สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 74 ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก
บทที่ 74 ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก
บทที่ 74 ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก
“คุณมาตั้งแต่เช้าเชียว กินอะไรมาหรือยังคะ?” หญิงสาวยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาของเธอเล็กหยีกลายเป็นเหมือนตะขอที่เกี่ยวใจเขา
ฉินซือกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาตอบกลับไปว่า “กินแล้ว”
เขาตกตะลึงจนน่าตลก
ลู่ฉิวเยว่เดินเข้ามาหาเขาและหยอกเย้าว่า “ฉันสวยมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ต้องจ้องกันขนาดนี้เลยหรือไง”
“หา? อะไรนะ?” ฉินซือกลับมาได้สติอีกครั้งเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ หลังจากนั้นเขาก็หน้าแดงหูแดงไปหมด
ลู่ฉิวเยว่ส่งยิ้มให้เขาและเดินออกไปจากประตู ทิ้งให้เขายืนงงอยู่เพียงลำพัง “ไปกันเถอะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”
ถ้ารีบออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะไปถึงปลายทางใน 3 ชั่วโมง และนั่นก็จะเป็นเวลา 10:00 น. ซึ่งไม่ถือว่าเร็วหรือช้าเกินไป
ตลอดทาง ลู่ฉิวเยว่ซักถามข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉินซือ เธออยากจะวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกท่านให้ได้มากที่สุด
ฉินซือปลอบโยนเธอว่า “ยังไงว่าที่แม่สามีก็ต้องเจอกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองเขาอย่างโกรธ ๆ “ขับรถไปเถอะ”
3 ชั่วโมงต่อมา
รถยนต์แล่นมาจอดอยู่หน้าบ้านที่คุ้นตา ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ ก็เป็นตอนที่เอานาฬิกาข้อมือมาคืนเขา ลู่ฉิวเยว่ทำได้เพียงยืนมองอยู่ข้างนอก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เข้าไปในบ้าน
สนามหญ้าหน้าบ้านมีกระถางต้นไม้อยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นพวกดอกไลแลค พวกมันเบ่งบานรับแสงตะวันอย่างสดใส ส่วนพวกต้นไม้ที่อยู่ตามมุมทางเดินคงถูกตัดกิ่งไปเมื่อไม่กี่วันก่อน จึงเหลือเพียงตอกิ่งสีเขียวเท่านั้น
“แม่ผมเป็นคนปลูกน่ะ” ฉินซือมองตามสายตาของเธอไปและยิ้มออกมา “เวลาอยู่บ้านเบื่อ ๆ แม่ผมก็ชอบออกมาตัดกิ่งต้นไม้ฆ่าเวลา”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า พวกท่านน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแม่ของเธอ ซึ่งเวลาที่อยู่บ้านเฉย ๆ ก็ต้องหางานอะไรทำเสมอ
“พ่อของแกหูดีมากนะ เขาบอกว่าแกกลับมาแล้ว แม่ก็เลยเดินออกมาดู แกกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”
ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่ก้าวลงจากรถยนต์ เธอก็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนดังขึ้น ลู่ฉิวเยว่จำได้โดยทันที นี่คือแม่ของฉินซือ วันนี้คุณแม่สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ เธอกำลังส่งยิ้มมาให้ลู่ฉิวเยว่กับลูกชายของเธอด้วยความเอ็นดู
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ คุณป้า”
แม่ของฉินซือตกตะลึงในความสวยงามของลู่ฉิวเยว่ เธอรีบเดินยิ้มเข้ามาหาหลังจากจำได้ “ฉิวเยว่ เธอนี่สวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ ไม่แปลกใจเลยทำไมลูกชายฉันถึงอารมณ์ดีตลอดเวลาแบบนี้ รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
ความกระตือรือร้นของแม่ฉินซือทำให้ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเขินอาย
หน้าของเธอกลายเป็นสีแดง ก่อนหน้านี้ไม่นาน ยิ่งค่าความสุขเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ หน้าตาของเธอก็ยิ่งงดงามมากขึ้นเท่านั้น
“คุณป้าล้อเล่นแล้ว วันนี้ชุดคุณป้าสวยมากเลยนะคะ” ลู่ฉิวเยว่เป็นนักธุรกิจในชาติที่แล้ว เธอชำนาญเรื่องการพูดคุย เธอทำให้แม่ของฉินซือมีความสุข หญิงวัยกลางคนเดินจับมือเธอเข้าไปในบ้านและคอยแนะนำงานหัตถกรรมฝีมือของตนเองให้เธอดู
เมื่อเห็นแม่ของตนเองและคนรักของเขาเข้ากันได้ดีถึงขนาดนี้ ฉินซือก็อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ เขากังวลแทบตายว่าทั้งสองคนจะเข้ากันไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องห่วงอีกแล้ว พวกเธอแทบจะกลายเป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันแล้วด้วยซ้ำ
“อ้าว? ฉินซือ รีบเดินเข้ามาสิ!”
แม่ของเขากำลังจะปิดประตูบ้าน เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังลืมอะไรบางอย่าง จนกระทั่งได้ยินเสียงของลู่ฉิวเยว่ หญิงวัยกลางคนจึงนึกได้ว่าเธอลืมลูกชายเอาไว้ข้างนอก
เธอรีบเปิดประตูกว้าง พลางจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยความไม่พอใจ “ทำไมถึงเดินช้าจริง ขายาว ๆ นั่นไม่มีประโยชน์เลยหรือไง”
ฉินซือพูดไม่ออก
เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น พ่อของเขาก็กำลังนั่งดื่มน้ำชา
“สวัสดีค่ะ คุณลุง” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและก้มศีรษะทำความเคารพชายวัยกลางคนบนโซฟา ท่านยังคงถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ น้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟถูกดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว พ่อของฉินซือก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายด้วยสีหน้าจริงจัง “สวัสดี คุณลู่”
ดูที่พ่อของเขาทำเอาเถอะ เรียกว่าคุณลู่อย่างนั้นเหรอ? ทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลไปได้!
แม่ของฉินซือหันมองสามีตัวเองด้วยความไม่ชอบใจ ตาแก่คนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ!
“เธอชื่อฉิวเยว่! ยังจะมาเรียกคุณลู่อีกทำไม?” แม่ของฉินซือเอ็ดและดึงหญิงสาวให้นั่งลงบนโซฟา ก่อนที่ตนเองจะนั่งลงข้าง ๆ
ฉินซือเดินเข้ามาก็พบว่าที่นั่งข้างแฟนสาวของตนเองถูกแย่งชิงไปแล้ว จึงต้องจำใจไปนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างไม่พอใจเท่าไหร่
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา เธอลุกขึ้นยืนรับของขวัญที่ฉินซือส่งมาให้ ความกระตือรือร้นของแม่เขาทำให้หญิงสาวลืมที่จะมอบของขวัญ แต่โชคดีที่เขาไม่ลืม
“นี่คือขนมที่หนูนำมาฝากค่ะ หนูได้ยินฉินซือบอกว่าคุณป้าชอบขนมชนิดนี้มาก หนูก็เลยทำมาให้ค่ะ” เธอยิ้มพร้อมพูดกับแม่ของฉินซือ ก่อนจะนำของขวัญมอบให้พ่อของเขาเช่นกัน “นี่เป็นขี้ผึ้งรุ่นใหม่ล่าสุดค่ะ ช่วยแก้ปวดได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เยอะเลย”
สิ่งสำคัญคือขี้ผึ้งรุ่นนี้มีกลิ่นอ่อนลง เพราะเธอได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนไม่น้อยว่าขี้ผึ้งมีกลิ่นแรงมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่
“เยว่เยว่ช่างมีจิตใจงดงามจริง ๆ” แม่ของฉินซือยิ้มออกมา ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ฉลาดมาก ไม่ลืมนำของขวัญมามอบให้เธอ ยิ่งเธอมองมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเท่านั้น
พ่อของฉินซือก็พยักหน้าด้วยความพอใจเช่นกัน
ฉินซืออาศัยจังหวะนี้พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเป็นการหยอกเย้าว่า “ทำไมทุกคนได้ของขวัญกันหมดแต่ผมไม่ได้ล่ะ?”
“แกเป็นเด็กน้อยหรือไง? ยังจะมาเรียกร้องเอาของขวัญอะไรอีก!” แม่ของเขาหันมาทำหน้าดุใส่เสียอย่างนั้น
หลังจากนั้นเธอก็หันไปหาลู่ฉิวเยว่อีกครั้งด้วยสายตาเอ็นดู “ที่ร้านอาหารงานยุ่งมากไหมจ๊ะ? อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ แล้วก็ทานอาหารให้ตรงเวลา ฉันได้ยินฉินซือบอกว่าช่วงหลังหนูนอนดึกเพราะพยายามทำขี้ผึ้งพวกนี้ใช่ไหม หนูอย่านอนดึกอีกเลยนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย”
ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงขึ้นมา เธอพยักหน้าด้วยความเชื่อฟัง “ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณคุณป้าที่เป็นห่วงนะคะ”
“ฉันเคยเห็นร้านอาหารของเธอคนเยอะมาก รสชาติอาหารก็ใช้ได้ เธอวางแผนในอนาคตว่ายังไงบ้างล่ะ?” พ่อของชายหนุ่มถามขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน
ลู่ฉิวเยว่ใช้ความคิดก่อนจะตอบว่า “หนูว่าจะดูแลร้านอาหารกับร้านขายยาในตัวอำเภอให้ดีก่อน หนูยังไม่มีแรงไปเปิดสาขาที่อื่นหรอกค่ะ แต่ถ้ามีเงินเก็บมากพอ หนูก็อยากจะไปเปิดร้านอาหารหม้อไฟในตัวเมืองดูบ้างเหมือนกัน”
ฉินซือกล่าวเสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “เธอบอกว่าอยากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยด้วยครับ พอผมบอกว่าจะให้คนฝากให้ เธอก็ไม่ยอม เธออยากจะสอบเข้าให้ได้ด้วยตัวเอง”
แม่ของเขาประหลาดใจไม่น้อยที่หญิงสาวคนนี้มีความทะเยอทะยาน ช่างเหมาะสมกับฉินซือเหลือเกิน หญิงวัยกลางคนพอใจในตัวของลู่ฉิวเยว่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ลู่ฉิวเยว่เหมือนมีเวทมนต์วิเศษที่ทำให้ผู้คนต้องหลงรักเธอ ยิ่งรู้จักเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชื่นชมเธอมากขึ้นเท่านั้น
และเพื่อเป็นการต้อนรับลู่ฉิวเยว่ ตระกูลฉินจึงได้จัดโต๊ะอาหารทะเลชุดใหญ่ แม่ของฉินซือคอยพูดกับเธออยู่เสมอว่า “ฉิวเยว่ตัวผอมเกินไปแล้วนะ กินเยอะ ๆ เถอะ”
เมื่อมื้ออาหารผ่านไป ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกอิ่มมาก
หลังจากนั้น ฉินซือต้องการจะไปส่งลู่ฉิวเยว่กลับบ้าน แต่เธอก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น ในเมื่อเขาได้กลับมาบ้านแล้ว เขาก็ควรต้องอยู่กับครอบครัวต่อไป ฉินซือจะต้องรีบร้อนกลับไปส่งเธอเพื่ออะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงซื้อตั๋วรถโดยสารมาล่วงหน้าแล้ว
ฉินซือขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็รู้ว่าเธอมีนิสัยดื้อรั้น เขาเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้เธอจัดการตนเอง
หลังจากที่ลู่ฉิวเยว่กลับไปแล้ว แม่ของฉินซือก็พูดด้วยความเป็นกังวลว่า “ฉิวเยว่เป็นคนดีมาก แม่ชอบเด็กคนนี้นะ แต่ว่าฉินซือ ลูกวางแผนจะทำยังไงกับจ้าวซูซิน?”
ฉินซือขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ “ผมต้องทำอะไรกับเธอด้วยเหรอ? เธอกับผมเป็นแค่เพื่อนกันมาตลอด เราไม่จำเป็นต้องสนใจเธอด้วยซ้ำ”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่จ้าวซูซินทำกับคนรักของเขาก่อนหน้านี้ ฉินซือก็ไม่อยากจะพูดคำว่า ‘เพื่อนกัน’ ออกมาด้วยซ้ำ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกสาวตระกูลจ้าว เขาก็คงสั่งสอนบทเรียนให้จ้าวซูซินต้องจดจำไปชั่วชีวิตแล้ว
แม่ของฉินซือถอนหายใจออกมา เธอรู้สึกเหนื่อยใจ “ตระกูลจ้าวกับพวกเราคบหากันมานาน ยังไงลูกก็…ช่างมันเถอะ เรื่องนี้แล้วแต่ลูกก็แล้วกัน”
ฉินซือมีแผนการบางอย่างแล้ว เขาคงจัดการเรื่องนี้ได้ หญิงวัยกลางคนเชื่อมั่นในความสามารถของลูกชาย ถ้าเธอยื่นมือเข้าไปแทรกแซง เธออาจจะเป็นคนที่ทำให้เขามีปัญหาเสียเอง
แม่ของฉินซือก็ได้แต่หวังว่าจ้าวซูซินจะไม่ไปรังควานลู่ฉิวเยว่อีกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น ทุกคนคงมีจุดจบที่เลวร้ายมากแน่ ๆ