สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 45 มีความคิดของตนเอง
บทที่ 45 มีความคิดของตนเอง
บทที่ 45 มีความคิดของตนเอง
แม่ของฉินซือไม่ได้แสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา เธอเพียงแต่ยิ้ม “ฉิวเยว่ทำอาหารเก่งจังเลย แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยแน่ ๆ เธอคงเป็นมากกว่าเชฟทำอาหารสินะ”
ไม่ต้องสงสัยเลยที่ในช่วงหลังลูกชายของเธอดูมีน้ำมีนวลขึ้น ตอนแรกเธอนึกว่าลูกชายเจริญอาหารดีกว่าปกติ แต่เมื่อลองมานึกทบทวนดูแล้ว ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับลู่ฉิวเยว่จริง ๆ
แม่ของชายหนุ่มจึงอยากจะพบเจอกับว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตมากยิ่งขึ้น
เธอรับตะเกียบที่ลูกชายส่งมาให้และลองชิมหมูตุ๋นคำแรก นี่เป็นอาหารโปรดของเธอ
เนื้อหมูหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย ดวงตาของหญิงวัยกลางคนเป็นประกายระยิบระยับ เธอใช้ตะเกียบคีบหมูขึ้นมารับประทานอีกชิ้น เธอไม่เคยรับประทานหมูตุ๋นที่อร่อยมากขนาดนี้มาก่อน
เมื่อเทียบกับหมูตุ๋นของเชฟชื่อดัง หมูตุ๋นของลู่ฉิวเยว่ก็เอร็ดอร่อยไม่ได้แพ้กันเลยสักนิด
เมื่อเห็นภรรยามีสีหน้าชื่นชมขนาดนี้ พ่อของฉินซือก็เริ่มให้ความสนใจและลองชิมหมูตุ๋นดูเช่นกัน
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น สองสามีภรรยาก็รับประทานหมูตุ๋นจนหมดชาม ก่อนจะเปลี่ยนไปลองรับประทานอาหารเมนูอื่น
มุมปากของฉินซือยิ่งยกตัวเป็นรอยยิ้มอย่างชัดเจน เขาได้เห็นแม่ของตนเองรับประทานอาหารโดยไม่ต้องรักษากิริยามารยาท และหญิงวัยกลางคนก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีกนอกจากชื่นชมลูกชายจริง ๆ
ลูกชายของเธอช่างมีวิสัยทัศน์!
ใบหน้าที่มักจะเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาของพ่อในขณะนี้ก็ดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด และพ่อของฉินซือก็นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน
“ผู้หญิงเก่งแบบนี้คงมีคนมาชอบเยอะเลย ลูกรัก ลูกต้องคว้าเธอมาครองให้ได้นะ…” แม่ของชายหนุ่มพูดให้กำลังใจ แต่เธอก็ยังคงเป็นกังวล
แล้วถ้าลูกชายของเธอมองคนผิดไปล่ะ?
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ฉินซือก็ขับรถกลับไปที่บ้านของลู่ฉิวเยว่ด้วยการกระตุ้นจากผู้เป็นแม่
…
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ลู่ฉิวเยว่และครอบครัวไม่ได้กลับไปฉลองที่หมู่บ้านเก่า ไม่มีใครรู้ว่าเธอมาซื้อบ้านใหม่อยู่ที่นี่ แล้วยังจะมีใครมาได้อีก?
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลู่ฉิวเยว่ซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่บนโซฟาก็กระพริบตาด้วยความสงสัยและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวหนูไปเปิดประตูเองค่ะ”
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตู ลู่ฉิวเยว่ก็ต้องถามด้วยความตกใจว่า “คุณกลับมาทำไมอีกเนี่ย?”
ฉินซือไอ เขาตอบยิ้ม ๆ ว่า “ผมถูกแม่ไล่ออกจากบ้านแล้วน่ะสิ แล้วผมก็บอกแล้วนะว่าเดี๋ยวผมจะมาเยี่ยมช่วงตรุษจีน คุณคงต้องต้อนรับญาติใช่ไหม เดี๋ยวผมช่วยก็แล้วกัน”
ในมือของเขาหิ้วถุงเล็กถุงใหญ่อยู่เต็มไปหมด
น้ำเสียงของเขา ของขวัญของเขา…
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าฉินซือต้องขับรถมาไกลหลายชั่วโมง เธอก็กล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปในคอทันที และตอบรับเพียงแต่ว่า “เข้ามาก่อนสิ”
“ฉินซือเหรอ?” แม่ของหญิงสาวลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เข้ามาก่อนสิ ข้างนอกหนาวจะตาย”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องครัวและเทน้ำอุ่นมาให้เขา
“ขอบคุณครับ คุณป้า” ฉินซือวางของขวัญวันตรุษจีนไว้บนโต๊ะกาแฟและใช้สองมือรับน้ำอุ่น
แม่ของลู่ฉิวเยว่บ่นที่เขาขับรถมาไกลในอากาศหนาว แทนที่จะพักผ่อนอยู่กับบ้านพ่อแม่ในช่วงปีใหม่สบาย ๆ เขากลับเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่
ฉินซือเข้าใจว่าแม่ของหญิงสาวเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะทำให้พ่อแม่ของตัวเองไม่พอใจ จึงยิ้มอธิบายว่า “แม่ผมก็บ่นเหมือนกันครับว่าผมไม่ควรมารบกวนคุณป้ามากเกินไป ขอโทษนะครับ แต่ผมต้องเอาของขวัญวันตรุษจีนมาให้จริง ๆ”
แม่ของลู่ฉิวเยว่ยิ้มรับและพยักหน้า ดูเหมือนว่าแม่ของเขาก็น่าจะเป็นคนดีเหมือนกัน ถ้าลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับเขาในอนาคต ก็คงไม่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ให้เป็นกังวลอีกแล้ว
พวกเขาสองสามีภรรยามีลูกสาวแค่คนเดียวเท่านั้น เยว่เยว่เป็นเหมือนไข่ในหินของพวกเขา ถ้าตระกูลฉินคิดจะรังแกลู่ฉิวเยว่ แม่ของเธอก็จะไม่ยอมให้เธอได้แต่งงานกับคนอย่างฉินซือแน่นอน
คนเป็นแม่ไม่สนใจหรอกว่าเขารวยหรือไม่รวย ถ้าครอบครัวของเขาคิดจะมาดูถูกกัน ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้คบหากันต่อไป
เมื่อเห็นความรู้สึกพึงพอใจในแววตาของหญิงวัยกลางคน มุมปากของฉินซือก็ยกตัวเป็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะหันมามองลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่ข้างกาย
แววตาของเขามีความลึกซึ้ง เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่แสนโรแมนติก ลู่ฉิวเยว่อดหัวใจสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้ เธอต้องรีบหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยความตื่นตระหนก
เธอไม่คิดเลยว่าฉินซือจะมีความสามารถในการซื้อใจพ่อแม่ของเธอขนาดนี้
ฉินซือพูดคุยกับพ่อแม่ของเธออยู่หลายชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ สองผู้อาวุโสมีความสุขมาก พวกท่านแทบจะไม่หุบยิ้มเลย
ครั้งนี้ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ออกไปส่งเขา เธอหาข้อแก้ตัวกลับไปอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่ว่าแม่ของเธอพยายามจะเร่งเร้าสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่ออกไป
ฉินซือสามารถทำให้พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่มีความสุขได้สำเร็จ แค่นี้เขาก็รู้สึกมีความสุขเหมือนตนเองกำลังจะบินได้ ถ้าเธอเดินออกมาส่งเขาอีก เขาก็คงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นห่างออกไป ดวงตาของฉินซือก็เป็นประกายระยิบระยับ แต่เธอก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
เธอเป็นโสดในชาติที่แล้ว และเธอก็ไม่เคยตกหลุมรักใครเลยเป็นเวลาหลายปี เมื่อฉินซือแสดงออกว่าสนใจเธอขนาดนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองสมควรทำอย่างไร
เธอไม่ใช่วัยรุ่นที่หมกมุ่นอยู่กับความรัก เธอจึงไม่อยากคบหากับใครอย่างวู่วามและไม่อยากแต่งงานโดยที่ยังไม่พร้อม
ลู่ฉิวเยว่ยอมรับว่าในช่วงเวลานี้หัวใจของเธอไม่ปกติ แต่เธอไม่รู้ว่ามีเรื่องของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไหม ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนกับที่ฉินซือกำลังรู้สึก เธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวังเอาหรือ?
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ลู่ฉิวเยว่กลับมาได้สติอีกครั้งและพูดว่า “เข้ามาได้เลยค่ะ”
“เยว่เยว่” แม่ของเธอเปิดประตูเดินยิ้มเข้ามา ในมือถือจานใส่ผลไม้หั่นมานั่งอยู่ข้างเตียง
ลู่ฉิวเยว่จิ้มแอปเปิลใส่ปากและรับประทานมันอย่างเอร็ดอร่อย เธอสามารถรู้ได้เลยว่าแม่กำลังจะพูดอะไร
แน่นอนว่าหลังจากนั้น แม่ของเธอก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เยว่เยว่ แม่คิดว่าฉินซือก็เป็นคนดีนะ และแม่ของเขาก็น่าจะเป็นคนดีเหมือนกัน ลูกไม่ลองคิดเรื่องของเขาหน่อยหรอ?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แม่คะ หนูรู้ใจหนูดี แม่ไม่ต้องมาเชียร์หรอก”
แม่ของเธอยังคงยิ้มต่อไป “แม่คิดว่าฉินซือเขาเป็นคนจริงใจมากนะ เขาเข้าใจนิสัยของลูกอย่างแท้จริง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แม่ไม่รู้เลยว่าเขาต้องเตรียมตัวมามากมายขนาดไหน”
ลู่ฉิวเยว่นิ่งเงียบ เธอรู้ว่าแม่กำลังพูดถึงเรื่องของขวัญวันตรุษจีนที่ฉินซือเอามาให้
ไม่รู้เลยว่าเขาทราบได้อย่างไรว่าลู่ฉิวเยว่ชอบของที่มีการประดับเลื่อมพราย ดังนั้น เขาจึงซื้อกระเป๋าแบบที่เธอชอบมาให้ มันเป็นกระเป๋าที่ถูกทำขึ้นมาอย่างปราณีต สีสันโดดเด่นสะดุดสายตาผู้คน มันสวยงามจับใจ
ในตอนนี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่สามารถหาคำมาปฏิเสธได้อีก ก็เหมือนอย่างที่แม่เธอพูดนั่นแหละ ดูเหมือนฉินซือจะเข้าใจนิสัยของเธอเป็นอย่างดี เขาต้องเตรียมตัวขนาดไหนนะถึงจะรู้จักเธอได้ขนาดนี้?
“หนูจะคิดอย่างถี่ถ้วนนะคะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ลู่ฉิวเยว่เอนตัวเข้าไปซบไหล่แม่อย่างออดอ้อน
แม่ของเธอย่อมเชื่อมั่นในตัวของลูกสาว และรู้ดีว่าลูกสาวมีความคิดเป็นของตนเอง ดังนั้น เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ว่า…
เธอชี้ไปที่เสื้อแจ็คเก็ตเก่าขาดซึ่งลู่ฉิวเยว่กำลังสวมอยู่และพูดด้วยความเศร้าสร้อยว่า “ตรุษจีนทั้งที ลูกน่าจะไปหาซื้อชุดใหม่มาใส่บ้างสิ ร้านใหม่ก็มีแล้ว บ้านใหม่ก็มีแล้ว แต่ยังแต่งตัวเหมือนคนจนอยู่แบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะลูกเอาได้นะ”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “เราก็ใช้ชีวิตของเราไปสิคะ ทำไมต้องสนใจคนอื่นด้วย?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ หญิงสาวก็เห็นว่าแม่ของเธอไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่มานานแล้ว สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนเช่นนี้ เธอก็สมควรซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แม่เหมือนกัน
หลังจากนั้นคนเป็นแม่กับลูกสาวก็ตัดสินใจไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าและหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเรื่องอันมงคล
ครั้งนี้ลู่ฉิวเยว่ตัดสินใจไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ เธอไปห้างสรรพสินค้าที่เก่ามาสองครั้งแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากค้นหาสิ่งแปลกใหม่ในห้างสรรพสินค้าอีกที่หนึ่งบ้าง
“มีอะไรเหรอ?” เมื่อเห็นลูกสาวหยุดอย่างกะทันหันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แม่ของเธอก็ชะโงกหน้ามองเข้าไป