สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 46 ของขวัญวันตรุษจีน
บทที่ 46 ของขวัญวันตรุษจีน
บทที่ 46 ของขวัญวันตรุษจีน
ลูกสาวของเธอกำลังจ้องดูนาฬิกาข้อมือ คนเป็นแม่พูดพร้อมกับยิ้มว่า “เยว่เยว่ ลูกน่าจะซื้อนาฬิกาบ้างนะ จะได้ดูเวลาง่าย ๆ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอไม่อาจละสายตาไปจากนาฬิกาข้อมือที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในตู้โชว์ได้เลย ในชาติที่แล้ว เธอชอบนาฬิกาแบรนด์นี้มาก และในชาตินี้เธอก็ยังชอบพวกมันอยู่
“ขอดูนาฬิกาเรือนนี้หน่อยค่ะ” เธอพูดกับพนักงานขายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้เลยค่ะ คุณผู้หญิง”
เมื่อนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นถูกหยิบออกมาจากตู้โชว์ ลู่ฉิวเยว่ก็ได้มีโอกาสพิจารณามันอย่างใกล้ชิด เธอถึงกับต้องหยุดชะงักไป สีหน้าของเธอเกิดความสับสน แต่เห็นได้ชัดว่าเธอชอบมันมาก
นาฬิกาเรือนนี้มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาที่เธอใส่ในชาติที่แล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้ย้อนเวลากลับไปยังยุคสมัยที่ตนเองจากมา
“นาฬิกาเรือนนี้มีราคา 280 หยวน คุณผู้หญิงต้องการซื้อเลยไหมคะ?”
ราคา 280 หยวนเชียวหรือ?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอวางนาฬิกากลับลงไปอย่างระมัดระวัง ยิ้มตอบกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ แต่ยังไม่เอาดีกว่า”
ก่อนหน้านี้ไม่นานเธอเพิ่งจะซื้อบ้านใหม่ ตอนนี้เธอเหลือเงินเก็บไม่มากแล้ว และเธอยังต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้สำหรับเหตุฉุกเฉินในร้านอาหารอีกด้วย
ตอนนี้เธอยังซื้อนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้
แม่ของเธอเห็นว่าลูกสาวมีสีหน้าเศร้าสร้อย ในที่สุดลูกสาวของเธอก็ได้ค้นพบสิ่งที่ชอบแล้ว แต่ก็มีเงินไม่มากพอที่จะซื้อมัน หญิงวัยกลางคนตั้งใจจะเกลี้ยกล่อม แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า “เดี๋ยวกลับมาซื้อทีหลังก็เหมือนกันแหละค่ะ…”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มปลอบใจแม่ ก่อนจะเดินโอบไหล่แม่ตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้า พ่อของเธอก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าลู่ฉิวเยว่ชอบนาฬิกาเรือนนั้นมาก เขาเดินตามหลังไปเงียบ ๆ
หลังจากที่ทุกคนเดินออกไปแล้ว ฉินซือก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่ร้านขายนาฬิกาแห่งหนึ่ง
วันนี้เขามาสำรวจตลาด จึงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้พบกับครอบครัวของลู่ฉิวเยว่
เขาเห็นสีหน้าของเธอเศร้าสร้อย แต่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เพราะอยากจะซื้อนาฬิกาเรือนนั้นให้เป็นของขวัญในภายหลัง
“คุณชายครับ?” ผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าชายหนุ่มจะหยุดชะงักทำไม แล้วก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องไปดูร้านนาฬิกาแห่งนั้นด้วย เพราะพวกเขาเดินผ่านบริเวณนี้ไปแล้วรอบหนึ่ง
หรือว่าร้านนาฬิกาแห่งนี้จะมีอะไรไม่ดี?
ผู้จัดการเริ่มคิดด้วยความวิตกกังวล เม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นบนหน้าผาก
แต่ในไม่กี่นาทีต่อมา การกระทำของฉินซือก็ทำให้ผู้จัดการโล่งใจ ชายหนุ่มพูดกับคนขายว่า “ช่วยจัดส่งนาฬิกาเรือนนี้ไปตามที่อยู่นี้นะครับ”
ระหว่างพูด เขาควักปากกาออกมาจากกระเป๋าและเขียนที่อยู่ลงไปบนกระดาษ
พนักงานขายที่เป็นผู้หญิงตกใจ เมื่อสักครู่นี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสนใจนาฬิกาเรือนนี้ แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้ชายคนนี้เป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของห้างสรรพสินค้า เธอจึงไม่กล้าถามอะไรมาก ได้แต่รับคำสั่งเงียบ ๆ
ฉินซือบอกให้คนที่ติดตามเขามาล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเขาเองนั่งลงที่เก้าอี้แถวนั้น
ฉินซือไม่ได้แสดงตัวออกมาจนกระทั่งพวกของลู่ฉิวเยว่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว “คุณลุงคุณป้าครับ ฉิวเยว่”
เมื่อได้ยินเสียงของฉินซือ พ่อแม่ลูกทั้ง 3 คนก็หันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ
คนเป็นแม่ถามขึ้นเป็นคนแรกว่า “คุณฉินซือก็มาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ”
เธอยิ้มอย่างใจดี ยิ่งเหมือนแม่ยายกับลูกเขยที่เข้ากันได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินซือยิ้มอย่างมีความสุข เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ใช่แล้วครับ คุณป้าอยากได้อะไรไหมครับ? เดี๋ยวผมจะพาไปซื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ไปทานอาหารกันก็ได้ ฉันเดินมาทั้งวันจนเมื่อยหมดแล้ว”
“ได้เลยครับ งั้นผมจะเชื่อฟังคุณป้า”
ลู่ฉิวเยว่ยืนทำปากยื่นด้วยความอิจฉาอยู่ในใจ
เมื่อสักครู่นี้ แม่ของเธอเพิ่งจะบอกให้ประหยัดเงินด้วยการกลับไปกินอาหารที่บ้านอยู่เลย แต่ตอนนี้พอมีฉินซือ แม่ของเธอก็อยากจะทานอาหารในร้านที่ห้างสรรพสินค้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้เลยว่าใครเป็นลูกรักตัวจริงของแม่กันแน่
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินซือก็ยิ้มและพูดว่า “ผมขับรถมา ให้ผมขับไปส่งไหมครับ?”
แม่ของหญิงสาวรีบส่ายหัวปฏิเสธ “โอ๊ย ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ พวกเราเดินกลับกันได้ บ้านของเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”
ฉินซือไม่ได้โน้มน้าวใจอะไรอีก เขาพูดคุยกับพ่อแม่ของหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง
“จริงด้วยสิ เยว่เยว่ ของขวัญที่ลูกเตรียมเอาไว้ให้คุณฉินซืออยู่ไหนแล้วล่ะ?” แม่ของเธอหันหน้ามาถามลู่ฉิวเยว่
ลู่ฉิวเยว่ถึงกับหยุดชะงัก เพราะนึกไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ แม่ก็จะหันมาถามอย่างนี้ ตอนแรก เธอคิดจะหาโอกาสเหมาะ ๆ มอบให้เขา อย่างน้อยบรรยากาศก็น่าจะดีกว่านี้สักหน่อย
แต่ในเมื่อถูกถามแล้ว เธอก็ต้องนำของขวัญออกมา “นี่ค่ะ คุณฉินซือ สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ”
นี่คือ… ของขวัญสำหรับเขาอย่างนั้นเหรอ?
ฉินซือรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันใด เขาคิดว่าตัวเองคงไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้มาก่อน
หลังจากที่ส่งครอบครัวของลู่ฉิวเยว่กลับบ้านเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลฉิน แทบทนไม่ไหวที่จะนำของขวัญออกมาแกะดู
“ลูกสำรวจตลาดเสร็จแล้วเหรอ?” แม่ของเขาขมวดคิ้ว ตอนที่ลูกชายของเธอออกไปจากบ้าน เขาก็ดูเย็นชาและเฉยเมยตามปกติ แต่ตอนนี้เขาเอาแต่ยิ้มไม่หุบ ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกแปลกใจจนขนลุก
“แม่ไม่เข้าใจหรอก” ฉินซือหันไปมองแม่และส่งยิ้มให้ ก่อนจะชี้ไปยังถุงของขวัญที่อยู่ในอ้อมแขนและพูดด้วยความภูมิใจว่า “ดูสิครับ นี่คือของขวัญที่ฉิวเยว่ซื้อให้ผม!”
อย่างนี้นี่เอง
ถึงหญิงวัยกลางคนจะไม่มั่นใจว่าลู่ฉิวเยว่เหมาะสมกับลูกชายของเธอจริง ๆ ไหม แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ลูกชายของเธอหลงรักหัวปักหัวปำ “ดูสภาพของตัวเองบ้างเถอะ เอาแต่ยิ้มเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีแล้ว!”
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนคลั่งรักคนนี้คือลูกชายของตัวเอง
พ่อของเขาก็ไม่เคยเห็นฉินซือเป็นแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพ่อจึงเดินถือหนังสือพิมพ์กลับเข้าห้อง ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
ฉินซือไม่สนใจว่าพ่อแม่จะคิดอย่างไร เขาได้แต่ลูบถุงของขวัญอย่างมีความสุขอยู่เพียงลำพัง
ในเวลาเดียวกันนี้ ไม่นานหลังจากที่ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่กลับถึงบ้าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“คุณนี่เอง?” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองหญิงสาวหน้าประตูด้วยความสงสัย ปรากฏว่าคนที่มาเคาะประตูก็คือพนักงานขายประจำร้านนาฬิกานั่นเอง
หญิงสาวยิ้มกว้าง “สวัสดีค่ะคุณลู่ พวกเราได้พบกันอีกแล้ว มีสุภาพบุรุษคนหนึ่งขอให้ฉันนำของขวัญมาส่งให้คุณค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว พนักงานหญิงก็ยกถุงสินค้าในมือให้เธอเห็น
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองด้วยความสนใจ มันคือนาฬิกาข้อมือที่เธอดูเมื่อเช้านี้เอง และเมื่อเธอนึกถึงเรื่องราวที่ครอบครัวของตนเองพบเจอกับฉินซือนั่งอยู่หน้าทางออกของห้างสรรพสินค้า ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้นมาในทันใด
เธอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปนำแอปเปิลมาส่งให้กับพนักงานหญิง “ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ” พนักงานหญิงกลับไปอย่างมีความสุข หลังจากขายนาฬิกาเรือนนี้ได้แล้ว เธอก็ได้รับส่วนแบ่งไม่น้อยทีเดียว
“ใครมาเหรอ?” เมื่อเห็นว่าลู่ฉิวเยว่ออกไปยืนอยู่ข้างนอกเสียนาน แม่ของเธอจึงเดินมาถาม และทันได้เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่งเดินจากไปแวบ ๆ
ลู่ฉิวเยว่ทั้งโกรธทั้งขำ ให้คนแอบเอาของขวัญมาส่งโดยไม่บอกกันก่อนเนี่ยนะ?
เธอยกถุงสินค้าในมือให้แม่ดู “นี่ค่ะ ฉินซือให้คนส่งของขวัญมาให้”
แม่ของเธอหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอย่างนั้น ฉินซือเป็นคนที่ใส่ใจจริง ๆ ดูเหมือนเขาจะชอบลู่ฉิวเยว่มากเหลือเกิน เธอรู้สึกมีความสุขแทนลูกสาวจริง ๆ
แต่ลู่ฉิวเยว่กลับรู้สึกปวดหัว เธอยังคงต้องหาเวลาเพื่อพูดคุยกับฉินซืออย่างจริงจัง และเธอก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมควรรับรักเขาหรือว่าปฏิเสธเขาดี
เช้าวันต่อมา ฉินซือกำลังนั่งดื่มน้ำชากับพ่อบังเกิดเกล้าอยู่ในห้องนั่งเล่น หลังจากนั้น แม่บ้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “คุณฉินซือ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาถามหาอยู่ข้างนอกค่ะ”
เธอทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว จึงรู้ว่าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงห่วงเรื่องการแต่งงานของลูกชายมากที่สุด ถ้าเขาจะมีแฟนสักคน คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็คงดีใจมาก
ฉินซือนึกสงสัย ใครกันนะจะมาหาเขาช่วงตรุษจีนอย่างนี้?
และยังเป็นผู้หญิงด้วย
เขามองไปที่พ่อแม่ด้วยความเคลือบแคลงใจ พ่อแม่คงไม่ได้พยายามจับคู่เขากับใครอีกใช่ไหม?
ชายหนุ่มเปลี่ยนรองเท้าช้า ๆ ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
แต่เมื่อเขาไปถึงประตูและเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาของฉินซือก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ฉิวเยว่ คุณมาทำอะไรที่นี่?”
เขารีบเดินไปหาเธอด้วยความประหลาดใจ