สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 50 ร้านขายสมุนไพรจีน
บทที่ 50 ร้านขายสมุนไพรจีน
บทที่ 50 ร้านขายสมุนไพรจีน
ลู่ฉิวเยว่เชื่อว่าถ้าเธอไม่กลัวและขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ เฉินซุนเหยียนก็จะต้องวิ่งหนีไปด้วยน้ำตานองใบหน้าทันที
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะก่อนจะตอบกลับไปว่า “ถ้าไม่จ่ายค่าเสียหาย คุณก็ต้องปล่อยให้ฉันเช่าครบตามสัญญา 1 ปี ถ้าคุณกล้าทำผิดสัญญา รับรองว่าได้ขึ้นศาลแน่”
เฉินซุนเหยียนโกรธมาก เธอคิดว่าถ้าตนเองเปิดร้านขายติ่มซำ เธอก็จะมีรายได้วันละ 200-300 หยวนเหมือนลู่ฉิวเยว่ ดังนั้นเธอจึงกัดฟันยอมตกลงจ่ายค่าเสียหาย
เธอกลับไปที่บ้านและนำเงินเก็บทั้งหมดออกมานับดู หลังจากนั้น 2 วัน เฉินซุนเหยียนก็มาจ่ายค่าเสียหายที่ผิดสัญญาให้แก่ลู่ฉิวเยว่
เฉินซุนเหยียนถูกเงินตราบดบังจนดวงตามืดบอด เธอตั้งใจจะเปิดร้านติ่มซำให้ได้ ไม่ว่าสามีจะทัดทานอย่างไร เธอก็ไม่ยอมรับฟัง
หลังจากได้รับเงินแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เธอวางแผนที่จะปล่อยร้านนั้นอยู่แล้ว แต่เมื่อเฉินซุนเหยียนมาก่อกวนถึงที่ร้านใหม่ของเธอ เธอจึงเรียกค่าเสียหายจนได้เงินมาก้อนใหญ่
ลู่ฉิวเยว่ไม่มีแรงกลับไปดูร้านเก่า เธออยากจะตั้งใจพัฒนาร้านใหม่ให้เต็มที่ เธอจึงทุ่มเทเวลาและแรงกายทั้งหมดให้กับร้านใหม่แห่งนี้
เธอมีรายได้หลายร้อยหยวนต่อวัน
เมื่อมีเงินทุนมากพอ ลู่ฉิวเยว่จึงติดประกาศรับสมัครลูกจ้างอยู่หน้าร้านอาหาร เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ก็มีคนมาสมัครงานอย่างต่อเนื่อง
“เยว่เยว่ แม่ช่วยดูแลร้านให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องไปจ้างคนอื่นมาเลย”
เมื่อได้ยินคนเป็นแม่ทักท้วง ลู่ฉิวเยว่ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะหญิงวัยกลางคนคุ้นเคยกับการทำงานมาตลอดชีวิตหรือเปล่า เมื่อเธอพบว่าลูกสาวกำลังจะจ้างเด็กเสิร์ฟ 5 คนและพ่อครัวอีก 3 คน แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ได้แต่บอกว่าตนเองกับพ่อของเธออยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร ให้มาทำงานแก้เบื่ออยู่ในร้านอาหารดีกว่า
“แม่คะ” ลู่ฉิวเยว่กระตุกแขนเสื้อของแม่ให้นั่งลง “แม่ทำงานหนักมาหลายปีแล้วนะ ให้หนูรับช่วงต่อเถอะ แม่ดูแลพ่อให้ดี ขาของพ่อแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว แม่ยังจะให้พ่อมาทำงานที่ร้านอีกเหรอ?”
อีกอย่าง ลู่ฉิวเยว่ได้เซ็นสัญญาซื้อร้านค้าข้าง ๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วัน เธอจะขยายร้านเป็น 2 คูหา จำนวนคนงานเท่าเดิมจะเพียงพอได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเปิดรับสมัครคนงานเพิ่มอยู่แล้ว
แต่ถึงจะรับสมัครคนงานเพิ่มเป็นจำนวนหลายอัตรา แต่ก็ใช่ว่าหญิงสาวจะรับคนโดยไม่ตรวจสอบให้ดี เพราะเธอรู้ดีว่าเด็กเสิร์ฟคือหน้าตาของร้านอาหาร จะรับสมัครเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบไม่ได้
เมื่อแม่ของเธอได้ยินเช่นนี้ก็เกิดความลังเล ในที่สุดก็ยอมปล่อยวาง หญิงวัยกลางคนคิดว่าตนเองยังมาทำงานได้ไม่มีปัญหา แต่เธอก็ไม่อยากให้สามีตามมาทำงานลำบากด้วยเช่นกัน
“งั้นก็แล้วแต่ลูกเถอะ”
เมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็รีบลุกขึ้นไปต้อนรับ เมื่อเห็นแม่เดินออกไปแล้ว หญิงสาวก็จมตัวอยู่กับความคิดอีกครั้ง ไม่นานมานี้ ระบบอาหารเพิ่งจะปลดล็อกสูตรสมุนไพรใหม่ให้เธอ ลู่ฉิวเยว่จึงกำลังชั่งใจอยู่ว่าตนเองจะเปิดร้านขายสมุนไพรและทำอาหารสมุนไพรควบคู่กันไปด้วยดีไหม
ในชาติที่แล้ว เธอเคยลงทุนในวงการสมุนไพรจีนเช่นกัน และมันก็เป็นตลาดการลงทุนที่ดีมาก เธอเคยเปิดร้านขายสมุนไพรอยู่หลายสาขา ธุรกิจถือว่าดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้รับ
ร้านขายสมุนไพรจีนของเธอเหล่านั้นกลายเป็นร้านชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วประเทศ
ในชาติที่แล้ว ถ้าเธอไม่ได้รักการทำอาหาร ลู่ฉิวเยว่ก็คงเปลี่ยนไปค้าขายสมุนไพรจีนอย่างเต็มตัวไปแล้ว
คืนนั้นลู่ฉิวเยว่บอกพ่อแม่ของเธอเกี่ยวกับไอเดียใหม่ในครั้งนี้
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที
หลังจากใช้ความคิด แม่ของเธอก็พูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “แค่ร้านอาหารลูกก็ยุ่งมากพอแล้ว ลูกอยากจะเปิดร้านขายสมุนไพรอีกเหรอ? อย่าว่าแต่ลูกไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรเลย ลูกจะทำเงินจากมันได้ยังไง อีกอย่าง วงการนี้แข่งขันกันดุเดือดมาก ลูกจะรับไหวแน่นะ? แม่ว่ารออีกหน่อยดีไหม? รอให้ธุรกิจทุกอย่างอยู่ตัวแล้วลูกค่อยเปิดร้านใหม่ดีกว่า”
“แม่คะ พวกเรารอไม่ได้หรอก แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูจัดการได้” ลู่ฉิวเยว่รู้ว่าแม่ตักเตือนด้วยความรัก เธอจึงพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
พ่อของเธอไม่ได้พูดอะไรมาก เขารู้ดีว่าลูกสาวของตนเองหัวรั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อม ไม่ว่าลูกสาวตัดสินใจจะทำอย่างไร เขาก็พร้อมสนับสนุนเธอเสมอ
วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่เอนหลังพิงพนักเก้าอีกด้วยความมึนงง เธอกำลังวางแผนว่าจะเปิดร้านขายสมุนไพรจีนในยุคสมัยนี้อย่างไร เธอได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง เสียงของฉินซือ
เธอไอก่อนจะเงยหน้ามองเขา “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินฉินซือเรียกตนเองว่า ‘ฉิวเยว่’ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อเธอเช่นนั้น เธอก็รู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
ชายหนุ่มจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ เธอเป็นโลกทั้งใบของเขา สองแก้มของลู่ฉิวเยว่ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่กล้ามองตาเขาตรง ๆ ด้วยซ้ำ
“ผมเสร็จงานแล้วเลยแวะมาหา”
เมื่อวานนี้เกิดปัญหาขึ้นกับโครงการในเมืองข้าง ๆ เขาต้องรีบไปจัดการ ตอนขับรถกลับมาที่นี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เขาไม่กล้าไปรบกวนเธอ จึงรอจนกระทั่งถึงตอนนี้
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ฉันก็ว่าจะไปหาคุณอยู่เหมือนกัน แต่คุณก็มาหาฉันพอดีเลย”
เธอยิ้มและเดินไปหยิบชามโจ๊กออกมาจากในครัว กลิ่นหอมของโจ๊กลอยขึ้นมาเตะจมูกของฉินซือ เขาถือโอกาสนี้นั่งลงโดยทันที
ในตอนนี้ ชายหนุ่มร่างสูงกลายเป็นเหมือนเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้มว่า “คุณกินอาหารเช้าก่อนเถอะ พวกเราคุยไปกินไปก็ได้”
“ตามที่คุณสะดวก” ฉินซือพยักหน้า
ลู่ฉิวเยว่พูดว่า “ฉันอยากจะเปิดร้านขายสมุนไพรจีน แล้วก็อยากจะทำอาหารสมุนไพรขายด้วย คุณคิดว่ายังไง?”
เพื่อให้ได้รับคำปรึกษาที่แม่นยำทางธุรกิจ คงไม่มีใครให้คำปรึกษากับเธอได้ดีมากไปกว่าฉินซืออีกแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นนักธุรกิจ ดังนั้นเขาต้องรู้อะไรบางอย่าง
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง เขายิ้มแล้วถามว่า “อยู่ดี ๆ ทำไมคุณถึงอยากเปิดขึ้นมา?”
“ช่วงนี้ฉันว่างน่ะ คงเป็นเพราะเพิ่งผ่านตรุษจีนมาไม่นาน ลูกค้ายังไม่ค่อยกลับเข้าร้านเท่าไหร่ ฉันก็เลยคิดอยากจะเปิดร้านใหม่อีกสักร้านหนึ่ง”
ฉินซือพยักหน้า “เท่าที่ผมรู้ ในพื้นที่ซึ่งกำลังพัฒนาอย่างเมืองแห่งนี้ การเปิดร้านขายสมุนไพรจีนถือเป็นเรื่องที่คุ้มเสี่ยง ถ้าดูแลให้ดี กิจการก็เติบโต แต่ถ้าคุณอยากจะทำอาหารสมุนไพร ผมไม่แนะนำดีกว่า ตอนนี้มีร้านอาหารสมุนไพรอยู่มากมาย พวกเขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ถ้าคุณไปแข่งกับพวกเขา ต่อให้แย่งลูกค้ามาได้ส่วนหนึ่ง ก็คงได้เงินไม่มากอยู่ดี”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอเคยออกไปสำรวจร้านขายอาหารสมุนไพรที่อยู่ในเขตใกล้เคียงมาแล้ว แต่ละร้านมีลูกค้าไม่ใช่น้อย ดังนั้นเธอจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา แต่โชคดีที่ฉินซือชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาด ไม่อย่างนั้นเธอก็คงถูกระบบทำให้ดวงตามืดบอดไปแล้ว
ในอดีตเธอไม่เคยทำความผิดพลาดระดับพื้นฐานอย่างนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้ เธอถูกระบบทำอาหารทำให้ไขว้เขวจนเกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่
ลู่ฉิวเยว่ใช้ความคิดอยู่นานก่อนถามออกมาอย่างจริงจังว่า “งั้นคุณคิดว่าฉันควรเปิดร้านขายสมุนไพรจีนแค่อย่างเดียวใช่ไหม?”