สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 56 แนะนำตัว
บทที่ 56 แนะนำตัว
บทที่ 56 แนะนำตัว
“กลับไปแล้วเหรอ?”
หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็เดินยิ้มออกมา
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
“ดีแล้ว ลูกเองก็ไปล้างหน้าแล้วก็รีบเข้านอนเถอะ วันพรุ่งนี้ลูกต้องไปดูร้านขายยาจีนใช่ไหม?”
เสียงนุ่มนวลของแม่ลอยมาถึงใบหู ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า วันพรุ่งนี้เธอต้องตื่นแต่เช้า
และเนื่องจากในช่วงนี้ธุรกิจของร้านขายยาจีนไม่ค่อยดี เธอจึงปรึกษากับลุงเซิงว่าจะเปิดให้คำปรึกษาฟรีกับชาวบ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อเรียกลูกค้าไปในตัว
เช้าวันต่อมา อากาศสดใส ลู่ฉิวเยว่ไปช่วยชายชราเตรียมเปิดร้าน เธอพาเด็กเสิร์ฟจากร้านอาหารมาช่วยงานด้วยเช่นกัน
มีคนมารออยู่หน้าร้านตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่กล้าคิดว่าจะมีคนมานั่งรอแบบนี้ ต้องขอบคุณฉินซือที่ช่วยหาทางโปรโมตให้ ตอนนี้จึงมีคนรู้จักร้านขายยาจีนของเธอมากมายแล้ว
“เชิญเข้ามานั่งก่อนค่ะ” ลู่ฉิวเยว่เปิดประตูสีหน้ายิ้มแย้ม เธอช่วยเด็กเสิร์ฟชงน้ำชาไปมอบให้แก่คนที่เข้ามานั่งรอ
ใบชาที่ใช้เป็นใบชาชุดเดียวกับครั้งที่แล้ว เธอไม่อยากจะใช้ใบชาราคาถูกรับลูกค้า เพราะว่ามันจะดูเหมือนดูถูกลูกค้ามากเกินไป
“สาวน้อย คุณบอกว่าที่นี่ตรวจโรคฟรีใช่ไหม ตกลงว่าไม่เก็บเงินแน่นะ?” หญิงชราคนหนึ่งถามอย่างไม่สบายใจ ขาของเธอมีอาการเจ็บปวดและรักษาไม่หาย เธอไม่อยากเสียเงินอีกแล้ว
“ไม่เก็บเงินแน่นอนค่ะ วันนี้เราจะตรวจโรคฟรี ทุกคนสบายใจได้เลย”
นี่เป็นการตรวจโรคโดยไม่ต้องเสียเงิน!
คนที่ยืนลังเลอยู่หน้าร้านรีบขยับเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มาเป็นคนตรวจเองก็ตาม แต่การได้มายืนมองการวินิจฉัยโรคก็เป็นเรื่องที่น่าสนุก พวกเขาได้ยินว่าคุณหมอที่ทำงานอยู่ในร้านนี้เคยทำงานอยู่ในร้านฮุยอันถังมาก่อน แสดงว่าต้องมีฝีมือพอสมควร
“เอาล่ะ ไม่ต้องยืนมุงนะคะ ยืนเข้าแถวกันดีกว่า”
ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงเลยว่าร้านของตัวเองจะได้รับความนิยมขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าคุณลุงที่เข้ารับการตรวจคนแรกรู้สึกว่าคุณหมอประจำร้านตรวจโรคได้อย่างแม่นยำ เขาจึงนำไปบอกต่อ วันนี้จึงมีคนเข้ามาที่ร้านขายยาจีนไม่ขาดสาย ลุงเซิงทำงานยุ่งไปถึงช่วงบ่ายแทบไม่ได้หยุดพัก
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือลุงเซิงได้ทำการรักษาเบื้องต้นให้หญิงชราคนที่ปวดขาเมื่อตอนเช้า แล้วอาการปวดขาที่เป็นมาหลายปีของหญิงชราก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง หญิงชราดีใจมาก เธอนำข่าวไปประกาศในหมู่บ้าน แทบจะสรรเสริญว่าลุงเซิงเป็นหมอยาจีนในตำนานด้วยซ้ำ
เมื่อมีคนไข้น้อยลงในช่วงเย็น ลู่ฉิวเยว่จึงได้มีเวลานั่งพักจิบน้ำชาบนเก้าอี้
“สาวน้อย ที่นี่มีหมอตรวจโรคฟรีใช่หรือเปล่า?”
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลู่ฉิวเยว่รีบลุกขึ้นยืน ตอบรับว่า “ใช่แล้วค่ะ วันนี้ร้านของเราเปิดตรวจโรคฟรี เชิญเข้ามานั่งก่อนสิคะ”
ในตอนนี้มีคนมาต่อแถวนั่งรออยู่แล้วจำนวนหนึ่ง บางคนหงุดหงิดที่ต้องรอนานมากแล้ว
ลู่ฉิวเยว่เตรียมขนมมารับประทานกับลุงเซิง แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะไม่มีเวลาได้รับประทานอะไรเลยตลอดทั้งวัน ตอนนี้จึงนำขนมนั้นออกมา
เมื่อแกะห่อขนมออก กลิ่นอันหอมหวนชวนน้ำลายสอก็ลอยไปในอากาศ
“สาวน้อย ขนมในร้านนี้น่าอร่อยจังเลย” ผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้นมา “เธอชื่ออะไรหรอ?”
“ฉันชื่อลู่ฉิวเยว่ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะอย่างชอบใจ เธอตอบรับกลับไปเสียงดัง “ขนมพวกนี้เป็นขนมจากร้านอาหารของฉันเองค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเลิกคิ้วสูง เธอไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะฉลาดขนาดนี้ ถึงกับนำขนมออกมาใช้โปรโมตร้านของตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายของเธอจะชอบผู้หญิงคนนี้
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่นี้ก็คือพ่อแม่ของฉินซือ พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าฉินซือมีแฟนแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งมีเวลามาดูหน้าแฟนของลูกชายจริง ๆ ในตอนนี้เอง
จากที่สองสามีภรรยาเห็น หญิงสาวคนนี้มีใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากบอบบาง เรียกได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง
นอกจากหน้าตาดีแล้วยังฉลาดและพูดจาอ่อนหวาน นี่คือลูกสะใภ้ในฝันชัด ๆ
แม้แต่พ่อของฉินซือที่เข้มงวดกับทุกคนและเข้มงวดกับทุกรายละเอียดก็ยังอดชื่นชมไม่ได้
“ร้านอาหารเหรอ? สาวน้อย เธอยังเปิดร้านอาหารได้อีกเหรอเนี่ย ช่างมีความสามารถจริง ๆ” แม่ของฉินซือหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “ร้านอาหารอยู่ที่ไหนนะจ๊ะ? ฉันอยากจะไปดูหน่อย”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย พลางชี้มือไปยังร้านที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ “ร้านอาหารถัดไปนี่ล่ะค่ะ เป็นร้านอาหารของครอบครัวฉันเอง ข้าวผัดอร่อยมากนะคะ เป็นเมนูแนะนำเลย”
“ร้านใหญ่จัง!” เมื่อแม่ของฉินซือเดินออกไปดูก็ต้องร้องอุทานออกมา
เธอเคยได้ยินฉินซือบอกมาแล้วว่าลู่ฉิวเยว่มีร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่เธอก็นึกว่าเป็นเพียงร้านแผงลอยเล็ก ๆ เท่านั้น
หญิงวัยกลางคนหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน “สาวน้อย ฉันจะบอกให้นะว่าลูกชายของฉันก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารและมีร้านอาหารใหญ่โตเหมือนกัน ฉันคิดว่าเธอดูดีมาก ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับลูกชายฉันดีไหม?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ คุณป้าคนนี้ตั้งใจมาตรวจร่างกายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงจะทำตัวเป็นแม่สื่อ
“ขอบคุณมากนะคะคุณป้า แต่ว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว หนูรักแฟนของหนูมากค่ะ” เมื่อเธอพูดคำนี้ออกมา ใบหน้าของเธอก็แดงแจ๋ โชคดีที่ฉินซือไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นเขาคงตัวลอยขึ้นท้องฟ้าไปแล้ว “และเขาก็เป็นคนดีมากค่ะ”
แม่ของฉินซือหัวเราะด้วยความชอบใจและพูดต่อไปว่า “งั้นแฟนของเธอก็คงไม่หล่อเท่ากับลูกชายของฉันหรอก ลูกชายของฉันหล่อระดับเดียวกับพระเอกในทีวีเลยนะ”
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณป้ายังไม่เคยเจอแฟนหนูเลยนะคะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าหล่อสู้ลูกชายของคุณป้าไม่ได้ แฟนหนูหล่อที่สุดในใจหนูอยู่แล้วค่ะ”
ฉินซือเนี่ยนะไม่หล่อ?
คุณป้าคนนี้เป็นอะไรไป? จะคุยว่าลูกชายของตัวเองหล่อเหมือนพระเอกหนังในโทรทัศน์ว่างั้นเถอะ? แต่โทษทีนะ แฟนของเธอหล่อมากกว่าพระเอกหนังเสียอีก!
ถึงเขาจะไม่หล่อ แต่เขาก็เป็นแฟนของเธอ เธอจะปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่มีแม่ฝ่ายชายคนไหนจะไม่ชอบใจว่าที่ลูกสะใภ้ที่ซื่อสัตย์กับลูกชายของตนเองขนาดนี้ แม่ของฉินซือยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มากกว่าเดิมหลายเท่าและคิดว่าผู้หญิงคนนี้หลงรักฉินซือจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองหญิงวัยกลางคนด้วยความประหลาดใจ คุณป้าคนนี้แปลกคนชะมัด โดนคนด่าแล้วยืนยิ้มเนี่ยนะ?
หญิงสาวแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะจับมือหญิงวัยกลางคนและชี้มือไปที่เคาน์เตอร์ยา “คุณป้าคะ ถึงคิวคุณป้าตรวจแล้วค่ะ”
“วันนี้ฉันไม่ได้มาหาหมอหรอก” แม่ของฉินซือหัวเราะออกมา “วันนี้ฉันมาหาเธอต่างหาก”
ลู่ฉิวเยว่ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากไปกว่าเดิม ตอนแรกที่เดินเข้ามาในร้านบอกว่าจะมาหาหมอไม่ใช่เหรอ? แต่หลังจากพูดจาก่อกวนแล้ว คุณป้าคนนี้ก็บอกว่ามาหาเธอเนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะก่อนจะตอบกลับไปว่า “คุณป้าอย่าล้อเล่นสิคะ”
แม่ของฉินซือหัวเราะให้กับการตอบรับที่ประหลาดใจของลู่ฉิวเยว่ เธอรู้ดีว่าพฤติกรรมของตนเองในวันนี้นั้นน่ากลัว จึงรีบถอนหายใจออกมาและอธิบายว่า “สวัสดี สาวน้อย ขอฉันแนะนำตัวก่อนนะ ฉันเป็นแม่ของฉินซือ วันนี้ฉันแวะมาเยี่ยมเธอกะทันหัน ถ้าทำให้เธอกลัวก็ต้องขอโทษด้วย ฉินซือเป็นโสดมาหลายปีแล้ว ฉันไม่สนใจไม่ได้จริง ๆ”
พอพูดจบ หญิงวัยกลางคนก็หันไปหาพ่อของฉินซือและแนะนำว่า “ส่วนคนนี้ก็คือพ่อของฉินซือ”