สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 55 แนะนำลูกค้า
บทที่ 55 แนะนำลูกค้า
บทที่ 55 แนะนำลูกค้า
“เอาเป็นว่าผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณก็แล้วกัน ต่อไปคุณก็พยายามดูแลเรื่องอาหารการกินหน่อย แล้วก็ทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด”
สวีชางโจวพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ลุงเซิงแสดงสีหน้าพึงพอใจ คนไข้ที่คุณหมอรักก็คือคนไข้ที่เชื่อฟังคุณหมอนั่นเอง
“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณหมอที่อยู่ในร้านของคุณลู่จะเก่งขนาดนี้” สวีชางโจวประหลาดใจ ตอนแรกเห็นว่าร้านนี้เงียบเหงา เขาก็เลยนึกว่ามันเป็นร้านยาจีนทั่วไป จึงมองข้ามมาโดยตลอด
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา “ลุงเซิงเป็นคนที่เก่งมากค่ะ ถือเป็นโชคดีของร้านฉันเลย”
สวีชางโจวนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างจึงพูดพร้อมกับยิ้มว่า “ผมมีคนรู้จักที่ครอบครัวของเขาเปิดโรงพยาบาลอยู่ เขากำลังต้องการซื้อสมุนไพรจีน ในเมื่อร้านของคุณมีแต่ของดี งั้นเดี๋ยวผมแนะนำให้เขากับคุณรู้จักกันดีไหม”
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ “จริงหรอคะ? ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณตำรวจสวี ช่วงหลังฉันก็เป็นกังวลเรื่องลูกค้าเหมือนกัน คุณตำรวจมั่นใจได้เลยว่าสมุนไพรในร้านของฉันมีแต่ของคุณภาพสูงอย่างแน่นอน”
สวีชางโจวโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ คุณลู่ช่วยผมก่อน ผมก็ควรช่วยเหลือคุณลู่เหมือนกัน แล้วเขาก็อยากจะเชิญผมไปดื่มอยู่แล้วด้วย”
“จะไปดื่มอะไรอีก!”
ลุงเซิงขึ้นเสียงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งสองคนที่คุยกันอยู่สะดุ้งตกใจ
คุณหมอตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ “ผมเพิ่งจะเขียนรายชื่อสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงไว้ การดื่มสุราก็เป็นหนึ่งในนั้น คุณลืมไปแล้วเหรอ?”
เขาเพิ่งจะชมเชยนายตำรวจหนุ่มไปเมื่อสักครู่ แต่ตอนนี้ชายชรากำลังดุด้วยความโกรธจัด!
สวีชางโจวไอออกมา เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที “ผมแค่พูดเฉย ๆ ครับ ไม่ได้จะไปดื่มจริง ๆ สักหน่อย คุณหมออย่าเพิ่งโกรธสิครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ฉิวเยว่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของนายตำรวจ เขารีบก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังเหมือนสุนัขโกลเดนรีทรีฟเวอร์ที่ถูกจับได้ว่าทำผิด ทำให้เธออดขำไม่ได้
และบังเอิญว่าวันนี้เป็นวันหยุดของสวีชางโจว เขาจึงนัดเจอได้โดยทันที ลู่ฉิวเยว่พูดคุยกับผู้บริหารจากโรงพยาบาลเพียงไม่กี่ชั่วโมง การตกลงร่วมธุรกิจก็ผ่านไปอย่างราบรื่นและมีการเซ็นสัญญาในที่สุด
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณลู่” คณบดีโจวพยักหน้าอย่างมีความสุข เขาเป็นคนดูแลเรื่องการจัดซื้อสมุนไพรจีนในโรงพยาบาล
ตอนแรกที่เขาเห็นผู้หญิงคนนี้ เขานึกว่าเธอจะพึ่งพาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากลู่ฉิวเยว่จะพึ่งพาได้แล้ว เธอยังมีความรู้เรื่องสมุนไพรจีนพอสมควร และสมุนไพรจีนในร้านของเธอก็เป็นของคุณภาพดี นับว่าเขาโชคดีจริง ๆ ที่ได้พบเธอ
ในที่สุดก้าวแรกที่เข้าสู่วงการยาจีนก็ผ่านไปด้วยดี ลู่ฉิวเยว่เชื่อว่าอนาคตร้านขายยาของเธอต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน
สวีชางโจวเป็นคนขับรถไปส่งคณบดีโจวด้วยตัวเอง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีมากเลยนะ”
คำพูดของคณบดีโจวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของสวีชางโจวทำให้นายตำรวจหนุ่มต้องรีบแก้ตัวว่า “พวกเราไม่ได้คบหากันแบบนั้น อย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ เดี๋ยวฉันจะซวยเอาได้”
“นายไม่ได้รีบให้ฉันมาเจอแฟนนายงั้นหรอ?” คณบดีโจวประหลาดใจ
สวีชางโจวได้แต่ถอนหายใจ นี่คือนิสัยของคณบดีโจว เมื่อเชื่ออะไรแล้วก็จะปักใจเชื่อตลอดไป “ไม่ใช่ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายต้องการซื้อสมุนไพรจีน ฉันก็คงไม่ติดต่อนายหรอก นายชอบเธอหรือไง?”
คณบดีโจวยิ้ม เขารู้ดีว่าลูกพี่ลูกน้องของตนเองเป็นพวกลูกผู้ชายยุคเก่า ยิ่งเจอผู้หญิงที่ตัวเองชอบมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปากแข็งมากเท่านั้น
“ชอบก็ได้ เพราะคนอย่างนายคงไม่เหมาะกับเธออยู่แล้ว”
สวีชางโจวพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา เขาขี้เกียจสนใจลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง คณบดีโจวหัวเราะด้วยความชอบใจ เขาไม่ทราบเลยว่าอาการปากแข็งแบบนี้จะมีหมอจีนที่ไหนสามารถรักษาหายได้ไหม
เมื่อได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่เรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ก็มีความสุขตลอดทั้งวัน เธอรับประทานอาหารค่ำได้เยอะมากกว่าปกติ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนก็มานั่งพูดคุยกันที่โซฟา ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ “วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณนั่งยิ้มตลอดเลย?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างเป็นปริศนา “ฉันจะเล่าให้ฟัง วันนี้ฉันได้เจอกับพี่ตำรวจคนนึง…”
“หา!”
เลขาหวังหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “พวกข่มขู่ตบทรัพย์ไปเจอเข้ากับตำรวจเนี่ยนะ นี่มันฆ่าตัวตายชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง?”
ทุกคนในบ้านต่างก็หัวเราะออกมา มีแต่เพียงฉินซือคนเดียวเท่านั้นที่นั่งหน้าบึ้ง
“พี่ตำรวจงั้นหรอ? สนิทกันจังเลยนะ? ทีกับฉันเธอเจอหน้าทุกวันยังเรียกว่าคุณฉินอยู่เลย!” เขาพูดด้วยความไม่พอใจ ทำให้บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยแรงหึงหวง
แถมตำรวจคนนั้นยังแนะนำลูกค้าให้เธอด้วย! คงอยากเข้ามาจีบเธอล่ะสิ!
“ฮึ!” ฉินซือหันหน้ากลับไปไม่พูดอะไร แม้แต่แผ่นหลังของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหึงหวง
ลู่ฉิวเยว่ทั้งรู้สึกโกรธและตลก ฉินซือก็มีมุมหึงหวงเหมือนกันเหรอ?
แม่ของเธอจ้องมองด้วยความตลกขบขัน เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉินซือจะเป็นคนขี้หึงเช่นนี้
ทุกคนรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง
“ไม่เอาน่า คุณอย่าโกรธเลย ฉันจะไม่เรียกเขาแบบนั้นอีกก็แล้วกัน” เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็ขยับเข้าไปอ้อนเขา
ลมหายใจอุ่นของหญิงสาวเป่าลดต้นคอของฉินซือ ชายหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา แล้วใบหูของเขาก็กลายเป็นสีแดง
เขาหันกลับมามองเธอและพูดด้วยความไม่พอใจว่า “งั้นคุณก็เรียกผมว่าพี่ฉินสิ”
พี่…พี่ฉินเนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะขอร้องแบบนั้น เธอจึงหน้าแดงขึ้นมา เธอพยายามจะเรียกออกมาแต่ก็เขินอายมากเกินไป ยิ่งทำให้ฉินซือไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม
ผู้หญิงคนนี้อยู่กับเขาทุกวันและมีความสนิทสนมกันดี แต่เธอก็เรียกเลขาหวังว่าพี่หวัง และเรียกตำรวจคนนั้นว่าพี่ตำรวจทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่เธอก็ยังเรียกเขาแค่ ‘ฉินซือ’ เหมือนเดิมอยู่เลย
“เรียกเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เขาจับใบหน้าที่งดงามนั้นให้หันมาสบตามองตนเอง
“เรียกออกมาเดี๋ยวนี้!” เมื่อเห็นเขากำลังโกรธแค้นเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่พยายามทำตัวดุดัน ลู่ฉิวเยว่ก็จำเป็นต้องกัดฟันและพูดออกไปว่า “พี่ฉิน”
เสียงของเธอเบายิ่งกว่าเสียงยุง แต่ก็ดังมากพอที่ฉินซือจะได้ยิน สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเหมือนเด็กประถมที่ได้รับคำชม “แค่นี้ก็จบแล้ว”
“จบแล้วก็ดี” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองร้อนผ่าวจนสามารถทอดไข่ได้ เธอผลักเขาด้วยความไม่พอใจ “รีบกลับไปได้แล้ว ขับรถตอนกลางคืนมันไม่ปลอดภัย”
แต่เมื่อเห็นว่าฉินซือไม่ยอมลุกขึ้นไปจากโซฟาของเธอสักที ลู่ฉิวเยว่ก็หัวเราะออกมาว่า “ถ้าคุณกล้าจะนอนค้างที่นี่ พ่อของฉันต้องเอาไม้เท้าฟาดคุณแน่”
พ่อของเธอไม่มีวันเปิดโอกาสให้เขาได้ค้างคืนที่นี่เด็ดขาด
ฉินซือเดินคอตกเหมือนชีวิตจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ลู่ฉิวเยว่เห็นดังนั้นก็รู้สึกขบขันเป็นอย่างยิ่ง
เธอรู้ว่าคนเป็นแฟนกันก็อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และเธอเองก็รู้สึกเช่นนั้น แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฉินซือที่แสนเย็นชาในอดีตจะเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน
ลู่ฉิวเยว่ไม่สามารถเมินเฉยต่อความรู้สึกอันหอมหวานในหัวใจได้ เธอต้องถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่สิความรู้สึกของการมีความรัก ริมฝีปากของเธอบิดเป็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข