สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 58 เจตนาร้าย
บทที่ 58 เจตนาร้าย
บทที่ 58 เจตนาร้าย
ป้าลู่หัวเราะและรู้ว่าแม่ของลู่ฉิวเยว่คงไม่ช่วยเหลือตัวเองแน่ ๆ เธอจึงหันไปหาพ่อของลู่ฉิวเยว่แทน
หญิงวัยกลางคนกลอกตาหลายครั้ง ก่อนจะแกล้งทำเป็นเขินอายและดึงให้ลู่เจี๋ยหรงนั่งลงบนโซฟา
“ชางหลิน นี่หลานสาวของเธอเชียวนะ เธอคงไม่ปล่อยให้พวกเราต้องตายหรอกใช่ไหม?” ป้าลู่พูดโดยทำให้ลู่ฉิวเยว่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
ไม่ใช่แต่เพียงลู่ฉิวเยว่เท่านั้น ทุกคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน ผู้หญิงคนนี้พูดถึงอะไรอยู่ มีใครจะเป็นจะตายขึ้นมาอีกเหรอ?
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อม” พ่อของลู่ฉิวเยว่ตอบรับด้วยความเย็นชา
“งั้นฉันจะไม่ปิดบังกับเธอก็แล้วกัน เมื่อ 2 วันก่อน หรงหรงเพิ่งจะไปทำแท้งมา ตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนแอมาก คนเป็นพ่อเด็กใจดำอำมหิต ไม่ยอมรับพวกเราเข้าบ้าน ฉันจึงได้แต่มาที่นี่และขอร้องพวกเธอ อย่างน้อยก็ให้หรงหรงได้อยู่พักฟื้นตัวที่นี่สักหน่อยเถอะนะ”
ต้องเข้าใจก่อนว่าพวกเขาตัดญาติขาดมิตรกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องราวของลู่เจี๋ยหรงจึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหลังนี้เลย!
“บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ถึงฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจ ฉันก็คงไม่อนุญาต” การไปทำแท้งแล้วมาพักฟื้นในบ้านคนอื่น มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือ?
นี่คือการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
ลู่ฉิวเยว่แอบปรบมือชื่นชมพ่ออยู่ในใจและพูดออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา “แล้วพวกป้าจะมานอนที่ไหนในบ้านของหนูได้คะ? พวกเรามีห้องนอนสามห้องก็จริง แต่ห้องว่างที่เหลืออยู่ยังไม่ได้ซื้อเตียงเข้ามาด้วยซ้ำ หรือว่าพวกป้าจะนอนกับพื้น? ไม่เสียหน้าแย่เหรอคะ ไปหาที่อื่นนอนเถอะค่ะ ถ้าหาไม่ได้ คุณป้าก็พาลู่เจี๋ยหรงกลับไปที่บ้านแม่ของคุณป้าสิ”
ป้าลู่ไม่พอใจในการปฏิเสธของลู่ฉิวเยว่ แต่เธอก็เข้าใจดีว่าตนเองเคยทำอะไรเอาไว้ในอดีต จึงปั้นหน้ายิ้มพูดต่อไปว่า “สรุปก็คือเธอยังเหลือห้องว่างอีกห้องหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“เหลืออีกห้องหนึ่งก็จริง แต่ฉันจะเก็บเอาไว้ให้หลานชาย” แม่ของลู่ฉิวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ป้าลู่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นทันที “หรงหรงก็เป็นสายเลือดตระกูลู่เหมือนกันนะ พวกเธอจะทนเห็นลูกสาวฉันตายได้ลงคอจริง ๆ เหรอ?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาด้วยความไม่พอใจ นับว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่มีจิตสำนึกจริง ๆ “แล้วทำไมพวกหนูต้องปล่อยให้ป้าเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยคะ? ป้าเคยใส่ความพวกเรากี่ครั้งแล้ว แถมป้าก็ยังเคยไล่พวกเราออกจากบ้าน ทั้ง ๆ ที่พวกเราไม่มีที่ไป โชคดีที่ตระกูลหวังรับพวกเราเอาไว้ พวกเราจึงสามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ปรสิตที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อคนอื่นอย่างป้ายังจะมีหน้ามาเรียกร้องความเห็นใจอีกได้ยังไง!”
“เธอพูดอะไรไร้สาระ คนที่ไล่พวกเธอออกจากบ้านคือคุณย่าใหญ่ต่างหาก เกี่ยวอะไรกับพวกฉันด้วย?” ป้าลู่ตอบกลับมาอย่างมีเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าตนเองไม่มีหวังแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอจะต้องให้ลู่เจี๋ยหรงอยู่อาศัยที่นี่ให้ได้
“ฉันไม่สน พวกเรามาแล้ว พวกเธอต้องหาห้องให้พวกเรา!”
ในขณะนี้ ใบหน้าของลู่เจี๋ยหรงซึ่งมีความอิดโรยอยู่ก่อนหน้าก็ยิ่งซีดขาวมากไปกว่าเดิมและทำท่าเหมือนจะเป็นลมล้มลงตลอดเวลา
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน เธอหันไปส่งสัญญาณบอกให้หวังเซวียนเซวียนไปที่บ้านของเพื่อนบ้านและโทรแจ้งตำรวจ ส่วนเธอจะคอยจับตาดูสองแม่ลูกคู่นี้เอง เพราะกลัวว่าพ่อของเธอจะถูกหลอกเอาได้ ถ้าแม่ลูกคู่นี้ได้มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้จริง ๆ แม่ของเธอก็คงอยู่อย่างไม่เป็นสุข
“เธอจะไปไหน?” ลู่เจี๋ยหรงรีบเอื้อมมือออกมาจับแขนของลู่ฉิวเยว่เอาไว้ เธอถูกตำรวจจับมาหลายครั้งแล้วจึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
ลู่ฉิวเยว่ยืนอยู่ตรงกลาง ส่งสัญญาณให้หวังเซวียนเซวียนรีบไป ในเวลาเดียวกันนี้ก็หันมายิ้มให้แก่ลู่เจี๋ยหรงและพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ”
โทรศัพท์แจ้งตำรวจ?!
คำตอบนี้ทำให้ลู่เจี๋ยหรงลุกขึ้นวิ่งหนีโดยทันที แต่แม่ของเธอก็จับตัวเอาไว้และกระซิบใส่ข้างหูว่า “ถ้าตำรวจมาแล้วจะเป็นอะไรไป? เราแค่บอกว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวก็จบแล้ว จริงไหม?”
ลู่เจี๋ยหรงเข้าใจขึ้นมาโดยทันทีและรีบกลับลงไปนั่งข้างแม่อย่างเชื่อฟัง
แม่ของลู่ฉิวเยว่โกรธมาก ก่อนจะหันไปมองสามีของตนเองด้วยสายตาเย็นชา
แม่ลูกคู่นี้เป็นญาติสามีของเธอ!
ชายวัยกลางคนต้องหลบสายตาด้วยความอึดอัดใจ
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกขบขันกับการกระทำของพ่อแม่ เธอแอบกินแอปเปิ้ลที่พ่อปอกไว้ให้แม่อย่างสบายใจ ในระหว่างนี้ก็ปล่อยให้สองแม่ลูกผู้มาเยือนแสดงละครต่อไป
เกือบ 15 นาทีต่อมา
“สวัสดีครับ ผมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ทราบว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณลู่ฉิวเยว่ใช่ไหมครับ?” ประตูบ้านเปิดค้างเอาไว้ ตำรวจจึงสามารถเดินเข้ามาได้โดยตรง “เห็นมีคนแจ้งว่ามีผู้บุกรุกใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันคือลู่ฉิวเยว่ ครอบครัวของฉันเป็นคนแจ้งตำรวจเอง” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา เธอชี้มือไปยังสองแม่ลูกที่นั่งอยู่บนโซฟา “สองคนนี้บุกรุกบ้านของเราค่ะ ฉันไล่พวกเขาแล้วก็ไม่ยอมไป คุณตำรวจช่วยเชิญตัวพวกเธอไปทีนะคะ”
ลู่เจี๋ยหรงและแม่ของเธอมีชื่อเสียงในสถานีตำรวจ เมื่อคุณตำรวจเห็นหน้าสองแม่ลูกคู่นี้อีกครั้ง เขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก แต่ก่อนที่จะถูกจับกุมตัว แม่ของลู่เจี๋ยหรงก็ประท้วงขึ้นมาว่า “นี่เป็นเรื่องในครอบครัว ตำรวจเกี่ยวอะไรด้วยคะ!”
คุณตำรวจหัวเราะ “ผมยุ่งเรื่องในครอบครัวคนอื่นไม่ได้หรอก แต่พวกคุณบุกรุกบ้านคนอื่น เพราะฉะนั้นต้องไปสถานีตำรวจ!”
ป้าลู่ส่ายหน้าปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เธอรีบดึงตัวลู่เจี๋ยหรงเดินออกไปนอกประตู “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราไม่ได้บุกรุก พวกเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“สายไปแล้ว!” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะและจ้องมองด้วยความเหยียดหยาม “ขอบคุณคุณตำรวจมากนะคะ ช่วยพาตัวพวกเขาไปทีเถอะ พวกเราไม่ให้อภัยพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาบุกรุกบ้านของเราอย่างนี้ พวกเราทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
สองแม่ลูกคู่นี้เป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอาย ถ้าวันนี้ปล่อยตัวไป วันพรุ่งนี้ก็จะกลับมาอีก ต้องสั่งสอนให้เข็ด!
“ลู่ชางหลิน เธอพูดอะไรบ้างสิ! ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะ หรงหรงเป็นหลานของเธอ จะให้พวกเราโดนตำรวจจับไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ!” สองแม่ลูกผู้บุกรุกจ้องมองไปที่พ่อของลู่ฉิวเยว่ เขาคือความหวังสุดท้ายของพวกเธอ
ลู่เจี๋ยหรงร้องไห้ออกมา ก่อนจะทำท่าเหมือนจะเป็นลมเพื่อเรียกร้องความสงสาร…
ตอนแรกพ่อของลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกใจอ่อน แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรเอาไว้กับครอบครัวของตัวเองบ้าง เขาก็กลับมาใจแข็งและไม่พูดอะไรสักคำ
เขาเองก็รู้สึกว่าต้องสั่งสอนให้พวกเธอจดจำไว้ซะบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่กลับมาสร้างปัญหาในอนาคตอีก
สองแม่ลูกร้องโวยวายและพยายามจะก่อกวน คุณตำรวจทนไม่ไหวจึงพาตัวไปที่สถานีตำรวจทันที
ป้าลู่ไม่ยินยอม ตอนที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไป เธอเอาแต่ตะโกนสาปแช่งว่า “พวกแกคอยดูให้ดีเถอะ! ลูกสาวของฉันต้องแต่งงานกับคนรวยให้ได้ แล้วพวกฉันจะกลับมาบดขยี้ร้านของพวกแกให้เละเลย!”
“ลู่ฉิวเยว่ แกมันหน้าด้านไร้ยางอาย แกมันอิจฉาพวกเรา! ฉันขอสาปแช่งให้แกไม่ได้แต่งงาน! ฉันขอสาปแช่งให้แกแก่ตายโดยที่ไม่มีคนรัก!”
“ครอบครัวที่ใจดำแบบนี้มันไม่เจริญหรอก! คอยดูก็แล้วกัน…”
ป้าลู่ส่งเสียงตะโกนโวยวาย ผิดกับลู่เจี๋ยหรงที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอได้แต่กัดฟันแน่น เธอไม่อยากจะถูกลู่ฉิวเยว่เหยียบย่ำไปตลอดชีวิต เธอต้องทำอะไรสักอย่าง!
ลู่เจี๋ยหรงกำหมัดแน่น มือของเธอไปวางอยู่ช่วงท้องส่วนล่างโดยไม่รู้ตัว
อยากจะไล่เธอไปแบบนี้ใช่ไหม? ไม่มีทาง!
“หยุดโวยวายได้แล้วค่ะแม่! หนูมีวิธี!” ลู่เจี๋ยหรงหรี่ตาลง ถึงแม้จะอยู่ในรถตำรวจ เธอก็ยังกระซิบอะไรบางอย่างกับแม่ของเธอ
ป้าลู่มีสีหน้าตื่นตกใจ แต่แล้วก็รู้สึกว่าเป็นแผนการที่เข้าท่า
“ตกลง! งั้นเอาตามนั้นเลย!”