สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 63 กลับสู่หมู่บ้านเยว่เหลียง
บทที่ 63 กลับสู่หมู่บ้านเยว่เหลียง
บทที่ 63 กลับสู่หมู่บ้านเยว่เหลียง
“จริงด้วยสิ” ลู่ฉิวเยว่พูดขึ้นมาในทันใด “วันพรุ่งนี้พี่จะกลับไปดูบ้านที่หมู่บ้านเยว่เหลียง แล้วก็ว่าจะไปดูความเรียบร้อยของโรงงานด้วย เซวียนเซวียนกลับบ้านกับพี่ไหม เธอไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะ คุณลุงคุณป้าคงอยากเจอแทบแย่แล้ว เธอจะได้เอาข่าวดีไปบอกให้พวกท่านมีความสุขไงล่ะ”
แม่ของลู่ฉิวเยว่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว เซวียนเซวียนกลับบ้านไปพร้อมพี่เขาเถอะ ไม่กี่วันก่อนแม่ของเธอยังบ่นคิดถึงเธออยู่เลย”
หวังเซวียนเซวียนรับปากตกลง เพราะว่าโรงงานให้เขาได้หยุดพักหลายวัน ถ้าเขากลับไปที่หมู่บ้านในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะได้พักอยู่กับแม่เป็นเวลาหลายวัน
เช้าวันต่อมา ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านเยว่เหลียง พวกเขาถือถุงใส่ข้าวของเล็กใหญ่ ของต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นข้าวของที่แม่ของลู่ฉิวเยว่ซื้อฝากไปให้คุณลุงคุณป้าเมื่อหลายวันก่อน
หวังเซวียนเซวียนก็ซื้อของไปฝากพ่อแม่เช่นกัน ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เพราะนี่คือของฝากสำหรับคุณลุงคุณป้า เธอเองก็ช่วยน้องชายหิ้วถุงสัมภาระเหล่านั้นด้วยความยินดี
ถนนที่เธอเดินเป็นถนนดินโคลน มักจะมีหลุมบ่อปรากฏขึ้นเป็นระยะ ยิ่งลู่ฉิวเยว่เดินก็ยิ่งรู้สึกเวียนหัวตาลาย ครั้งแรกที่เธอเดินบนถนนเส้นนี้ก็คือตอนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เวลาครึ่งปีผ่านไปเพียงพริบตาเดียว
ในตอนนั้น ครอบครัวของเธอยังยากจน ไม่มีที่ซุกหัวนอน แต่ตอนนี้ นอกจากครอบครัวของเธอจะเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารขนาดใหญ่แล้ว เธอยังสามารถซื้อบ้านหลังโตได้อีกด้วย ชีวิตของเธอและพ่อแม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนหน้านี้ลู่ฉิวเยว่มักจะคิดถึงสิ่งที่เธอเคยมีในชาติที่แล้วอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอพร้อมที่จะสร้างพวกมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“อ้าว นั่นมันเซวียนเซวียนไม่ใช่เหรอ? ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายเดือน ตัวสูงขึ้นแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนหลายคนยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอ้อมแขน หนึ่งในนั้นทักทายหวังเซวียนเซวียนอย่างหยอกเย้า
หวังเซวียนเซวียนไม่รู้จะตอบรับอย่างไร จึงได้แต่หยุดยืนยิ้มตอบกลับไปอย่างเขินอาย
หลังจากนั้นหญิงวัยกลางคนอีกหลายคนก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นมากขึ้น
“คราวที่แล้วเห็นแม่แกบอกว่าแกได้ทำงานอยู่ในโรงงานใหญ่โต เห็นว่าเป็นโรงงานผลิตเครื่องจักรด้วยใช่ไหม? เป็นเครื่องจักรประเภทไหนล่ะ?”
“นั่นสิ พวกเราอิจฉาพ่อแม่ของแกจริง ๆ”
“ว่าแต่แกเข้าไปทำงานที่นั่นได้ยังไง? บอกป้าหน่อยนะ ป้าอยากจะให้อาฉางได้ลองเข้าไปทำงานดูเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของแก พวกแกเคยสนิทกันนี่นา” หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นคนทักทายหวังเซวียนเซวียนพูดออกมาอย่างทีเล่นทีจริง
กลุ่มชาวบ้านเหล่านี้พูดเร็วเกินไป หวังเซวียนเซวียนทำได้เพียงโบกไม้โบกมือ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง ลู่ฉิวเยว่ยืนเล่นกับเด็กน้อยอยู่ข้าง ๆ และหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมช่วยเขาเลย หวังเซวียนเซวียนก็หันมามองเธอด้วยความโกรธ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมักจะเป็นเกษตรกรทำไร่ไถนา เพราะฉะนั้นการที่ใครสักคนจะได้ไปทำงานอยู่ในโรงงานนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่โก้หรู ไม่ต้องสงสัยเลยที่หวังเซวียนเซวียนจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
เท่านั้นยังไม่พอ บางคนถึงกับพยายามจับคู่เขากับหลานสาวของตัวเองอีกด้วย หวังเซวียนเซวียนจึงทนอยู่นิ่งเงียบไม่ได้อีกต่อไป เขาพูดออกมาด้วยความเคร่งเครียดว่า “ขอบคุณคุณป้าทุกคนนะครับ แต่ว่าผมมีแฟนแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวที่ยืนรวมตัวอยู่แถวนั้นก็มีแววตาผิดหวังขึ้นมาทันที
“อ้อ…งั้นก็ไม่เป็นไร” ใครคนหนึ่งได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความหมดหวัง
หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาลู่ฉิวเยว่ “ฉิวเยว่ ฉันได้ยินว่าเธอเปิดร้านอาหารใหญ่โตอยู่ในอำเภอ ตอนนี้ยังรับลูกจ้างเพิ่มไหม? ฉันทำงานเร็วแล้วก็มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ช่วยรับฉันไปทำงานด้วยคนได้ไหม? ถึงยังไงพวกเราก็คนหมู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอ? คนต่างถิ่นจะไว้ใจได้มากกว่าคนหมู่บ้านเดียวกันได้ยังไง?”
ชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่แถวนั้นกางหูรับฟังด้วยความสนใจ มีใครบ้างไม่อยากทำงานสบาย ๆ ในร้านอาหาร?
แต่การรับลูกจ้างเข้าทำงานที่ร้านอาหารไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะถ้าพนักงานไม่มีคุณภาพ ร้านของเธอก็จะได้รับความเสียหาย ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและปฏิเสธไปว่า “ตอนนี้ยังไม่รับคนเพิ่มค่ะ ถ้าพวกคุณมาถามฉันก่อนหน้านี้สักไม่กี่เดือน ฉันก็คงตอบตกลงไปแล้ว ตอนนี้ฉันเซ็นสัญญากับลูกจ้าง ถ้าฉันยกเลิกสัญญาพวกเขา ฉันก็ต้องจ่ายค่าเสียหายด้วย”
หญิงสาวคนนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนดังออกมาว่า
“พวกเธอกำลังทำอะไรน่ะ! มายุ่งกับเซวียนเซวียนของเราอีกแล้วเหรอ”
ใครบางคนเดินเข้ามาทางด้านหลัง ลู่ฉิวเยว่หันไปมองแล้วก็ยิ้มกว้าง ป้าสะใภ้ของเธอนั่นเอง
บางทีเธออาจจะเพิ่งกลับมาจากไร่ ยังไม่ได้ถอดรองเท้ากันน้ำออกด้วยซ้ำและกางเกงของเธอก็เต็มไปด้วยคราบดินโคลน
“คุณป้าคะ”
“แม่ครับ”
เมื่อเห็นพวกเขากลับมาแล้ว ป้าสะใภ้ก็มีความสุข เธอยิ้มด้วยความดีใจ พลางพยักหน้าตอบรับการทักทาย
“สงสัยในเมืองจะกินดีอยู่ดีนะจ๊ะ เยว่เยว่สวยขึ้นเป็นกองเลย มาเจอกันเที่ยวนี้ ฉันนึกว่าเป็นดาราในทีวีนะเนี่ย” ป้าสะใภ้จับมือลู่ฉิวเยว่ด้วยความประหลาดใจขณะมองหน้าเธอตาไม่กระพริบ ผิวพรรณของเธอขาวเนียนปราศจากตำหนิจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่มีใบหน้าสวยงาม แม้แต่ขนตาก็ยังงอนยาวอย่างพอเหมาะ ยิ่งมองดูใกล้ ๆ ก็ยิ่งหาตำหนิไม่เจอ สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นนางฟ้าจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่ไอออกมาแก้เขิน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
ความจริงผิวของเธอนั้นดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้รับการบำรุงจากน้ำพุแห่งจิตวิญญาณและระบบทำอาหารในช่วงที่ผ่านมา เธอก็ยิ่งสวยงามมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลู่ฉิวเยว่หันมองรอบตัวและได้พบกับสายตาที่มีทั้งเคารพและชื่นชม แต่ไม่มีใครมองเธอด้วยความมุ่งร้ายเลย
ทุกคนได้ยินถึงฝีมือการทำอาหารของลู่ฉิวเยว่มานานแล้ว เห็นว่ายอดเยี่ยมมากกว่าเชฟระดับห้าดาวเสียอีก ตอนนี้เมื่อเธอไปเปิดร้านอาหารอยู่ในตัวเมือง ลู่ฉิวเยว่จึงสมควรร่ำรวยมากขึ้น
เพราะคงไม่มีใครคิดอิจฉาริษยาความสวยงามของดวงจันทร์บนท้องฟ้า
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่หิ้วข้าวของในมือหนักไม่น้อย เธอเริ่มรู้สึกปวดแขนแล้ว
ตอนนั้นเอง ป้าสะใภ้ของเธอจึงได้สติรีบช่วยเธอถือถุงของอย่างมีความสุข
พวกเขาเดินกลับบ้านช้า ๆ
ไม่นานหลังจากนั่งลง ลู่ฉิวเยว่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองกลับมาที่นี่เพื่ออะไร เธอจึงถามเสียงเครียดว่า “คุณป้าคะ แม่ลูกคู่นั้นได้มาสร้างปัญหาที่นี่บ้างหรือเปล่า?”
ป้าสะใภ้ของเธอส่ายหน้า “ไม่ได้มาเลยนะ เธอถามทำไมเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า ตราบใดที่แม่ลูกผู้ไร้ยางอายคู่นั้นไม่มายุ่งกับคุณลุงและป้าสะใภ้ของเธอ ลู่ฉิวเยว่ก็ยังคงเบาใจได้อยู่
“จริงด้วยสิ” ป้าสะใภ้ของเธอพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “คุณลุงของเธอไปซื้อของยังไม่กลับมาเลย เธอไปตรวจดูบ้านก่อนก็ได้ กลับมาจะได้กินอาหารกัน”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและเดินออกไปตามลำพัง ถนนดินโคลนเป็นหลุมเป็นบ่อ เธอเดินไปอย่างยากลำบาก
บ้านใหม่ของพ่อแม่เธออยู่ไม่ห่างจากบ้านของป้าสะใภ้ ใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนออกแบบบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง มีลานขนาดเล็กอยู่ข้างหน้า เอาไว้ใช้สำหรับปลูกดอกไม้กับปลูกพืชผักสวนครัว
เมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป เศษฝุ่นก็ลอยมาปะทะใบหน้า เธอสำลักและไอออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
ในบ้านหลังนี้ยังไม่มีข้าวของเครื่องใช้ ไม่มีแม้แต่เก้าอี้สักตัว มีแต่ความว่างเปล่า
แสดงว่าไม่มีใครมาที่นี่จริง ๆ เธอสำรวจดูโดยรอบ ตรวจสอบประตู หน้าต่าง ท่อน้ำ และสวิตช์ไฟ ก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านของป้าสะใภ้ช้า ๆ
หลังจากเดินกลับออกมาแล้ว เธอก็อดหันมองกลับไปที่บ้านหลังใหม่ของตนเองไม่ได้ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด แต่ก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร
บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไปเอง ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ในร้านอาหารมีปัญหามากมายให้เธอต้องจัดการ ลู่ฉิวเยว่กินอาหารกลางวันเสร็จก็จำเป็นต้องเดินทางกลับในตอนบ่าย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่สามารถอยู่ค้างคืนได้ ป้าสะใภ้ของเธอจึงมอบของฝากมาให้ถุงใหญ่ หญิงสาวไม่กล้ารับมามากเกินไป เพราะเธอผอมบางเกินกว่าจะหิ้วของทุกอย่างไหว
ลู่ฉิวเยว่รับถุงของฝากมาเพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็สั่งให้หวังเซวียนเซวียนหิ้วกลับไปตอนที่เขาเดินทางกลับในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น