สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 47 เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง
บทที่ 47 เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง
บทที่ 47 เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง
แม่บ้านได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ เธอไม่เคยเห็นใครสามารถเปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วขนาดนี้มาก่อน เมื่อสักครู่นี้ฉินซือยังมีสีหน้าไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้เขากำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และยังพุ่งเข้าไปกอดหญิงสาวคนที่มาหาเหมือนคิดถึงกันปานจะขาดใจตายแล้ว
เมื่อพบกับอ้อมกอดอันอบอุ่น ลู่ฉิวเยว่ก็ถึงกับตกตะลึงไม่น้อยจนต้องรีบผลักเขาออกไป “คุณทำอะไรของคุณเนี่ย?”
ฉินซือรีบปล่อยมือ ก่อนจะพูดด้วยความเขินอาย “ขอโทษที ผมตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย ว่าแต่คุณมาหาผม มีอะไรหรือเปล่า?”
สายลมที่เย็นเฉียบพัดมาปะทะกับใบหน้าที่ร้อนอุ่นของลู่ฉิวเยว่ เธอยกถุงสินค้าในมือขึ้นให้เขาดู “วันนี้ฉันหยุดพักก็เลยคิดว่ามีอะไรอยากจะมาคุยกับคุณหน่อย”
เมื่อเห็นถุงสินค้าใบนั้น ฉินซือก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ลู่ฉิวเยว่คงไม่ได้คิดจะเอาของขวัญมาคืนเขาหรอกใช่ไหม?
หมายความว่าเธอปฏิเสธเขาแล้วสินะ?
ฉินซือรู้สึกกังวลจนมีเหงื่อออก
“ได้สิ” เขาพยักหน้าอย่างกล้าหาญและถอดเสื้อคลุมออกไปคลุมให้เธอ
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ เธอยืนอยู่ข้างนอกมานานแล้ว อากาศอันหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปในคอเสื้อของเธอ ทำให้เธอตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ
“ฉินซือ ของขวัญชิ้นนี้มีราคาแพงเกินไป ฉันรับเอาไว้ไม่ได้…”
“งั้นคุณรับอะไรได้บ้างล่ะ?” ฉินซือรีบสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากได้ยินถ้อยคำอะไรจากเธอที่จะทำให้เขาเศร้าอีกแล้ว
เขาจะไม่ยอมแพ้
ลู่ฉิวเยว่เป็นของเขา!
“หรือผมควรถามดีว่าคุณจะยอมรับของขวัญจากผมเมื่อไหร่?”
คำถามของฉินซือมีความหมายที่คลุมเครือมากเกินไป ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นรัว เธอจ้องมองแต่ปลายรองเท้าของตนเองเพื่อสงบจิตใจ
ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไรสักหน่อย…ใจเย็นก่อน!
เธอแกล้งพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉินซือ ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับคุณ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันกลัวว่าถ้าฉันรีบร้อนมากเกินไป สุดท้ายพวกเราอาจจะต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นรอให้ผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีนไปก่อน เราค่อยกลับมาคุยกันใหม่ดีไหม?”
เธอไม่ได้มาเพื่อปฏิเสธเขาใช่ไหม? งั้นก็หมายความว่าเขายังมีโอกาสอยู่น่ะสิ!
“ตกลง!” ฉินซือนิ่งคิดและพูดออกไปโดยทันที “ให้ผมรอคุณไปตลอดชีวิตก็ยังได้”
ลู่ฉิวเยว่ “…” ประโยคหลังไม่จำเป็นเลยจริง ๆ
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้มีคนภายในบ้านกำลังเฝ้ามองอยู่ด้วยความสนใจ
“คุณทำอะไรน่ะ?” เมื่อเห็นสามีของตนเองกำลังแอบมองออกไปนอกหน้าต่างลับ ๆ ล่อ ๆ แม่ของฉินซือที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดก็ถามทันที เพราะนี่ไม่ใช่นิสัยของสามีเธอเลย
“ชู่!” พ่อของฉินซือหันมาทำท่าให้เงียบเสียง ก่อนจะชี้มือออกไปนอกหน้าต่าง “ดูลูกชายของคุณคุยกับผู้หญิงคนนั้นสิ”
ดวงตาของหญิงวัยกลางคนเป็นประกาย เธอรีบวิ่งเข้าไปผลักสามีออกและแอบมองออกไปผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่าง “ทำไมไม่รีบเรียกฉันให้เร็วกว่านี้?”
สองสามีภรรยามัวแต่เถียงกันอยู่ที่ข้างหน้าต่าง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่พวกเขาอยากจะแอบดูได้เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังแล้ว
“มองเห็นชัดไหมครับ?” ฉินซือทั้งโกรธทั้งขำ พ่อแม่ของเขาอายุเท่าไหร่แล้ว? ทำไมถึงต้องมาแอบดูแบบนี้ด้วย
แม่ของเขาตอบกลับมาโดยไม่รู้ตัว “เห็นชัดสิ! แต่เสียดายที่อยู่ไกลเกินไป ฉันมองไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเลย…”
หลังจากตั้งสติได้ คนเป็นแม่ก็ยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “ฉินซือกลับมาแล้วเหรอ”
การแอบดูความสัมพันธ์ของลูกชายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ปกติไม่ทำกัน พ่อของเขาไอแห้ง ๆ ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางแก้เขิน
ฉินซือมองพ่ออย่างพูดไม่ออก ก่อนจะเดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องของตนเอง
เมื่อคิดถึงการกอดเมื่อสักครู่ หัวใจของเขาก็รู้สึกหอมหวานปานน้ำผึ้งละลาย แม้แต่ในความฝันของเขา อ้อมกอดของเธอก็ยังอบอุ่นอยู่เสมอ
หลังจากปฏิเสธไม่ให้ฉินซือเดินทางมาส่งเธอ ลู่ฉิวเยว่ก็นั่งรถโดยสารประจำทางกลับมาเพียงลำพัง
ทิวทัศน์สองข้างทางผ่านเลยไปทางด้านหลัง เธอจ้องมองพวกมันด้วยความงุนงง ความคิดของเธอสับสน แม้แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อถึงเวลา เธอก็เดินลงมาจากรถอย่างงง ๆ
เธอบอกว่าจะให้คำตอบกับเขาเมื่อผ่านเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว และตลอดหลายวันต่อมาเธอก็ยุ่งมาก
ในที่สุดเมื่อมีเวลาว่าง แม่ของเธอก็บอกให้จัดงานเลี้ยงครอบครัวเพื่อที่ทุกคนจะได้มาพักผ่อนและสนุกกัน ฉินซือกับเลขาหวังเพิ่งจะกลับมาพอดี ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับเชิญให้มารับประทานอาหารด้วยกัน
ลู่ฉิวเยว่ไม่ปฏิเสธ เธอได้แต่เข้าครัวทำอาหาร เพราะมีแต่การทำอาหารเท่านั้นที่ทำให้จิตใจของเธอกลับมาเป็นปกติ
เธอหั่นเนื้อแกะเป็นชิ้นพอดีคำ ล้างด้วยน้ำสะอาดผสมเกลือเพื่อกำจัดฟองเลือด ก่อนจะนำไปแช่น้ำเย็น เมื่อแช่จนได้ที่แล้วก็เอาขึ้นมาหมักกับหอมและขิง นำไปต้มในน้ำเดือดเพื่อดับกลิ่นคาว คอยช้อนฟองที่ลอยขึ้นมา แล้วจึงเติมส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เป็นสมุนไพรจีนลงไปอย่างเก๋ากี่และพุทราจีนแห้ง จากนั้นตุ๋นในน้ำเดือดประมาณ 1 ชั่วโมง เนื้อแกะจะนุ่มมากพอที่จะนำลงจากเตาได้แล้ว
การได้ซดน้ำซุปอุ่น ๆ ในอากาศหนาวเช่นนี้คือสิ่งที่มีความสุขยิ่งนัก ลู่ฉิวเยว่สูดดมกลิ่นหอมภายในห้องครัวและก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ลู่ฉิวเยว่หุงข้าวไว้เพียงเท่านั้น เพราะทุกคนรับประทานข้าวกับเมนูปลาใหญ่รวมถึงเนื้อสัตว์มาหลายวันแล้ว เธอจึงเปลี่ยนอาหารหลักจากข้าวมาเป็นเส้นหมี่ผัด เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและทำให้ทุกคนยังรู้สึกอยากรับประทานมากขึ้น
เลขาหวังพูดก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารว่า ‘ผมกินจากข้างนอกมาแล้ว คงกินอะไรไม่ไหวอีก’ แต่เมื่อเส้นหมี่ผัดถูกนำมาเสิร์ฟ เขาก็รับประทานอย่างมีความสุขมากกว่าทุกคน ในที่สุดฉินซือก็ได้รับประทานอาหารที่อร่อยถูกปากเขาเสียที
เชฟที่เคยทำอาหารให้เขาทานก่อนหน้านี้ลาหยุดกลับบ้านช่วงตรุษจีน ระหว่างที่หยุดอยู่บ้าน ฉินซือก็ต้องรับประทานอาหารจากฝีมือของป้าแม่บ้าน บางครั้งแม่ของเขาก็จะทำอาหารให้ทานเช่นกัน ซึ่งรสชาติอาหารเหล่านั้นถือว่าอร่อยมากสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับฉินซือ เขาแทบรับประทานไม่ได้เลย
ถ้าเขาไม่กลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่าตนเองคงจะต้องอดตายในช่วงตรุษจีนปีนี้แน่ ๆ
แม่ของฉินซือรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นลูกชายรับประทานแต่โจ๊กทุกวัน ดังนั้น เธอจึงบอกให้เขาเก็บข้าวของและกลับไปหาลู่ฉิวเยว่ เพราะฉินซืออยู่บ้านต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่เธอก็อยากไปดูให้เห็นด้วยตาของตนเองจริง ๆ ว่าลู่ฉิวเยว่สวยและมีความสามารถสมกับที่ฉินซือเคยยกยอเอาไว้และมีความเหมาะสมเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอไหม
ทุกคนเพิ่งจะรับประทานอาหารกันเสร็จ ฉินซือนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเอาอะไรมาด้วย เขาจึงสั่งให้เลขาหวังออกไปยกเข้ามา
ลู่ฉิวเยว่ไม่คิดเลยว่าของสิ่งนั้นจะเป็นโทรทัศน์จอสี เธอจ้องมองวัตถุที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ นี่คือโทรทัศน์รุ่นล่าสุดที่เพิ่งจะได้รับการพัฒนาในปีนี้และยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ฉินซือมอบของขวัญราคาแพงให้พวกเขาอย่างแท้จริง
ฉินซือเห็นสีหน้าของเธอดูแปลกประหลาด นึกว่าเธอจะไม่ยอมรับของขวัญของเขาอีก จึงรีบอธิบายว่า “นี่คือโทรทัศน์รุ่นใหม่ล่าสุดจากบริษัทของเราเอง ตอนนี้ยังไม่ได้วางจำหน่ายในท้องตลาด ผมแค่เอามาให้พวกคุณได้ทดลองใช้ก่อน เลขาหวังก็ได้เหมือนกัน”
เลขาหวังพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ใช่แล้วครับ คุณลู่ ผมเองก็ได้เหมือนกัน”
เขารู้ดีว่าเจ้านายของตนเองตั้งใจนำโทรทัศน์สีเครื่องนี้มามอบให้ลู่ฉิวเยว่ ถ้าเขาทำให้แผนการล้มเหลว ฉินซือก็คงหักคะแนนเขาแน่ ๆ เลขาหวังจึงได้แต่จ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความประหม่า
และฉินซือก็ให้โทรทัศน์สีเลขาหวังมาเครื่องหนึ่งจริง ๆ ฉินซือมักจะมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของบริษัทตนเองให้เลขาหวังเสมอ ถึงแม้ว่าเลขาหวังจะอยู่ในบ้านเช่า แต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านของเขาต่างก็มีราคาแพงทั้งสิ้น
หลังจากได้รับคำอธิบายแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รู้ดีว่าเธอคงปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้จากฉินซือไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่รับมันเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อพ่อแม่ของเธอได้เห็นโทรทัศน์สีเครื่องนี้ พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก และเอาแต่ขอบคุณฉินซือซ้ำไปซ้ำมา รวมถึงชมเชยความสามารถของเขาไม่ขาดปาก
ฉินซือกระแอมไอพลางโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณลุงคุณป้าชมกันมากเกินไปแล้ว…”
“โครม!”
ในทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก บรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุขภายในห้องถูกทำลายลง ทุกคนขมวดคิ้วและหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตู