มตอบกลับไป “มานี่สิ ป้าก็ไม่ได้เจอเธอมานานแล้ว ป้าก็คิดถึงเธอเหมือนกัน”
จ้าวซูซินยิ้มกว้างและวิ่งเข้าไปเหมือนอยากจะสวมกอดแม่ของฉินซือ แต่หญิงวัยกลางคนก็แกล้งยกมือขึ้นมาป้องกันตนเองโดยบังเอิญ
“หนูได้ยินว่าฉินซือพาแฟนมาบ้านเมื่อวานนี้ใช่ไหมคะ? ใช่น้องฉิวเยว่หรือเปล่า?” จ้าวซูซินทำหน้าไร้เดียงสา
แม่ของฉินซือไม่เข้าใจเลยว่าจ้าวซูซินกินยาลืมเขย่าขวดหรืออย่างไร จึงพยักหน้าตอบไปว่า “ใช่แล้ว”